อ้าว!? อาการอึ้งปนงงในครั้งแรกกำลังเวียนกลับคำรบสอง พอเข้าใจอยู่หรอกนะกับอ้ายสาขาที่หล่อนจบมามันไม่ตรงกับงานที่นี่แน่นอน ก็หล่อนจบมาทางด้านอักษรศาสตร์ ไม่เกี่ยวกับการโรงแรมเลยสักกระผีกเดียว
“อย่าเพิ่งสงสัยอะไร และอย่าเพิ่งถามนะคะ คืออย่างนี้ค่ะ เบื้องบนสั่งลงมาว่าให้รับน้องเข้าทำงานได้เลย แล้วให้ทางพี่จัดหาตำแหน่งงานให้น้องตามแต่พิจารณา ซึ่งพี่ก็ได้จัดตั้งตำแหน่งใหม่ขึ้นมาให้หมาด ๆ เมื่อสองสามวันมานี้เอง หลังจากได้รับคำสั่ง ซึ่งนั่นก็คือ ..เป็นพนักงานฝึกหัดทั่วไปก่อน ก็คอยช่วยงานภายในและภายนอกออฟฟิศ ทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย พอทำได้ไหมคะ สงสัยอะไรถามได้เลยนะถ้าตอบได้พี่ก็จะตอบ อ้อ! อีกอย่างนะ น้องอาจจะต้องได้สัมภาษณ์ กับบอสใหญ่ คุณมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกลอีกรอบ ซึ่งท่านเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ พอดีว่าช่วงนี้ท่านต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว คงเข้าใจอะไรมากกว่านี้ เอาล่ะ ว่าไงจ๊ะ ตกลงว่ายังไง O.K หรือ NO.K ..” คุณปาริฉัตรอธิบายเสียยืดยาวอยู่ฝ่ายเดียว ถึงคราวที่หล่อนจะต้องตอบแม้ในหัวจะเต็มไปด้วยความแปลกใจ สมองของเธอมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“อ่ะ..ค่ะ ต่ะ..ตกลงค่ะ” จอมขวัญเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง รีบตอบกลับพัลวัน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง งานไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ยิ่งเป็นบริษัทใหญ่ ๆ อย่างเอ็ม ไอ พี นี่แล้วด้วย จะอะไรก็คว้าไว้ก่อนละกัน
“งั้นเอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เริ่มงานพรุ่งนี้ พอไหวไหม?” คนถามยังถามต่อ จอมขวัญพยักหน้าหงึกหงักอีกตามเคย
“อ้อ!ลืมแนะนำตัวไปพี่ชื่อปาริฉัตร เรียกพี่ปาเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วเราล่ะชื่ออะไรจะได้เรียกง่าย ๆ”
“ชื่อ..จอมค่ะ” รู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้างเมื่อคุณปาริฉัตรหรือพี่ปา พูดคุยอย่างเป็นกันเอง จนทำให้อาการประหม่าในตอนแรกลดทอนลงไปบ้างแล้ว หลังจากการสนทนา ซึ่งส่วนมากผูกขาดไปที่คุณปาริฉัตรเสียมากกว่า การสนทนาสิ้นสุดลง พี่ปาหรือคุณปาริฉัตรก็ได้เรียกให้คุณสุชาดา พี่สาวคนที่พาเธอเข้ามาในตอนแรก เพื่อนำหล่อนไปอีกห้องหนึ่ง แนะนำถึงกฎ ระเบียบต่าง ๆ ของบริษัท และหน้าที่ของหล่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มงานที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก
