ด้วยความหวาดระแวง น้ำเหนือดันตัวเองลุกขึ้นจากแอ่งน้ำ ในขณะที่สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ‘เสือมีจริงหรือเปล่าวะ...’ เริ่มไม่ไว้ใจ เพราะรอบๆ เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมจนดูอึมครึมและวังเวงแม้จะเจ็บแปลบตรงข้อเท้า ก็พยายามฝืนจนยืนขึ้น แล้วกัดฟันทนกระโดดออกจากแอ่งน้ำ มายืนหอบเหนื่อยอยู่บนพื้นแห้ง เมื่อรู้สึกหายเหนื่อย ก็กระโดดหย็องๆ ออกไปริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง“มีอะไรให้เจอที่แย่กว่านี้ไหมเนี่ย” น้ำเหนือบ่นตัดพ้อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังบ้านไม้ทั้งหลังที่อยู่เบื้องหน้า หากใจล่องลอยไปถึงพี่ชาย‘ป่านนี้พี่พายุคงตามหาให้วุ่นแล้วสิ...’ น้ำเหนือคิดอย่างกังวลความเหนื่อยล้าและหวาดกลัวทำให้น้ำเหนือทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอีกครั้ง แล้วมองไปยังตัวบ้านที่ใครอีกคนเดินหายเข้าไปเมื่อครู่ก่อน และยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาใหม่แม้จะปวดแขนและข้อมือ น้ำเหนือก็พยายามขยับแขนที่ถูกมัดไพล่หลังไปมา หมายจะให้เชือกคลายตัวออก แต่ก็กัดฟันทนจนที่สุดเชือกก็เริ่มคลายออก พยายามอีกเป็นครู่เชือกก็หลุดออกเมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระน้ำเหนือก็รีบแก้เชือกที่มัดข้อเท้าจนได้ริมฝีปากแห้งซีดยิ้มอย่างดีใจ...ตอนนี้
เมื่อข้อมือเป็นอิสระ น้ำเหนือก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปตามทาง โดยไม่หันกลับมามองหลัง ในใจก็แช่งชักหักกระดูกคนหยาบคายไปด้วย เชอะ เจ็บให้ตายไปเลย“ร้ายนักนะ...เดี๋ยวได้เจอดี” เสียงเหี้ยมเอ่ยลอดไรฟัน พยายามปรับสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นปกติโดยไว และเมื่อร่างกายคืนสภาพเดิมตะวันก็ออกวิ่งไล่ตามเพียงก้าวเดียวของตะวัน แต่เท่ากับสองก้าวของคนตัวเล็กอย่างน้ำเหนือ อีกทั้งข้อเท้าที่บวมแผลก็ยังเป็นอุปสรรค จึงทำให้ไปได้ไม่ไวอย่างที่คิดหวัง ไม่นานก็โดนตะครุบตัวไว้ได้“เฮ้ย อึก”แล้วพากันล้มลุกคลุกคลานไปบนพื้นหญ้าเปียกแฉะด้วยกันทั้งคู่“ปล่อยกู ไม่งั้นกูจะไม่เกรงใจแล้วนะ”น้ำเหนือที่ยังพอมีแรงดิ้นตะโกนบอก หากแต่เจ้าของวงแขนสวมกอดและรัดรึงไว้แน่น ประหนึ่งงูเหลือมรัดเหยื่อก็ไม่ปาน“ทำไม อ่อนปวกเปียกอย่างนายจะทำอะไรได้”“เออ” แล้วออกแรงสลัดจนแขนข้างหนึ่งเป็นอิสระผลัวะสิ้นเสียง มือข้างที่เป็นอิสระก็ปล่อยหมัดไร้ช่องโหว่ ไปปะทะซีกหน้าข้างขวาของตะวันเต็มแรง จนเขาหน้าหัน และมึนชาไปครู่หนึ่งหลังจากที่หายมึน ตะวันก็หันมามองใบหน้าเรื่อแดงช้าๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปลดสายมาสก์บนใบหน้าตัวเองออกข้างหนึ่ง แล้วถมน้ำลายลงพื้น ปราก
