หลายเดือนต่อมา...
บรรยากาศวันรับปริญญาอบอวลไปด้วยความชื่นมื่นและเสียงแห่งความยินดี วันแห่งความสำเร็จการศึกษาของ พศวัต,ดนัย, กวี และรสริน
วันนี้ทุกคณะเต็มไปด้วยผู้คน นักศึกษารุ่นน้องต่างถือดอกไม้ ลูกโป่ง และของขวัญมาแสดงความยินดีกับเหล่าบัณฑิต
เสียงเพลงบรรเลงจากลำโพง เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังก้องไปทั่วบริเวณ บางมุมมีครอบครัวของบัณฑิตถ่ายรูปเก็บความทรงจำ
บางมุมมีกลุ่มเพื่อนช่วยกันจัดช่อดอกไม้และคล้องพวงมาลัยให้อย่างสนุกสนาน
ศศิราและปัทมาเดินเข้ามาสมทบ ร่วมแสดงความยินดีกับกวี ว่าที่คุณหมอคนใหม่ ขณะที่ชัญญา น้องสาวของพศวัตก็เข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ยินดีกับพี่กวีมากๆ เลยนะคะ ที่จะได้เป็นหมอสมใจสักที”
ชัญญากล่าวพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
กวีหันมายิ้มอบอุ่นให้เธอ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณนะครับชัญญา สำหรับกำลังใจที่ดีของพี่”
ทุกคนต่างรับรู้ว่าชัญญาคบหากับกวี แต่ในมุมหนึ่ง รสรินที่ยืนยิ้มแสดงความยินดีอยู่กลับรู้สึกไม่ต่างจากการฝืนยิ้ม ภายในใจของเธอไม่ได้ต้องการแค่แสดงความยินดี แต่เธอต้องการเป็นคนที่กวีเลือก หากพลาดจากพศวัต
กวีก็ยังเป็น "ตัวสำรอง" ที่เธอหมายตาไว้
พศวัตเหลือบตามองไปยังศศิรา... เขาหวังให้เธอเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของเธอเดินเข้ามาหา
เธอยืนอยู่ตรงนั้น แต่ทำเหมือนไม่มีเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนความภาคภูมิใจในวันนี้มีรอยด่างพร้อย ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อเรียกความสนใจของเธอ
พศวัตคว้ามือรสรินแล้วพาไปถ่ายรูปด้วยกัน ตั้งใจให้ศศิราเห็น... เผื่อว่าเธอจะหึงหวงบ้าง
แต่เปล่าเลยศศิราเดินผ่านไปอย่างไร้ความรู้สึก ไม่แม้แต่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ
หัวใจพศวัตกระตุกวูบ เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเธอที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ
“พี่วัต! ถ่ายรูปกันค่ะ!”
เสียงของ ชัญญา น้องสาวตัวแสบ ดึงเขากลับมาจากความคิด เธอลากแขนพี่ชายสุดที่รักมาถ่ายรูปอย่างร่าเริง กอดเขาแน่นแสดงความยินดีจากใจจริง
แม้ว่าภายนอกพศวัตจะดูสงบ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ยากจะอธิบาย เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย... ไม่ชอบที่ตัวเองต้องมาใส่ใจผู้หญิงคนนั้นขนาดนี้
หลังจากเรียนจบ พศวัตตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศพร้อมกับดนัย เพื่อกลับมาสานต่องานบริษัทก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่พ่อของเขาสร้างไว้
ขณะที่กวีเป็นแพทย์ศัลยกรรมหัวใจ ได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลชื่อดัง ส่วน รสริน ก็ได้งานเป็นเลขาฯ ในบริษัทชั้นนำ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ชีวิตของทุกคนต่างก้าวเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง
สนามบิน...
เช้าวันนี้สนามบินเต็มไปด้วยเสียงประกาศเที่ยวบินและผู้คนที่พลุกพล่าน แต่ในมุมหนึ่งของอาคารผู้โดยสาร ครอบครัวของพศวัตกำลังล่ำลากันด้วยความอบอุ่น
ชัญญา น้องสาวของเขา ยืนกอดแขนพี่ชายแน่น ดวงตาเป็นประกายปนเศร้าเล็กๆ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยห่างจากพี่ชายเลย แต่ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีพี่ชายคอยตามใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“พี่พศวัต... พี่ไปตั้งสามปี พี่ต้องมาเยี่ยมน้องบ่อยๆ นะคะ รู้ไหม”
พศวัตหัวเราะเบาๆ ยีผมน้องสาวอย่างเอ็นดู
“ได้สิ พี่จะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ แล้วก็น้องสาวที่น่ารักของพี่บ่อยๆ”
“จริงนะคะ?”