ถัดจากนั้นคุณสุชาดาก็พาหล่อนทัวร์จนรอบบริษัทพร้อมกับแนะนำ ให้หล่อนได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ หลาย ๆ คนหลาย ๆ แผนก บางคนยิ้มต้อนรับ บางคนแค่พยักหน้า จนแทบจำไม่หวาดไม่ไหว อะไรมันจะใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก่อนที่จะจบภารกิจที่คุณสุชาดา หรือพี่สุ ผู้มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวให้หล่อนเสร็จสิ้นลง และก่อนที่หล่อนจะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม จอมขวัญเลยตัดสินใจแอบกระซิบถามความในใจที่มันค้างคาตั้งแต่ตอนแรก
“พี่สุคะ ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” จากการที่ได้พูดคุยและความเป็นกันเองของพี่สุทำให้กล้าที่จะถามเจ้าหล่อน ซึ่งก่อนหน้าคุณปาริฉัตรให้ถาม ยังกล้า ๆ กลัว ๆ จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ถามคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าอยู่ดี
“อะไรเหรอ..ถ้าตอบได้ ก็จะตอบ” อีกฝ่ายพูดยิ้ม ๆ
“จอมสงสัยน่ะค่ะ ว่าทำไมเขารับจอมโดยที่ไม่ต้องผ่านการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ แถมยังไม่มีตำแหน่งว่างด้วย แล้วไหนจะต้องได้สัมภาษณ์กับกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้วยหรือคะ กับแค่ตำแหน่งพนักงานฝึกหัดทั่วไป” สุชาดาอมยิ้มกับคำถามของหล่อน ก่อนตอบ
“พี่ก็ไม่ทราบรายละเอียดมากมายนักหรอก แต่เท่าที่รู้เราน่ะเส้นใหญ่น่าดูนี่ อ่ะ..ไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน พี่ต้องไปทำงานต่อ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ กลับบ้านไปเตรียมตัวดีกว่าจ่ะ ไปนะ” สองสามนาทีผ่านไป จอมขวัญยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จากคำตอบที่พี่สุตอบมา 'เราน่ะเส้นใหญ่น่าดูนี่' เส้นใหญ่เหรอ จะเอามาจากไหนล่ะอ้ายเส้นที่ว่าน่ะ คนที่นี่ก็ไม่รู้จักสักคน คนใหญ่คนโตที่เป็นระดับบิ๊ก ๆ ก็ไม่เคยคบเฮ้อ..งง
นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ มีแต่เรื่องราวทั้งตื่นเต้น ตกอกตกใจ สุดท้ายตามมาด้วย ความงุนงงสงสัยหลากหลาย เข้ามากระทบระบบประสาทของหล่อนจนรู้สึก มึนตึบ!..ปวดหัวตุบๆ หรือจะเป็นอาการของคนที่รู้สึกตื่นเต้น กับการที่เพิ่งจะได้งานทำเป็นครั้งแรกก็เป็นไปได้ โอ้ย!..ไม่ไหวแล้ว กลับบ้านไปตั้งหลักก่อนดีกว่า นอนพักแล้วค่อยคิดใหม่ ทิ้งความงุนงงสงสัยไว้ชั่วคราว จะต้องไปเตรียมตัวเพื่อเริ่มงานในวันพรุ่งนี้อีก แล้วไหนจะต้องโทรไปรายงานทางบ้านว่าหล่อนได้งานทำแล้ว หลังจากที่ว่างงานอยู่เป็นนาน พ่อกับแม่คงดีใจพร้อมทั้งปลื้มปริ่มกับลูกสาวสุดที่รักของท่านมาก แน่ ๆ เลย ที่หล่อนมีงานมีการทำเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเสียที
นึกมาถึงตรงนี้ แล้วก็ให้คิดถึงท่านขึ้นมาจับใจ อยากคุยด้วยเป็นที่สุด ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์คู่ใจกดเบอร์ที่บ้านทันที จอมขวัญคุยกับผู้ปกครองทั้งสองจนกระทั่งแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดแล้วนั่นล่ะ ถึงได้ยอมวางสาย ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงได้เม้าท์ยาว ยันดึกดื่นเที่ยงคืนเป็นแน่..
