ณ บ้านธงชัยสิทธิ์แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านหน้าต่าง ทำให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวและรำคาญจึงควานคลำหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เพื่อกรองแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างใส่หน้าแต่ในขณะที่หลับตา น้ำเหนือก็ทำจมูกฟุดฟิดกับกลิ่นหอมที่มาแตะจมูกเพราะรู้สึกไม่คุ้นเคยใครมาเปลี่ยนผ้าห่ม...น้ำเหนือฉุกคิด ตัดสินใจยกผ้าที่คลุมศีรษะออกและปรือตาขึ้นมาสู้แสงดวงตากลมใสหรี่ตามองไปรอบๆ “ห้องใคร...” สลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียง “เฮ้ย ห้องใครเนี่ย ห้องไอ้กรหรอ...แล้วนี่เสื้อ...”“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ” ประตูเปิดพร้อมกับเสียงทักทายน้ำเหนือละสายตาจากเสื้อที่ตัวเองสวมใส่และมองไปยังคนที่เดินเข้ามา “คุณ...คุณอาพงศ์ใช่ไหมครับ” น้ำเหนือถามสีหน้าแปลกใจ“ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีใช่ไหมครับ”“นานเหรอครับ...”“ครับ นานเกือบปีแล้ว” อาพงศ์ย้ำคำพูดเดิม“นานเกือบปีเหรอครับ แล้วนี่ที่ไหน...”“ห้องคุณเตชินไง...”“ห๊ะ ห้องเตชินเหรอ...” สีหน้าดีใจเมื่อได้ยินชื่อของเตชิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเหยเก เมื่อรู้สึกมีเสียงวิ้งอยู่ในหูและปวดศีรษะแปลบขึ้นมา จนต้องยกมือขึ้นบีบและดึงทึ้งศีรษะตัวเอง “อึกๆๆ เตชิน...อือๆ เจ็บอะ
ณ โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด“ตกลงคุณน้ำเหนือเป็นอะไรครับ” พงศ์ถามทันทีที่เห็นเจ้านายเดินหน้ายุ่งตรงมาหา“ตอนนี้หมอให้ยาแก้ปวด นอนดูอาการ อาจะเข้าไปดูหน่อยไหม เพราะดูเหมือนเขาจะไม่รู้จักผม...”“อ้าว...เหรอครับ...แปลกจัง...” พูดจบตะวันก็เดินนำออกไปยังห้องพักพิเศษทันทีที่เปิดประตูเข้าไป น้ำเหนือก็ขยับเพื่อดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแต่ยังมึนศีรษะอยู่จึงล้มตัวลงนอนต่อ“อาพงศ์...”“ครับ เป็นไงบ้าง...”“ช่วยติดต่อพี่พายุให้หน่อยได้มั้ยครับ ผมต้องกินยาประจำครับ...”“เหรอครับ...ว่าแต่คุณน้ำเหนือรู้จักคนนี้มั้ยครับ” แล้วชี้ไปที่ตะวัน น้ำเหนือส่ายหน้า “นี่พี่ชายคุณเตชินครับ”“เอ่อ...เหรอครับ สวัสดีครับ ต้องขอโทษที่ผมบอกหมอไปว่าไม่รู้จักคุณ แต่ผมก็ไม่รู้จักจริงๆ นี่ครับ แล้วพี่กลับมาจากต่างประเทศนานแล้วหรือครับ”ตะวันมองหน้าพงศ์ กลับมาจากต่างประเทศจะสามปีแล้วนะ แต่ไม่เคยเข้าไปแนะนำตัวเองกับเพื่อนน้องชายอย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง...ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเบอร์ที่ไม่ได้รับสายก็โทรเข้ามาอีกครั้ง พงศ์จึงตัดสินใจกดรับ“ครับ...พงศ์ครับ อ้อ ครับ จริงหรือครับ...อยู่ห้องพิเศษ 501 ครับ ครับๆ”“ใครเหรอ”