“จริงสิ” พศวัตยิ้มให้
“หรือถ้าเราปิดเทอมแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ลองบินไปเที่ยวหาพี่ก็ได้นะ ออสเตรเลียไม่ไกล... แป๊บเดียวก็ถึง”
ชัญญาตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ได้ๆ ไว้น้องจะไปหานะคะ!”
“ฝากดูแลพ่อแม่แทนพี่ด้วยนะ แล้วที่สำคัญ... ดูแลตัวเองให้ดีด้วย เข้าใจไหม? ...อย่าดื้อ อย่าซน อย่าไปสร้างความเดือดร้อนที่ไหน สัญญาสิ”
“สัญญาค่ะ พี่ชายที่แสนดีของน้อง”
เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องจากกันแล้ว พศวัตกอดพ่อแม่แน่น ก่อนจะหันมากอดน้องสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินเข้าไปขึ้นเครื่อง
ขณะที่เขาก้าวขึ้นเครื่อง หัวใจยังมีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ
ศศิรา...
ชื่อของเธอยังคงติดตรึงอยู่ในความคิดของเขาเสมอบางทีสักวันหนึ่ง เขาและเธออาจได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง และหวังว่าเมื่อถึงวันนั้น ทั้งคู่จะเติบโตพอ พอที่จะเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่ไม่ติดค้างอะไรอีกต่อไป
สามปีผ่านไป…
บรรยากาศวันรับปริญญาเต็มไปด้วยความยินดีและเสียงหัวเราะ สวนดอกไม้รอบมหาวิทยาลัยบานสะพรั่ง ท้องฟ้าแจ่มใส นักศึกษาสวมชุดครุยเดินขวักไขว่ถ่ายรูปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ทุกมุมมีเสียงแสดงความยินดีดังก้องไปทั่ว
ศศิราและปัทมาในชุดครุยสวยสง่า ยืนเคียงข้าง ชัญญา หนึ่งในเพื่อนสนิทของพวกเธอที่กำลังยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“พี่กวี... ชัญญาเรียนจบแล้วนะ แต่งงานเลยไหมคะ?” ศศิราแซวขึ้นมาทันที พลางหันไปมองกวีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
กวีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหัวเราะออกมา สายตาเขามองไปยังแฟนสาวทันที ชัญญาแก้มแดงระเรื่อ ก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย
“อะไรพี่กวี... มองขนาดนี้เลยเหรอ”
“พี่ยินดีกับสามสาวด้วยนะ”
กวีเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “คราวนี้ได้ลองใช้ชีวิตการทำงานจริงๆ สักที”
ศศิรา,ปัทมา และชัญญาต่างยิ้มกว้าง พวกเธอเติบโตขึ้นจากนักศึกษากลายเป็นบัณฑิตเต็มตัว พร้อมจะก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ในชีวิต
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสำคัญของชัญญา แต่พี่ชายของเธอ ไม่สามารถมาแสดงความยินดีได้เพราะติดสอบ ทว่าก่อนหน้านี้เขาสัญญากับเธอไว้ว่าทันทีที่สอบเสร็จ เขาจะโทรมาแสดงความยินดี
ไม่นานหลังจากพิธีรับปริญญาสิ้นสุด โทรศัพท์ของชัญญาก็ดังขึ้น
“ยินดีกับน้องรักของพี่ด้วยนะ ในที่สุดก็เรียนจบสักที!”
พศวัตพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ แม้ตัวจะอยู่ไกลถึงต่างประเทศ แต่หัวใจเขายังอยู่กับน้องสาวเสมอ
ชัญญาหัวเราะสดใส เธอรู้ดีว่าพี่ชายของเธอเป็นคนที่รักษาสัญญาเสมอ
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย! ของขวัญของน้องล่ะ?”
“พี่ซื้อของขวัญไว้ให้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“อีกสามเดือน... พี่กลับมาแล้วใช่ไหม? พาพี่สะใภ้มาด้วยหรือเปล่า?”
ชัญญาถามด้วยน้ำเสียงแซวๆ พศวัตหัวเราะเบาๆ
“พี่ไม่มีแฟน มีแต่เพื่อน อย่ามั่ว”
“อะไรเนี่ย! ไปตั้งสามปี ไม่มีแฟนเลยเหรอคะ?”
