Chapter 8
'ร่วมหอลงโลง'
.
.
"ฉันก็แค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ"
คำพูดของเขามันทำให้มัทนาหันมองด้วยสีหน้าไม่พอใจที่แม้แต่ในตอนนี้ที่กำลังทำพิธีกันเขาก็ยังพยายามจะพูดจาทำร้ายจิตใจของเธออีก "ถ้าปากของคุณมันพูดเรื่องดี ๆ ไม่เป็นก็เงียบไปก็ได้นะคะ มันคงไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนบ้าใบ้ขนาดนั้นหรอก"
เมื่อได้ฟังแบบนั้นกันต์ก็รู้สึกไม่พอใจจนชักสีหน้าแต่เมื่อหันไปมองผู้เป็นพ่อก็ทำให้เขาต้องข่มงับอารมณ์เอาไว้ ใจไม่ได้อยากจะแต่งงานกับมัทนาสักนิดแต่พ่อบังคับถ้าไม่ทำตามก็เตรียมเก็บข้าวของออกไปอยู่นอกบ้านและคนแบบพ่อไม่เคยพูดเล่นหรอก พร้อมจะไล่ตะเพิดเขาออกนอกบ้านเสมอ
พิธีทุกอย่างดำเนินมาจนเสร็จสิ้น แขกเหรื่อทยอยกันกลับบ้านไปจนแทบหมดเหลือแค่ไม่กี่คนที่อยู่ช่วยล้างถ้วยจานและเก็บของภายในงาน มัทนาเดินมาหาพ่อแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นแล้วก้มกราบทั้งสองคน
"แม่ดีใจนะที่เห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝามีคนดูแลเสียที" มิ่งขวัญเอื้อมมือมาลูบหัวของลูกสาว
"ออกเรือนไปแล้วก็ทำหน้าที่เมียให้ดีนะอย่าให้มันขาดตกบกพร่องตรงไหน" ชาตรีพ่อของมัทนาพูดกับลูกสาว
"ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะเป็นเมียที่ดีของผัว จะเป็นให้เหมือนแม่" มัทนาคลี่ยิ้มให้พ่อแม่
"ดีแล้วแหละลูก เมียต้องปรนนิบัติผัวถึงผัวจะดีจะเลวยังไงก็ผัวเรานะ ร่วมหอกันแล้วก็อยู่ด้วยกันให้ถึงร่วมโลงนะลูก"
"ค่ะ หนูรักพ่อแม่นะ"
"พ่อแม่ก็รักหนู"
มัทนาลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดพ่อแม่จนแน่นเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสสวมกอดพวกท่านแบบนี้อีก ที่เธอยอมแต่งงานกับกันต์ส่วนหนึ่งก็เพราะเงินค่าสินสอดทองหมั้นด้วยทางเสกให้เยอะอยู่เหมือนกัน ไหน ๆ ก็เสียตัวไปแล้วก็ไม่ควรเสียฟรี ถึงกันต์จะไม่อยากแต่งงานกับเธอก็เถอะ ฝืนใจหน่อยแต่เงินที่ได้มามันก็มากพอให้พ่อแม่ซื้อวัวซื้อควายจะได้ไม่ต้องลำบากอีก
หลังจากพูดคุยกับพ่อแม่เสร็จมัทนาก็เดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ แต่มันไม่ใช่ห้องของเธอคนเดียวเป็นห้องของกันต์ด้วย เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าเขานั่งอยู่ที่เตียงเงียบ ๆ แต่หญิงสาวก็เลือกจะไม่ถามไถ่ เธอเดินไปถอดเครื่องประดับออกเตรียมจะอาบน้ำ
"ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ" เขาพูดขึ้นจนมัทนารู้สึกรำคาญที่เขาเอาแต่เน้นย้ำคำนี้กับเธออยู่ได้
"ฉันรู้แล้วค่ะ สติก็ยังดีอยู่ไม่ใช่คนเลอะเลือนไม่ต้องย้ำ"
"ก็ฉันอยากให้เธอจำให้ขึ้นใจ ไม่ใช่เห็นฉันยอมแต่งงานด้วยก็มาลอยหน้าลอยตาเป็นคุณนาย"
คำพูดของเขาที่มักจะดูถูกเธอเสมอมันทำให้มัทนาหงุดหงิด เธอหันกลับมาสบตากับกันต์ที่มองมาเช่นกันก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณหรอก แต่ที่ยอมแต่งเนี่ยก็เพื่อเงินทั้งนั้น เงินล้วน ๆ ค่ะ ไม่มีอย่างอื่นเลย"
"สุดท้ายแล้วก็ยอมรับสินะว่าทำทุกอย่างเพื่อเงิน"
"ฉันไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองแบบคุณนะคะ คนจนมันก็ต้องดิ้นรนเพื่อเงิน อีกอย่างฉันเสียตัวให้คุณไปแล้ว มันก็ไม่ผิดนิ่ที่ฉันจะเรียกร้องค่าล้างอายให้ตัวเอง ทุกอย่างมันมีมูลค่านะคะ"