หลังจากกลับมาบ้าน ตะวันก็เก็บตัวแต่ในห้องนอน อยู่กับเสียงหัวใจที่เต้นแรง...เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครครับ...”คราแรกก็อึ้งไป แต่เห็นสีหน้าแววตาของคนบนเตียงบ่งบอกว่าอยากรู้จริงๆ ตะวันก็เลยเอ่ยลองเชิงไปก่อน “เป็น...” ตะวันหยุดพูด แล้วมองหน้าคนป่วยที่ขาวซีด ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “นี่นายจำไม่ได้จริงๆ หรือเล่นละครหลอกตากันแน่”“ไม่ครับ ไม่ได้หลอกใครจริงๆ ครับ...แต่ถึงไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็ต้องขอบคุณด้วยนะครับที่เอาผมมาส่งโรง’บาล”“แล้วนายไม่สงสัยเหรอ ว่าไปนอนอยู่ที่บ้านเพื่อนนายได้ยังไง”“สงสัยสิครับ แต่ก็อยากกลับไปถามไอ้กรเอง ว่าผมไปนอนอยู่ที่นั่นได้ยังไง”“ก็เพื่อนนายเป็นคนฝากนายกับฉัน เพื่อให้ไปส่งบ้าน แต่ก็ลืมถามว่าบ้านนายอยู่ไหน เลยต้องอุ้มนายกลับไปบ้านฉันก่อน”“อุ้มไปบ้าน บ้านเตชินนี่นะหรือครับ”“ใช่ บ้านเตชินก็คือบ้านฉัน เพราะฉันคือพี่ชายเตชิน”“จริงหรือครับ...” ดวงตากลมโตเปล่งประกายขึ้น “งั้นผมต้องขอบคุณพี่...เอ่อ พี่ชื่ออะไรนะครับ”“ตะวัน...”“ครับ ผมน้ำเหนือ ขอบคุณพี่ตะวันจากใจนะครับ”“อืม...”“ตอนนั้นเตชินพูดถึงพี่ชายบ่อยๆ..
“คุณตะวัน เจอนายพงศ์หรือเปล่าคะ...”ป้าปุกที่เดินสวนมาพอดีเอ่ยถาม เพราะหากยังไม่เจอ เธอจะได้ไปตามหานายพงศ์ให้ หากแต่เจ้าของบ้านหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหน้าแถมก้มหน้าเดินกลับเข้าไปด้านใน เหมือนใครทำให้ไม่สบอารมณ์ ป้าปุกได้แต่ยืนเอ๋อ มองจนอีกฝ่ายเดินหายไป และเดินกลับออกมาอีกครั้ง อย่างกับคนพร้อมไปทำงาน...“คุณตะวันจะเข้าบริษัทหรือคะ แล้วไม่กินข้าวเช้าก่อนหรือคะ...” เป็นอีกครั้งที่ป้าปุกถามและไม่ได้คำตอบ จากเจ้านาย “โอ๊ย มันเกิดอะไรขึ้นกันละเนี่ย...”ตะวันเข้ามาในบริษัทเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อยซึ่งพนักงานคนสนิทที่เป็นลูกมือให้อาพงศ์ก็ให้ความร่วมมือและรายงานความเคลื่อนไหวของพนักงานทุกคนในบริษัทว่าไม่มีใครมีปัญหา และงานทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งตรงกับที่อาพงศ์ได้รายงานไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว“งั้นเอารายการเบิกจ่ายย้อนหลังมาให้ผมดูหน่อย แล้วมีเอกสารอะไรที่ต้องให้ผมเซ็นอีกไหม ไปเอามาให้หมด”“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ”ไม่ถึงห้านาทีพนักงานคนเดิมพร้อมแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ก็นำมาวางตรงหน้า“ปกติอาพงศ์เข้ามาดูงานตอนไหน...” จู่ๆ ตะวันก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเกริกวัยห้าสิบสองปีที่ทำงานมาตั้งแต่รุ่นพ
ตะวันบอกความต้องการไป เดร์หรี่ตามองเหมือนไม่แน่ใจ แต่ก็คิดว่าเพื่อนคงมีเหตุผลพอสมควรจึงกล้ามาขอให้ทำเรื่องเช่นนี้ ว่าแต่ใครถึงทำให้คนอย่างตะวันผู้ไม่สนใจเรื่องชาวบ้านชาวช่องหันมาทำเช่นนี้ได้...“เมื่อไหร่ หากเกินหนึ่งเดือนไม่ได้นะ”“อาทิตย์ก่อน”“ได้...”แล้วเดร์ก็ลุกขึ้นไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ “นายอยากดูช่วงเวลาไหนก็เลื่อนเอา แต่ต้องช่วงเวลาสามทุ่มจะมีแขกมาเกือบเต็มร้าน”“แล้วนายไม่เคยเห็นแขกที่พอสะดุดตานายบ้างหรือไง”“ปกติก็แขกทั่วไป ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมาส่องตลอดเวลานะ เลยไม่รู้หรอกว่าใครบ้างที่น่าจะสนใจกว่า...