“ไม่มีหรอก”
“สาวๆ ที่โน่นไม่มีถูกใจบ้างเลยเหรอ พามาให้หนูรู้จักได้นะ น้องชอบหมดแหละ”
“แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา”
พศวัตแกล้งดุ
“เอาเป็นว่าพี่ซื้อของขวัญไปฝาก เจอกันเดือนหน้านะ”
“จ้า! คิดถึงพี่ชายที่สุดเลย”
พศวัตมองน้องสาวผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ดวงตาของเขาฉายแววภาคภูมิใจ ชัญญาเติบโตขึ้นมาก จากเด็กสาวตัวเล็กๆ ในวันนั้น กลายเป็นบัณฑิตที่พร้อมจะก้าวสู่โลกกว้างแล้ว
พศวัตติดตามน้องสาวตลอด ชัญญาอัพโซเชียลถึงเรื่องราวของเธอเสมอ วันนี้ก็เช่นกันภาพที่เธอสำเร็จการศึกษากับเพื่อนๆ ของเธอ
พศวัตมองดูภาพเหล่านั้น แต่ในภาพถ่ายของชัญญาที่เขาเห็นในโซเชียล มีใบหน้าหนึ่งที่สะดุดตาเขาเสมอ “ศศิรา”
สามปีที่ห่างหายไป เธอเปลี่ยนไปมาก เธอสวยและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่เขาคิดถึงมาตลอด
บางที... การกลับบ้านในครั้งนี้ อาจนำพาให้เขาและเธอได้พบกันอีกครั้ง
3 เดือนต่อมา…
พศวัตเรียนจบด้านบริหารการจัดการระหว่างประเทศ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจเต็มตัว เป้าหมายของเขาชัดเจน คือบริหารงานก่อสร้างของครอบครัว ธุรกิจที่เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศ และครั้งนี้...เขากลับมาในฐานะ รองประธาน
สนามบิน...
เสียงประกาศเที่ยวบิน แว่วก้องในบรรยากาศคึกคักของสนามบิน ผู้โดยสารเดินขวักไขว่ บ้างเร่งรีบ บ้างกอดลาครอบครัว
มีทั้งรอยยิ้ม มีทั้งน้ำตา สนามบินแห่งนี้มีหลายๆ ความรู้สึก
สายตาของครอบครัวพศวัตกลับจับจ้องไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมาร์ตที่กำลังเดินออกมาจากทางผู้โดยสารขาเข้า
“พี่พศวัต! คิดถึงจังเลย!”
เสียงใสของ ชัญญา ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ากอดพี่ชายแน่นจนเกือบทำให้เขาเซถอยหลัง รอยยิ้มสดใสของเธอทำให้เขาหัวเราะเบาๆ พลางลูบศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู
“คิดถึงพี่จริงๆ หรือคิดถึงของฝากกันแน่ หืม?”
เขายิ้มมุมปาก จ้องเธออย่างรู้ทัน ชัญญาหัวเราะคิก ก่อนจะทำตาโตใสซื่อ
“ทั้งสองอย่างเลยค่ะ! แต่ของฝากสำคัญที่สุด!”
พศวัตส่ายหน้าอย่างขำๆ แต่ยังไม่ทันได้หยิบอะไรจากกระเป๋า น้ำเสียงอบอุ่นของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้น
“ลูกแม่… ในที่สุดก็กลับมาแล้ว”
หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามากุมมือเขาแน่น น้ำตาคลอด้วยความปลื้มใจ ส่วนผู้เป็นพ่อ แม้จะไม่พูดมาก แต่รอยยิ้มภูมิใจก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้า
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ สบายดีไหมครับ”
พศวัตเอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนโผเข้ากอดพ่อแม่แน่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทั้งสามคน
“สบายดีลูก แต่คิดถึงเรามากกว่า”
พ่อของเขาตบไหล่ลูกชายเบาๆ
“เหนื่อยไหม เดินทางตั้งไกล?”
"ไม่เหนื่อยเลยครับ คิดถึงบ้านมากกว่า"
ชัญญาพยักหน้าหงึกๆ เสริมขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พี่พศวัตรีบกลับบ้านเถอะค่ะ คุณแม่สั่งแม่บ้านทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะเลย!”
พศวัตหัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะหันไปกวาดตามองไปรอบๆ สนามบิน
“แล้วกระเป๋าล่ะ? เดี๋ยวพี่ไปหยิบก่อน”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวน้องลากเอง! ของฝากของชัญญาอยู่ในนั้นใช่ไหมคะ!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกยินดีที่ลูกชายกลับมาพร้อมเรียนจบ และพร้อมจะมาช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัว เพราะพ่อของเขาก็มีอายุพอสมควร ควรจะวางมือพักผ่อนเสียที
บรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวในสนามบิน… ความสุขที่แผ่ซ่าน และการเริ่มต้นบทใหม่ของพศวัตกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
บ้านพศวัต...“แม่ค่ะ วันนี้ไม่ต้องรอหนูนะคะ ทานข้าวได้เลยค่ะ หนูจะไปหาพี่กวีที่โรงพยาบาล”เสียงของชัญญาดังลอดมาทางโทรศัพท์“ไปทุกวันเลยนะ ยัยชัญญา”แม่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นห่วง“กวี...นี่แฟนน้องใช่ไหมครับ คนที่คบกันมา 3 ปี”“ใช่ พามาบ้านแค่สองครั้งเอง เขาเป็นหมอ ไม่ค่อยมีเวลา”“เขานิสัยดีไหมครับ”“ก็ดูสุภาพนะ วัตเคยเจอเขาเหรอ?”“เรียนจบพร้อมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าน้องจะยังคบกับเขาอยู่ เหมือนตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขามีแฟนชื่อศศิราหรือเปล่า”“วัตน่าจะเข้าใจผิดนะลูก ศศิรานั้นเขาเป็น” ไม่ทันที่แม่จะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พศวัตรับสายทันทีเขารับสายเสร็จก็หันมาพูดคุยกับแม่“เดี๋ยวผมไปบริษัทกับพ่อก่อน เย็นๆ จะกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ”“จ้าลูก” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้มโรงพยาบาล…ชัญญาเดินถือถุงอาหารเช้าและขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้กวีเหมือนทุกวัน แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจรสริน...นั่งอยู่บนตักของก
หลังเรียนจบ ศศิราได้ส่งใบสมัครไปยังบริษัทมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ หวังเพียงได้งานมั่นคง แต่โลกความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นโทรศัพท์เงียบสนิท ไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์เธอเลยระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์งาน สามเดือนมานี้เธอจำต้องกัดฟันทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เธอพยายามหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง แต่โชคชะตายังไม่เข้าข้างเธอ เมื่อสองวันก่อนพ่อของเธอได้ประสบอุบัติเหตุ และต้องผ่าตัดด่วน เธอจึงจำเป็นต้องเร่งหาค่ารักษาพยาบาลถึงสองล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนักอึ้งราวกับหินก้อนใหญ่ทับลงบนอกของเธอเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง… สองล้านมันมากเกินไปแต่เธอก็ต้องดิ้นรนเพราะไม่ว่าวิธีใดเธอก็ต้องพยายามหาเงินมาให้ได้ร้านเหล้า... บาร์... อะไรก็ตามที่ได้เงิน เธอทำหมด ไม่ว่ามันจะสกปรกแค่ไหนในสายตาคนอื่นเธอก็ไม่แคร์ ขอแค่พ่อของเธอได้ผ่าตัดก็พอแล้วบาร์ของดนัย... จุดเริ่มต้นของโชคชะตาเสียงเพลงดังสนั่น แสงไฟสีแดงสลัวทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่“วันนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองการกลับมาของเราสองคน! เมาไม่เมาช่างมัน แต่ต้องเต็มที่! ใช่ไหมวะ พศวัต?”ดนัยตะโกนเสียงดัง ปลดกระดุมเสื้ออย่างคนเมาได้ที่พ
