เมื่อวางสายจากเพื่อนรักเรียบร้อย ร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับผ้าปูที่นอนลายกระต่ายน้อยกำลังนั่งมองพระจันทร์เสี้ยวที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน มันทำให้หล่อนนึกถึงตัวเอง เมื่อไหร่พระจันทร์ตัวจริงจะหันมายิ้มให้หล่อนบ้างนะ จู่ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายก็โผล่มาในห้วงความคิด ว้าย! คนบ้า มาหลอกมาหลอนอยู่ได้ คนอย่างเขาไม่มีทางหันลงมามองยัยกระต่ายหมายจันทร์อย่างหล่อนหรอก ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พักแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเริ่มโปรโมชั่นฝึกงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาอุตส่าห์ให้โอกาส เราจะทำให้เต็มที่ จะแสดงให้เขาเห็นว่า เราก็ทำได้นะ สู้ สู้
วันนี้แล้วสินะ ที่จะเป็นวันสุดท้ายในช่วงทดลองงานของหล่อน จะออกหัวหรือออกก้อยกันหนอ เจ้านายจอมเฮี้ยบของหล่อนจะว่าอย่างไรบ้างครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่างเป็นเจ็ดวันอันคุ้มค่าที่ท่านอุตส่าห์ใจดีให้โอกาสหล่อนฝึกงานต่อ เพื่อหาประสบการณ์ แต่ก็ไม่เห็นท่านประธานพูดอะไร จะให้หล่อนต่อโปรฯ หรือจะเชิญไปฝึกหัดวิจัย (ฝุ่น) ที่บ้านหนอ คิดแล้วก็ทำให้ใจเต้น ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิน่า
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา จอมขวัญได้ถูกถ่ายทอดวิทยายุทธ์จากคุณศักดิ์ดาแทบทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมงานประชุม การออกนอกสถานที่ หล่อนก็ถูกหนีบให้ติดสอยห้อยตามเขาไปทุกที่ ทำทุกอย่างประหนึ่งว่าหล่อนเป็นเลขามือซ้ายของเจ้านายหน้า (ยักษ์) อีกคน ขอเรียกอย่างนี้ทีเถอะ ก็ตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาหล่อนต้องตะลอน ๆ ไปไหนมาไหนกับเขา (คุณศักดิ์ดาด้วย) ก็ยังชอบส่งสายตาดุ ๆ มาให้อยู่เรื่อย เมื่อไหร่ที่เธอทำผิดพลาด (บ้างเล็กน้อย) คุณศักดิ์ดาก็จะคอยบอกว่าไม่เป็นไร รายนั้นคอยให้กำลังอยู่เสมอ ผิดกับอีกคนที่ยังคงทำเช่นเคย คือชอบส่งสายตาคมกริบแบบเชือดเฉือนตามมา อยู่บ่อย ๆ ส่วนถ้อยคำหรือวาจาถากถางให้ได้อายก็ลดลงไปบ้างแล้ว ต่างกับก่อนหน้านี้เยอะ พลอยทำให้หล่อนลดอาการเกร็งลงบ้างเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา
จากการที่ได้ทำงานร่วมกับเขาบ่อยครั้งขึ้น ทำให้รู้ว่าเจ้านายจอมเฮี๊ยบคนนี้ เป็นคนจริงจังกับงานมาก ถึงมากที่สุด แล้วก็รอบคอบในทุก ๆ เรื่อง เวลาสั่งงานก็สั่งอย่างกับพายุทอร์นาโด ต้องเร็วและให้ได้อย่างที่ต้องการ ทิ้งความลำบากให้เลขาและผู้ช่วยเลขาต้องปั่นงานกันจนหัวหกก้นขวิด และวันนี้ก็เช่นกัน เขาเข้ามาสั่งงานราวกับพายุบุแคมแล้วก็จากไปประหนึ่งสายฟ้าฟาด
