เมื่อข้อมือเป็นอิสระ น้ำเหนือก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปตามทาง โดยไม่หันกลับมามองหลัง ในใจก็แช่งชักหักกระดูกคนหยาบคายไปด้วย เชอะ เจ็บให้ตายไปเลย“ร้ายนักนะ...เดี๋ยวได้เจอดี” เสียงเหี้ยมเอ่ยลอดไรฟัน พยายามปรับสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นปกติโดยไว และเมื่อร่างกายคืนสภาพเดิมตะวันก็ออกวิ่งไล่ตามเพียงก้าวเดียวของตะวัน แต่เท่ากับสองก้าวของคนตัวเล็กอย่างน้ำเหนือ อีกทั้งข้อเท้าที่บวมแผลก็ยังเป็นอุปสรรค จึงทำให้ไปได้ไม่ไวอย่างที่คิดหวัง ไม่นานก็โดนตะครุบตัวไว้ได้“เฮ้ย อึก”แล้วพากันล้มลุกคลุกคลานไปบนพื้นหญ้าเปียกแฉะด้วยกันทั้งคู่“ปล่อยกู ไม่งั้นกูจะไม่เกรงใจแล้วนะ”น้ำเหนือที่ยังพอมีแรงดิ้นตะโกนบอก หากแต่เจ้าของวงแขนสวมกอดและรัดรึงไว้แน่น ประหนึ่งงูเหลือมรัดเหยื่อก็ไม่ปาน“ทำไม อ่อนปวกเปียกอย่างนายจะทำอะไรได้”“เออ” แล้วออกแรงสลัดจนแขนข้างหนึ่งเป็นอิสระผลัวะสิ้นเสียง มือข้างที่เป็นอิสระก็ปล่อยหมัดไร้ช่องโหว่ ไปปะทะซีกหน้าข้างขวาของตะวันเต็มแรง จนเขาหน้าหัน และมึนชาไปครู่หนึ่งหลังจากที่หายมึน ตะวันก็หันมามองใบหน้าเรื่อแดงช้าๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปลดสายมาสก์บนใบหน้าตัวเองออกข้างหนึ่ง แล้วถมน้ำลายลงพื้น ปราก
แล้วสิ่งที่น้ำเหนือไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ เมื่อมือหนากระชากจนเสื้อที่กระดุมขาดอยู่แล้ว ขาดติดมือไปอีก แล้วจับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตนให้นอนคว่ำหน้าลงไปบนพื้นหญ้า จากนั้นเสื้อที่ถูกกระชากขาด กลับกลายมาเป็นสิ่งอำนวยให้อีกฝ่าย เมื่อเขาใช้มันมาปิดตาเจ้าของเสื้อไว้“อึก ปล่อยกู” น้ำเหนือเปล่งเสียงตวาดลั่น แต่คนที่นั่งคร่อมกลับกดแผ่นหลังไว้ด้วยแรงทั้งหมดลงมา จนเจ็บจุกหายใจไม่ออก“หากยังปากดีฉันจะปิดปากนายด้วยรองเท้า” เสียงทุ้มเหี้ยมบอก ในขณะที่มือกำลังดึงทึ้งกางเกงของน้ำเหนือให้ร่นลงจนเห็นร่องก้น“ไอ้เลว จะทำอะไร อย่านะ อย่า อึก...” น้ำเสียงสิ้นหวังเอ่ยดังแม้ไม่เห็น แต่การสัมผัสของอีกฝ่ายทำให้น้ำเหนือรับรู้ได้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เมื่อมือหนาเริ่มเคล้าคลึงไปที่ก้นและสลับกับจูบไปบนแผ่นหลัง“เป็นเด็กดีนะ...” เสียงทุ้มราบเอ่ยออกมาเบาๆ สายตามองไล้ไปบนผิวนวลเนียน โดยมืออีกข้างกดที่ลำคออีกฝ่ายไว้แน่นไม่ปล่อย“อึก อย่า...อย่าทำอะไรผมแบบนี้...” เสียงสั่นเทาเอ่ยแกมขอร้อง แต่ตอนนี้ร่างกายของตะวันตอบสนองกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่สนคำใด...มือหนายังคงลูบคลึงไปตามสัดส่วนที่น่าสัม