หญิงสาวก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเขาพร้อมปลดเสื้อของตัวเองออกไปด้วย ร่างเล็กหยุดลงตรงหน้าของชายหนุ่มด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าท่อนบนทำเอาสายตาของกันต์จับจ้องไปที่หน้าอกของเธอแทนที่จะเป็นหน้า แต่มัทนาก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนตักของสามีป้ายแดงจนเขาตกใจเล็กน้อย
"พรหมจรรย์ของฉันมันมีราคาสูงนะคะ ดูคุณตอนนี้สิต้องมาร่วมหอกับฉันที่ไม่ได้อยากจะแต่งงานด้วย ต้องบังคับฝืนใจตัวเองแบบเลี่ยงไม่ได้ เห็นไหมว่าพรหมจรรย์ของฉันมันราคาสูงแค่ไหนเพราะมันไม่ได้ทำให้คุณเสียเงินอย่างเดียว แต่เสียอิสระในชีวิตด้วย"
กันต์จับตัวของมัทนาให้ล้มลงนอนโดยมีร่างกายของเขาคร่อมทับเอาไว้ มือใหญ่บีบลงบนคางเล็กจนเธอชักสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ "คนแบบฉันจะไม่มีวันเสียอิสระในชีวิตหรอก"
"นั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่นับจากนี้ไปฉันจะทำหน้าที่เมียให้ดีที่สุดและหนึ่งในหน้าที่นั้นก็คือหึงหวง คุณจะมีผู้หญิงกี่คนก็ได้แต่ฉันจะจัดการผู้หญิงทุกคนของคุณ ไม่ว่าใคร คนไหนก็ตาม"
"งั้นเราจะได้เห็นดีกัน ดูสิเธอกับฉันใครมันจะอกแตกตายก่อนกัน"
ว่าจบใบหน้าคมก็โน้มลงไปไซ้ซอกคอขาวโดยที่มัทนาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเขาแล้ว ยอมให้กันต์ใช้เรือนร่างของเธอในการปรนเปรอความสุขของเพราะมันคือหนึ่งในหน้าที่ของเมีย ในเมื่อมันเลือกอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นไปแบบนี้แล้วเธอก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับมัน อย่างน้อยก็คิดเสียว่าอยู่ตรงนี้เพื่อเงินทองแล้วกัน
Chapter 9'สวาทเขย่าหอ'..เสียงลมหายใจร้อนเป่ารดเรือนร่างเปลือยเปล่าของมัทนา ใบหน้าคมของกันต์ไล่พรมจูบดอมดมไปทั่วร่างกายของเธอที่ถูกมัดแขนไว้กับขื่อของบ้านจนยืนตรงมือก็ยืดขึ้นเหนือหัวจนสุดแขน มันค่อนข้างวิปลาสแต่ถ้าเขาชอบและต้องการเธอในฐานะเมียก็พร้อมจะสนองเทียนที่ถูกจุดให้ความสว่างไสวภายในห้องถูกยกขึ้นมา น้ำตาเทียนที่กำลังร้อนระอุเต็มเชิงเทียนถูกสาดใส่ร่างกายของมัทนาฝังความแสบร้อนลงบนเนื้ออ่อนของเธอจนหญิงสาวหลุดเสียงกรี๊ดออกมานั่นทำให้กันต์ต้องหยิบเอาผ้ามาปิดปากเอาไว้เธอจะได้ไม่ส่งเสียงออกมาให้ใครตกใจมัทนาที่ในตอนนี้ถูกจับมัดห้อยอยู่กับขื่อก็ไร้ซึ่งทางสู้ ต้องยอมให้เขาเอาผ้าปิดปากแต่โดยดี สมองก็จินตนาการว่าหลังจากนี้เขาจะสาดกามวิปลาสเข้าใส่เธอในรูปแบบไหนอีก แต่เขากลับหยดน้ำตาเทียนลงบนผิวของเธอแทนจนหญิงสาวบิดเร้าร่างกายด้วยความแสบร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายร่างกายของมัทนาเต็มด้วยคราบแห้งกรังของน้ำตาเทียน ริมฝีปากหนาไล่พรมจูบไปทั่วเนื้ออ่อนฝากร่องรอยรักสีแดงจ้ำเอาไว้สลับกับขบกัดจนหญิงสาวชักสีหน้าเหยเก ดวงตาเจิ่งนองไปด้วยคราบน้ำตาจากความเจ็บปวด มันช่างเป็นคืนเข้าหอที่น่าจดจำเสี
Chapter 9'สวาทเขย่าหอ'..มันเป็นความเจ็บปวดที่หอมหวานเวลาผ่านเลยไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่บทรักยังคงดำเนินต่อไป ร่างเล็กถูกพามายังหน้าต่าง ใบหน้าของเธอหันออกด้านนอกที่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่เห็นเป็นเงาราง ๆ เหมือนสัตว์ร้าย แรงกระแทกยังคงส่งผ่านมาจากด้านหลังจนร่างกายโยกเย้า มือเล็กต้องเกาะขอบหน้าต่างแน่นเพราะกลัวว่าจะตกกันต์ดึงตัวมัทนาขึ้นมาก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งบีบลงบนคอของเธอ เพิ่มแรงมากขึ้นจนหญิงสาวเริ่มดิ้นพล่านเมื่อรู้สึกหายใจหายคอติดขัด