จอมขวัญสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้า มือเล็กจับลูกบิดค่อย ๆ เปิดประตูบานใหญ่ แทรกตัวเข้าไป อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ปนตื่นกับสถานที่เล็กน้อย เมื่อมองเห็นร่างสูงคุ้นตาที่ตอนนี้นั่งหันหลังให้ และเหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้การเข้ามาของเธอ เขาจึงค่อย ๆ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่มาเผชิญหน้ากับหล่อน จอมขวัญ สังเกตเห็นว่าเขากำลังก้มอ่านอะไรบางอย่างในมือ บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้อง คลับคล้าย คลับคลา ว่าน่าจะเป็นเอกสารสำคัญบางอย่าง และนั่นอาจจะเป็นแฟ้มประวัติส่วนตัวของหล่อนก็เป็นได้
“เข้ามาในห้องของคนอื่น ควรจะเคาะประตูก่อน แล้วค่อยขออนุญาตเข้ามา ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้วด้วย คุณยิ่งควรกระทำอย่างยิ่งเลยนะ คุณจอมขวัญ มงคลเกียรติ ไม่มีใครบอกคุณถึงมารยาทข้อนี้หรือ?” น้ำเสียงที่ฟังแล้วคล้ายต่อว่ากลาย ๆ และลงท้ายด้วยคำพูดเชิงประชดประชันเล็กน้อยนั่น ทำให้หล่อนถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ที่เขาพูดมาก็ถูก ไม่คิดหน้าคิดหลังเลย จอม เอ้ย จอม นี่ขนาดไม่ทันไรก็โดนซะแล้วจอมจุ้นเอ๊ย!
มัฆวัฒน์ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเจ้าของนามว่า จอมขวัญ จงใจเรียกเน้นชื่อและนามสกุลหล่อนให้ชัดเจน ราวกับท่องจนขึ้นใจมาแล้วหลายรอบ จอมขวัญยืนนิ่งอยู่กลางห้องราวกับถูกสาป ก้มหน้างุด ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน แม้กระทั่งหน้าก็ไม่กล้าที่จะมองไปยังเก้าอี้ที่มีชายร่างสูงนั่งอยู่ ด้วยจำนนต่อเหตุผลที่เขาว่า ก็เพราะอาการตื่นเต้นจนลืมทำตามมารยาทไปเลย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป จนกระทั่งอีกฝ่ายพูดขึ้นมาอีก
“นี่ผมไม่ได้รับคนใบ้เข้ามาทำงานหรอกใช่ไหม? และอีกอย่างเวลาพูด ผมไม่ชอบให้ใครหลบตา มันเหมือนไม่สนใจในคำพูดของผม” จากที่เอาแต่ก้มหน้างุด ก็เลยเชิดหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อได้ยินประโยคที่แทงใจคนฟังได้อย่างเจ็บแสบน่าดูนั่นทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนเอามาก ๆ ทีเดียว ทำอะไรก็ดูผิดไปเสียหมด นี่เราไปทำอะไรให้เขาตอนไหนนะ จอมขวัญเม้มริมฝีปากแน่น จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ก็เอาสิอยากให้มองก็มองแล้วไง ขณะที่ใบหน้าเครียดขรึมดวงตาคมกริบก็จ้องตอบกลับมาไม่ลดละเช่นกัน
“คุณจะยืนจ้องหน้าผม แล้วก็ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่อย่างนี้น่ะหรือ?” อ้าว!..จะอะไรกันนักกันหนาคะเจ้านาย ทำไมต้องแขวะกันซ้ำ ๆ ด้วย เคืองแล้วนะ
“ก็..ท่านยังไม่ได้ อนุญาตให้ดิฉันนั่งเลยนี่คะ” เอาแล้วสิ! ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยยอมใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถ้าตัวเองไม่ผิด ดิฉันนางสาวจอมขวัญ ก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ ปากไวเท่าความคิดจึงได้เผลอหลุดพูดประโยคที่ทำเอาบอสใหญ่ถึงกับนิ่งอย่างนึกขึ้นได้ แอบทึ่งนิด ๆ นี่หล่อนกล้าย้อนคำพูดของเขาซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างเธอผู้นี้มาก่อน