หลังจากที่ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงจนพอใจ น้ำเหนือก็นอนสะอื้นไห้อยู่ในท่าเดิมอย่างนั้น จนกระทั่งอีกคนจับร่างที่เกือบล่อนจ้อนพลิกหงาย ซึ่งปรากฎรอยแดงเถือกไปทั่วตัวตะวันมองร่างกายที่ไร้เสื้อผ้าด้วยสายตาหยามเหยียด หากแต่เพียงครู่ เมื่อได้สัมผัสร่างกายของคนใต้ร่าง ส่วนอ่อนไหวของเขาก็สนองกลับมาอีกครั้งในทันที“บ้าเอ๊ย” ตะวันสบถ ก่อนที่ทุกอย่างจะขาดสะบั้น เขาก้มลงไปหาริมฝีปากที่กัดแน่นจนห้อเลือด แล้วใช้ซี่ฟันงับริมฝีปากล่างเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายเปิดปาก“อือ อึก...” เสียงทุ้มแผ่วขาดหาย เมื่อปลายลิ้นร้อนชื้นของตะวันรุกล้ำเข้าไปแม้จะรุนแรงแต่น้ำเหนือก็เริ่มโอนอ่อนไปกับสัมผัสที่ชำนิชำนาญของอีกฝ่าย และเมื่อเวลาผ่านไป การเล้าโลมให้อีกฝ่ายคล้อยตามก็มีตามมาครั้งที่สองจึงเป็นการร่วมรัก ที่ทำให้ทั้งคู่ไปถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน...“ไปอาบน้ำซะ แล้วอย่าคิดหนี”เจ้าของคำสั่ง โยนเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กับกางเกงบ๊อกเซอร์ให้น้ำเหนือฝืนใจรับเสื้อผ้ามา แล้วพาร่างที่บอบช้ำเข้าไปทำความสะอาดในห้องน้ำ“ไอ้คนเลว...” ทั้งโกรธทั้งเกลียดและขยะแขยง จนไม่อยากอยู่ร่วมชายคา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การเอามือไปถูๆ ตามร่างกาย
เพล้งจานกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากที่ฟาดไปบนศีรษะของตะวันและร่วงลงไปบนพื้นกระจัดกระจายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสียหลัก น้ำเหนือหมุนตัวออกวิ่งไม่คิดชีวิต ส่วนตะวันหลังจากโดนฟาดศีรษะก็รู้สึกเจ็บแปลบ และรับรู้ถึงของเหลวอุ่นร้อนไหลรินลงมา เขายกมือขึ้นสัมผัส ก็พบว่าเป็นเลือดสีแดงสด จึงกดห้ามเลือดไว้ โดยสายตาก็ยังเพ่งมองเหยื่อว่าวิ่งหายไปทิศทางใด ครั้นสุดสายตาจึงหันมาจัดการทำแผลไว้พอลวกๆ ก่อนจะเดินตามออกไปอย่างคนใจเย็น...น้ำเหนือวิ่งเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ซึ่งน้ำเหนือไม่เคยพบเจอความลำบากแบบนี้มาก่อน อีกทั้งร่างกายยังปวดร้าวกับการถูกล่วงละเมิด จึงทำให้ตัวเองรู้สึกล้าและเริ่มวิ่งช้าลง จนกระทั่งหมดแรงจนเดินลากขาเกือบไม่ไหว ทำได้เพียงมองหาที่นั่งพักเพื่อเก็บแรงกวาดตาไปเห็นโพรงหลุมลึก ซึ่งมีกิ่งไม้แห้งร่วงลงมาพาดปกคลุมทับด้วยใบไม้อีกที จึงคิดว่าเป็นที่ที่น่าจะเหมาะที่สุด จึงกัดฟันเดินไปถึง แล้วมุดตัวลงไปนั่งคุดคู้ ผ่านไปหลายนาที น้ำเหนือเริ่มรู้สึกว่ามีตัวอะไรบางอย่างไต่ขึ้นตามขาและตามตัวยั้วเยี้ยเต็มไปหมด จนทนนั่งต่อไม่ไหว กระโดดออกมาปัดป่ายให้วุ่นวาย