ในขณะที่เอวของเขาก็ยังคงอัดกระแทกแก่นกายร้อนระอุใส่ช่องแคบสรวงสวรรค์ของเธอไม่เบาแรง ร่างกายรู้สึกเสียวซ่านและทรมานไปพร้อม ๆ กันเมื่อมือใหญ่เพิ่มแรงบีบที่คอมากขึ้น"อือออ!" เธอส่งเสียงร้องอื้ออึงออกมาเพราะปากยังคงมีผ้าผูกปิดเอาไว้จนพูดไม่เป็นภาษาไหนจะหลอดลมที่ถูกบีบรัดอีก ใบหน้าหวานเริ่มซีดลงเมื่อเลือดไปเลี้ยงใบหน้าไม่เพียงพอ ดวงตาพร่ามัวเหมือนคนที่กำลังจะหมดสติร่างกายอ่อนเพลียแรงจนแทบยืนไม่ไหวแต่ก่อนที่เธอจะขาดอากาศหายใจไปจริง ๆ เขาก็ปล่อยมือออกจากคอของเธอ ให้ร่างกายได้เป็นอิสระอีกครั้ง มัทนารีบสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ดวงตาเริ่มกลับมาชัดอ
Chapter 10'สาวเมืองกรุงกับสาวบ้านนอก'..มัทนาเดินเข้ามาภายในหมู่บ้านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่จับจ้องมาที่เธอ ก็เข้าใจแหละว่าเธอเป็นคนต่างบ้าน เคยเป็นสาวใช้ที่ดันตกถังข้าวสารมันก็ไม่แคล้วชาวบ้านนินทาหรอก หญิงสาวพยายามไม่สนใจเลือกจะเดินตรงไปยังร้านค้าเพื่อเตรียมใส่บาตรพระตามคำแนะนำของคนขับรถที่อุตส่าห์ขับพาเธอมาที่นี่ "ป้าคะ ขอซื้อน้ำขวดกับนมถั่วเหลืองหนึ่งกล่องค่ะ" มัทนาพูดกับเจ้าของร้านขายของชำ "นี่จ้ะ 15 บาท" ป้ายื่นของให้มัทนา"ขอบคุณนะคะ" มัทนายื่นเงินให้ป้าและได้เงินถอนกลับมา "หนูนี่ลูกสะใภ้คุณเสกเขาใช่ไหม?""ใช่ค่ะ""สวยแบบที่เขาพูดกันเลย" "คนสวยวาสนาดี ชาติที่แล้วคงทำบุญมาเยอะ" ป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหามัทนาพร้อมจับไปตามแขนของเธอด้วยจนหญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกไป "ขอบคุณนะคะ" เธอกล่าวกับป้าตรงหน้าเป็นจังหวะที่พระมาพอดีเธอเลยรีบเดินออกไปใส่บาตร"นิมนต์เจ้าค่ะ" มัทนายกมือขึ้นไหว้พระภิกษุก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งย่อที่พื้น เมื่อพระหยุดลงจึงหยิบข้าวปลาอาหารที่ใส่ถุงแกงร้อนมาอย่างเรียบร้อยใส่ลงไปในบาตรพระ ตามด้วยนมและน้ำ "อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธ
Chapter 11'กระซ่านสวาท'..รถขับพาสองสามีภรรยากลับมาบ้าน ทันทีที่ถึงบ้านมัทนาก็รีบก้าวลงจากรถเดินหนีกันต์ในทันทีเพราะไม่อยากปะทะคารมกับเขาในตอนนี้เพิ่งจะใส่บาตรมาแต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่สนใจเขารีบก้าวเท้าไปหาหญิงสาวแล้วกระชากแขนของเธอให้หยุด"อะไรคะ?" เธอหันมามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ"ทำไมไปไหนไม่คิดจะบอกฉันบ้าง?""ก็คุณหลับอยู่ถ้าฉันปลุกคุณเดี๋ยวคุณก็โมโหใส่ฉันอีก""แต่หายไปแบบนี้ฉันยิ่งหงุดหงิด""ทำไมคะ? หรือคิดว่าฉันจะหนีคุณไป?""ใช่ ฉันกลัวเธอจะหนีฉันไป แต่ไม่ใช่เพราะรักเธอหรอกนะ แต่เพราะยังใช้งานเธอไม่คุ้มกับค่าสินสอดที่เสียไปต่างหาก""งั้นก็เอาสิคะ ตรงนี้เลยดีไหม?" มัทนาวางตะกร้าลงก่อนจะหันกลับมามองหน้ากันต์แล้วเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองจนเห็นถึงหน้าอกนั่นทำให้ชายหนุ่มตกใจเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำอะไรแบบนี้"นี่ทำบ้าอะไร หน้าไม่มียางอายบ้างเหรอไง?" เขารีบดึงเสื้อของเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าใครจะเห็น"ฉันมันหมดยางอายตั้งแต่เสียตัวให้คุณแล้ว" เธอปัดมือของเขาออกและทำท่าจะถอดเสื้อออกจริง ๆ"หยุดนะมัทนา!" กันต์แผดเสียงเข้มใส่เธอก่อนจะลากตัวหญิงสาวกลับเข้าห้องเขาเหวี่ยงเธอไปที่พื้