คอนโดพศวัต...ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก พศวัตกระชากแขนศศิราอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจเสียงร้องตกใจของเธอ ประตูปิดลงดัง“ปัง!”เขากักขังเธอไว้ในพื้นที่ของเขา บรรยากาศในห้องยังคงอึมครึมและร้อนระอุ ไม่ใช่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นความอัดอั้นและแรงอารมณ์ที่ล้นทะลักศศิรายังคงหอบหายใจถี่ เธอยืนเซถอยหลัง ดวงตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ความรู้สึกกลัวแล่นไปทั่วร่างจนมือเย็นเฉียบ ขาของเธออ่อนแรงแทบยืนไม่ไหวพศวัตยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยแรงโกรธที่สะกดกลั้นไว้ ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อที่ไร้ทางหนี ศศิราเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัวที่จู่โจมเข้ามาไม่หยุด เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธ โกรธมาก...แต่ทำไม?เธอรวบรวมความกล้า กลืนก้อนสะอื้นลงคอ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงสั่น“ฉันไม่รู้ว่าคุณโกรธเกลียดฉันด้วยสาเหตุอะไร... แต่ขอร้อง...ช่วยเมตตาฉันหน่อยได้ไหมคะ?”เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ดวงตาของเธอสะท้อนความเจ็บปวดและวิงวอนอย่างสุดหัวใจพศวัตจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ตอบคำถามนั้นทันที เพราะในหัวของเขา มีเพียงเรื่องเดียวที่วนเวียนซ้ำไปมา... การแก้แค้น
คอนโดของพศวัต…เช้านี้แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบสงบ ศศิราเริ่มขยับตัว ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นของพศวัตหัวใจเธอเต้นแรงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอพยายามจะขยับออกจากอ้อมแขนเขา แต่กลับถูกวงแขนแข็งแรงรัดแน่นขึ้น“ทำไมเช้ามานี่ก็จะหนีกลับเลยเหรอ”เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ข้างหู“เปล่าสักหน่อย ฉันแค่อึดอัด” เธอขยับตัวอีกครั้ง“แต่คุณก็นอนกอดผมทั้งคืน ผมยังไม่เคยบ่น”เขายิ้มมุมปากเธอค้อนใส่เขาหนึ่งที ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง พศวัตยอมคลายอ้อมแขนแต่โดยดี“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกัน”เขาสั่งเสียงเข้ม“ชุดของคุณอยู่ในถุง ผมให้เลขาซื้อมาให้แล้ว”ศศิรามองเขาอย่างงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้“ขอบคุณค่ะ”เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้พศวัตนอนอยู่บนเตียงในสภาพที่แทบไม่เหลือเสื้อผ้าปกปิดกาย“นี่เธอ...”เขาเรียก...แต่เธอกลับหัวเราะสะใจแล้วปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าเขาไปเมื่ออาบน้ำเสร็จ ศศิราออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวเปิดไหล่แต่จุดที่ทำให้เธอต้องชะงักคือตรงลำคอและเนินอกมีรอยแดง
คอนโดพศวัต...เมื่อพศวัตรล่วงรู้ความจริง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ทำผิดต่อศศิรามากเพียงใด นับจากนี้ไป เขาพร้อมจะชดเชยทุกอย่างให้เธอด้วยหัวใจ โดยปราศจากความแค้นอีกต่อไปไม่มีแล้วซาตานที่กระหายการล้างแค้น เหลือเพียงชายหนุ่มที่คลั่งรักเธอหมดใจเท่านั้น“คุณหิวไหม? เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานนะ คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”เสียงของเขาอ่อนโยน แฝงไปด้วยความห่วงใยศศิรายิ้มบาง ๆ แม้จะงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่หัวใจก็อบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด“ไปเถอะ ผมบอกแล้วไง... ต่อจากนี้ ผมจะดูแลคุณเอง” ดวงตาของเขามั่นคง ราวกับกำลังยืนยันคำพูดให้หนักแน่นขึ้นเธอไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้เขามองตามด้วยรอยยิ้มบาง ๆเขาลงมือเตรียมอาหารง่าย ๆ ด้วยความใส่ใจ ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความพิถีพิถันเขาตีไข่ไก่ในชาม เติมน้ำปลาเล็กน้อยและตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ก่อนค่อย ๆ หยอดเนื้อปูสดแน่น ๆ ลงไปอย่างระมัดระวัง กระทะร้อนฉ่าเมื่อเขาเทน้ำมันลงไปให้เดือดจัด ควันบาง ๆ ลอยขึ้นพร้อมเสียงไข่ที่กระทบกระทะดัง“ฉ่า!”กลิ่นหอมของไข่เจียวปูที่กำลังฟูกรอบค่อย ๆ อบอวลไปทั่วห้อง เขาใช้ตะหลิวพลิกอย่างชำ
