Home / LGBTQ+ / รักของจันทรา / บทที่ 4 สัมภาษณ์เข้าพัก

Share

บทที่ 4 สัมภาษณ์เข้าพัก

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2024-11-13 19:15:01

            บ้านศศิกานต์เป็นทาวน์เฮ้าส์สี่ชั้นอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า  สไตล์คลาสสิคทำให้บ้านไม่ดูล้าสมัยแม้ว่าจะผ่านเวลามาเนิ่นนาน  ขณะนี้ดวงอาทิตย์ลับลา  ส่งให้ดวงจันทร์ส่องประกายแข่งกับแสงไฟข้างถนน  สายลมเย็นพัดเข้ามาในบ้านเอื่อยเฉื่อย  เวลานี้เป็นเวลาสองทุ่มตรง  คืนนี้      ศศิกานต์ต้องสัมภาษณ์คนมาอยู่บ้านร่วมกันหลังจากเปิดรับสมัครมาสองเดือน  เธอเรียกทั้งสองคนมานั่งบนโซฟา  ตรงชั้นหนึ่งมีห้องรับแขกที่เป็นที่ส่วนกลาง  ห้องนอนของเธอ  และห้องครัวขนาดเล็กอยู่ด้านในสุด  ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนอีกสามชั้น  และชั้นดาดฟ้า  อย่างไรก็ตามผู้เช่าอีกคนหนึ่งยังไม่มา 

            คนแรกเป็นผู้ชายค่อนข้างเท่  ผิวสีแทน  ตาตี่  มีแววตารับฟังอย่างลึกซึ้งเวลาคุยกับคนอื่น  เขามองลึกเข้าไปภายใต้หน้าตาดีของศศิกานต์  เห็นความไม่มั่นใจในตนเอง  ความมุ่งมั่น  และความเศร้าสร้อย  แต่เขาก็รอให้เธอเอ่ยก่อน

            "แนะนำตัวด้วยค่ะ"  ศศิกานต์ถอดหน้ากากออก  จับแก้มตัวเองเบาๆ ยังดีใจไม่หายที่หน้าเข้าที่แล้ว

            "เราชื่อธนู  อายุยี่สิบสี่ปี  เป็นผู้ช่วยเซฟครับ  เท่านั้น" 

            เขาตอบสั้นๆ

            “อายุมากกว่าศศิสองปี  ต้องเรียกพี่สินะคะ”

            “อ่อ ไม่ต้องหรอก  จะได้สนิทกันมากๆไง ศศิ”

            เขาเอ่ยอย่างสบายๆ

            "ทำไมถึงมาเช่าที่นี่คะ  มีความจำเป็นอะไร"

            "เรากำลังเก็บเงินเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง  ร้านเล็กๆ เองครับ  แถมที่นี่ก็เดินทางสะดวกด้วย  แต่นอกจากทำอาหารแล้ว  ความสามารถพิเศษของเราคือให้คำปรึกษาด้านความรัก"

            หูย  คนนี้น่าคบ

            ศศิกานต์อุทานในใจ  เมื่อนึกถึงความรักข้างเดียวของตัวเอง  แม้จะนานมาแล้ว

            ผู้เช่าอีกคนเป็นสาววัยสามสิบปี  ตัวเล็ก  ผอมกะหร่อง  ผมสีฟ้า  ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอ  รอให้ถึงคิวตัวเอง 

            "สวัสดีค่า  พี่ชื่อซีนะคะ  เป็นช่างแต่งหน้าอ่ะคะ  วันนี้เพิ่งกลับจากกอง  เหนื่อยมาก  ก.ไก่ ยาวไปค่ะ  เอ๊ะ  น้องเป็นนางแบบวันนี้นี่คะ  พี่เห็นนะ  แอดไลน์คุยกับน้องปรีย์อ่ะ  นางเจ้าชู้นะคะ  บอกเลยว่าระวังเป็นลูกกวางน้อยให้นางจับนะคะ"

            "เอ่อ..."  ศศิกานต์คิดตามไม่ทันกับข้อมูลยาวเหยียดนั้น

            "คอยดูไปก่อนก็ได้"  ธนูเอ่ยเรียบๆ  "เราจะไม่รู้จักใครเต็มร้อยผ่านคำพูดของคนอื่น  ของแบบนี้ต้องคุยด้วยตัวเองถึงจะรู้จักกันนะ"

            "พี่ซีบอกเลยว่า  อย่าเล่นกับไฟนะคะ"

            ซีแย้งทันที  แต่ในหัวของอีกฝ่ายไม่ได้ยินคำนั้น 

            "ถ้าเราจะจีบดอกฟ้า  เราจะจีบอย่างไรดีอ่ะ  ธนู"