Chapter 12'วันแรกในฐานะสะใภ้'..@หมู่บ้านตีนเขากุมภกรรณรถออฟโรดถูกขับเข้ามาภายในหมู่บ้านจนฝุ่นจากดินแดงฟุ้งกระจายไปทั่วทิศทาง ก่อนจะมีกลุ่มคนก้าวลงมาจากรถด้วยท่าทางขะมักเขม้นและการแต่งตัวแบบคนเมือง ที่ท้ายรถยังมีสัมภาระมากมายรวมถึงปืนผาหน้าไม้อีกด้วย"พวกเอ็งเป็นใครเนี่ย มีธุระอะไร?" ไกรศักดิ์เดินเข้ามาทักทายผู้มาเยือน"สวัสดีครับ ลุงคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ผมและคณะเป็นพรานป่า ได้ข่าวว่าป่าที่นี่สิงสาราสัตว์มันเยอะเลยจะมาล่าสักหน่อย" เมฆ หัวหน้าคณะยกมือไหว้ไกรศักดิ์พร้อมบอกกล่าวจุดประสงค์แบบไม่มีปิดบัง"เออ ๆ แต่พวกเอ็งก็น่าจะรู้นิ่ว่าป่าที่นี่มันแรง""ผมทราบแล้วครับ แต่ไม่ต้องห่วงพวกผมก็มีของดีเหมือนกัน""งั้นทางฉันก็ไม่ขัดหรอก มันไม่ใช่ป่าของฉันห้ามไม่ได้""งั้นพวกผมขอกางเต็นท์นอนค้างในหมู่บ้านสักคืนนะครับ พอจะมีที่ให้ไหม?""งั้นก็ทางนู้นแล้วกัน มันมีบ่อน้ำอยู่ พวกเอ็งจะได้อาบน้ำอาบท่ากันได้" ไกรศักดิ์ชี้นิ้วไปที่ข้างหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีบ่อน้ำใหญ่"งั้นขอบคุณนะครับ เร็วเว้ยพวกเราขนของไปที่ริมบ่อน้ำจะได้กางเต็นท์นอนกันก่อนจะมืดค่ำ" เมฆหันไปสั่งลูกน้องก่อนจะเดินออกไปเพื่อ
Chapter 1'ยินดีต้อนรับสู่พรรณภูมิ'..รถสองแถวขับมาจอดยังหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หญิงสาวร่างเล็กผิวขาวเนียนก้าวลงจากรถสองมือก็ถือกระเป๋าสานใบใหญ่ลงมาด้วย เธอเดินมาหยุดยังหน้าป้ายไม้ที่เขียนว่า บ้านพรรณภูมิ ก่อนจะทอดสายตามองเข้าไปตามถนนเล็ก ๆ ที่เป็นดินลูกรังสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าดงดูน่ากลัวแถมรอบตัวของเธอก็มีแต่ขุนเขาล้อมรอบเหมือนตัวเธอกำลังอยู่กลางแอ่งกระทะอย่างงั้นแหละ บรรยากาศมันชนบทสุด ๆตอนนั้นเองก็มีรถยนต์ขับตรงมาทางเธอ เป็นรถรุ่นราคาแพงเชียวบงบอกถึงสถานะของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดีว่าต้องร่ำรวยมาก ๆ เพราะรถยนต์แบบนี้น่าจะไปวิ่งในเมืองกรุงมากกว่า แต่นี่กลับมาอยู่ในชนบทไกลปืนเที่ยงแบบนี้ แต่ถึงมันจะดูชนบทมากแค่ไหนก็ยังดีที่มีรถประจำทางวิ่งผ่านเพราะมันติดกับถนนใหญ่ ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้ก็คงไม่มีรถเข้าถึงเหมือนกัน“คุณมัทนาใช่ไหมครับ?” ลุงคนขับยื่นหน้าออกมาถามหญิงสาว“ใช่ค่ะ ฉันเอง” มัทนา หญิงสาววัย 19 ตอบเสียงหวาน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“งั้นขึ้นรถเลยครับ ผมจะพาไปบ้านพรรณภูมิ”“ค่ะ” มัทนาก้าวขึ้นมานั่งบนรถอย่างไม่คิดอะไรมากรถเลี้ยวกลับแล้วขับเข้าไปในหมู่บ้านที่เห็นบ้านคน
Chapter 2'คืนแรกต่างถิ่น'.."ที่นี่ร่มรื่นดีนะคะ"มัทนาหันไปชวนกันต์คุยเพราะเขาเอาแต่เงียบ ตลอดทางที่เดินมาส่งเธอเนี่ยไม่พูดไม่จาเลย บรรยากาศรอบตัวก็เงียบวังเวงเหมือนหลุดเข้ามาในป่าจริง ๆ แต่เป็นป่าร้างที่ไม่มีสิงสาราสัตว์ มันก็น่าแปลกนะทำไมไม่มีเสียงนกเสียงแมลงเลย ทั้งที่ต้นไม้ใบหญ้าเยอะขนาดนี้"มันเป็นป่าเขานิ่" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย"แต่ไม่ค่อยมีเสียงนกเสียงกาเลยนะคะ"คำพูดของมัทนามันทำให้กันต์ต้องหันมองเธอเล่นเอาหญิงสาวรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมากับสายตาเย็นชาของเขาที่แสนน่ากลัว แค่เธอพูดเรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องทำหน้าตาไม่พอใจด้วย"ฉันพูดอะไรผิดเหรอคะ?""