“อืมห์..เสร็จซะที” จอมขวัญบิดขี้เกียจเสียหนึ่งที นั่งทำงานเพลิน จนลืมดูเวลา พอเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว แย่ล่ะ! หล่อนคงต้องพลาดรถเมล์สายที่โดยสารเป็นประจำไปแล้วแน่ ๆ เลย คงต้องอาศัยแท็กซี่กลับอีกแล้ว แย่ชะมัด.. คนยิ่งประหยัด ๆอยู่ รถรับจ้างส่วนตัวเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ซะที่ไหนล่ะ เราก็ยิ่งสวยเซ็กซี่น้อยเสียเมื่อไหร่ (แหว่ะ) คิดเล่น ๆ อย่างนั้นเอง ร่างเล็กรีบกระวีกระวาดเก็บข้าวของออกจากห้องทำงานด้วยอาการร้อนรน
เพราะรายงานการประชุมครั้งล่าสุดที่เจ้านายต้องการด่วนจี๋นั่นทีเดียวเชียว และต้องได้พรุ่งนี้แต่เช้าอีกต่างหาก ซึ่งนั่นก็คือหน้าที่หล่อน ที่จะต้องทำให้เสร็จก่อนเวลา เดดไลน์คือก่อนเจ็ดโมง ความจริงแล้วรายงานชุดนี้เป็นงานของมือขวาเป็นผู้รับผิดชอบหลัก หากพอดีว่าภรรยาของคุณศักดิ์ดาเกิดปวดท้องกะทันหัน คงใกล้คลอดเต็มที พี่แกเลยขอความช่วยเหลือจากมือซ้ายอย่างหล่อน
พนักงานส่วนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว เหลือก็แต่จอมขวัญที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ ตาก็คอยเหลือบแลไปมองซ้ายที ขวาที หันรีหันขวาง ท่าทางเลิ่กลั่ก แอบเสียวสันหลังอย่างไรบอกไม่ถูก บรรยากาศมันช่างวังเวงอะไรอย่างนี้ เงียบเชียบเหลือเกินผิดกับตอนกลางวันลิบลับ พาลให้นึกถึงหนังเกาหลีแนวสยองขวัญสั่นประสาท คิดแล้วให้ขนพองสยองเกล้า พลางเหลือบตาขึ้นไปมองตัวเลขของลิฟต์ที่กำลังวิ่งลงมาจากชั้นบน
อ้าว!..เอ๊ะ!นั่น เอาละเหวย เรายังไม่ได้กดเรียกลิฟต์เลยไม่ใช่หรือ มันวิ่งลงมาเองได้ไงเนี่ย แล้วนี่จะมีอะไรโผล่ออกมาจากข้างในหรือเปล่านะ ทำไงดี.. ทำไงดี หรือจะเดินลงบันไดดี โอย.. ไม่ไหว ๆ นี่มันชั้น 15 นะขืนเดินลงไปมีหวังลมจับซะก่อนแน่ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยเถอะ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย ลูกช้างจะทำบุญแผ่อุทิศส่วนกุศลไปให้นะ
ติ๊ง... เสียงลิฟต์หยุดตรงที่หล่อนยืนอยู่ จอมขวัญไม่กล้าลืมตา ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น ตอนนี้รู้สึกแข้งขามันแข็ง พานหัวใจจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนว่าลิฟต์จอดนิ่งสนิทแล้ว บ่งบอกว่าขณะนี้ประตูลิฟต์คงเปิดอ้ารอรับหล่อนอยู่ 'ไม่ไป.. ฉันไม่ไปค่ะ ..เชิญคุณผีไปก่อนได้เลย..'จอมขวัญไม่กล้าแม้จะเปิดเปลือกตา เพื่อดูว่ามีสิ่งเร้นลับอะไรอย่างที่หล่อนจินตนาการไว้หรือเปล่า สักพักเหมือนมีลมเย็น ๆ วิ่งผ่านข้างตัวหล่อนไป พร้อมกับได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยสำทับเสียงเข้มตามมา
“มัวทำอะไรอยู่..รีบ ๆ เข้ามาสิ” อ๊ะ! ผีพูดได้เหมือนคนเปี๊ยบเลย แถมน้ำเสียงยังคุ้นหูอีกต่างหาก หรือว่า..จอมขวัญค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ ดวงตากลมโตเบิกโพลงแทบผงะ 'ผีบ้าผีบออะไรจะหล่อปานนี้ รู้อย่างนี้รีบวิ่งไปซบที่อกซะตั้งแต่แรกแล้ว' (แฮ่ะ..คิดเล่น ๆ ..ไม่กล้าหรอก..)
