มัฆวัฒน์อึ้งไปชั่วขณะ กับคำพูดยอกย้อนของหญิงสาวตรงหน้าที่กล้าพูดกับเขาได้อย่างฉะฉาน กล้าต่อปากต่อคำ ต่างจากตอนแรกที่ดูหงอ ๆ นั่นลิบลับ เจ้าของร่างสูงโยกตัว กลับมานั่งในท่าตรงอีกครั้ง มือเรียวใหญ่ยังคงหมุนปากกาสีทองไปพร้อมกับเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนลงต่างจากตอนแรกเล็กน้อย
“ผมก็แค่ข้องใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่สามารถให้คุณออกได้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คุณจะยอมรับ ..หรือไม่ยอมรับ ผมก็ไม่สามารถบังคับคุณหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบไปก็แล้วกัน”
จอมขวัญนิ่งฟังพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอีกรอบ พยายามสะกดกลั้นรู้สึกขุ่นเคืองและเจ็บใจกับคำพูดแดกดันของท่านประธานใหญ่ไม่หาย ข่มใจให้สงบเข้าไว้ เจ้านายเหลือบมองเอกสารของหล่อน และหยิบมันขึ้นมาเปิด ๆ ดู ซึ่งมองแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งใจดูสักเท่าไหร่หรอก“จากแฟ้มของคุณ ประวัติทางการศึกษาน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยให้กับเด็กมากกว่า ที่จะมาทำงานเกี่ยวกับโรงแรมอย่างนี้ มันดูขัดกันนะ ผมก็เลยสงสัยว่าคุณอาจจะรู้จักใครในนี้ แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่.. ก็คือ ไม่.. ก็โอเค ผมจะได้เริ่มคำถามต่อไป” ฟังจากสุ้มเสียงของเขาถึงแม้ว่าจะเข้าใจและยอมรับตามนั้น แต่ก็ยังคงมีความกังขาอยู่ในที เห็นได้ว่าอนาคตข้างหน้าแลดูร่อแร่อย่างไรพิกลอยู่จอมขวัญเอ๋ย
พนักงานฝึกหัดทั่วไปลอบสูดหายใจเข้าปอดช้า ๆ ภาพพจน์ของหล่อนคงดูแย่เสียเหลือเกิน ในสายตาของเขา ถึงพูดออกมาแบบนี้ มันผิดตรงไหนล่ะที่หล่อนจบมาทางด้านนี้ อย่างน้อย ๆ หล่อนก็ได้เกียรตินิยมอันดับสอง แม้จะไม่ติดอันดับหนึ่งเหมือนพี่ชายหล่อนก็ตามทีเถอะ หญิงสาวคิดว่าสมควรที่จะพูดอะไรออกไปเสียบ้าง อย่างมากก็แค่กลับไปนอนอยู่กับบ้าน และไปทำวิจัยฝุ่น ซึ่งเป็นงานยอดฮิต ของพวกที่จบใหม่เขาทำกัน อยู่อีกสักพักหนึ่งก็เท่านั้น จอมขวัญคิดอย่างคนปลงตกได้แล้ว
คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้หรอก อย่างน้อยก็มีพ่อกับแม่รออยู่ที่บ้านล่ะน่า ยังไงซะลองปะทะคารมกับเจ้านายดูสักครั้งจะเป็นไร จะได้เก็บเป็นความทรงจำที่มีค่าในชีวิต ที่มียัยบ้ากล้าตีฝีปากกับเจ้านาย อย่างคุณมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล น้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสดี ๆ อย่างหล่อน ไหน ๆ ภาพพจน์ของเธอก็ดูทุเรศทุรังในสายตาของเขาอยู่แล้ว หากจะเพิ่มขึ้นอีกสักนิดสักหน่อย คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง จอมขวัญแอบซ่อนแววตาซุกซน ก้มยิ้มในหน้าแวบหนึ่ง หากก็รีบสะลัดความคิดนั้นทิ้งทันที พับเก็บความคิดเมื่อสักครู่ไว้ฉับพลัน เมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยถามเสียก่อน