เสียงรองเท้าหนังคุณภาพดีสะท้อนกับพื้นกระเบื้องมันวาว ทุกสายตาจับจ้องไปยัง พศวัต รองประธานหนุ่มผู้เพียบพร้อมที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมกับ ศศิรา แฟนสาวของเขา ซึ่งรับตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวเสียงซุบซิบแว่วมาจากพนักงานรอบข้าง“แฟนรองประธานสวยมาก...”พศวัตได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเอื้อมมือโอบเอวศศิราอย่างเคยชินให้เดินเคียงข้างเขา แต่หญิงสาวกลับรีบแตะมือเขาเบา ๆ แล้วดันออกอย่างสุภาพ“คุณพศวัต คนเยอะนะคะ ทำแบบนี้ไม่งามหรอก”เธอกระซิบเสียงเบา แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตานับสิบที่จับจ้องมา“ไม่งามตรงไหน คุณเป็นแฟนผม ผมอวดได้เป็นธรรมดา” พศวัตตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเจิดจ้าด้วยความภาคภูมิศศิราได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปยังห้องทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้บรรยากาศการประชุมช่วงบ่ายมาถึงอย่างรวดเร็ว ห้องประชุมหรูหราของบริษัทเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญจากสามบริษัท ได้แก่ บริษัทพศวัต, บริษัทดนัย, และ บริษัทของปัทมา ทั้งหมดร่วมมือกันในโครงการก่อสร้างของรัฐครั้งใหญ่เสียงเปิดประตูดึงดูดสายตาทุกคน เมื่อ ศศิรา ก้าวเข้ามาและทรุดตัวนั่งข้างพศวัตดนัย จ้องมองเธออย่างไม่อ
เสียงเครื่องช่วยหายใจยังคงทำงานอย่างสม่ำเสมอ เครื่องวัดชีพจรส่งสัญญาณเป็นจังหวะ ทุกอย่างภายในห้องพักฟื้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษจากหนังสือที่กวีกำลังอ่านให้ชัญญาฟังจากอุบัติเหตุรถชน ชัญญาก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานกว่า6เดือนแล้ว ตลอดเวลานี้ กวีไม่เคยทอดทิ้งเธอเลย เขายังคงดูแลเธอทุกวัน เฝ้าอยู่ข้างเตียง คอยพูดคุยแม้จะไม่มีเสียงตอบกลับ เขากินนอนในห้องนี้แทบตลอดเวลา เว้นเพียงช่วงที่ต้องเข้าเคสผ่าตัดเท่านั้นแสงแดดยามสายส่องลอดม่านบางๆ เข้ามา รำไรบนใบหน้าของชัญญา เธอดูสงบ ราวกับเพียงแค่หลับใหล“หมอครับ อาการของชัญญาเป็นยังไงบ้าง?”กวีถามขึ้นขณะคุณหมอเจ้าของไข้ตรวจร่างกายเธออย่างละเอียดคุณหมอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มบางๆ อย่างให้กำลังใจ“ร่างกายเธอตอบสนองต่อยาดีมาก สัญญาณชีพจรปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ตอนนี้เราต้องรอให้สมองเธอส่งสัญญาณตอบสนอง”คำตอบนั้นทำให้กวีรู้สึกโล่งใจ แม้จะยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน แต่ก็ยังมีความหวังวันนี้เป็นวันหยุดของเขา ไม่มีเคสเร่งด่วน เขาจึงใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเธอ นั่งอ่านหนังสือที่เธอเคยชอบให้ฟัง น้ำเสียงของเขาอบอุ่น นุ่มนวล ราวกับกำลังปลอบโยนข
ภายในห้องประชุม บรรยากาศเคร่งเครียด ทุกคนกำลังถกกันถึงความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเอกชน ขณะนี้แบบแปลนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการนำเสนอราคาอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญโครงการนี้มีมูลค่ากว่าเกือบพันล้าน ทุกตัวเลข ทุกข้อมูล ต้องแม่นยำไร้ที่ติพศวัต ชัญญา ดนัย และปัทมา ระดมสมอง วางแผนงานกันอย่างหนัก ก่อนจะนำเสนอข้อมูลทั้งหมดให้กับเจ้าของโครงการ“โอเค ทุกคน ทำตามแผนที่สรุปกันวันนี้ เหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน”พศวัตกล่าวเสียงหนักแน่น“โอเค สู้ ๆ พวกเรา!”ดนัยเสริมขึ้น“สู้ ๆ ค่ะ!”ปัทมายิ้มให้ศศิรา ส่งพลังใจให้กันจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พนักงานคนหนึ่งก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น“คุณพศวัตคะ คุณรสรินมาขอพบค่ะ”สิ้นคำประกาศ บรรยากาศในห้องเงียบลง ทุกคนหันมองหน้ากันทันทีพศวัตขมวดคิ้ว ก่อนตอบเรียบ ๆ“ให้เขาไปรอที่ห้อง เดี๋ยวผมไป”ศศิราขยับตัวเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาคาดเดา“มาหาคุณทำไม… หรือว่า”พศวัตปรายตามองเธอ แววตาเจ้าเล่ห์พลางยิ้มบาง ๆ “หึงผมเหรอ?”“ป่าวสักหน่อย!”ศศิราตอบเร็วเกินไปจนดูเหมือนกำลังปฏิเสธเสียงสั่นพศวัตหัวเราะเบา ๆ“เขาเอาเอกสารเส