นี่มันเย็นแล้วจะมีเสียงนกเสียงกาได้ยังไง มันกลับเข้ารังหมดแล้ว"คำพูดของเขาทำเอาเธอมึนงงเพราะปกติช่วงเย็นนกเข้ารังเนี่ยจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วจะตายไป เธอไม่เคยเจอนกกลับรังแล้วเงียบสักนิด มันแปลกจัง แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปเพราะท่าทางของกันต์ดูไม่ชอบใจที่เธอชวนคุยเขาพาเธอเดินมาส่งที่บ้านพักหลังเรือนใหญ่ หญิงสาวจึงหันไปส่งยิ้มหวานให้ "ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์เดินมาส่ง""กลางค่ำกลางคืนถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหนละ""ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ"
Chapter 3'เป็นเมียฉันเถอะ'..มัทนาเดินถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมายังด้านหลังบ้าน เธอเดินไปตามทางที่ทิพย์บอกเพื่อไปยังบ่อน้ำที่อยู่ในบริเวณเขตบ้านของพรรณภูมิเพื่อซักผ้า เมื่อเดินมาสักพักก็มาถึงที่ริมบ่อมีท่าน้ำและกะละมังคว่ำไว้อยู่แล้ว หญิงสาวหยิบเอาเก้าอี้ไม้มานั่งแล้วตักน้ำใส่กะละมังเพื่อลงมือซักผ้าจะได้ไปทำงานอื่นต่อโดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอมีกันต์กำลังแอบมองอยู่ เขาตามเธอไปทุกที่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็คอยเฝ้ามองเงียบ ๆ ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังผิวกายขาวเนียน เนื้ออ่อน ๆ ของมัทนาก็ทำเอาความกระหายในตัวของเขาพลุ่งพล่านจนแววตาสีดำทมิฬแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ลิ้นสากตวัดเลียริมฝีปากของตนด้วยความอยากลิ้มลองในรสชาติของสาวพรหมจรรย์"อย่าไปยุ่งกับเธอ" เสียงของเสกดังขึ้นที่ด้านหลังจนกันต์ต้องหันกลับไปมองพ่อ"ทำไม?" เขาถามคนเป็นพ่อกลับด้วยน้ำเสียงหวน ๆ"เพราะฉันเบื่อหน่ายที่จะต้องคอยหาคนมาทำงานใหม่แล้วไง คนเข้ามาตลอดแต่ไม่เคยมีออกไปจนชาวบ้านเขาสงสัยไปทั่วแล้ว""แต่ผมอยากได้เธอ" เขาบอกความต้องการกับพ่อไปตรง ๆ"แกจะอยากได้ทุกคนไม่ได้หรอกนะ""แต่คนนี้มันพิเศษกว่าคนอื่น""แกหมายความว่ายังไง?""ผมอยากได
Chapter 12'วันแรกในฐานะสะใภ้'..@หมู่บ้านตีนเขากุมภกรรณรถออฟโรดถูกขับเข้ามาภายในหมู่บ้านจนฝุ่นจากดินแดงฟุ้งกระจายไปทั่วทิศทาง ก่อนจะมีกลุ่มคนก้าวลงมาจากรถด้วยท่าทางขะมักเขม้นและการแต่งตัวแบบคนเมือง ที่ท้ายรถยังมีสัมภาระมากมายรวมถึงปืนผาหน้าไม้อีกด้วย"พวกเอ็งเป็นใครเนี่ย มีธุระอะไร?" ไกรศักดิ์เดินเข้ามาทักทายผู้มาเยือน"สวัสดีครับ ลุงคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ผมและคณะเป็นพรานป่า ได้ข่าวว่าป่าที่นี่สิงสาราสัตว์มันเยอะเลยจะมาล่าสักหน่อย" เมฆ หัวหน้าคณะยกมือไหว้ไกรศักดิ์พร้อมบอกกล่าวจุดประสงค์แบบไม่มีปิดบัง"เออ ๆ แต่พวกเอ็งก็น่าจะรู้นิ่ว่าป่าที่นี่มันแรง""ผมทราบแล้วครับ แต่ไม่ต้องห่วงพวกผมก็มีของดีเหมือนกัน""งั้นทางฉันก็ไม่ขัดหรอก มันไม่ใช่ป่าของฉันห้ามไม่ได้""งั้นพวกผมขอกางเต็นท์นอนค้างในหมู่บ้านสักคืนนะครับ พอจะมีที่ให้ไหม?""งั้นก็ทางนู้นแล้วกัน มันมีบ่อน้ำอยู่ พวกเอ็งจะได้อาบน้ำอาบท่ากันได้" ไกรศักดิ์ชี้นิ้วไปที่ข้างหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีบ่อน้ำใหญ่"งั้นขอบคุณนะครับ เร็วเว้ยพวกเราขนของไปที่ริมบ่อน้ำจะได้กางเต็นท์นอนกันก่อนจะมืดค่ำ" เมฆหันไปสั่งลูกน้องก่อนจะเดินออกไปเพื่อ