“งั้น..ก็เชิญนั่ง” มัฆวัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ผายมือเป็นเชิงบอกให้หล่อนนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” จอมขวัญก้าวเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงกันข้ามกับเจ้านายใหญ่ รู้สึกขัด ๆ เขิน ๆ ไม่หายกับคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่ แต่ก็แอบกริ่งเกรงอยู่ว่าจะโดนโต้กลับมาอย่างเจ็บ ๆ แสบ ๆ อีก แต่แปลกแฮะ รอบนี้ไม่ยักกะโดน รู้สึกแก้มยังร้อนวูบวาบไม่หาย เมื่ออีกฝ่ายยังคงมองมาที่หล่อนอย่างจงใจ สายตาคมดุเพ่งพินิจพิจารณา ประเมินค่าในตัวหล่อนไปในคราวเดียวกัน จอมขวัญขยับจัดระเบียบตัวเองเสียใหม่ ยืดอกนั่งตัวตรง รู้สึกขัดเขินกับแววตาคู่นั้นไม่หาย สายตาดูแคลนยังคงจับนิ่งอยู่ที่ตัวเธอ ไม่วางตา (ไม่ใช่มองแบบว่า เธอสวยซะจนละสายตาไปไม่ได้ แต่มองแบบนี้เขาเรียกว่ามองแบบจิก เสียมากกว่า)
จะมองอะไรนักหนานะ หรือว่า..เขานึกและเริ่มจำหล่อนได้ขึ้นจริง ๆ เลยจะทวงผ้าเช็ดหน้าคืน ทุกวันก็เอามาอยู่หรอก แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอเจ้าของแบบจังๆ แล้วแถมเป็นคน คนเดียวกับที่เจอกันในลิฟต์นั่น พอวันนี้ไม่ได้พกมา ก็ดันจะมาทวงคืน เอาไว้วันหลังนะคะบอส.. จอมขวัญคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา หากสายตาทิ้งอยู่แค่บริเวณคอเสื้อเชิ้ตภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขาเท่านั้น หล่อนได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่าย แสดงถึงความอึดอัดใจ ร่างสูงเอนตัวไปพิงกับเก้าอี้บุหนังชั้นดีด้านหลัง มือใหญ่หมุนปากกาสีทองราคาแพงไปพลาง พร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า
“คุณมาสมัครงานที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความกังขาในที
“คะ!อ้อ เพื่อนดิฉันค่ะเขาแนะนำให้มาสมัคร” จอมขวัญเอ่ยตอบตะกุกตะกัก เพราะยังงุนงงกับคำถามของผู้เป็นเจ้านาย แต่ดูเหมือนว่า คำตอบของหล่อนจะไม่กระจ่างสักเท่าไหร่ ดูจากท่าทางและแววตาของเขา ที่ยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และยังไม่พอใจในคำตอบของหล่อนอยู่
“คุณรู้จักคนในบริษัทนี้หรือเปล่า หมายถึง ญาติสนิท เพื่อน หรือคนรู้จักที่นี่” จอมขวัญเงยหน้าขึ้นมองเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรก เริ่มเข้าใจราง ๆ แล้วว่าบอสใหญ่หมายถึงอะไร นี่เจ้านายคิดว่าหล่อนใช้เส้นสายเข้ามาอย่างนั้นหรือ เขาจึงจำเป็นต้องรับหล่อนเข้ามาทำงาน ในบริษัทอันใหญ่โตนี่ ฮึ! เราคงเส้นใหญ่น่าดูสินะ ว่าแต่..อ้ายเส้นที่ว่ามันมาจากไหนล่ะ