แล้วสิ่งที่น้ำเหนือไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ เมื่อมือหนากระชากจนเสื้อที่กระดุมขาดอยู่แล้ว ขาดติดมือไปอีก แล้วจับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตนให้นอนคว่ำหน้าลงไปบนพื้นหญ้า จากนั้นเสื้อที่ถูกกระชากขาด กลับกลายมาเป็นสิ่งอำนวยให้อีกฝ่าย เมื่อเขาใช้มันมาปิดตาเจ้าของเสื้อไว้“อึก ปล่อยกู” น้ำเหนือเปล่งเสียงตวาดลั่น แต่คนที่นั่งคร่อมกลับกดแผ่นหลังไว้ด้วยแรงทั้งหมดลงมา จนเจ็บจุกหายใจไม่ออก“หากยังปากดีฉันจะปิดปากนายด้วยรองเท้า” เสียงทุ้มเหี้ยมบอก ในขณะที่มือกำลังดึงทึ้งกางเกงของน้ำเหนือให้ร่นลงจนเห็นร่องก้น“ไอ้เลว จะทำอะไร อย่านะ อย่า อึก...” น้ำเสียงสิ้นหวังเอ่ยดังแม้ไม่เห็น แต่การสัมผัสของอีกฝ่ายทำให้น้ำเหนือรับรู้ได้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เมื่อมือหนาเริ่มเคล้าคลึงไปที่ก้นและสลับกับจูบไปบนแผ่นหลัง“เป็นเด็กดีนะ...” เสียงทุ้มราบเอ่ยออกมาเบาๆ สายตามองไล้ไปบนผิวนวลเนียน โดยมืออีกข้างกดที่ลำคออีกฝ่ายไว้แน่นไม่ปล่อย“อึก อย่า...อย่าทำอะไรผมแบบนี้...” เสียงสั่นเทาเอ่ยแกมขอร้อง แต่ตอนนี้ร่างกายของตะวันตอบสนองกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่สนคำใด...มือหนายังคงลูบคลึงไปตามสัดส่วนที่น่าสัม
หลังจากที่ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงจนพอใจ น้ำเหนือก็นอนสะอื้นไห้อยู่ในท่าเดิมอย่างนั้น จนกระทั่งอีกคนจับร่างที่เกือบล่อนจ้อนพลิกหงาย ซึ่งปรากฎรอยแดงเถือกไปทั่วตัวตะวันมองร่างกายที่ไร้เสื้อผ้าด้วยสายตาหยามเหยียด หากแต่เพียงครู่ เมื่อได้สัมผัสร่างกายของคนใต้ร่าง ส่วนอ่อนไหวของเขาก็สนองกลับมาอีกครั้งในทันที“บ้าเอ๊ย” ตะวันสบถ ก่อนที่ทุกอย่างจะขาดสะบั้น เขาก้มลงไปหาริมฝีปากที่กัดแน่นจนห้อเลือด แล้วใช้ซี่ฟันงับริมฝีปากล่างเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายเปิดปาก“อือ อึก...” เสียงทุ้มแผ่วขาดหาย เมื่อปลายลิ้นร้อนชื้นของตะวันรุกล้ำเข้าไปแม้จะรุนแรงแต่น้ำเหนือก็เริ่มโอนอ่อนไปกับสัมผัสที่ชำนิชำนาญของอีกฝ่าย และเมื่อเวลาผ่านไป การเล้าโลมให้อีกฝ่ายคล้อยตามก็มีตามมาครั้งที่สองจึงเป็นการร่วมรัก ที่ทำให้ทั้งคู่ไปถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน...“ไปอาบน้ำซะ แล้วอย่าคิดหนี”เจ้าของคำสั่ง โยนเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กับกางเกงบ๊อกเซอร์ให้น้ำเหนือฝืนใจรับเสื้อผ้ามา แล้วพาร่างที่บอบช้ำเข้าไปทำความสะอาดในห้องน้ำ“ไอ้คนเลว...” ทั้งโกรธทั้งเกลียดและขยะแขยง จนไม่อยากอยู่ร่วมชายคา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การเอามือไปถูๆ ตามร่างกาย
เพล้งจานกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากที่ฟาดไปบนศีรษะของตะวันและร่วงลงไปบนพื้นกระจัดกระจายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสียหลัก น้ำเหนือหมุนตัวออกวิ่งไม่คิดชีวิต ส่วนตะวันหลังจากโดนฟาดศีรษะก็รู้สึกเจ็บแปลบ และรับรู้ถึงของเหลวอุ่นร้อนไหลรินลงมา เขายกมือขึ้นสัมผัส ก็พบว่าเป็นเลือดสีแดงสด จึงกดห้ามเลือดไว้ โดยสายตาก็ยังเพ่งมองเหยื่อว่าวิ่งหายไปทิศทางใด ครั้นสุดสายตาจึงหันมาจัดการทำแผลไว้พอลวกๆ ก่อนจะเดินตามออกไปอย่างคนใจเย็น...