ชายหนุ่มปรารภคนเดียวในใจ ภายในห้องพักส่วนตัว พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนจะไม่สบายอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็พยายามฝืนตัวเองเพื่อจะลุกไปอาบน้ำอาบท่า เผื่อว่าบางทีจะดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นแน่ ซึ่งเขาก็ห่างหายไม่ได้ดื่มหนักอย่างนี้มานาน แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างเมื่อคืนลงไปแน่..
มัฆวัฒน์ นึกขอบคุณน้ำเมาที่ทำให้เขารู้ซึ้งถึงหัวใจตัวเอง เขาเพียรหาคำตอบมานาน ว่าทำไมต้องคอยเป็นห่วงเป็นใย คอยเอาอกเอาใจ และคอยหวงเวลาที่เห็นหล่อนไปกับใครคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเอามากมายขนาดนี้ มีผู้หญิงสวยฐานะทางการเงินและสังคมมากกว่าเจ้าหล่อนเยอะแยะ ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่มาสนใจกับสาวน้อยแสนซื่อคนนั้น หน้าตาก็ธรรมดา หรือจะเป็นเพราะแววตาสดใสไร้เดียงสานั่น และริมฝีปากบางที่เขารู้แต่เพียงผู้เดียวว่าหวานปานใด มันทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำอย่างนี้ อยากเป็นเจ้าของ อยากจับจองไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนมาเข้าใกล้แม้แต่ปลายเส้นผมด้วยซ้ำ
รัก..รักสินะ..ที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ..จะไม่รอช้าอีกต่อไปแล้ว ..
เมื่อได้ข้อสรุปในใจแล้ว มั
จอมขวัญรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมาแทบจะทันที และมันคงแดงไปถึงไหนต่อไหนไปแล้วแน่ ๆ นี่เธอน่าจะโกรธเขาและแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างที่ควรจะเป็นไม่ใช่หรือ แต่แล้วทำไมถึงยืนทื่อ บื้อใบ้อยู่อย่างนี้ ยังมีหน้าปล่อยให้เขากกกอดได้สบายใจเฉิบ อย่างนี้อยู่อีกล่ะ ดิ้นสิ..ขยับออกห่างจากอกอุ่น ๆ นี่สิ นิ่งอยู่ทำไมจอมขวัญ เธอไม่อายคนที่เขาอาจจะเดินผ่านไปผ่านมาบ้างหรือ? จิตใต้สำนึกมันสั่งให้หล่อนทำแต่ทำไมมันยากนักล่ะ ทำไมขยับตัวไม่ได้เลย.. หน้าเขากับหล่อนอยู่ห่างแค่คืบ จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน และไม่ทันที่จะพูดอะไรออกไปใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ค่อย ๆ ก้มลงมาที่แก้มบางใสของหล่อนอย่างฉกฉวยโอกาส“อ๊าย..อย่านะ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้านะคะ”“อ๋อ..ที่แท้ก็อายนี่เอง ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในบ้านกันดีกว่านะ”“งั้นก็ปล่อยก่อนสิคะ ถ้าอยู่อย่างนี้จะเดินไปได้ยังไง” จอมขวัญใช้ไม้อ่อนเข้าว่า เมื่อไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะยอมคลายอ้อมแขนง่าย ๆ พลางเอามือทั้งสองข้างยันอกแข็ง ๆ เอาไว้หวังว่ามันจะช่วยกั้นไม่ให้ร่างกายบางส่วนของหล่อนแนบชิดกับเขาให้มากที่สุด หลังจาก