Chapter 11'กระซ่านสวาท'..รถขับพาสองสามีภรรยากลับมาบ้าน ทันทีที่ถึงบ้านมัทนาก็รีบก้าวลงจากรถเดินหนีกันต์ในทันทีเพราะไม่อยากปะทะคารมกับเขาในตอนนี้เพิ่งจะใส่บาตรมาแต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่สนใจเขารีบก้าวเท้าไปหาหญิงสาวแล้วกระชากแขนของเธอให้หยุด"อะไรคะ?" เธอหันมามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ"ทำไมไปไหนไม่คิดจะบอกฉันบ้าง?""ก็คุณหลับอยู่ถ้าฉันปลุกคุณเดี๋ยวคุณก็โมโหใส่ฉันอีก""แต่หายไปแบบนี้ฉันยิ่งหงุดหงิด""ทำไมคะ? หรือคิดว่าฉันจะหนีคุณไป?""ใช่ ฉันกลัวเธอจะหนีฉันไป แต่ไม่ใช่เพราะรักเธอหรอกนะ แต่เพราะยังใช้งานเธอไม่คุ้มกับค่าสินสอดที่เสียไปต่างหาก""งั้นก็เอาสิคะ ตรงนี้เลยดีไหม?" มัทนาวางตะกร้าลงก่อนจะหันกลับมามองหน้ากันต์แล้วเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองจนเห็นถึงหน้าอกนั่นทำให้ชายหนุ่มตกใจเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำอะไรแบบนี้"นี่ทำบ้าอะไร หน้าไม่มียางอายบ้างเหรอไง?" เขารีบดึงเสื้อของเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าใครจะเห็น"ฉันมันหมดยางอายตั้งแต่เสียตัวให้คุณแล้ว" เธอปัดมือของเขาออกและทำท่าจะถอดเสื้อออกจริง ๆ"หยุดนะมัทนา!" กันต์แผดเสียงเข้มใส่เธอก่อนจะลากตัวหญิงสาวกลับเข้าห้องเขาเหวี่ยงเธอไปที่พื้
Chapter 10'สาวเมืองกรุงกับสาวบ้านนอก'..มัทนาเดินเข้ามาภายในหมู่บ้านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่จับจ้องมาที่เธอ ก็เข้าใจแหละว่าเธอเป็นคนต่างบ้าน เคยเป็นสาวใช้ที่ดันตกถังข้าวสารมันก็ไม่แคล้วชาวบ้านนินทาหรอก หญิงสาวพยายามไม่สนใจเลือกจะเดินตรงไปยังร้านค้าเพื่อเตรียมใส่บาตรพระตามคำแนะนำของคนขับรถที่อุตส่าห์ขับพาเธอมาที่นี่ "ป้าคะ ขอซื้อน้ำขวดกับนมถั่วเหลืองหนึ่งกล่องค่ะ" มัทนาพูดกับเจ้าของร้านขายของชำ "นี่จ้ะ 15 บาท" ป้ายื่นของให้มัทนา"ขอบคุณนะคะ" มัทนายื่นเงินให้ป้าและได้เงินถอนกลับมา "หนูนี่ลูกสะใภ้คุณเสกเขาใช่ไหม?""ใช่ค่ะ""สวยแบบที่เขาพูดกันเลย" "คนสวยวาสนาดี ชาติที่แล้วคงทำบุญมาเยอะ" ป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหามัทนาพร้อมจับไปตามแขนของเธอด้วยจนหญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกไป "ขอบคุณนะคะ" เธอกล่าวกับป้าตรงหน้าเป็นจังหวะที่พระมาพอดีเธอเลยรีบเดินออกไปใส่บาตร"นิมนต์เจ้าค่ะ" มัทนายกมือขึ้นไหว้พระภิกษุก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งย่อที่พื้น เมื่อพระหยุดลงจึงหยิบข้าวปลาอาหารที่ใส่ถุงแกงร้อนมาอย่างเรียบร้อยใส่ลงไปในบาตรพระ ตามด้วยนมและน้ำ "อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธ
Chapter 9'สวาทเขย่าหอ'..มันเป็นความเจ็บปวดที่หอมหวานเวลาผ่านเลยไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่บทรักยังคงดำเนินต่อไป ร่างเล็กถูกพามายังหน้าต่าง ใบหน้าของเธอหันออกด้านนอกที่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่เห็นเป็นเงาราง ๆ เหมือนสัตว์ร้าย แรงกระแทกยังคงส่งผ่านมาจากด้านหลังจนร่างกายโยกเย้า มือเล็กต้องเกาะขอบหน้าต่างแน่นเพราะกลัวว่าจะตกกันต์ดึงตัวมัทนาขึ้นมาก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งบีบลงบนคอของเธอ เพิ่มแรงมากขึ้นจนหญิงสาวเริ่มดิ้นพล่านเมื่อรู้สึกหายใจหายคอติดขัด ในขณะที่เอวของเขาก็ยังคงอัดกระแทกแก่นกายร้อนระอุใส่ช่องแคบสรวงสวรรค์ของเธอไม่เบาแรง ร่างกายรู้สึกเสียวซ่านและทรมานไปพร้อม ๆ กันเมื่อมือใหญ่เพิ่มแรงบีบที่คอมากขึ้น"อือออ!" เธอส่งเสียงร้องอื้ออึงออกมาเพราะปากยังคงมีผ้าผูกปิดเอาไว้จนพูดไม่เป็นภาษาไหนจะหลอดลมที่ถูกบีบรัดอีก ใบหน้าหวานเริ่มซีดลงเมื่อเลือดไปเลี้ยงใบหน้าไม่เพียงพอ ดวงตาพร่ามัวเหมือนคนที่กำลังจะหมดสติร่างกายอ่อนเพลียแรงจนแทบยืนไม่ไหวแต่ก่อนที่เธอจะขาดอากาศหายใจไปจริง ๆ เขาก็ปล่อยมือออกจากคอของเธอ ให้ร่างกายได้เป็นอิสระอีกครั้ง มัทนารีบสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ดวงตาเริ่มกลับมาชัดอ