ณ ห้องประชุม เช้าวันจันทร์ทางบริษัทได้มีการจัดประชุมใหญ่คณะกรรมการผู้จัดการและบุคคลที่เกี่ยวข้องของเหล่าผู้บริหารระดับสูง และหน้าที่ ที่จะต้องเตรียมห้องประชุมและจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ก็ต้องตกเป็นของพนักงานฝึกงานทั่วไป นั่นก็หมายถึงหล่อนโดยไม่ต้องสงสัย ตำแหน่งนี้มีแค่หล่อนแต่เพียงคนเดียว แล้วแถมวันนี้หน้าที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มในช่วงพักเบรก ก็เลยกลายเป็นของหล่อนโดยปริยาย เมื่อพี่นิด แม่บ้านประจำเกิดท้องเสียกะทันหันวันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน นับจากวันที่หล่อนเริ่มมาทำงานจนกระทั่งถึงวันนี้ ครบหนึ่งสัปดาห์แล้วสินะ หากยังไม่เคยเจอกับบอส กรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่เลย บุคคลที่เกี่ยวข้องในการประชุม ได้ทยอยมาจนเกือบครบแล้ว ขาดก็แต่คุณมัฆวัฒน์ และก็เป็นวันที่จอมขวัญรอคอยที่จะได้พบอยู่เช่นกัน เพื่อที่จะได้สัมภาษณ์กับท่านอีกครั้งตามที่พี่ปาบอกไว้ก่อนหน้านี้ ใจมันยังคอยเต้นตุ้บ ๆ ต่อม ๆ ไม่หาย หากเจอหน้าบอสใหญ่เธอจะทำตัวอย่างไร ไม่นานนักคนที่หล่อนอยากจะพบตัวจริงก็เดินผ่านประตูเข้ามา ส่งผลให้ทั้งห้องเงียบกริบไปในทันที“คุณมัฆวัฒน์ มาแล้ว&rdqu
จอมขวัญสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้า มือเล็กจับลูกบิดค่อย ๆ เปิดประตูบานใหญ่ แทรกตัวเข้าไป อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ปนตื่นกับสถานที่เล็กน้อย เมื่อมองเห็นร่างสูงคุ้นตาที่ตอนนี้นั่งหันหลังให้ และเหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้การเข้ามาของเธอ เขาจึงค่อย ๆ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่มาเผชิญหน้ากับหล่อน จอมขวัญ สังเกตเห็นว่าเขากำลังก้มอ่านอะไรบางอย่างในมือ บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้อง คลับคล้าย คลับคลา ว่าน่าจะเป็นเอกสารสำคัญบางอย่าง และนั่นอาจจะเป็นแฟ้มประวัติส่วนตัวของหล่อนก็เป็นได้“เข้ามาในห้องของคนอื่น ควรจะเคาะประตูก่อน แล้วค่อยขออนุญาตเข้ามา ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้วด้วย คุณยิ่งควรกระทำอย่างยิ่งเลยนะ คุณจอมขวัญ มงคลเกียรติ ไม่มีใครบอกคุณถึงมารยาทข้อนี้หรือ?” น้ำเสียงที่ฟังแล้วคล้ายต่อว่ากลาย ๆ และลงท้ายด้วยคำพูดเชิงประชดประชันเล็กน้อยนั่น ทำให้หล่อนถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ที่เขาพูดมาก็ถูก ไม่คิดหน้าคิดหลังเลย จอม เอ้ย จอม นี่ขนาดไม่ทันไรก็โดนซะแล้วจอมจุ้นเอ๊ย!มัฆวัฒน์ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเจ้าของนามว่า จอมขวัญ จงใจเรียกเน้นชื่อและนามสกุลหล่อนให้ชัดเจน
มัฆวัฒน์อึ้งไปชั่วขณะ กับคำพูดยอกย้อนของหญิงสาวตรงหน้าที่กล้าพูดกับเขาได้อย่างฉะฉาน กล้าต่อปากต่อคำ ต่างจากตอนแรกที่ดูหงอ ๆ นั่นลิบลับ เจ้าของร่างสูงโยกตัว กลับมานั่งในท่าตรงอีกครั้ง มือเรียวใหญ่ยังคงหมุนปากกาสีทองไปพร้อมกับเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนลงต่างจากตอนแรกเล็กน้อย“ผมก็แค่ข้องใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่สามารถให้คุณออกได้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คุณจะยอมรับ ..หรือไม่ยอมรับ ผมก็ไม่สามารถบังคับคุณหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบไปก็แล้วกัน” จอมขวัญนิ่งฟังพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอีกรอบ พยายามสะกดกลั้นรู้สึกขุ่นเคืองและเจ็บใจกับคำพูดแดกดันของท่านประธานใหญ่ไม่หาย ข่มใจให้สงบเข้าไว้ เจ้านายเหลือบมองเอกสารของหล่อน และหยิบมันขึ้นมาเปิด ๆ ดู ซึ่งมองแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งใจดูสักเท่าไหร่หรอก“จากแฟ้มของคุณ ประวัติทางการศึกษาน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยให้กับเด็กมากกว่า ที่จะมาทำงานเกี่ยวกับโรงแรมอย่างนี้ มันดูขัดกันนะ ผมก็เลยสงสัยว่าคุณอาจจะรู้จักใครในนี้ แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่.. ก็คือ ไม่.. ก็โอเค ผมจะได้เริ่มคำถามต่อไป&rdq