“จะบ้าเหรอคะ! ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว..พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ฉันจะไปเก็บข้าวของ พอแค่นี้ จบเรื่องเสียที” จบประโยคหญิงสาวก็เปิดประตูห้องเตรียมเข้าไปด้านในไม่สนใจอีกฝ่ายจะว่ายังไงอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ต้องชะงักค้างไว้ เมื่อมือใหญ่คว้าประตูห้องไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกปิด“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ไปเก็บของบ้าง ดีเหมือนกันไปอยู่ที่กรุงเทพก็ดี จะได้ไปให้ห่างจากแก้วกล้าไว้ ผมไม่ไว้ใจหมอนั่นเลย..ให้ตายเถอะ” ดูเหมือนว่าหล่อนกับเจ้านายจะคิดกันไปคนละเรื่องเสียแล้ว..มันยังไงกันล่ะทีนี้ เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี่ไปเกี่ยวอะไรกับคุณแก้วกล้ากันเล่า“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ ฉันลาออกจากหน้าที่เลขาของคุณแล้ว ฉันจะไปตามทางของฉัน เจ้านายก็ส่วนเจ้านายสิคะ!”“ใครอนุญาตให้คุณลาออกไม่ทราบจอมขวัญ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้นแหละ คุณยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์เลยนะอย่าลืม แล้วอีกอย่าง ถ้าหากคุณกลับไปแล้ว คนที่โน่นเขาจะคิดยังไง ในเมื่อคุณมาทำงานอยู่กับผมแค่เดือนกว่า ๆ ก็หอบกระเป๋าหนีกลับเสียแล้ว คิดดูให้ดี ๆ นะ พวกเขารู้จักและสนิทสนมกับคุณมากกว่าผม เ
หลังจากที่ตกลงสงบศึกเสร็จสิ้นแล้ว มัฆวัฒน์ก็พาหญิงสาวเข้าตัวเมืองเพื่อจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นอย่างที่เขาบอกไว้แต่แรก หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้มายังศูนย์การค้าใหญ่ ๆ ในตัวเมือง ลำพังเดินดูของทั่วไปน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตนี่ซิ เจ้านายหล่อนก็ทำตัวราวกับเป็นคู่สามีภรรยากันก็ไม่ปาน จะหยิบจับ ซื้ออะไรก็ต้องหันมาถามความเห็นก่อน แถมยังเข็นรถใส่ของท่าทางทะมัดทะแมงดูเหมือนว่าทำแบบนี้เป็นประจำอย่างนั้นแหละกลับมาจากซื้อของที่แทบเหมามาเกือบทั้งห้าง เล่นเอาหล่อนแทบไม่อยากทำอะไรเอาซะเลย เขาไม่เหนื่อยเลยหรือยังไงกันนะ พอมาถึงก็หิ้วของเข้าบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ เป็นหล่อนเสียอีกที่ออกอาการร่อแร่ รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน เลยต้องขอตัวเข้ามาพักเสียก่อน ส่วนตัวเจ้านายก็จัดการกับข้าวของที่ซื้อมาราวกับจะไม่ออกไปไหนอีกเป็นปีเมื่อเข้ามาในห้องพักได้ ก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง พลางมองข้าวของส่วนที่เป็นของตัวเอง แอบอมยิ้มออกมาไม่ได้ คนอะไรบอกว่าไม่เอา ๆ ไม่มีตังค์ ยังจะดันทุรัง ทู่ซี้ให้หล่อนซื้อจนได้ อ้างว่าเป็นโบนัสสิ้นปีล่วงหน
คนพูดประโยคแข็งกระด้างดูถูก เมื่อครู่รีบผละออกไปทันที เมื่อมัฆวัฒน์เดินตามมาถึงรถ จอมขวัญให้นึกหมั่นไส้ทายาทเจ้าของโรงแรมขึ้นมาติดหมัด พลางเม้มปากเข้าหากันแน่น นี่ถ้าหากว่าเจ้านายหันมาสนใจหล่อน เกินขอบเขตระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจริง ๆเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอนั่นแหละแม่แพทซี่ที่รัก ฉันจะเขี่ยเธอให้พ้นทางเป็นคนแรกเลยคอยดู..