หนึ่งเดือนผ่านไป...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป สิ่งดีๆ และความเป็นมงคลก็เข้ามาแทนที่ ครอบครัวของพศวัตได้ทำการสู่ขอศศิราอย่างเป็นทางการต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ จนวันนี้เป็นพิธีแต่งงานของทั้งคู่พิธีแต่งงาน…ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนแห่งความทรงจำ พิธีแต่งงานถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวานและโรแมนติกผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน แสงไฟสีทองนวลตาส่องกระทบผืนผ้า ราวกับต้องการเติมเต็มความอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้พิเศษยิ่งขึ้นทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้สีขาวที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นช่อกุหลาบ ลิลลี่ และไฮเดรนเยียที่จัดเรียงไว้อย่างประณีตตามทางเดินทอดยาวสู่เวทีหลัก ที่ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะกล่าวคำสัตย์สาบานต่อกันและกันโต๊ะจัดเลี้ยงปูด้วยผ้าสีครีมนุ่มละมุน ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วใสที่เปล่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ดอกกุหลาบขาววางเรียงอยู่ตามมุมโต๊ะ เสริมให้บรรยากาศดูหรูหราและอบอุ่นในคราวเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา ผสานเข้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยา
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย พศวัตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ศศิราเดินมาประคองเขาขึ้นรถ ดนัยที่มารับเพื่อนสนิทพากลับไปส่งยังคอนโด"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณพักผ่อนดี ๆ กินยาตรงเวลา แผลก็จะหายเร็วขึ้น"พศวัตหัวเราะเบา ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู"ผมว่า คุณน่าจะเป็นหมอได้นะ"ศศิราเลิกคิ้ว "ทำไมค่ะ?""ก็คุณทั้งดูแล ทั้งบ่น ทั้งเคี่ยวเข็ญให้กินยาสารพัด..."พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวคู่หมั้นเบา ๆ"ก็ฉันห่วงคุณนี่นา" ศศิราทำตาออดอ้อน"ครับ ผมรับรู้ได้ครับ" พศวัตยิ้มอ่อนโยนให้เธอศศิราเปลี่ยนเรื่องถาม"เราจับคนทุจริตได้แล้ว ต่อจากนี้โครงการโรงพยาบาลของเราจะทำยังไงต่อคะ?""ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่การทำงานของเรา... ยังมีอะไรให้ต้องระวังอีกเยอะ""แล้วคุณกลัวไหม?"พศวัตหันมาสบตาเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ถ้ามีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"ศศิราหัวเราะ"พูดแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้ว!"ก่อนที่พศวัตจะทันพูดอะไร เธอก็โน้มตัวไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ดนัยที่ขับรถอยู่กระแอมเสียงดัง"เอ่อ... ขอเตือนว่านี่รถผมนะครับ กรุณาอย่าหวานเกินไป"เสียงหัวเร