คนของฉัน”“คนของนาย”“ใช่ คนของฉัน”“แน่ใจ...”“อืม...”“อยากเห็นหน้าคนของนาย...”“ถึงเวลาจะพาไปเปิดตัวนะ”“ได้ แต่หากฉันกลับไร่ไปก่อน ฉันอนุญาตให้นายพาคนของนายไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศที่ไร่ตะวันได้นะ...”“จริงดิ” เดร์ถามเสียงระรื่น“จริงสิ...” ตะวันยืนยัน เดร์จึงขยับออกเพื่อให้เพื่อนเข้าไปยืนตรงหน้าจอ และย้อนดูช่วงเวลาที่ต้องการผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ เดร์ที่นั่งมองเพื่อนเป็นระยะ ก็เห็นถึงสีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปของตะวัน“มีอะไร ฉันขอดูหน่อยได้ไหม...” ตะวันไม่ตอบแต่สายตาเหมือนคนเจ็บป
“ตอนที่น้องชายเสียชีวิต นายก็ไม่ได้เห็นศพใช่ไหม”“ไม่เห็น และไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นฉันขึ้นลงติดต่องานที่ต่างประเทศเป็นว่าเล่น อาพงศ์กลัวฉันไม่มีสมาธิ เลยไม่ได้บอกในตอนนั้น และเผาศพในวันถัดมา แกบอกแค่นี้...”“มันเป็นไปได้เหรอที่จะไม่รอนายมาเผาศพน้องตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย”“ฉันมัวแต่เสียใจและมัวแต่หาเหตุผลกับการฆ่าตัวตายของเตชิน เลยไม่ได้สนใจตรงจุดนี้...”“แล้วหากศพนั้นไม่ใช่กระดูกของเตชินล่ะ”ดวงตาที่ดูสิ้นหวังกระจ่างวาบขึ้น แล้วสลดลงอย่างเดิม “มันมีด้วยเหรอวะ ที่ต้องทำกันขนาดนี้”“แล้วมีอะไรที่คนเราจะทำไม่ได้...ในเมื่อนายก็เห็นแล้วนี่ ว่าสิ่งที่นายพงศ์กับเตชินทำ มันก็เกินเหลือเชื่อ” เดร์หยุดพูดแล้วมองอาการของเพื่อนรักอย่างรู้สึกเห็นใจมาก “นายไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวฉันจะส่งคนตามดูอาพงศ์ให้เอง ส่วนคนที่นายควรสนใจตอนนี้คือคนที่นายไปทำร้ายเขา นายจะไปแก้ตัวกับเขายังไง หรือนายมีแผนในใจอยู่แล้ว”“ยังเลย...” ตะวันตอบน้ำเสียงเครียดอย่างคนสิ้นหนทาง...หลังจากที่คุยกับเดร์ในทุกๆ เรื่อง ตะวันก็กลับมาบ้าน และเห็นป้าปุกยืนรดน้ำต้นไม้อยู่“ทำไมมารดน้ำต้นไม้เอง”“ว่างๆ ก็เลยอยากช่วยค่ะ”“อาพงศ์ล่ะ”
ในขณะหนึ่งที่ตะวันยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม สายตาก็ปะทะกับเจ้าของใบหน้าขาวผ่องที่กระทบแสงไฟสลัวอยู่ไม่ไกลน้ำเหนือ...แล้วแก้ววิสกี้ก็ถูกวางลงที่เดิม เจ้าของร่างสูงใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“จะกลับแล้วหรือครับ” บาร์เทนเดอร์ที่มองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอยู่เป็นระยะถามขึ้นตะวันหันมามองสายตาด้วยสายตาเป็นมิตร...อย่างน้อย ก็มีคนสนใจว่าเขาจะไปจะมาตอนไหน “เปล่า ว่าจะไปทักทายคนรู้จักหน่อย” แล้วมองไปยังหนุ่มหล่อที่กำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียดอยู่“คนรู้จัก...ใช่น้ำหนือหรือเปล่าครับ” เพราะเห็นว่าสายตาที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้เป็นประกายหวามไหวขึ้นทันทีที่มองไปตรงจุดนั้น“รู้จักด้วยเหรอ...”“เป็นรุ่นน้องของเพื่อนที่ทำงานนี่แหละครับ...”“รุ่นน้อง หรือแฟน” ตะวันแกล้งโยนหินถามทาง“โอ๊ย เคนเขาชอบผู้หญิงครับ...” น้ำเสียงกลั้วขำรีบบอก “ส่วนน้ำเหนือเคยได้ยินว่าเขาปิดกั้นตัวเองนะครับ แล้วให้เพื่อนพี่ชายคนสนิท เป็นไม้...รับหน้าอยู่ครับ”“เชื่อได้แน่เหรอ...” เจ้าของดวงตาเรียบลึกถามไม่มั่นใจ“ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ...แต่ถ้าคุณอยากรู้ ผมแนะนำให้ไปถามเพื่อนผมที่ชื่อเคนเลยครับ”“เพื่อนนายชื่