จอมขวัญฉุนจัด รู้สึกโมโหสุดขีด พลางนึกในใจว่าตัวเธอเองนี่ก็ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ที่สามารถคิดออกมาได้ว่าจะเปิดศึกชิงชายกับยายแพทอะไรนั่น... แน่ล่ะว่าคุณภัทราจะต้องก้าวขึ้นไปนั่งในตอนหน้าคู่กับคนขับอย่างแน่นอน ท่าทางหล่อนราวกับต้องการอวดตัวว่าคุ้นเคยกับการนั่งรถกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี เสียงพูดคุยกันระหว่างสองคนที่นั่งตอนหน้าช่างสั่นสะเทือนระบบประสาทหล่อนดีแท้ โดยเฉพาะแม่แพทซี่ ทำอย่างกับจะอวดอ้างว่าสนิทสนมกับเจ้านายหล่อนเสียเหลือเกิน จอมขวัญแอบเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้เป็นรอบที่ร้อยรถซี อาร์ วี คันใหญ่วิ่งเข้าตัวเมืองหัวหิน มาจอดอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารที่คงกินเนื้อที่ไปกว่าสิบไร่ได้กระมัง นี่ขนาดมองจากด้านนอกยังดูโอ่อ่าสมราคาเจ้าของโรงแรมให
หล่อนคงกลืนอะไรไม่ลงแน่ ๆ ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเปล่า ๆ มีที่ไหนกัน ที่เลขาต๊อกต๋อยมานั่งร่วมโต๊ะกับผู้บริหารระดับสูงอย่างนี้..พอเดินตามบุรุษทั้งคู่ มาได้สักพัก ยังไม่ถึงห้องอาหาร จอมขวัญจึงถือโอกาส เมื่อคุณมงคล หยุดทักทายกับคนอื่นอยู่“คุณมัฆวัฒน์คะ”“หือม์..มีอะไรหรือ..เห็นทำท่าลุกลี้ลุกลนตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”“คือ..ฉันขอไปนั่งทานรวมกับกลุ่มอื่นดีกว่านะคะ”“แล้วทำไม?ไม่อยากไปทานกับผม หรือกับคุณลุงอย่างนั้นหรือ ก็เห็นสนิทสนมกันดีอยู่นี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เอ่อ..คือฉันเกรงใจ แล้วอีกอย่าง มันไม่เหมาะนี่คะที่เลขาจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านาย” จอมขวัญพยายามใช้เหตุผล แกมวิงวอน“ก็ไปบอกคุณลุงเอาเองสิ” ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณมงคลก็หันมาเห็นเจ้านายหนุ่มทำเป็นบุ้ยบ้ายไปทางญาติผู้ใหญ่ของเขาพอดี“มีอะไรหรือถึงทำท่าซีเรียสกันอย่างนั้น”“ก็เลขาของผมน่ะสิครับคุณลุงจะไม่ยอมไปนั่งทานข้าวกับเรา” อ๊ะ! คนบ้าทำไมพูดออกไปแบบนั้นเล่า อ
“ไม่ได้วิ่งซะหน่อย แล้วก็ไม่ได้หิวมากมายขนาดนั้นด้วยค่ะ” เดินขึ้นมาจนถึงชั้นที่ห้า เล่นเอาหอบฮักเลยทีเดียว ผิดกับเขาที่เดินตามขึ้นมาอย่างสบายใจเฉิบ แถมในมือยังถือของ ไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบเหมือนอย่างหล่อนเลยสักนิด“ต้องไปออกกำลังกายบ้างแล้วนะคุณน่ะ.. ดูสิ เดินขึ้นบันไดแค่ห้าชั้นก็หอบแฮ่ก ๆ แล้ว” ร่างสูงมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขณะที่หล่อนกำลังควานหากุญแจเพื่อไขเข้าไปยังห้องพัก จอมขวัญหน้าแดงขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ดังอยู่ด้านหลัง แถมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยมาเตะเข้าที่จมูก จะยืนห่างๆ หน่อยไม่ได้หรือไงนะ..เมื่อไขกุญแจได้ด้วยมือที่สั่นเทา ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เมื่อจะได้ไม่ต้องทนยืนให้เขาอยู่ใกล้ชิด อย่างไม่ยอมหลบไปไหน ตั้งแต่มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยออกมาทันที“น่าอยู่จัง..คุณจัดห้องเองเหรอ?” ร่างสูงหันมาถาม หลังจากที่เดินสำรวจภายในห้องของหล่อนเรียบร้อยแล้ว“ก็แต่งเติมหลังจากที่พี่ชายไม่อยู่แล้ว เท่านั้นเองค่ะ” ที่จริงแล้ว ส่วนใหญ่แล