“ตั้งแต่มาทำงานที่นี่… อาทิตย์หนึ่งแล้วสินะ คุณทำอะไรเป็นบ้างล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหยั่งเชิงพนักงานสาวตรงหน้าต่อ
“เอาตั้งแต่วันแรกเลยเหรอคะ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาเต็มตาอีกครั้ง มุมปากยังมีรอยยิ้มติดอยู่ในหน้า แน่ล่ะจะมีก็แต่หล่อนเท่านั้นที่รู้ว่ายิ้มอะไร หลังจากนั้นหล่อนก็สาธยายถึงผลงานที่หล่อนได้ทำตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างละเอียดยิบกับหน้าที่พนักงานฝึกหัดทั่วไปให้เจ้านายขี้เก๊กฟัง
“อืมม์..คุณแน่ใจนะว่า..พร้อมในตำแหน่งผู้ช่วยของผม”
“ก็อย่างที่ดิฉันเรียนท่านไปแล้วนั่นล่ะค่ะ ดิฉันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถึงแม้จะผิดพลาดบ้าง ดิฉันก็จะจำไว้เป็นบทเรียน และจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก” คนตอบเอ่ยสวนออกไปทันที ทั้งที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรองคำถามจากเจ้านายให้ดีเสียก่อน แต่ก็ทะแม่ง ๆ กับถ้อยคำในตอนท้ายของเขาที่ว่า 'ผู้ช่วยของผม' อยู่
“เอ็ม ไอ พี คอร์เปอร์เรชั่น ไม่ใช่สถานที่ ที่จะเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่มาฝึกงาน และต้องมาคอยนั่งอบรมสั่งสอน และพร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำ ๆ นักหรอก ผมจึงต้องการมืออาชีพพอสมควร มีความชัดเจน และมีความชำนาญมากพอ ผมอยากให้คุณพิจารณาตัวเอง”
จอมขวัญใจหายวูบ จากประโยคยาวเหยียดของเขา นี่แปลว่าหล่อนต้องออกจากงานจริง ๆ หรือนี่ ก็เขาประเมินว่าไม่พร้อมที่จะรับเด็กใหม่และต้องการคนมีประสบการณ์ด้วย เขาช่างเป็นคนที่คิดในมุมแคบ อย่างร้ายกาจ หล่อนรู้สึกผิดหวังในตัวบุรุษรูปงามผู้นี้อย่างรุนแรงเสียจริง
“จากตอนแรกที่ดิฉันพูดออกไปว่า หากท่านยังคลางแคลงใจ ในการที่ดิฉันได้เข้ามาทำงานที่นี่ได้ยังไง อาจจะใช้เส้นใช้สายมาหรือเปล่า ดิฉันยินดีลาออกหากท่านไม่พอใจ แต่ที่ท่านพูดออกมาเมื่อสักครู่ ดิฉันรู้สึกผิดหวังมากที่ได้รู้ว่าผู้บริหารระดับสูง ๆ ที่เขายังมีความคิดว่าเด็กที่จบมาใหม่ ๆ ไม่มีประสบการณ์ อย่างดิฉันจะทำงานให้ท่านไม่ได้ตามที่ต้องการ ดิฉันไม่เถียงหรอกค่ะ ที่ดิฉันไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่..ในการเริ่มต้นทำงานของใครหลาย ๆ ก็ย่อมต้องมีก้าวแรกกันทั้งนั้น ถ้านายจ้างมีความคิดที่คับแคบอย่างท่านกันทุกคน โลกก็คงไม่พัฒนาจนถึงทุกวันนี้เป็นแน่ และถ้าปราศจากนายจ้างที่ใจกว้าง เปิดโอกาสให้เด็กใหม่ได้เรียนรู้การทำงานครั้งแรกในชีวิต แล้วจะเอาคนที่มีประสบการณ์มาจากไหนล่ะคะ” เป็นไงเป็นกันล่ะอยากจะลุกขึ้นมาบีบคอก็เชิญ แต่ขอให้พูดจบก่อนเถอะนะ