ตะวันถอนหายใจเป็นช่วงจังหวะที่เครื่องดื่มถูกส่งมาพร้อมกัน ต่างคนจึงยกขึ้นดื่ม แต่น้ำเหนือกระดกทีเดียวหมดแก้ว“นี่ ทำไมไม่ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็สำลักตาย”“มันขมเฝื่อนติดคอ...ต้องยกซดแบบนี้แหละ” แล้ววางแก้วดันไปให้พนักงานชงต่อตะวันส่ายหน้า คิดจะมาเป็นนักดื่มแต่ท่าทางไม่ให้เอาเสียเลย...“เฮอะ ไม่เมาให้รู้ไป...” ตะวันเปรยโดยไม่ได้สนใจสีหน้าคนที่ได้ยินนักซึ่งช่วงจังหวะนั้นรุ่นพี่ที่น้ำเหนือสนิทด้วยเดินเข้ามาเห็น “เหนือมาแล้วเหรอ...อ้าว ไม่ใช่ไอ้กรนี่ แต่...อ้อ สวัสดีครับ...” ‘เพื่อนคุณแยม’ ประโยคหลังเคนคิดในใจแล้วยิ้มพาดผ่านเผื่อไปยังเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วย อีกฝ่ายก็ยิ้มรับ“ตามสบายนะครับ...วันนี้รู้สึกว่าคุณแยมไม่อยู่” เคนเอ่ยบอกหนุ่มหล่อที่นั่งพูดคุยอยู่กับรุ่นน้องด้วยท่าทางเป็นกันเอง ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย“อืม...” ตะวันตอบในลำคอ ท่าทางปกติ เคนสลัดความคลางแคลงใจทิ้ง เพราะสถานที่แบบนี้ ความสัมพันธ์ที่เพียงถูกตาถูกใจ ก็คลิกเข้าหากันได้ไม่ยาก“งั้นไม่กวนนะ...เออ หากเมากลับบ้านไม่ไหวก็บอกนะ จะเรียกแท็กซี่ให้” บอกรุ่นน้องที่สนิทด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“โธ่พี่ ผมนึกว่าพี่จะพาผมไปส่งบ้าน”“เชอะ
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
จากคนเงียบๆ และดูสุขุมของพงศ์ทำให้ป้าปุกที่อยู่ด้วยกันมานานก็สังเกตเห็นอาการหงุดหงิดเช่นนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว...“ทำไมไม่กินข้าวอีก” หลังจากที่กลับมาจากดูว่าปุกและอิงนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว พงศ์เห็นว่ากับข้าวที่เขาเป็นคนยกมาให้ยังไม่พร่องไปเลย“ผมกินไม่ลง...อาพงศ์แก้มัดผมเถอะนะ” น้ำเสียงเว้าวอน แต่พงศ์คนใส่ใจและอบอุ่นคนเดิมไม่มีแล้ว“ไม่ รีบกินจะได้ไปกันเสียที” เขาตอบเสียงสะบัดจากที่สีหน้าเศร้าหงอย ก็ตื่นพรืด ร้องถามเสียงหลง “ไปไหน อาพงศ์จะเอาผมไปไหน...ผมไม่ไป ป้าปุก ป้าปุกช่วยผมด้วยป้า...” เตชินตะโกนร้องเรียกพร้อมกับขยับลงจากเตียงตุบเพราะขาทั้งสองถูกมัดไว้จึงร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น เตชินกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บเอาไว้จนห้อเลือดพงศ์มองอย่างดูแคลน “อยากเรียกใครก็เชิญ”ประโยคที่ท้าทายและไม่เกรงกลัว ทำให้เตชินเงียบเสียง ตาหรี่มองคนตรงหน้า “ลุงทำอะไรกับพวกเขา”“แค่ไล่ให้กลับบ้าน” สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเตชินที่หน้าตื่นตกใจ“ไล่กลับบ้าน ไล่ทำไม”“ไม่ต้องถามมาก จะกินไม่กิน”“ไม่ ตอบผมมาสิ ว่าไล่ป้าปุกทำไม”“ไม่ต้องถา