เช้าวันจันทร์... บรรยากาศในออฟฟิศคึกคักเช่นทุกสัปดาห์ พนักงานทยอยเดินเข้ามาทำงานตามปกติ เสียงเครื่องแฟกซ์และโทรศัพท์ดังสลับกับเสียงพูดคุยของทีมงานที่กำลังประชุมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างการประชุม แจ้งข่าวด่วนจากไซต์งานว่า โครงสร้างบางส่วนของโรงจอดรถพังถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดคืน“โครงสร้างส่วนไหนเสียหาย?”พศวัตถามเสียงเข้ม มือหนากำแฟ้มเอกสารแน่น“คานด้านข้างโรงจอดรถครับ พังลงมาทับเครื่องมือและเส้นทางเข้าออก” หัวหน้าช่างรายงานสีหน้าของพศวัตและดนัยเคร่งเครียดทันที“เราต้องไปดูหน้างานเดี๋ยวนี้”ก่อนที่พศวัตจะออกจากห้อง ศศิราจับแขนเขาไว้ สีหน้าของเธอแสดงถึงความกังวล“ระวังตัวด้วยนะคะ”เธอพูดเสียงเบาเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วบีบมือเธอเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”ปัทมาที่อยู่ข้างดนัยก็เสริมขึ้น“คุณก็เช่นกันนะคะ คุณดนัย ไซต์งานที่เต็มไปด้วยอันตราย”“ครับๆ พวกผมจะระวังตัวอย่าห่วงเลย”เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้พศวัตและดนัยต้องขมวดคิ้วแน่น โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา เหล็กเสริมเอียงผิดรูป เศษปูนแตกร้าวกระจัดกระจาย น้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว“เกิดจากแรงดินอ่อนตัวห
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
เวลา 20.00 น. ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว แต่พศวัตยังคงนั่งรอศศิราอยู่ในศาลาหน้าบ้าน ความเงียบงันของค่ำคืนนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดในอก หวังว่าเธอจะมาคุยกับเขาสักประโยค แต่เปล่าเลย...เธอไม่แม้แต่จะชายตามอง“เดี๋ยวคืนนี้ศศิราพาเพื่อนไปนอนบ้านสวนนะลูก”“ค่ะแม่หนูมานอนที่บ้านนะ”“เพื่อนมาหาทิ้งเพื่อนนอนตามลำพังน่าเกลียดนะลูก”เธอรู้ดีว่าถ้าไปนอนบ้านสวน พศวัตต้องหาทางเข้าหาเธอแน่นอนบ้านสวน...บ้านสวนของศศิรามีเพียงสองห้องนอน เธอนอนกับปัทมา ส่วนพศวัตต้องนอนกับดนัย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด ปัทมาและดนัยจึงตัดสินใจช่วยให้ทั้งสองมีโอกาสได้เคลียร์กัน“ที่รักครับ คืนนี้ผมนอนกับคุณได้ไหม?”ดนัยหันไปพูดกับปัทมาพร้อมกับส่งสายตารู้กัน“ได้ค่ะ งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันนะ ฉันหนาว อยากนอนกอดคุณ”ศศิราขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างงุนงง“เดี๋ยวนะ ปัทมาไปคบกับคุณดนัยตอนไหน?”"เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยวทะเลแล้ว แค่ยังไม่มีโอกาสบอกเธอ"ปัทมายิ้มเจื่อนๆ แต่แววตาส่อประกายขี้เล่นดนัยฉวยโอกาสหันไปแกล้งพศวัตทันที“พศวัต คืนนี้นายก็นอนกับแฟนตัวเองสิ เพราะฉันจะนอนกับแฟนฉันเหมือนกัน”“งั้นปัทมานอนกับคุณดนัยเถอะ เดี๋ยวฉัน
พศวัตโทรหากวีด้วยน้ำเสียงร้อนรน รีบเล่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กวีฟังจนหมดสิ้น กวีรับฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด“เดี๋ยวผมจะไปรับชัญญา แล้วเราจะออกเดินทางไปด้วยกัน” กวีกล่าวไม่มีการรอช้า ดนัยและปัทมาพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีทันที ทันทีบ้านศศิรา...ลมอ่อน ๆ พัดผ่านเรือนไม้ยกพื้นสูง เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล กลิ่นหอมของดอกไม้จากสวนหน้าบ้านลอยมาตามลม แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหลังคากระเบื้องเก่า ทำให้บรรยากาศบ้านสวนดูอบอุ่นและเงียบสงบเสียงแม่ดังขึ้นทันทีที่ศศิราก้าวเข้าบ้าน“ทำไมเมื่อคืนกลับมาดึกนักลูก? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือว่า... ทะเลาะกับพศวัต?”แววตาของแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ศศิราสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่"หนูตัดสินใจแล้วค่ะแม่... หนูจะเลิกกับเขา"แม่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว "เกิดอะไรขึ้น?"“จริง ๆ แล้วเขามีคู่หมายอยู่แล้ว ครอบครัวเขาทำสัญญากันตั้งแต่รุ่นพ่อแม่"“อะไรนะ?! แล้วทำไมเขาถึงมาคบกับลูกล่ะ?” แม่อุทาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจศศิรายิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เขามีเหตุผลของเขา แต่ช่างเถอะค่ะ... ห