“นี่คุณ! รู้หรือเปล่าว่าการกดลิฟต์ค้างไว้ มันต้องสิ้นเปลืองพลังงานไปมากเท่าไหร่?” เสียงเข้มดุจากเจ้านายจอมเฮี๊ยบ ปลุกให้หล่อนตื่นจากภวังค์ชั่วขณะ จอมขวัญต้องรีบโกยแน่บเข้าไปในลิฟต์ตัวที่มีผีหล่อ เอ๊ย! คนหล่ออยู่ข้างในทันที เอาน่า เจอดุ ก็ยังดีกว่าเจอผีล่ะน่า
เวลาผ่านไปนาทีกว่าหลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง บรรยากาศภายในก็เงียบกริบราวกับป่าช้า จะมีก็แต่เสียงของตัวลิฟต์ที่ส่งเสียงครืด ๆ ตามหน้าที่ของมัน จอมขวัญเดินผ่านเจ้านายหนุ่มไปยืนอยู่ด้านในสุดของตัวลิฟต์ ทำตัวเล็กลีบ แทบจะฝังตัวหายเข้าไปในผนังก็ไม่ปาน พลางกอดกระเป๋าใบเก่งแน่น ตาคอยจ้องไปที่แผ่นหลังของคนหน้าดุ ไม่ได้กลัวว่าเขาจะขโมยกระเป๋าหรอก แต่กลัวคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าจะหันมาว๊ากใส่ต่างหาก..
หลังจากที่หล่อนเข้ามาได้เขาก็หันหลังให้ทันที เฮอะ!..ไม่อยากเสวนานักก็ช่างปะไร ดีเหมือนกัน หันหลังอย่างนี้ยิ่งดีใหญ่ จะได้อ่านกินได้สะดวก คนอะไรก็ไม่รู้ ช่างเพอร์เฟกต์อะไรอย่างนี้ ขนาดถอดสูทคล้องไว้ที่แขน มีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาธรรมดาที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก วันนี้เขาสวมกางเกงสีเข้มบวกกับรองเท้าหนังขัดราคาแพงนั่นแล้ว ยิ่งดูเท่ระเบิดไปเลย
อยู่ในลิฟต์อย่างนี้แล้ว ชวนให้คิดย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ได้เจอกับเขาครั้งแรก ส่งผลให้ใบหน้าขาวใสร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จอมขวัญยืนก้มหน้าแอบอมยิ้มเพียงลำพัง พยายามปัดภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองทำเปิ่นเป๋อจนได้ใกล้ชิดกับเขาออกไป ยังดีที่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องวันนั้นให้หล่อนรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอีก“พอใจรึยัง.. ถ้าพอใจแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว เพราะอีกไม่ช้า ลิฟต์ก็จะปิดอัตโนมัติ และถ้าคุณช้ากว่านี้ละก็ ได้ค้างอยู่ในนี้ จนถึงพรุ่งนี้เช้านั่นแหละ กว่าที่ผมจะเดินขึ้นไปแก้ไขระบบได้ ก็คงใช้เวลาไปหลายนาที คาดว่าเมื่อถึงตอนนั้น..คุณคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่”อ๊าย! ยัยจอมจุ้น เอ๊ย เธอนี่มันก็เหลือเกินจริง ๆ เลย อยากจะเขกมะเหงกตัวเองนัก คอยแต่จะแอบเพ้อฝันถึงเขาอยู่นั่น ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ ไม่วายโดน ประชดประชันเข้าจนได้ แล้วทำไมหล่อนต้องโดนดุ โดนว่า โดนกระแนะกระแหนอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ด้วย เกลียดขี้หน้ากันมากขนาดนี้เลยหรือคะเจ้านาย คิดแล้วก็ให้น้อยเนื้อต่ำใจนัก ทีกับคนอื่น ทำไมเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษวางตัวดีสมกับเป็นท่านประธานผู้น่าเกรงขาม กับ