เล็บคมยาวยังคงกางเล็บจิกข่วนไม่หยุด จนตะวันรู้สึกเจ็บแสบกับการตอบโต้ของอีกฝ่าย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นของเขาโหมกระพือมากขึ้นไปอีกแต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาเบนความสนใจไปมองคนที่เขาลากมาได้“ปล่อย ปล่อยผม อยากได้เงินเท่าไหร่ก็บอกมาเถอะ พี่พายุหามาให้คุณได้ทั้งหมดจริงๆ นะ”คำพูดทำให้ตะวันหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้า“คิดว่าเงินพวกนาย ซื้อความต้องการฉันได้หรือไงหา”ความโกรธเกรี้ยวทำให้ตะวันข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงหันมาตะคอกใส่หน้าคนเห็นเงินมีค่ากว่าสิ่งใดเสียงแข็งกร้าว จนนกที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้บริเวณนั้นบินหนีเพราะตกใจเสียง เช่นเดียวกับน้ำเหนือย่นคอหนีด้วยความตกใจ และคำพูดถูกกลืนหายลงคอส่วนมือที่เคยจับแขนของน้ำเหนือ เปลี่ยนมาเกาะกุมไหล่ พร้อมด้วยแรงกดบีบ“คิดว่าฉันอยากได้เงินของพวกนายนักหรือไง” ครั้นพูดจบเขาก็ออกแรงเพิ่มน้ำหนักกดบีบไหล่เล็กๆ นั้นตามแรงอารมณ์ แววตากราดเกรี้ยวลุกโชนน้ำเหนือผงะไปเพราะแววตาอันน่ากลัวของตะวัน...“ในเมื่อคุณไม่ต้องการเงิน งั้นถ้าสิ่งที่คุณทำอยู่ ทำให้คุณพอใจก็ทำไป แต่ให้จบที่ผมคนเดียวพอ”น้ำเหนือไม่แน่ใจว่าพี่ชายของเขาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงจะเผลอไ
“...เตชิน”ทุกอย่างเหมือนดับมืด สมองและลมหายใจคล้ายหยุดทำงาน เลือดที่ไหลเวียนหยุดนิ่ง จนกระทั่งเสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของอีกคน ทำให้น้ำเหนือกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง“ไม่...ไม่จริง...” เสียงที่ดังผ่านริมฝีปากมาเพียงแผ่วๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีดพยายามบอกตัวเองว่าหูฝาดไป แต่เสียงของคนที่บอกมาก็ดังชัดเจนเกินกว่าที่จะทำให้คิดแบบนั้นได้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป...ตะวันมองคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงอย่างสับสนท่าทางตกใจเมื่อครู่ ทำให้คิดไม่ตกว่าสิ่งที่กำลังทำเพื่อน้องชายมันถูกต้องหรือเปล่าทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดถึงการแก้แค้นไว้อย่างดี แต่เมื่อต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลอะเทอะ มองรอยช้ำซึ่งเขาเป็นคนทำ ยิ่งทำให้หดหู่ใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตะวันทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ยกแขนขึ้นปาดเหงื่ออีกรอบก่อนจะหันไปมองร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ใจที่เต้นถี่ยามที่เห็นใบหน้าหล่อละมุนหลับตาพริ้ม ทำให้ต้องรีบดึงสายตากลับมาเมื่อปีก่อนตะวันเห็นน้ำเหนือแค่เพียงไกลๆ แต่แค่นั้นเขาก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาในทันที แต่เมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน คนที่ตัวเองป