“แล้วตัวท่านเองล่ะคะ ดิฉันอยากทราบว่าท่านได้เริ่มต้นทำงานครั้งแรก จากที่ไม่เคยเรียนรู้งานมาก่อน อย่างนั้นแล้วท่านจะเอาประสบการณ์มาจากไหน ถ้าไม่มีคนให้โอกาสท่าน” จอมขวัญคิดว่าเขาคงลุกขึ้นมาบีบคอเธอให้แหลกคามืออย่างแน่นอนเมื่อกล่าวจบประโยค..หากกลับกลายเป็นว่า เขานั่งฟังหล่อนนิ่ง เงียบสงบจนน่าแปลกใจ เมื่อหล่อนพูดจบได้สักพักเขาก็หัวเราะหึ ออกมาเบา ๆ เท่านั้น และแทนที่จะทำอย่างที่กลัวอยู่ในใจ
“ผมพอมองเห็นคุณสมบัติโดดเด่นอยู่อย่างหนึ่งจากคุณนะ” หญิงสาวทำท่าฉงน ขมวดคิ้วถามเขาโดยไม่พูด
“ปากเก่งน่าดู” ชายหนุ่มนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง มือก็หมุนปากการาคาแพงไปมาอย่างใช้ความคิดประเมินค่าในเวลาเดียวกัน
“เอาล่ะ..นายจ้างอย่างผม คงต้องปรับปรุงตัวเสียใหม่สักหน่อย แต่ก็คงไม่ใจกว้างมากนักหรอกนะ..คุณจอมขวัญเพื่อให้คุณได้เรียนรู้การทำงานครั้งแรกในชีวิต ผมก็จะให้โอกาสคุณ เอาเป็นว่าผมให้คุณเรียนรู้งานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นถ้าคุณยังต้องเรียนรู้งานอยู่อีก ผมก็คงต้องเชิญคุณไปเรียนรู้งานกับนายจ้างรายอื่นแทน และเป็นอันตกลงว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะให้คุณได้หาประสบการณ์จากเลขาของผม.. คุณศักดิ์ดาเชิญข้างในหน่อยครับ” เจ้านายเน้นเสียงเรียกชื่อหล่อนในรอบวันอย่างจงใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่จอมขวัญก็ชักจะจำไม่ได้แล้ว ในดวงตายังคงมีแววเชือดเฉือนปะปนกับคำพูดอยู่ดี อะ..อะไรนะ เดี่ยวก่อน..นี่หล่อนยังไม่โดนไล่ออกหรอกหรือนี่ แถมจะได้เรียนรู้งานจากเลขาของเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะพิจารณาว่าผ่านหรือไม่ผ่านเพื่อเป็นผู้ช่วยเลขาของเขาอย่างนั้นหรือ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม พลันได้ยินเจ้านายหนุ่มกดอินเตอร์คอม เรียกคุณศักดิ์ดาเข้ามาพบและแนะนำหล่อนให้รู้จัก พร้อมกับมอบหมายให้สอนงานหล่อนทุกอย่างภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ ถ้าหากว่าผ่านโปรฯแล้ว เธอต้องติดตามบอสไปที่หัวหิน
กลุ่มหนุ่มสาวสนุกสนานกันสุดเหวี่ยง พลันสายตาของจอมขวัญก็ดันไปปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าของคนคนหนึ่งเข้า เขาดูโดดเด่นที่สุดในงาน อาจจะเพราะรูปร่างหน้าตาที่กระเดียดไปทางต่างชาติมากกว่า ส่งให้เขาดูสะดุดตากว่าคนอื่นในงาน สาวน้อย สาวใหญ่ต่างมองตามกันจนตาเป็นมัน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของหล่อนที่จ้องมองตั้งแต่เขาคนนั้นก้าวเข้ามาในงานแล้ว เพื่อนคนหนึ่งหันไปสะกิดเจ้าของงานว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคือใคร จึงได้คำตอบว่าเป็นลูกชายของลุงเธอ ที่เพิ่งอิมพอร์ทจากเมืองนอกและจะเข้ามาบริหารงานต่อจากบิดา ซึ่งเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ตอะไรสักอย่าง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมายนัก จะสนก็แต่ความหล่ออย่างสมบูรณ์แบบของเขาเท่านั้น