“คุณจอมขวัญ ขอเรียกชื่อเลยก็แล้วกัน คุณไม่ต้องอายหรอก ตอบมาตรง ๆ เลยเถอะ รู้ไหมว่าผมเกลียดคนโกหกที่สุด เพราะมันเหมือนโดนหักหลังซึ่งถ้าเป็นคุณ คุณก็คงไม่ชอบเช่นกัน ใช่ไหม?”คิ้วเข้มที่ไม่ได้ตกแต่งให้ดูเรียวสวย ขมวดเข้าหากันมุ่น มือที่วางอยู่บนตักใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ กำเข้าหากันแน่น กับคำว่า “เกลียด” มันเหมือนค้อนที่มาทุบลงมาที่หัว จอมขวัญรู้สึกเจ็บจนมึนกับคำพูดของเขา เหมือนจงใจให้หล่อนได้รู้ตัวและยอมสารภาพ ในสิ่งที่เขากล่าวหามาซะ ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อย เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ทำหน้าตาใสซื่อเข้าไว้ก่อนตอบออกไป
“ดิฉันไม่รู้จักใครในบริษัทนี้จริง ๆ ค่ะ และก็ไม่ทราบว่าเส้นสายมาจากไหน ดิฉันแน่ใจว่าได้ตอบท่านตามความเป็นจริงแล้วว่า เพื่อนแนะนำให้มาสมัครก็เท่านั้น ถึงแม้ท่านจะเค้นเอาคำตอบอีก ดิฉันก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมค่ะ และดิฉันเองก็เกลียดการโกหกเหมือนกับท่านนั่นล่ะค่ะ ถ้าหากว่าท่านยังคลางแคลงใจในตัวดิฉันอยู่ ก็ยินดีลาออก และก็ขอขอบคุณมากนะคะที่ท่านอุตส่าห์ ให้โอกาสดิฉันได้เข้ามาทำงาน เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมาได้แค่อาทิตย์เดียวก็ตาม” จอมขวัญตัดสินใจพูดออกไป..ดีกว่าปล่อยให้เขามาดูถูกดูแคลนอยู่ได้ สู้ชิงพูดออกไปอย่างที่ใจคิดดีกว่า ยังไงเสียเขาก็คงไม่ให้ทำงานต่อไปอีกหลังจากที่ได้ยินประโยคที่หล่อนพูดออกมาเมื่อสักครู่ เขาก็ช่างกระไร จะมามัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่ทำไมจะไล่ก็ไล่เลยสิ
มัฆวัฒน์อึ้งไปชั่วขณะ กับคำพูดยอกย้อนของหญิงสาวตรงหน้าที่กล้าพูดกับเขาได้อย่างฉะฉาน กล้าต่อปากต่อคำ ต่างจากตอนแรกที่ดูหงอ ๆ นั่นลิบลับ เจ้าของร่างสูงโยกตัว กลับมานั่งในท่าตรงอีกครั้ง มือเรียวใหญ่ยังคงหมุนปากกาสีทองไปพร้อมกับเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนลงต่างจากตอนแรกเล็กน้อย“ผมก็แค่ข้องใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่สามารถให้คุณออกได้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คุณจะยอมรับ ..หรือไม่ยอมรับ ผมก็ไม่สามารถบังคับคุณหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบไปก็แล้วกัน” จอมขวัญนิ่งฟังพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอีกรอบ พยายามสะกดกลั้นรู้สึกขุ่นเคืองและเจ็บใจกับคำพูดแดกดันของท่านประธานใหญ่ไม่หาย ข่มใจให้สงบเข้าไว้ เจ้านายเหลือบมองเอกสารของหล่อน และหยิบมันขึ้นมาเปิด ๆ ดู ซึ่งมองแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งใจดูสักเท่าไหร่หรอก“จากแฟ้มของคุณ ประวัติทางการศึกษาน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยให้กับเด็กมากกว่า ที่จะมาทำงานเกี่ยวกับโรงแรมอย่างนี้ มันดูขัดกันนะ ผมก็เลยสงสัยว่าคุณอาจจะรู้จักใครในนี้ แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่.. ก็คือ ไม่.. ก็โอเค ผมจะได้เริ่มคำถามต่อไป&rdq