“จอมขวัญ นี่คุณแกล้งโง่หรือซื่อเกินไปกันแน่” อะไรกันอีกหนอเอากับเจ้านายหล่อนเถอะ คนตัวเล็กแอบจิกกัดกับความปากร้ายของเจ้านาย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลางกอดอกเชิดหน้ามองออกไปนอกตัวรถพยายามไม่เสวนากับเจ้านายให้เสียอารมณ์“คุณจอมขวัญครับ ผมไม่ใช่คนขับรถประจำทาง เชิญมานั่งข้างหน้าได้นะ” อ่ะ..จอมจุ้นเอ๊ย เธอจะเบ๊อะบ๊ะไปถึงไหน เพิ่งเข้าใจความหมายที่เจ้านายพูดก่อนหน้านั้น เขาหมายถึง เธอเป็นลูกน้อง ไม่ใช่เพื่อนเล่น เขาเป็นใคร แล้วหล่อนน่ะเป็นใคร ลูกน้องสาวรีบกระวีกระวาดย้ายตัวเองจากเบาะนั่งด้านหลังลงจากรถ เปิดประตูก้าวมานั่งตอนหน้าคู่กับเจ้านาย ส่งยิ้มแบบเคอะเขิน ผงกศรีษะแบบขอลุแก่โทษ มือเล็กสาวปอยผมที่ตกมาระข้างแก้มแก้เขินเป็นพัลวัน“ขอโทษค่ะท่านประธาน” ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า เวลาอยู่กับเขาตามลำพังทีไร เป็นต้องตัวทำตัวไม่ถูก พานทำให้พูดไม่ค่อยเป็นประโยคอยู่ร่ำไป แล้วอ้ายเจ้าเลือดกำเดาก็คอยแต่จะไหลออกมาซะอย่างนั้น สงสัยว่าหล่อนจะเป็นโรคประหลาด บางคนเขาแพ้ผลไม้ แพ้ทิชชู แพ้ยาชา แพ้ยาแก้แพ้ แต่เธอกลับเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ก็เป็นโรคภูมิคุ้มกัน
เจ้านายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ..ไม่กี่อึดใจรถคันใหญ่สีดำก็มาจอดอยู่ตรงลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากหน้าตาของร้านเมื่อมองจากด้านนอก เป็นร้านขนาดใหญ่แยกออกจากถนนหลัก เป็นร้านอาหารซีฟู้ดเพียงแค่เห็นหน้าร้านและการตกแต่งภายนอกก็รู้ว่าคงแพงหูฉี่จอมขวัญแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ดูจากร้านแล้ว คาดว่าเขาคงจะใช้เวลาในการกินอาหารมื้อนี้ไม่น่าต่ำกว่าชั่วโมงเป็นแน่ คิดดูสิ..ตั้งหนึ่งชั่วโมงนะที่ต้องรอเขา หล่อนคงหิวจนไส้แทบขาดแน่เลย คนยังไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่หลังเที่ยงเริ่มใจคอไม่ดี อาหารมื้อสุดท้ายก็เกือบบ่ายโมงกว่าเพราะหลังจากนั้นก็ปั่นงานให้เขาจนลืมวันเวลาไปเลย และเป็นเหตุให้หล่อนต้องมานั่งหิ้วท้องรอเขาทานข้าวเสร็จอยู่นี่ไง.. คราวนี้เธอต้องตายแน่ จอมขวัญเอ๋ย..ไส้ขาดแน่ ๆ“อ้าว!..ลงมาสิคุณ เร็ว ๆ เข้า ผมหิวแล้วนะ” เจ้าของร่างสูงทำหน้ายุ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมุ่น คงแปลกใจขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก และทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ก่อนจะหันมาเห็นหล่อนที่ยังนั่งบื้อ จมกับความคิดของตัวเองอยู่ ก็จะให้กล้าบอกออกไปได้ยังไงล่ะ ว่าหิวเหมือนกันล่ะค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อนพยา