น้ำเหนือวิ่งเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ซึ่งน้ำเหนือไม่เคยพบเจอความลำบากแบบนี้มาก่อน อีกทั้งร่างกายยังปวดร้าวกับการถูกล่วงละเมิด จึงทำให้ตัวเองรู้สึกล้าและเริ่มวิ่งช้าลง จนกระทั่งหมดแรงจนเดินลากขาเกือบไม่ไหว ทำได้เพียงมองหาที่นั่งพักเพื่อเก็บแรงกวาดตาไปเห็นโพรงหลุมลึก ซึ่งมีกิ่งไม้แห้งร่วงลงมาพาดปกคลุมทับด้วยใบไม้อีกที จึงคิดว่าเป็นที่ที่น่าจะเหมาะที่สุด จึงกัดฟันเดินไปถึง แล้วมุดตัวลงไปนั่งคุดคู้ ผ่านไปหลายนาที น้ำเหนือเริ่มรู้สึกว่ามีตัวอะไรบางอย่างไต่ขึ้นตามขาและตามตัวยั้วเยี้ยเต็มไปหมด จนทนนั่งต่อไม่ไหว กระโดดออกมาปัดป่ายให้วุ่นวาย
เล็บคมยาวยังคงกางเล็บจิกข่วนไม่หยุด จนตะวันรู้สึกเจ็บแสบกับการตอบโต้ของอีกฝ่าย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นของเขาโหมกระพือมากขึ้นไปอีกแต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาเบนความสนใจไปมองคนที่เขาลากมาได้“ปล่อย ปล่อยผม อยากได้เงินเท่าไหร่ก็บอกมาเถอะ พี่พายุหามาให้คุณได้ทั้งหมดจริงๆ นะ”คำพูดทำให้ตะวันหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้า“คิดว่าเงินพวกนาย ซื้อความต้องการฉันได้หรือไงหา”ความโกรธเกรี้ยวทำให้ตะวันข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงหันมาตะคอกใส่หน้าคนเห็นเงินมีค่ากว่าสิ่งใดเสียงแข็งกร้าว จนนกที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้บริเวณนั้นบินหนีเพราะตกใจเสียง เช่นเดียวกับน้ำเหนือย่นคอหนีด้วยความตกใจ และคำพูดถูกกลืนหายลงคอส่วนมือที่เคยจับแขนของน้ำเหนือ เปลี่ยนมาเกาะกุมไหล่ พร้อมด้วยแรงกดบีบ“คิดว่าฉันอยากได้เงินของพวกนายนักหรือไง” ครั้นพูดจบเขาก็ออกแรงเพิ่มน้ำหนักกดบีบไหล่เล็กๆ นั้นตามแรงอารมณ์ แววตากราดเกรี้ยวลุกโชนน้ำเหนือผงะไปเพราะแววตาอันน่ากลัวของตะวัน...“ในเมื่อคุณไม่ต้องการเงิน งั้นถ้าสิ่งที่คุณทำอยู่ ทำให้คุณพอใจก็ทำไป แต่ให้จบที่ผมคนเดียวพอ”น้ำเหนือไม่แน่ใจว่าพี่ชายของเขาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงจะเผลอไ
“...เตชิน”ทุกอย่างเหมือนดับมืด สมองและลมหายใจคล้ายหยุดทำงาน เลือดที่ไหลเวียนหยุดนิ่ง จนกระทั่งเสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของอีกคน ทำให้น้ำเหนือกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง“ไม่...ไม่จริง...” เสียงที่ดังผ่านริมฝีปากมาเพียงแผ่วๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีดพยายามบอกตัวเองว่าหูฝาดไป แต่เสียงของคนที่บอกมาก็ดังชัดเจนเกินกว่าที่จะทำให้คิดแบบนั้นได้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป...ตะวันมองคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงอย่างสับสนท่าทางตกใจเมื่อครู่ ทำให้คิดไม่ตกว่าสิ่งที่กำลังทำเพื่อน้องชายมันถูกต้องหรือเปล่าทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดถึงการแก้แค้นไว้อย่างดี แต่เมื่อต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลอะเทอะ มองรอยช้ำซึ่งเขาเป็นคนทำ ยิ่งทำให้หดหู่ใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตะวันทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ยกแขนขึ้นปาดเหงื่ออีกรอบก่อนจะหันไปมองร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ใจที่เต้นถี่ยามที่เห็นใบหน้าหล่อละมุนหลับตาพริ้ม ทำให้ต้องรีบดึงสายตากลับมาเมื่อปีก่อนตะวันเห็นน้ำเหนือแค่เพียงไกลๆ แต่แค่นั้นเขาก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาในทันที แต่เมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน คนที่ตัวเองป