“เอาล่ะ..นายจ้างอย่างผม คงต้องปรับปรุงตัวเสียใหม่สักหน่อย แต่ก็คงไม่ใจกว้างมากนักหรอกนะ..คุณจอมขวัญเพื่อให้คุณได้เรียนรู้การทำงานครั้งแรกในชีวิต ผมก็จะให้โอกาสคุณ เอาเป็นว่าผมให้คุณเรียนรู้งานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นถ้าคุณยังต้องเรียนรู้งานอยู่อีก ผมก็คงต้องเชิญคุณไปเรียนรู้งานกับนายจ้างรายอื่นแทน และเป็นอันตกลงว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะให้คุณได้หาประสบการณ์จากเลขาของผม.. คุณศักดิ์ดาเชิญข้างในหน่อยครับ” เจ้านายเน้นเสียงเรียกชื่อหล่อนในรอบวันอย่างจงใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่จอมขวัญก็ชักจะจำไม่ได้แล้ว ในดวงตายังคงมีแววเชือดเฉือนปะปนกับคำพูดอยู่ดี อะ..อะไรนะ เดี่ยวก่อน..นี่หล่อนยังไม่โดนไล่ออกหรอกหรือนี่ แถมจะได้เรียนรู้งานจากเลขาของเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะพิจารณาว่าผ่านหรือไม่ผ่านเพื่อเป็นผู้ช่วยเลขาของเขาอย่างนั้นหรือ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม พลันได้ยินเจ้านายหนุ่มกดอินเตอร์คอม เรียกคุณศักดิ์ดาเข้ามาพบและแนะนำหล่อนให้รู้จัก พร้อมกับมอบหมายให้สอนงานหล่อนทุกอย่างภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ ถ้าหากว่าผ่านโปรฯแล้ว เธอต้องติดตามบอสไปที่หัวหิน
กลุ่มหนุ่มสาวสนุกสนานกันสุดเหวี่ยง พลันสายตาของจอมขวัญก็ดันไปปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าของคนคนหนึ่งเข้า เขาดูโดดเด่นที่สุดในงาน อาจจะเพราะรูปร่างหน้าตาที่กระเดียดไปทางต่างชาติมากกว่า ส่งให้เขาดูสะดุดตากว่าคนอื่นในงาน สาวน้อย สาวใหญ่ต่างมองตามกันจนตาเป็นมัน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของหล่อนที่จ้องมองตั้งแต่เขาคนนั้นก้าวเข้ามาในงานแล้ว เพื่อนคนหนึ่งหันไปสะกิดเจ้าของงานว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคือใคร จึงได้คำตอบว่าเป็นลูกชายของลุงเธอ ที่เพิ่งอิมพอร์ทจากเมืองนอกและจะเข้ามาบริหารงานต่อจากบิดา ซึ่งเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ตอะไรสักอย่าง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมายนัก จะสนก็แต่ความหล่ออย่างสมบูรณ์แบบของเขาเท่านั้น บุคคลที่ตกอยู่ในบทสนทนาในคราแรก ก็โดนลากตัวมาโดยเจ้าของงานวันเกิด ล้อมดาวแนะนำผู้ชายตัวสูง คนนั้นให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้จัก เขาคนนั้นพยักหน้ายิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับทุกคนไม่เน้นที่ใครคนใดคนหนึ่ง กลุ่มเพื่อนสาววัยรุ่นต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ และจำได้ว่าหล่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จะด้วยฤทธิ์ของน้ำอัดลม หรือเพราะฤทธิ์กามเทพที่แผลงศรปักอกเข้าอย่างจัง! พอเจ้าของร่า