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ลงไปนั่งเป็นเพื่อนท่านก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนลงจากตอนแรกราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว มัฆวัฒน์มองหญิงสาวนิ่ง อยู่สองสามนาที เลิกคิ้วหนาขึ้นเป็นคำถามเชิงบอกว่า ตกลงตามนี้ใช่ไหม จากนั้นเขาก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วเปิดประตูรถก้าวขายาว ๆ ออกไป เลขาสาวมือใหม่จึงจำเป็นต้องรีบคว้ากระเป๋าคู่ใจเข้ากับตัว แล้วรีบเปิดประตูรถวิ่งตามคนขายาว ที่สาวเท้าเดินเข้าไปในร้านไม่รอคนขาสั้นเลยแม้แต่น้อย ภายในร้านอาหารค่อนข้างแน่นหนาด้วยผู้คนที่มาทานอาหารรอบดึก หรือเขามากันนานแล้ว เพราะตามที่สายตามองเห็น บางโต๊ะอาหารพร่องไปบ้าง บางโต๊ะก็นั่งคุยกันหลังจากที่อิ่มหนำกันเรียบร้อย ส่วนหล่อนกับเขาเพิ่งจะเข้ามา อันที่จริงแล้วอาจจะเข้ามาเร็วกว่านี้ ถ้าไม่มัวถกเถียงกันอยู่ข้างนอกนู่น อาหารที่นี่คงอร่อยน่าดู โต๊ะทุกตัวถูกจองไว้เกือบหมด จอมขวัญเดินตามเขาต้อย ๆ รู้สึกตัวเล็กลีบลงไปถนัดใจ บรรยากาศในร้านค่อนข้างหรูหรา ราคาแพงเอาการอยู่ ดูจากการแต่งกายของแต่ละคนแล้ว คงเป็นพวกมีตังค์เขามากินกัน แม้บางคนจะใส่เสื้อลำลองก็ยังดูดีกว่าเสื้อผ้า
ตรงกันข้ามกับเจ้านายหล่อน ที่เอาก้มหน้าก้มตากินอาหารประดามีที่สั่งมา สมกับที่บ่นหิวตั้งแต่แรก และกินอย่างไม่กระดากอาย ที่ต้องมานั่งกินข้าวกับคนแปลกหน้าที่ไม่ค่อยแปลกตาอย่างหล่อน จอมขวัญไม่อยากมองการกินอย่างสบายใจของอีกฝ่ายเลยให้ตายเถอะ“ทำไมกินแต่สลัดล่ะ เดี๋ยวก็ผอมแย่ยิ่งดูไม่มีอะไรอยู่ด้วย” จอมขวัญเงยหน้าขวับ สบตากับคนตรงหน้ายกคิ้วเป็นคำถามคล้ายไม่พอใจอีกรอบ“อ่ะ..อ้าว ผมคงพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้วสินะ หมายถึงว่าคุณควรจะกินอะไรที่มันเสริมพลังงานบ้างนะ อย่างเช่นพวกโปรตีน เอ่อ..คุณดูตัวเล็กเกินไปน่ะ” วันนี้เจ้านายหล่อนเป็นอะไรไป ดูเขาจะเกรงใจหล่อนอยู่เหมือนกัน หรือเขากลัวว่าหล่อนจะตอบปฏิเสธ'ที่เขาขอความรัก' เฮ้ย! ไม่ใช่ ๆ เรื่องที่เขาถามเกี่ยวกับงานก่อนหน้านี้เมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ หล่อนก็เลยแทบจะอิ่มขึ้นมาเลยทีเดียวทั้งที่ทีแรกกะว่าจะ กินของหวานตบท้ายเสียหน่อย ในเมื่อเขาสั่งมาเผื่อจะได้ไม่เสียน้ำใจ หลังจากที่คิดว่าต่างฝ่ายต่างอิ่มกันแล้ว เขาคงสังเกตเห็นหญิงสาววางช้อนส้อมลงกับจานอย่างเรียบร้อยถึงได้เริ่มเอ่ยประโยค ถัดมาอย่างเป็นทางการ
“ค่ะ อยู่ครบทั้งพ่อ แม่และพี่ชาย แต่ตอนนี้ พี่ดิฉันถูกส่งตัวไปดูงานที่ต่างประเทศอยู่ค่ะ” พูดถึงพี่ชายก็ให้คิดถึงขึ้นมาทันทีทันใดจะเป็นยังไงบ้างนะ พี่ต้นเป็นสุดที่รักของหล่อนและพ่อกับแม่ที่ท่านปลื้มนักปลื้มหนา ลูกชายคนเดียวทั้งเรียนก็เก่ง ทางด้านการบ้านการเรือนก็สุดยอด ทำอาหารก็อร่อยที่หนึ่ง ถ้าใครได้พี่ชายของหล่อนไปเป็นสามีมีหวังสบายไปร้อยชาติ ผิดกับหล่อนที่ไม่เอาไหนเลยสักอย่าง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องการบ้านการเรือน ทั้งเรื่องกีฬา แล้วก็อะไรอื่น ๆ อีกจิปาถะ ที่หล่อนทำไม่ได้เหมือนอย่างพี่ชาย เฮ้อ!“คงหนักใจมากสินะ” สงสัยหล่อนคงถอนหายใจเสียงดังเกินไป เลยส่งผลให้เจ้านายเข้าใจผิดอีกรอบ“อะ..