Chapter 9'สวาทเขย่าหอ'..เสียงลมหายใจร้อนเป่ารดเรือนร่างเปลือยเปล่าของมัทนา ใบหน้าคมของกันต์ไล่พรมจูบดอมดมไปทั่วร่างกายของเธอที่ถูกมัดแขนไว้กับขื่อของบ้านจนยืนตรงมือก็ยืดขึ้นเหนือหัวจนสุดแขน มันค่อนข้างวิปลาสแต่ถ้าเขาชอบและต้องการเธอในฐานะเมียก็พร้อมจะสนองเทียนที่ถูกจุดให้ความสว่างไสวภายในห้องถูกยกขึ้นมา น้ำตาเทียนที่กำลังร้อนระอุเต็มเชิงเทียนถูกสาดใส่ร่างกายของมัทนาฝังความแสบร้อนลงบนเนื้ออ่อนของเธอจนหญิงสาวหลุดเสียงกรี๊ดออกมานั่นทำให้กันต์ต้องหยิบเอาผ้ามาปิดปากเอาไว้เธอจะได้ไม่ส่งเสียงออกมาให้ใครตกใจมัทนาที่ในตอนนี้ถูกจับมัดห้อยอยู่กับขื่อก็ไร้ซึ่งทางสู้ ต้องยอมให้เขาเอาผ้าปิดปากแต่โดยดี สมองก็จินตนาการว่าหลังจากนี้เขาจะสาดกามวิปลาสเข้าใส่เธอในรูปแบบไหนอีก แต่เขากลับหยดน้ำตาเทียนลงบนผิวของเธอแทนจนหญิงสาวบิดเร้าร่างกายด้วยความแสบร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายร่างกายของมัทนาเต็มด้วยคราบแห้งกรังของน้ำตาเทียน ริมฝีปากหนาไล่พรมจูบไปทั่วเนื้ออ่อนฝากร่องรอยรักสีแดงจ้ำเอาไว้สลับกับขบกัดจนหญิงสาวชักสีหน้าเหยเก ดวงตาเจิ่งนองไปด้วยคราบน้ำตาจากความเจ็บปวด มันช่างเป็นคืนเข้าหอที่น่าจดจำเสี
Chapter 8'ร่วมหอลงโลง'.."ฉันก็แค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ"คำพูดของเขามันทำให้มัทนาหันมองด้วยสีหน้าไม่พอใจที่แม้แต่ในตอนนี้ที่กำลังทำพิธีกันเขาก็ยังพยายามจะพูดจาทำร้ายจิตใจของเธออีก "ถ้าปากของคุณมันพูดเรื่องดี ๆ ไม่เป็นก็เงียบไปก็ได้นะคะ มันคงไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนบ้าใบ้ขนาดนั้นหรอก"เมื่อได้ฟังแบบนั้นกันต์ก็รู้สึกไม่พอใจจนชักสีหน้าแต่เมื่อหันไปมองผู้เป็นพ่อก็ทำให้เขาต้องข่มงับอารมณ์เอาไว้ ใจไม่ได้อยากจะแต่งงานกับมัทนาสักนิดแต่พ่อบังคับถ้าไม่ทำตามก็เตรียมเก็บข้าวของออกไปอยู่นอกบ้านและคนแบบพ่อไม่เคยพูดเล่นหรอก พร้อมจะไล่ตะเพิดเขาออกนอกบ้านเสมอพิธีทุกอย่างดำเนินมาจนเสร็จสิ้น แขกเหรื่อทยอยกันกลับบ้านไปจนแทบหมดเหลือแค่ไม่กี่คนที่อยู่ช่วยล้างถ้วยจานและเก็บของภายในงาน มัทนาเดินมาหาพ่อแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นแล้วก้มกราบทั้งสองคน"แม่ดีใจนะที่เห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝามีคนดูแลเสียที" มิ่งขวัญเอื้อมมือมาลูบหัวของลูกสาว"ออกเรือนไปแล้วก็ทำหน้าที่เมียให้ดีนะอย่าให้มันขาดตกบกพร่องตรงไหน" ชาตรีพ่อของมัทนาพูดกับลูกสาว"ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะเป็นเมียที่ดีของ
Chapter 8'ร่วมหอลงโลง'..สองสัปดาห์ต่อมาภายในบ้านสุพรรณภูมิมีผู้คนเข้าออกมากมาย ใต้ถุนบ้านมีเหล่าคนเฒ่าคนแก่ช่วยกันทำกับข้าวอยู่ บริเวณบ้านก็ถูกตกแต่งไปด้วยผ้าสีต่าง ๆ มากมาย พวงมาลัยมะลิถูกตกแต่งตามประตูหน้าต่างจนกลิ่มหอมโชยเป็นสัญญาณของงานมงคลที่กำลังถูกจัดขึ้นภายในบ้านหลังนี้ ทิพย์ในชุดผ้าไหมสวยงามเดินเข้ามาภายในห้องหนึ่งที่ด้านในมีมัทนากำลังแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อผ้าไหมสีครีมปักลวดลายสีทองเด่นสง่ามีสไบผืนเล็กที่ถูกถักทอเป็นลวดลายนกยูงเข้ากับผ้าซิ่นผ้าไหมลายเดียวกันพาดเฉียงไหล่เอาไว้อย่างสวยงาม ผมถูกม้วนเป็นมวยขึ้นไปประดับด้วยดอกไม้และปิ่นปักผมลายนกยูงสีทอง ใบหน้าสวยหวานแต่งเติมไปด้วยเครื่องประทินโฉมจนสวยเด่นกว่าใครทุกคนในงาน“งดงามแท้ ๆ” ทิพย์เดินเข้ามาหามัทนาสายตาก็จับจ้องหญิงสาวผ่านกระจกเงาตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม“หนูไม่แน่ใจเลยค่ะ” เธอสบตากับทิพย์อย่างลังเลใจ“ทำไมล่ะ มีอะไรให้ต้องทุกข์ใจอีก?”