น้ำเหนือกลืนน้ำลายลงคอ ข่มใจพูดด้วยดีๆ “ผมพร้อมจะทำตาม ให้ผมไปอาบน้ำผมก็ไปได้แค่คุณบอก ไม่ต้องลากไม่ต้องออกแรง”“ผมต้องฟังงั้นเหรอ” แล้วก็กระชากคนที่มีเพียงผ้าห่มพันกายอย่างหมิ่นเหม่ออกจากห้องโดยไม่ฟังเสียงค้านเมื่อฝืนตัวไปก็เท่านั้น น้ำเหนือจึงปล่อยเลยตามเลย อยากทำอะไรก็ทำ แต่ก็ยังข้องใจจึงถามออกไป“ไม่เหนื่อยหรือไง ที่ต้องมาฉุดกระชากกันแบบนี้ โอ๊ะ คุณ...”ยังพูดไม่ทันจบน้ำเหนือก็เซ รีบทรงตัวจับชายผ้าห่ม ก้าวเท้ายาวๆ เพื่อให้ทันแรงคนดึงไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากสีหน้าและท่าทางดิบเถื่อนน้ำเหนือไม่รู้ว่าเขาจะลากไปไหน แต่รู้เพียงว่าตอนนี้ความหนาวเย็นของอากาศทำให้แทบจะก้าวขาไม่ออก อีกทั้งหูแว่วได้ยินเสียงน้ำไหล ทำให้รู้สึกกลัวจับใจ“จะพาผมไปไหน...” น้ำเหนือถามเสียงสั่น จิกเท้าไปบนพื้นหญ้า สายตาหวาดหวั่นกวาดมองไปทั่วบริเวณ ในใจหวังให้มีใครอยู่บริเวณนี้สักคน เพื่อช่วยให้หลุดออกไปจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ แต่หันมองจนทั่วกลับพบแต่พื้นป่าเขียวขจี“กลัวตายเหรอ”“ใครบ้างไม่กลัวตาย...หรือคุณไม่กลัว”สายตาและน้ำเสียงเกือบทำให้ตะวันเปลี่ยนใจ ถ้าหากไม่มีประโยคหลังย้อนถาม เขาจึงย้อนกลับไป“ใช่ ใครบ้าง
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
จากคนเงียบๆ และดูสุขุมของพงศ์ทำให้ป้าปุกที่อยู่ด้วยกันมานานก็สังเกตเห็นอาการหงุดหงิดเช่นนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว...“ทำไมไม่กินข้าวอีก” หลังจากที่กลับมาจากดูว่าปุกและอิงนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว พงศ์เห็นว่ากับข้าวที่เขาเป็นคนยกมาให้ยังไม่พร่องไปเลย“ผมกินไม่ลง...อาพงศ์แก้มัดผมเถอะนะ” น้ำเสียงเว้าวอน แต่พงศ์คนใส่ใจและอบอุ่นคนเดิมไม่มีแล้ว“ไม่ รีบกินจะได้ไปกันเสียที” เขาตอบเสียงสะบัดจากที่สีหน้าเศร้าหงอย ก็ตื่นพรืด ร้องถามเสียงหลง “ไปไหน อาพงศ์จะเอาผมไปไหน...ผมไม่ไป ป้าปุก ป้าปุกช่วยผมด้วยป้า...” เตชินตะโกนร้องเรียกพร้อมกับขยับลงจากเตียงตุบเพราะขาทั้งสองถูกมัดไว้จึงร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น เตชินกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บเอาไว้จนห้อเลือดพงศ์มองอย่างดูแคลน “อยากเรียกใครก็เชิญ”ประโยคที่ท้าทายและไม่เกรงกลัว ทำให้เตชินเงียบเสียง ตาหรี่มองคนตรงหน้า “ลุงทำอะไรกับพวกเขา”“แค่ไล่ให้กลับบ้าน” สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเตชินที่หน้าตื่นตกใจ“ไล่กลับบ้าน ไล่ทำไม”“ไม่ต้องถามมาก จะกินไม่กิน”“ไม่ ตอบผมมาสิ ว่าไล่ป้าปุกทำไม”“ไม่ต้องถา