น้ำเหนือกลืนน้ำลายลงคอ ข่มใจพูดด้วยดีๆ “ผมพร้อมจะทำตาม ให้ผมไปอาบน้ำผมก็ไปได้แค่คุณบอก ไม่ต้องลากไม่ต้องออกแรง”“ผมต้องฟังงั้นเหรอ” แล้วก็กระชากคนที่มีเพียงผ้าห่มพันกายอย่างหมิ่นเหม่ออกจากห้องโดยไม่ฟังเสียงค้านเมื่อฝืนตัวไปก็เท่านั้น น้ำเหนือจึงปล่อยเลยตามเลย อยากทำอะไรก็ทำ แต่ก็ยังข้องใจจึงถามออกไป“ไม่เหนื่อยหรือไง ที่ต้องมาฉุดกระชากกันแบบนี้ โอ๊ะ คุณ...”ยังพูดไม่ทันจบน้ำเหนือก็เซ รีบทรงตัวจับชายผ้าห่ม ก้าวเท้ายาวๆ เพื่อให้ทันแรงคนดึงไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากสีหน้าและท่าทางดิบเถื่อนน้ำเหนือไม่รู้ว่าเขาจะลากไปไหน แต่รู้เพียงว่าตอนนี้ความหนาวเย็นของอากาศทำให้แทบจะก้าวขาไม่ออก อีกทั้งหูแว่วได้ยินเสียงน้ำไหล ทำให้รู้สึกกลัวจับใจ“จะพาผมไปไหน...” น้ำเหนือถามเสียงสั่น จิกเท้าไปบนพื้นหญ้า สายตาหวาดหวั่นกวาดมองไปทั่วบริเวณ ในใจหวังให้มีใครอยู่บริเวณนี้สักคน เพื่อช่วยให้หลุดออกไปจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ แต่หันมองจนทั่วกลับพบแต่พื้นป่าเขียวขจี“กลัวตายเหรอ”“ใครบ้างไม่กลัวตาย...หรือคุณไม่กลัว”สายตาและน้ำเสียงเกือบทำให้ตะวันเปลี่ยนใจ ถ้าหากไม่มีประโยคหลังย้อนถาม เขาจึงย้อนกลับไป“ใช่ ใครบ้าง
“คุณ คุณครับ...”ด้วยความเป็นห่วง ภาคินตัดสินใจเรียกคนที่นอนหลับตาอยู่ในอ้อมแขน เพื่อให้รู้ว่าเขายังมีสติมากน้อยแค่ไหน ระหว่างนั้นก็นิ่งพิจารณาใบหน้านั้นอีกครั้งลักษณะหน้าตาและผิวพรรณ มองออกว่าไม่ใช่คนในพื้นที่แถวนี้อย่างแน่นอน หากตามตัวมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ และรอยแผลถลอกขีดข่วน จนรู้สึกปวดแสบแทน...เสียงฝีเท้าที่เดินย่ำเข้ามาใกล้ทำให้ภาคินละสายตาจากคนในวงแขน และตัดสินใจวางร่างที่ยังมีสติไม่เต็มร้อยลงไปบนพื้นหญ้าตามเดิม ก่อนจะกระโดดลงน้ำและว่ายข้ามไปขึ้นยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เพราะพื้นที่ที่เขาเหยียบย่างอยู่นี้เป็นพื้นที่หวงห้ามสำหรับคนภายนอกอย่างเขาร่างกำยำของภาคินก้มลงเก็บสิ่งของที่วางทิ้งไว้ก่อนหน้าขึ้นมาถือไว้ สายตาคมเข้มสีดำสนิทหันมองไปยังคนที่นอนไม่ขยับอีกครั้ง แล้วตัดใจเดินหลบหายไปในป่าที่มีต้นไม้ปกคลุม...เมื่อพ้นจากแนวเขตต้นไม้ใหญ่ ภาคินก็มุ่งตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ทันที“พี่กลับมาแล้ว” ส่งเสียงไปก่อน เพื่อให้อีกคนที่อยู่ในบ้านได้รับรู้นทีในชุดเสื้อยืดคอวี กางเกงตัวหลวมเดินก้าวออกมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก ใบหน้าหล่อบึ้งตึงขณะมองสบตาพี่ชาย“หายไปนานเลยนะ อย่าบอกนะว่าแอบไปเล่นน้ำฝั่งโ