เปล่าค่ะ ดิฉันเต็มใจค่ะ”“อ้อ.. โอเค ยังมีอีกเรื่อง..คุณมีแฟนหรือยัง ยังโสดอยู่หรือเปล่า ที่ถามนี่เพราะไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังน่ะ” ดูเหมือนว่าเขาเกรงใจหล่อนที่ถามคำถามนี้ออกมา ดูจากท่าทางที่ดูจริงจัง ร่างสูงสง่าขยับนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที ซึ่งก่อนหน้านี้เขายังนั่งเอนตัวสบาย ๆ อยู่เลย จอมขวัญมองสบตาเจ้านายตรง ๆ เป็นครั้งแรก ขยั
“สวัสดีครับคุณจอมขวัญ ชื่อน่ารักดี ยินดีที่จะได้ร่วมงานกันนะครับ”“สวัสดีค่ะ..ยินดีเช่นกันค่ะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ตอบกลับไปยิ้ม ๆ พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย ด้วยรู้สึกยินดีขึ้นมา เมื่อหล่อนจะได้เพื่อนร่วมงานที่มีอัธยาศัยดี แถมยังหน้าตาหล่ออีกต่างหาก ถึงแม้ว่าจะไม่หล่อเข้มแบบเจ้านายหล่อน แต่ก็ดูดีไปอีกแบบ เมื่อฝ่ายนั้นหันมามองหล่อน ส่งยิ้มให้และเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับเจ้านายอีกครั้ง“อ้าว..นี่พี่ศักดิ์ได้เป็นพ่อคนแล้วเหรอเนี่ย..ผมไม่ทราบมาก่อนเลยครับว่าภรรยาแกท้อง ไม่อย่างนั้นคงได้แวะไปเยี่ยมก่อนกลับ เผื่อได้รับขวัญหลานสักหน่อย” ชายหนุ่มพูดติดรอยยิ้มในหน้า พลางก้มมองดูนาฬิกาข้อมือไปด้วย“เห็นจะต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องไปซื้อของอีกสักหน่อย อ้อ..คุณจอมขวัญจะเดินทางไปที่โน่นเมื่อไหร่ครับ?” พูดจบก็หันมาทางหล่อนแวบหนึ่ง เหมือนจะถามหล่อนมากกว่า“คุณจอมขวัญคงต้องเดินทางไปก่อนในเช้าวันอาทิตย์ ส่วนผมคงจะตามไปทีหลัง”เจ้านายชิงตอบเองเสร็จสรรพ“ถ้าอย่างนั้น..ผ
“คุณจะเรียกชื่อผม แทนที่จะเรียกแบบเดิม ๆ ที่คุณเคยเรียกจะได้ไหม แล้วก็ให้คุณพูดแทนตัวเองเหมือนกับที่เคยพูดกับคุณปาริฉัตรหรือไม่ก็คนที่บริษัทได้หรือเปล่า” สองคำถามที่เขาส่งมา คล้ายกับว่าต้องการให้หล่อนทำตามอย่างที่เขาบอก เจ้านายหล่อนจะมาไม้ไหนกันแน่..เขาอยากจะให้หล่อนเรียกชื่อเขาว่า คุณมัฆวัฒน์แทนที่จะเรียกว่าท่าน และจะให้หล่อนแทนชื่อตัวเองเวลาที่พูดกับเขา จากคำว่าดิฉัน เป็นชื่อตัวเองว่า จอม อย่างนั้นหรือ คิดยังไงของเขาอีกล่ะทีนี้“เอ่อ..ผมคิดว่ามันจะง่ายขึ้นเมื่อคุณไปทำงานที่โน่น คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าคุณเป็นเด็กใหม่ ตัวคุณเองก็จะได้รับความไว้วางใจจากพนักงาน และเพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ จะง่ายขึ้น” ด้วยการให้หล่อนพูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนม ประหนึ่งว่าร่วมงานกันมานานแล้ว อย่างนั้นหรือ ก็ โอ เค นะตามใจก็แล้วกัน อย่ามาหาว่าหล่อนตีสนิททีหลังก็แล้วกัน“อ้อ..ค่ะ ได้ค่ะ ตามใจท่าน เอ้อ ..ตามใจคุณ..มัฆวัฒน์เถอะค่ะ ดิฉันไม่กล้าขัดหรอกค่ะ แต่ที่จะให้แทนตัวเองเหมือนคนอื่น ๆ ดิฉันต้องขอปฏิเสธนะคะ เพราะคิดว่ามันเป็นการตีสนิทเกินไปน่ะค่