“กว่าจะมาได้...แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนอีก” พอเห็นว่าคนที่ตัวเองตั้งตารอเดินผ่านประตูเข้ามา อีกทั้งแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกข้างนอก ก็ถามเสียงขุ่นสีหน้าไม่พอใจ“อาพงศ์วุ่นวายกับผมเกินไปแล้วนะ...อย่าให้ผมรู้สึกไม่ดีกับอามากไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้อง...” เตชินเอ่ยเสียงเศร้าแกมขอร้อง หากแต่ผู้สูงวัยกว่ากลับยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่พูด เตชินจึงพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมขอให้มันจบไปได้ไหมครับ...ผมไม่อยากให้อาพงศ์มาจมอยู่กับเรื่องที่เราได้ทำผิดพลาดไป อาจจะเป็นผมที่วางตัวไม่ดี ผมขอโทษอาพงศ์ด้วยนะครับ” เตชินเป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองเพื่อตัดจบทุกปัญหาหากแต่คนสูงวัยกว่ากลับยิ้มร้าย “มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ...ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นจนน่ากลัวเตชินขนลุกซู่ ประหวั่นกับอาการและท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาพงศ์ ไม่มีแล้วสายตาและคำพูดที่อบอุ่นใจอย่างเมื่อก่อนเตชินถอยหลัง รู้สึกหวาดกลัวท่าทางแปลกๆ ของอาพงศ์ที่ตอนนี้เหมือนคนไร้สติไปเสียแล้ว“มานี่...มาดูอะไรนี่ อาอุตส่าห์ไปทำมาเลยนะ” มืออาพงศ์คว้าหมับที่ข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนร่างเตชินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด“อาพงศ์ปล่อย
เตซินสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มคลุมใบหน้าอย่างรำคาญเมื่อได้ยินดังอยู่ใกล้ๆ แต่แรงขยับทำให้จากที่ไม่อยากตื่น ตาก็สว่างโร่ เมื่อรับรู้ได้ว่าบนเตียงตัวเอง มีคนอื่นนอนอยู่ด้วย ใจพลันคิด เมื่อคืนพี่พายุไม่ได้กลับไปนอนบ้านเหรอ...ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะแล้วมองไปยังคนข้างๆ“เฮ้ย อาพงศ์” แล้วรีบเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อมองสำรวจร่างกายใต้ผ้าห่มของตัวเองเตชินตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสื้ออาภรณ์ใดๆ บนร่างกายไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว“ใช่ครับ...” พงศ์ตอบสีหน้าราบเรียบ หากแต่เตชินหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แล้วมองสำรวจไปรอบห้องด้วยแววตาตื่นตระหนก และพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองวางกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ไยดี และใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นเสื้ออีกชุด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร...“หมายความว่าไง อาพงศ์ทำอะไรผมเมื่อคืน”ไม่อยากเดา และไม่อยากยอมรับความจริงเสียงทุ้มหนักหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไม รับไม่ได้เหรอ เมื่อคืนคุณเตชินยังบอกว่าชอบอยู่เลย” แล้วยกมือถือในมือขึ้นสูงอีกครั้งเตชินหน้าตื่นแล้วค่อยๆ กลายเป็นสีเรื่อ เมื่อจำได้เลือนรางว่ามันรู้สึกดีจริงๆ ในตอนนั้น“นี่อาพงศ์ถ่ายภาพผมเก็บไว้หรือครับ” แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบ“ก็เอาไว้ดูต