“ไล่จังนะ..อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง ยังไม่อยากกลับเลย” จอมขวัญหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบแล้วเมื่อได้ยินเสียงเว้าวอน พร้อมกับแววตาระยิบระยับนั่นเข้า เลยแกล้งมองออกไปนอกตัวตึก ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน“ฉันง่วงแล้ว..อยากพักผ่อน” ใช้ไม้นี้แหละ ลองดูซิเขาจะว่ายังไง“ก็ไปนอนสิ เดี๋ยวยังไงถ้าผมกลับ จะล็อกห้องไว้ให้ก็แล้วกัน” หญิงสาวหันขวับมามองเขาตาวาว ทำตาขุ่นเคืองใส่คนเรื่องมาก ที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับเสียที“เอาล่ะ ๆ ล้อเล่นน่ะ..กลับก็ได้” จากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตร บิดขี้เกียจไปมาอยู่เป็นครู่ก่อนจะเดินย้อนเข้าไปในห้องพักจอมขวัญจำต้องเดินออกมาส่งเขาตามมารยาท ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าประตูห้อง คิดว่าเขาจะเปิดประตูออกไป..หากเขากลับหันมาเผชิญหน้ากับหล่อน ที่มัวแต่เดินตามคนตัวสูงมาอย่างกระชั้นชิดทำให้เบรกแทบไม่ทัน จึงชนเข้ากับแผงอกกว้างแข็งแรงเข้าเต็ม ๆ“ อุ๊ย!..” ชายหนุ่มตระคองกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มได้ทันควันก่อนที่หล่อนจะหงายหลังล้มลงไป พลางใช้นิ้วเรียว
วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลังจากกลับมาที่หัวหินคราวนั้นหล่อนก็ต้องมาจัดเตรียมงานเลี้ยงให้กับพนักงาน ซึ่งถูกจัดขึ้นทุกปี และปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่ว่า งานจะจัดที่รีสอร์ตหัวหินนี่สิ..เล่นเอาหล่อนต้องทำทั้งงานราษฎร์ งานหลวงกันเลยทีเดียวเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงที่จะออกไปเดินเล่นริมชายหาด เหมือนอย่างแต่ก่อน ที่จอมขวัญชอบออกไปรับลมชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินหลังเลิกงาน หรือไม่ก็วันหยุด ส่วนเจ้านายจอมเฮี้ยบ ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อเข้าสู่โหมดผู้บริหารเมื่อไหร่ เป็นอันไม่สนใจใครทั้งสิ้นเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ มาก โดยเฉพาะเรื่องงานถ้างานไม่เสร็จ ก็อย่าหวังว่าจะลุกไปไหน บางวันออกไปทำงานแต่เช้าโดยไม่รอหล่อน บางวันก็นอนที่สำนักงาน ช่วงนี้เขาต้องติดต่อกับลูกค้า ติดต่อกับฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มากขึ้น เพราะรีสอร์ตใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มทีแล้ว คราวนี้จึงถือโอกาสจัดเลี้ยงฉลองที่โครงการใกล้เสร็จสิ้นเสียทีเดียวพร้อมกันเลยมัฆวัฒน์ก้าวเข้ามาในตัวบ้านพักเมื่อตอนสองทุ่มเศษ นัยน์ตาของเขาพร่ามัว และรู้สึกปวดที่ขมับตุบ ๆ เหมือนจะมีไข้ อาจเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวัน เขาออกไปดูโครงการกับลู