“คุณก็รู้ว่าคุณกันต์ไม่อยากแต่งงานกับหนู บังคับเขาแบบนี้มันจะไม่ยิ่งแย่เหรอคะ?”“ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง บางทีคนนิสัยแบบกันต์ก็ควรถูกขัดใจบ้าง”คำพูดของทิพย์มันยิ่งทำให้มั
Chapter 7'ไม่สมฐานะ'.."ใช่ แต่งงาน มันคือสิ่งที่ถูกที่ควร"เมื่อได้ฟังแบบนั้นมัทนาก็เกิดความลังเลใจขึ้นมา มันถูกต้องแล้วที่คนได้เสียเป็นผัวเป็นเมีย ผิดผีกันแล้วมันจะต้องแต่งงานกัน ขอขมาญาติผู้ใหญ่ ทำตามประเพณีให้มันถูกต้องเพื่อเกียรติของตัวเองด้วย แต่ที่เธอลังเลเพราะขนาดยังไม่แต่งงานเขายังเกือบจะฆ่าเธอถ้าไม่มีคนมาช่วยคงตายไปแล้วและถ้าแต่งงานไปเธอจะไม่ตายคาเรือนหอเลยเหรอไง"ไม่ต้องคิดมากนะ ทำใจให้สบาย ฉันกับคุณเสกจะจัดการเรื่องนี้ให้ ตอนนี้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะ อะไรที่มันเสียไปแล้วเราเรียกคืนไม่ได้เพราะฉะนั้นให้มันเป็นอดีตดีกว่า อย่าเก็บมาคิดให้เราทุกข์"มัทนาไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินไปทางห้องน้ำ แต่เมื่อเข้ามาในห้องน้ำได้เธอก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนเนื้อตัวสั่นเทา ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมน้ำตาที่เจิ่งนองไปทั่วใบหน้า ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำรอยแดงจ้ำมันตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ในตอนนี้สูญสิ้นแล้วซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ตั้งใจรักษาเอาไว้ให้ผู้ชายที่จะร่วมหอลงโรงด้วย มันถูกกันต์ย่ำยีและกระชากเอาไปหมดแล้วเธอยังคงสับสน ยังคงไม่เข้า
Chapter 7'ไม่สมฐานะ'..เสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วไปทั่วผืนป่า ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในห้องนอนจนหน้าต่างปลิวไสวมันทำให้มัทนาที่กำลังหลับค่อย ๆ เปิดเปลือกตาสวยขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้าด้วยความมึนเบลอ สายตายังคงพร่ามัว เธอขยับตัวเล็กน้อยกลับรู้สึกหนัก ๆ เหมือนมีอะไรพาดทับบนหน้าอก"ว้ายยยย!" แต่เมื่อหันไปมองหญิงสาวก็ต้องตกใจจนร้องกรี๊ดออกมาเมื่อพบว่ากันต์ในสภาพเปลือยเปล่ากำลังนอนกอดเธออยู่และไม่ใช่เขาที่เปลือย เธอเองก็เหมือนกันไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอะไรเลย"ตื่นแล้วเหรอจ้ะเมีย" กันต์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นหน้าตาตื่นตกใจของมัทนา"กรี๊ดดดด!" แต่แทนที่มัทนาจะตอบเขากลับส่งเสียงกรี๊ดอัดหน้าชายหนุ่มแทน หญิงสาวรีบก้าวขาลงจากเตียงด้วยความตกใจมือก็หยิบเอาผ้าห่มมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้สมองพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น ภาพความทรงจำมากมายก็ไหลพรั่งพรูเข้ามา ภาพที่เธอกำลังเล่นบทรักบทสวาทอันเร่าร้อนกับเขา ทั้งบนเตียง บนพื้น เกาะผนัง เรียกว่าทำหมดทุกพื้นที่ในห้องนี้เลยก็ว่าได้ให้ตายสิทำไมเธอร่านสวาทขนาดนั้น!แต่มันน่าตกใจกว่าตรงที่เธอไม่ขัดขืนเขาเลย สมยอมเขาทุกอย่าง มันน่าแปลกจังเพราะเธอไม่อย