บุคคลที่ตกอยู่ในบทสนทนาในคราแรก ก็โดนลากตัวมาโดยเจ้าของงานวันเกิด ล้อมดาวแนะนำผู้ชายตัวสูง คนนั้นให้กับเพื่อน ๆ ได้รู้จัก เขาคนนั้นพยักหน้ายิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับทุกคนไม่เน้นที่ใครคนใดคนหนึ่ง กลุ่มเพื่อนสาววัยรุ่นต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ และจำได้ว่าหล่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จะด้วยฤทธิ์ของน้ำอัดลม หรือเพราะฤทธิ์กามเทพที่แผลงศรปักอกเข้าอย่างจัง! พอเจ้าของร่า
เมื่อวางสายจากเพื่อนรักเรียบร้อย ร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับผ้าปูที่นอนลายกระต่ายน้อยกำลังนั่งมองพระจันทร์เสี้ยวที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน มันทำให้หล่อนนึกถึงตัวเอง เมื่อไหร่พระจันทร์ตัวจริงจะหันมายิ้มให้หล่อนบ้างนะ จู่ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายก็โผล่มาในห้วงความคิด ว้าย! คนบ้า มาหลอกมาหลอนอยู่ได้ คนอย่างเขาไม่มีทางหันลงมามองยัยกระต่ายหมายจันทร์อย่างหล่อนหรอก ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พักแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเริ่มโปรโมชั่นฝึกงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาอุตส่าห์ให้โอกาส เราจะทำให้เต็มที่ จะแสดงให้เขาเห็นว่า เราก็ทำได้นะ สู้ สู้วันนี้แล้วสินะ ที่จะเป็นวันสุดท้ายในช่วงทดลองงานของหล่อน จะออกหัวหรือออกก้อยกันหนอ เจ้านายจอมเฮี้ยบของหล่อนจะว่าอย่างไรบ้างครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่างเป็นเจ็ดวันอันคุ้มค่าที่ท่านอุตส่าห์ใจดีให้โอกาสหล่อนฝึกงานต่อ เพื่อหาประสบการณ์ แต่ก็ไม่เห็นท่านประธานพูดอะไร จะให้หล่อนต่อโปรฯ หรือจะเชิญไปฝึกหัดวิจัย (ฝุ่น) ที่บ้านหนอ คิดแล้วก็ทำให้ใจเต้น ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิน่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา จอมขวัญได้ถูกถ่ายท
อยู่ในลิฟต์อย่างนี้แล้ว ชวนให้คิดย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ได้เจอกับเขาครั้งแรก ส่งผลให้ใบหน้าขาวใสร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จอมขวัญยืนก้มหน้าแอบอมยิ้มเพียงลำพัง พยายามปัดภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองทำเปิ่นเป๋อจนได้ใกล้ชิดกับเขาออกไป ยังดีที่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องวันนั้นให้หล่อนรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอีก“พอใจรึยัง.. ถ้าพอใจแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว เพราะอีกไม่ช้า ลิฟต์ก็จะปิดอัตโนมัติ และถ้าคุณช้ากว่านี้ละก็ ได้ค้างอยู่ในนี้ จนถึงพรุ่งนี้เช้านั่นแหละ กว่าที่ผมจะเดินขึ้นไปแก้ไขระบบได้ ก็คงใช้เวลาไปหลายนาที คาดว่าเมื่อถึงตอนนั้น..คุณคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่”อ๊าย! ยัยจอมจุ้น เอ๊ย เธอนี่มันก็เหลือเกินจริง ๆ เลย อยากจะเขกมะเหงกตัวเองนัก คอยแต่จะแอบเพ้อฝันถึงเขาอยู่นั่น ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ ไม่วายโดน ประชดประชันเข้าจนได้ แล้วทำไมหล่อนต้องโดนดุ โดนว่า โดนกระแนะกระแหนอยู่คนเดียวบ่อย ๆ ด้วย เกลียดขี้หน้ากันมากขนาดนี้เลยหรือคะเจ้านาย คิดแล้วก็ให้น้อยเนื้อต่ำใจนัก ทีกับคนอื่น ทำไมเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษวางตัวดีสมกับเป็นท่านประธานผู้น่าเกรงขาม กับ
“จอมขวัญ นี่คุณแกล้งโง่หรือซื่อเกินไปกันแน่” อะไรกันอีกหนอเอากับเจ้านายหล่อนเถอะ คนตัวเล็กแอบจิกกัดกับความปากร้ายของเจ้านาย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลางกอดอกเชิดหน้ามองออกไปนอกตัวรถพยายามไม่เสวนากับเจ้านายให้เสียอารมณ์“คุณจอมขวัญครับ ผมไม่ใช่คนขับรถประจำทาง เชิญมานั่งข้างหน้าได้นะ” อ่ะ..จอมจุ้นเอ๊ย เธอจะเบ๊อะบ๊ะไปถึงไหน เพิ่งเข้าใจความหมายที่เจ้านายพูดก่อนหน้านั้น เขาหมายถึง เธอเป็นลูกน้อง ไม่ใช่เพื่อนเล่น เขาเป็นใคร แล้วหล่อนน่ะเป็นใคร ลูกน้องสาวรีบกระวีกระวาดย้ายตัวเองจากเบาะนั่งด้านหลังลงจากรถ เปิดประตูก้าวมานั่งตอนหน้าคู่กับเจ้านาย ส่งยิ้มแบบเคอะเขิน ผงกศรีษะแบบขอลุแก่โทษ มือเล็กสาวปอยผมที่ตกมาระข้างแก้มแก้เขินเป็นพัลวัน“ขอโทษค่ะท่านประธาน” ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า เวลาอยู่กับเขาตามลำพังทีไร เป็นต้องตัวทำตัวไม่ถูก พานทำให้พูดไม่ค่อยเป็นประโยคอยู่ร่ำไป แล้วอ้ายเจ้าเลือดกำเดาก็คอยแต่จะไหลออกมาซะอย่างนั้น สงสัยว่าหล่อนจะเป็นโรคประหลาด บางคนเขาแพ้ผลไม้ แพ้ทิชชู แพ้ยาชา แพ้ยาแก้แพ้ แต่เธอกลับเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ก็เป็นโรคภูมิคุ้มกัน
เจ้านายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ..ไม่กี่อึดใจรถคันใหญ่สีดำก็มาจอดอยู่ตรงลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากหน้าตาของร้านเมื่อมองจากด้านนอก เป็นร้านขนาดใหญ่แยกออกจากถนนหลัก เป็นร้านอาหารซีฟู้ดเพียงแค่เห็นหน้าร้านและการตกแต่งภายนอกก็รู้ว่าคงแพงหูฉี่จอมขวัญแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ดูจากร้านแล้ว คาดว่าเขาคงจะใช้เวลาในการกินอาหารมื้อนี้ไม่น่าต่ำกว่าชั่วโมงเป็นแน่ คิดดูสิ..ตั้งหนึ่งชั่วโมงนะที่ต้องรอเขา หล่อนคงหิวจนไส้แทบขาดแน่เลย คนยังไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่หลังเที่ยงเริ่มใจคอไม่ดี อาหารมื้อสุดท้ายก็เกือบบ่ายโมงกว่าเพราะหลังจากนั้นก็ปั่นงานให้เขาจนลืมวันเวลาไปเลย และเป็นเหตุให้หล่อนต้องมานั่งหิ้วท้องรอเขาทานข้าวเสร็จอยู่นี่ไง.. คราวนี้เธอต้องตายแน่ จอมขวัญเอ๋ย..ไส้ขาดแน่ ๆ“อ้าว!..ลงมาสิคุณ เร็ว ๆ เข้า ผมหิวแล้วนะ” เจ้าของร่างสูงทำหน้ายุ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมุ่น คงแปลกใจขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก และทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ก่อนจะหันมาเห็นหล่อนที่ยังนั่งบื้อ จมกับความคิดของตัวเองอยู่ ก็จะให้กล้าบอกออกไปได้ยังไงล่ะ ว่าหิวเหมือนกันล่ะค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อนพยา