“กว่าจะมาได้...แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนอีก” พอเห็นว่าคนที่ตัวเองตั้งตารอเดินผ่านประตูเข้ามา อีกทั้งแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกข้างนอก ก็ถามเสียงขุ่นสีหน้าไม่พอใจ“อาพงศ์วุ่นวายกับผมเกินไปแล้วนะ...อย่าให้ผมรู้สึกไม่ดีกับอามากไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้อง...” เตชินเอ่ยเสียงเศร้าแกมขอร้อง หากแต่ผู้สูงวัยกว่ากลับยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่พูด เตชินจึงพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมขอให้มันจบไปได้ไหมครับ...ผมไม่อยากให้อาพงศ์มาจมอยู่กับเรื่องที่เราได้ทำผิดพลาดไป อาจจะเป็นผมที่วางตัวไม่ดี ผมขอโทษอาพงศ์ด้วยนะครับ” เตชินเป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองเพื่อตัดจบทุกปัญหาหากแต่คนสูงวัยกว่ากลับยิ้มร้าย “มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ...ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นจนน่ากลัวเตชินขนลุกซู่ ประหวั่นกับอาการและท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาพงศ์ ไม่มีแล้วสายตาและคำพูดที่อบอุ่นใจอย่างเมื่อก่อนเตชินถอยหลัง รู้สึกหวาดกลัวท่าทางแปลกๆ ของอาพงศ์ที่ตอนนี้เหมือนคนไร้สติไปเสียแล้ว“มานี่...มาดูอะไรนี่ อาอุตส่าห์ไปทำมาเลยนะ” มืออาพงศ์คว้าหมับที่ข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนร่างเตชินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด“อาพงศ์ปล่อย
เตซินสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มคลุมใบหน้าอย่างรำคาญเมื่อได้ยินดังอยู่ใกล้ๆ แต่แรงขยับทำให้จากที่ไม่อยากตื่น ตาก็สว่างโร่ เมื่อรับรู้ได้ว่าบนเตียงตัวเอง มีคนอื่นนอนอยู่ด้วย ใจพลันคิด เมื่อคืนพี่พายุไม่ได้กลับไปนอนบ้านเหรอ...ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะแล้วมองไปยังคนข้างๆ“เฮ้ย อาพงศ์” แล้วรีบเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อมองสำรวจร่างกายใต้ผ้าห่มของตัวเองเตชินตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสื้ออาภรณ์ใดๆ บนร่างกายไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว“ใช่ครับ...” พงศ์ตอบสีหน้าราบเรียบ หากแต่เตชินหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แล้วมองสำรวจไปรอบห้องด้วยแววตาตื่นตระหนก และพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองวางกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ไยดี และใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นเสื้ออีกชุด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร...“หมายความว่าไง อาพงศ์ทำอะไรผมเมื่อคืน”ไม่อยากเดา และไม่อยากยอมรับความจริงเสียงทุ้มหนักหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไม รับไม่ได้เหรอ เมื่อคืนคุณเตชินยังบอกว่าชอบอยู่เลย” แล้วยกมือถือในมือขึ้นสูงอีกครั้งเตชินหน้าตื่นแล้วค่อยๆ กลายเป็นสีเรื่อ เมื่อจำได้เลือนรางว่ามันรู้สึกดีจริงๆ ในตอนนั้น“นี่อาพงศ์ถ่ายภาพผมเก็บไว้หรือครับ” แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบ“ก็เอาไว้ดูต