“เอาล่ะ..นายจ้างอย่างผม คงต้องปรับปรุงตัวเสียใหม่สักหน่อย แต่ก็คงไม่ใจกว้างมากนักหรอกนะ..คุณจอมขวัญเพื่อให้คุณได้เรียนรู้การทำงานครั้งแรกในชีวิต ผมก็จะให้โอกาสคุณ เอาเป็นว่าผมให้คุณเรียนรู้งานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นถ้าคุณยังต้องเรียนรู้งานอยู่อีก ผมก็คงต้องเชิญคุณไปเรียนรู้งานกับนายจ้างรายอื่นแทน และเป็นอันตกลงว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะให้คุณได้หาประสบการณ์จากเลขาของผม.. คุณศักดิ์ดาเชิญข้างในหน่อยครับ” เจ้านายเน้นเสียงเรียกชื่อหล่อนในรอบวันอย่างจงใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่จอมขวัญก็ชักจะจำไม่ได้แล้ว ในดวงตายังคงมีแววเชือดเฉือนปะปนกับคำพูดอยู่ดี อะ..อะไรนะ เดี่ยวก่อน..นี่หล่อนยังไม่โดนไล่ออกหรอกหรือนี่ แถมจะได้เรียนรู้งานจากเลขาของเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะพิจารณาว่าผ่านหรือไม่ผ่านเพื่อเป็นผู้ช่วยเลขาของเขาอย่างนั้นหรือ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม พลันได้ยินเจ้านายหนุ่มกดอินเตอร์คอม เรียกคุณศักดิ์ดาเข้ามาพบและแนะนำหล่อนให้รู้จัก พร้อมกับมอบหมายให้สอนงานหล่อนทุกอย่างภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ ถ้าหากว่าผ่านโปรฯแล้ว เธอต้องติดตามบอสไปที่หัวหิน
กลุ่มหนุ่มสาวสนุกสนานกันสุดเหวี่ยง พลันสายตาของจอมขวัญก็ดันไปปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าของคนคนหนึ่งเข้า เขาดูโดดเด่นที่สุดในงาน อาจจะเพราะรูปร่างหน้าตาที่กระเดียดไปทางต่างชาติมากกว่า ส่งให้เขาดูสะดุดตากว่าคนอื่นในงาน สาวน้อย สาวใหญ่ต่างมองตามกันจนตาเป็นมัน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของหล่อนที่จ้องมองตั้งแต่เขาคนนั้นก้าวเข้ามาในงานแล้ว เพื่อนคนหนึ่งหันไปสะกิดเจ้าของงานว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคือใคร จึงได้คำตอบว่าเป็นลูกชายของลุงเธอ ที่เพิ่งอิมพอร์ทจากเมืองนอกและจะเข้ามาบริหารงานต่อจากบิดา ซึ่งเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ตอะไรสักอย่าง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมายนัก จะสนก็แต่ความหล่ออย่างสมบูรณ์แบบของเขาเท่านั้น บุคคลที่ตกอยู่ในบทสนทนาในคราแรก ก็โดนลากตัวมาโดยเจ้าของงานวันเกิด ล้อมดาวแนะนำผู้ชายตัวสูง คนนั้นให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้จัก เขาคนนั้นพยักหน้ายิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับทุกคนไม่เน้นที่ใครคนใดคนหนึ่ง กลุ่มเพื่อนสาววัยรุ่นต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ และจำได้ว่าหล่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จะด้วยฤทธิ์ของน้ำอัดลม หรือเพราะฤทธิ์กามเทพที่แผลงศรปักอกเข้าอย่างจัง! พอเจ้าของร่า
เมื่อวางสายจากเพื่อนรักเรียบร้อย ร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับผ้าปูที่นอนลายกระต่ายน้อยกำลังนั่งมองพระจันทร์เสี้ยวที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน มันทำให้หล่อนนึกถึงตัวเอง เมื่อไหร่พระจันทร์ตัวจริงจะหันมายิ้มให้หล่อนบ้างนะ จู่ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายก็โผล่มาในห้วงความคิด ว้าย! คนบ้า มาหลอกมาหลอนอยู่ได้ คนอย่างเขาไม่มีทางหันลงมามองยัยกระต่ายหมายจันทร์อย่างหล่อนหรอก ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พักแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเริ่มโปรโมชั่นฝึกงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาอุตส่าห์ให้โอกาส