เมื่อวางสายจากเพื่อนรักเรียบร้อย ร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับผ้าปูที่นอนลายกระต่ายน้อยกำลังนั่งมองพระจันทร์เสี้ยวที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน มันทำให้หล่อนนึกถึงตัวเอง เมื่อไหร่พระจันทร์ตัวจริงจะหันมายิ้มให้หล่อนบ้างนะ จู่ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายก็โผล่มาในห้วงความคิด ว้าย! คนบ้า มาหลอกมาหลอนอยู่ได้ คนอย่างเขาไม่มีทางหันลงมามองยัยกระต่ายหมายจันทร์อย่างหล่อนหรอก ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พักแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเริ่มโปรโมชั่นฝึกงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาอุตส่าห์ให้โอกาส เราจะทำให้เต็มที่ จะแสดงให้เขาเห็นว่า เราก็ทำได้นะ สู้ สู้วันนี้แล้วสินะ ที่จะเป็นวันสุดท้ายในช่วงทดลองงานของหล่อน จะออกหัวหรือออกก้อยกันหนอ เจ้านายจอมเฮี้ยบของหล่อนจะว่าอย่างไรบ้างครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่างเป็นเจ็ดวันอันคุ้มค่าที่ท่านอุตส่าห์ใจดีให้โอกาสหล่อนฝึกงานต่อ เพื่อหาประสบการณ์ แต่ก็ไม่เห็นท่านประธานพูดอะไร จะให้หล่อนต่อโปรฯ หรือจะเชิญไปฝึกหัดวิจัย (ฝุ่น) ที่บ้านหนอ คิดแล้วก็ทำให้ใจเต้น ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิน่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา จอมขวัญได้ถูกถ่ายท
อยู่ในลิฟต์อย่างนี้แล้ว ชวนให้คิดย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ได้เจอกับเขาครั้งแรก ส่งผลให้ใบหน้าขาวใสร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จอมขวัญยืนก้มหน้าแอบอมยิ้มเพียงลำพัง พยายามปัดภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองทำเปิ่นเป๋อจนได้ใกล้ชิดกับเขาออกไป ยังดีที่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องวันนั้นให้หล่อนรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอีก“พอใจรึยัง.. ถ้าพอใจแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว เพราะอีกไม่ช้า ลิฟต์ก็จะปิดอัตโนมัติ และถ้าคุณช้ากว่านี้ละก็ ได้ค้างอยู่ในนี้ จนถึงพรุ่งนี้เช้านั่นแหละ กว่าที่ผมจะเดินขึ้นไปแก้ไขระบบได้ ก็คงใช้เวลาไปหลายนาที คาดว่าเมื่อถึงตอนนั้น..คุณคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่”อ๊าย! ยัยจอมจุ้น เอ๊ย เธอนี่มันก็เหลือเกินจริง ๆ เลย อยากจะเขกมะเหงกตัวเองนัก คอยแต่จะแอบเพ้อฝันถึงเขาอยู่นั่น ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ ไม่วายโดน ประชดประชันเข้าจนได้ แล้วทำไมหล่อนต้องโดนดุ โดนว่า โดนกระแนะกระแหนอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ด้วย เกลียดขี้หน้ากันมากขนาดนี้เลยหรือคะเจ้านาย คิดแล้วก็ให้น้อยเนื้อต่ำใจนัก ทีกับคนอื่น ทำไมเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษวางตัวดีสมกับเป็นท่านประธานผู้น่าเกรงขาม กับ
“จอมขวัญ นี่คุณแกล้งโง่หรือซื่อเกินไปกันแน่” อะไรกันอีกหนอเอากับเจ้านายหล่อนเถอะ คนตัวเล็กแอบจิกกัดกับความปากร้ายของเจ้านาย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลางกอดอกเชิดหน้ามองออกไปนอกตัวรถพยายามไม่เสวนากับเจ้านายให้เสียอารมณ์“คุณจอมขวัญครับ ผมไม่ใช่คนขับรถประจำทาง เชิญมานั่งข้างหน้าได้นะ” อ่ะ..จอมจุ้นเอ๊ย เธอจะเบ๊อะบ๊ะไปถึงไหน เพิ่งเข้าใจความหมายที่เจ้านายพูดก่อนหน้านั้น เขาหมายถึง เธอเป็นลูกน้อง ไม่ใช่เพื่อนเล่น เขาเป็นใคร แล้วหล่อนน่ะเป็นใคร ลูกน้องสาวรีบกระวีกระวาดย้ายตัวเองจากเบาะนั่งด้านหลังลงจากรถ เปิดประตูก้าวมานั่งตอนหน้าคู่กับเจ้านาย ส่งยิ้มแบบเคอะเขิน ผงกศรีษะแบบขอลุแก่โทษ มือเล็กสาวปอยผมที่ตกมาระข้างแก้มแก้เขินเป็นพัลวัน“ขอโทษค่ะท่านประธาน” ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า เวลาอยู่กับเขาตามลำพังทีไร เป็นต้องตัวทำตัวไม่ถูก พานทำให้พูดไม่ค่อยเป็นประโยคอยู่ร่ำไป แล้วอ้ายเจ้าเลือดกำเดาก็คอยแต่จะไหลออกมาซะอย่างนั้น สงสัยว่าหล่อนจะเป็นโรคประหลาด บางคนเขาแพ้ผลไม้ แพ้ทิชชู แพ้ยาชา แพ้ยาแก้แพ้ แต่เธอกลับเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ก็เป็นโรคภูมิคุ้มกัน