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ลงไปนั่งเป็นเพื่อนท่านก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนลงจากตอนแรกราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว มัฆวัฒน์มองหญิงสาวนิ่ง อยู่สองสามนาที เลิกคิ้วหนาขึ้นเป็นคำถามเชิงบอกว่า ตกลงตามนี้ใช่ไหม จากนั้นเขาก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วเปิดประตูรถก้าวขายาว ๆ ออกไป เลขาสาวมือใหม่จึงจำเป็นต้องรีบคว้ากระเป๋าคู่ใจเข้ากับตัว แล้วรีบเปิดประตูรถวิ่งตามคนขายาว ที่สาวเท้าเดินเข้าไปในร้านไม่รอคนขาสั้นเลยแม้แต่น้อย ภายในร้านอาหารค่อนข้างแน่นหนาด้วยผู้คนที่มาทานอาหารรอบดึก หรือเขามากันนานแล้ว เพราะตามที่สายตามองเห็น บางโต๊ะอาหารพร่องไปบ้าง บางโต๊ะก็นั่งคุยกันหลังจากที่อิ่มหนำกันเรียบร้อย ส่วนหล่อนกับเขาเพิ่งจะเข้ามา อันที่จริงแล้วอาจจะเข้ามาเร็วกว่านี้ ถ้าไม่มัวถกเถียงกันอยู่ข้างนอกนู่น อาหารที่นี่คงอร่อยน่าดู โต๊ะทุกตัวถูกจองไว้เกือบหมด จอมขวัญเดินตามเขาต้อย ๆ รู้สึกตัวเล็กลีบลงไปถนัดใจ บรรยากาศในร้านค่อนข้างหรูหรา ราคาแพงเอาการอยู่ ดูจากการแต่งกายของแต่ละคนแล้ว คงเป็นพวกมีตังค์เขามากินกัน แม้บางคนจะใส่เสื้อลำลองก็ยังดูดีกว่าเสื้อผ้า
ตรงกันข้ามกับเจ้านายหล่อน ที่เอาก้มหน้าก้มตากินอาหารประดามีที่สั่งมา สมกับที่บ่นหิวตั้งแต่แรก และกินอย่างไม่กระดากอาย ที่ต้องมานั่งกินข้าวกับคนแปลกหน้าที่ไม่ค่อยแปลกตาอย่างหล่อน จอมขวัญไม่อยากมองการกินอย่างสบายใจของอีกฝ่ายเลยให้ตายเถอะ“ทำไมกินแต่สลัดล่ะ เดี๋ยวก็ผอมแย่ยิ่งดูไม่มีอะไรอยู่ด้วย” จอมขวัญเงยหน้าขวับ สบตากับคนตรงหน้ายกคิ้วเป็นคำถามคล้ายไม่พอใจอีกรอบ“อ่ะ..อ้าว ผมคงพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้วสินะ หมายถึงว่าคุณควรจะกินอะไรที่มันเสริมพลังงานบ้างนะ อย่างเช่นพวกโปรตีน เอ่อ..คุณดูตัวเล็กเกินไปน่ะ” วันนี้เจ้านายหล่อนเป็นอะไรไป ดูเขาจะเกรงใจหล่อนอยู่เหมือนกัน หรือเขากลัวว่าหล่อนจะตอบปฏิเสธ'ที่เขาขอความรัก' เฮ้ย! ไม่ใช่ ๆ เรื่องที่เขาถามเกี่ยวกับงานก่อนหน้านี้เมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ หล่อนก็เลยแทบจะอิ่มขึ้นมาเลยทีเดียวทั้งที่ทีแรกกะว่าจะ กินของหวานตบท้ายเสียหน่อย ในเมื่อเขาสั่งมาเผื่อจะได้ไม่เสียน้ำใจ หลังจากที่คิดว่าต่างฝ่ายต่างอิ่มกันแล้ว เขาคงสังเกตเห็นหญิงสาววางช้อนส้อมลงกับจานอย่างเรียบร้อยถึงได้เริ่มเอ่ยประโยค ถัดมาอย่างเป็นทางการ