เราจะทำให้เต็มที่ จะแสดงให้เขาเห็นว่า เราก็ทำได้นะ สู้ สู้วันนี้แล้วสินะ ที่จะเป็นวันสุดท้ายในช่วงทดลองงานของหล่อน จะออกหัวหรือออกก้อยกันหนอ เจ้านายจอมเฮี้ยบของหล่อนจะว่าอย่างไรบ้างครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่างเป็นเจ็ดวันอันคุ้มค่าที่ท่านอุตส่าห์ใจดีให้โอกาสหล่อนฝึกงานต่อ เพื่อหาประสบการณ์ แต่ก็ไม่เห็นท่านประธานพูดอะไร จะให้หล่อนต่อโปรฯ หรือจะเชิญไปฝึกหัดวิจัย (ฝุ่น) ที่บ้านหนอ คิดแล้วก็ทำให้ใจเต้น ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิน่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา จอมขวัญได้ถูกถ่ายท
อยู่ในลิฟต์อย่างนี้แล้ว ชวนให้คิดย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ได้เจอกับเขาครั้งแรก ส่งผลให้ใบหน้าขาวใสร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จอมขวัญยืนก้มหน้าแอบอมยิ้มเพียงลำพัง พยายามปัดภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองทำเปิ่นเป๋อจนได้ใกล้ชิดกับเขาออกไป ยังดีที่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องวันนั้นให้หล่อนรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอีก“พอใจรึยัง.. ถ้าพอใจแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว เพราะอีกไม่ช้า ลิฟต์ก็จะปิดอัตโนมัติ และถ้าคุณช้ากว่านี้ละก็ ได้ค้างอยู่ในนี้ จนถึงพรุ่งนี้เช้านั่นแหละ กว่าที่ผมจะเดินขึ้นไปแก้ไขระบบได้ ก็คงใช้เวลาไปหลายนาที คาดว่าเมื่อถึงตอนนั้น..คุณคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่”อ๊าย! ยัยจอมจุ้น เอ๊ย เธอนี่มันก็เหลือเกินจริง ๆ เลย อยากจะเขกมะเหงกตัวเองนัก คอยแต่จะแอบเพ้อฝันถึงเขาอยู่นั่น ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ ไม่วายโดน ประชดประชันเข้าจนได้ แล้วทำไมหล่อนต้องโดนดุ โดนว่า โดนกระแนะกระแหนอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ด้วย เกลียดขี้หน้ากันมากขนาดนี้เลยหรือคะเจ้านาย คิดแล้วก็ให้น้อยเนื้อต่ำใจนัก ทีกับคนอื่น ทำไมเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษวางตัวดีสมกับเป็นท่านประธานผู้น่าเกรงขาม กับ
“จอมขวัญ นี่คุณแกล้งโง่หรือซื่อเกินไปกันแน่” อะไรกันอีกหนอเอากับเจ้านายหล่อนเถอะ คนตัวเล็กแอบจิกกัดกับความปากร้ายของเจ้านาย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลางกอดอกเชิดหน้ามองออกไปนอกตัวรถพยายามไม่เสวนากับเจ้านายให้เสียอารมณ์“คุณจอมขวัญครับ ผมไม่ใช่คนขับรถประจำทาง เชิญมานั่งข้างหน้าได้นะ” อ่ะ..จอมจุ้นเอ๊ย เธอจะเบ๊อะบ๊ะไปถึงไหน เพิ่งเข้าใจความหมายที่เจ้านายพูดก่อนหน้านั้น เขาหมายถึง เธอเป็นลูกน้อง ไม่ใช่เพื่อนเล่น เขาเป็นใคร แล้วหล่อนน่ะเป็นใคร ลูกน้องสาวรีบกระวีกระวาดย้ายตัวเองจากเบาะนั่งด้านหลังลงจากรถ เปิดประตูก้าวมานั่งตอนหน้าคู่กับเจ้านาย ส่งยิ้มแบบเคอะเขิน ผงกศรีษะแบบขอลุแก่โทษ มือเล็กสาวปอยผมที่ตกมาระข้างแก้มแก้เขินเป็นพัลวัน“ขอโทษค่ะท่านประธาน” ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า เวลาอยู่กับเขาตามลำพังทีไร เป็นต้องตัวทำตัวไม่ถูก พานทำให้พูดไม่ค่อยเป็นประโยคอยู่ร่ำไป แล้วอ้ายเจ้าเลือดกำเดาก็คอยแต่จะไหลออกมาซะอย่างนั้น สงสัยว่าหล่อนจะเป็นโรคประหลาด บางคนเขาแพ้ผลไม้ แพ้ทิชชู แพ้ยาชา แพ้ยาแก้แพ้ แต่เธอกลับเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ก็เป็นโรคภูมิคุ้มกัน
เจ้านายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ..ไม่กี่อึดใจรถคันใหญ่สีดำก็มาจอดอยู่ตรงลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากหน้าตาของร้านเมื่อมองจากด้านนอก เป็นร้านขนาดใหญ่แยกออกจากถนนหลัก เป็นร้านอาหารซีฟู้ดเพียงแค่เห็นหน้าร้านและการตกแต่งภายนอกก็รู้ว่าคงแพงหูฉี่จอมขวัญแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ดูจากร้านแล้ว คาดว่าเขาคงจะใช้เวลาในการกินอาหารมื้อนี้ไม่น่าต่ำกว่าชั่วโมงเป็นแน่ คิดดูสิ..ตั้งหนึ่งชั่วโมงนะที่ต้องรอเขา หล่อนคงหิวจนไส้แทบขาดแน่เลย คนยังไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่หลังเที่ยงเริ่มใจคอไม่ดี อาหารมื้อสุดท้ายก็เกือบบ่ายโมงกว่าเพราะหลังจากนั้นก็ปั่นงานให้เขาจนลืมวันเวลาไปเลย และเป็นเหตุให้หล่อนต้องมานั่งหิ้วท้องรอเขาทานข้าวเสร็จอยู่นี่ไง.. คราวนี้เธอต้องตายแน่ จอมขวัญเอ๋ย..ไส้ขาดแน่ ๆ“อ้าว!..ลงมาสิคุณ เร็ว ๆ เข้า ผมหิวแล้วนะ” เจ้าของร่างสูงทำหน้ายุ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมุ่น คงแปลกใจขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก และทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ก่อนจะหันมาเห็นหล่อนที่ยังนั่งบื้อ จมกับความคิดของตัวเองอยู่ ก็จะให้กล้าบอกออกไปได้ยังไงล่ะ ว่าหิวเหมือนกันล่ะค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อนพยา
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ลงไปนั่งเป็นเพื่อนท่านก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนลงจากตอนแรกราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว มัฆวัฒน์มองหญิงสาวนิ่ง อยู่สองสามนาที เลิกคิ้วหนาขึ้นเป็นคำถามเชิงบอกว่า ตกลงตามนี้ใช่ไหม จากนั้นเขาก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วเปิดประตูรถก้าวขายาว ๆ ออกไป เลขาสาวมือใหม่จึงจำเป็นต้องรีบคว้ากระเป๋าคู่ใจเข้ากับตัว แล้วรีบเปิดประตูรถวิ่งตามคนขายาว ที่สาวเท้าเดินเข้าไปในร้านไม่รอคนขาสั้นเลยแม้แต่น้อย ภายในร้านอาหารค่อนข้างแน่นหนาด้วยผู้คนที่มาทานอาหารรอบดึก หรือเขามากันนานแล้ว เพราะตามที่สายตามองเห็น บางโต๊ะอาหารพร่องไปบ้าง บางโต๊ะก็นั่งคุยกันหลังจากที่อิ่มหนำกันเรียบร้อย ส่วนหล่อนกับเขาเพิ่งจะเข้ามา อันที่จริงแล้วอาจจะเข้ามาเร็วกว่านี้ ถ้าไม่มัวถกเถียงกันอยู่ข้างนอกนู่น อาหารที่นี่คงอร่อยน่าดู โต๊ะทุกตัวถูกจองไว้เกือบหมด จอมขวัญเดินตามเขาต้อย ๆ รู้สึกตัวเล็กลีบลงไปถนัดใจ บรรยากาศในร้านค่อนข้างหรูหรา ราคาแพงเอาการอยู่ ดูจากการแต่งกายของแต่ละคนแล้ว คงเป็นพวกมีตังค์เขามากินกัน แม้บางคนจะใส่เสื้อลำลองก็ยังดูดีกว่าเสื้อผ้า