            "อันดับแรกเราต้องทำตัวเองให้ดูดีขึ้น  ซึ่งตอนนี้น้องศศิก็ดูดีแล้ว  สองต้องทำฐานะให้พร้อม  สามเอาตัวเองไปอยู่ต่อหน้าเขาบ่อยๆ  สี่คุยให้สนุก  และห้าเมื่อเธอมีใจให้บอกความในใจได้"

            ศศิกานต์จดคำแนะนำด้วยมือถืออย่างว่องไว  ก่อนชม

            "เก่งจัง  คิดได้ไงเนี่ย"

            "อ่อ ฟังกูรูในเน็ตมาอีกที"

            ทุกคนหัวเราะร่วมกัน

            "พี่ซีถามหน่อยนะคะ  น้องศศิเป็น LGBTQ เหรอคะ" 

            "ค่ะ  ตั้งแต่จำความได้  ก็ชอบผู้หญิงมาตลอด" 

            หน้าสีจัดขึ้นมาโดยในใจหวังว่า

            แต่ถ้าสองคนนี้รู้  ศศิอาจได้พวก  และคนเชียร์ก็เป็นได้

            "เป็นรุกอ่ะเปล่า  แววตามันฟ้อง"  พยักหน้าอย่างเขินอายแทนคำตอบ  "ถ้าไม่ใช่คงจะเป็นรับที่หาคู่ยากเหมือนกันนะคะ ตัวโตขนาดนี้"

            ขณะเดียวกัน  ดวงตากลมมองมาที่ทั้งสามคน  ก่อนเดินเข้ามาอย่างมั่นใจด้วยรองเท้าส้นสูงห้านิ้ว  วางกระเป๋าเดินทาง สวมแว่นตาสีดำ  ทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางคืน

            "แนะนำตัวด้วยค่ะ"  เจ้าของบ้านขอร้องเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา  ความตื่นเต้นของคนตาคมพุ่งถึงขีดสุด 

            "สวัสดีค่ะ  ชื่อสุปรีย์  เรียกปรีย์ก็ได้  เป็นนางแบบค่ะ  ต้องการใช้เงิน  เลยหาคนหารค่าเช่าค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ      แต่เอ๊ะ  คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น"  เธอสะบัดผมสวยไปข้างหลัง 

            ศศิกานต์รู้สึกหน้าแดง  จึงหยิบกระดาษขึ้นมาพัดให้ตัวเอง  แถมความกดดันทำให้เธอหน้าถมึงทึงอีกครั้ง  

เปลี่ยนโฉมไปแล้ว  ต้องเปลี่ยนตัวเองไปด้วย  บอกตัวเองให้กล้าเข้าไว้  ศศิต้องเข้าถึงเธอให้ได้!!

            "มีแฟนหรือยังคะ  คือ  ถ้าจะพาคนมาที่นี่  ต้อง...ต้อง"  ศศิกานต์คิดไม่ออก

            สุปรีย์มองเธอออกอย่างตลอดทั่ว  เลยยิ้มมีเลศนัย  แววตาอ่านยาก

            "สถานะโสดค่ะ  แล้วก็จะรักษาความเป็นส่วนตัวให้ทุกคนเองนะคะ"

            "แล้ว...ชอบดอกไม้อะไรคะ"

            "คะ"  เธอแปลกใจกับคำถาม  "ดอกมะลิค่ะ  หอมดี"

            "แปลว่าเวลาจีบ  ต้องเอาพวงมาลัยมาให้"  ซีเอ่ย  หัวเราะคิกคัก

            "จริงหรือคะ"  ศศิกานต์สติหลุดไปอีกรอบ  ซีและธนูส่ายหน้าให้ความโบ๊ะบ๊ะนั้น  "แล้วไอศครีมรสที่ชอบ"

            "มะนาว"

            "สัตว์ที่ชอบ"

            "แมวค่ะ  แมวจรก็ไม่ติดนะคะ"

            "อะแฮ่ม..."  ซีกระแอม  "จำเป็นต้องรู้ละเอียดขนาดนี้เลยเหรอคะ  แค่พักบ้านเดียวกัน"

            "ก็...จะได้เข้ากันได้  ไม่มีปัญหาไงคะ"  ศศิกานต์ถูมือพลางแก้ตัว  เธอเอาสีข้างเข้าถูแล้ว  แต่ไม่เนียนเลยสักนิด

            "อยากรู้อะไรเพิ่ม  ก็บอกนะคะ"  สุปรีย์สะบัดผมแสดงความมั่นใจในตัวเอง  กลิ่นผมแบบอ่อนหวานลอยไปทั่วบริเวณ  "ถ้าอย่างนั้นขอตัวเข้าห้องพักนะคะ"

            ศศิกานต์กลั้นใจยื่นมือให้เธอจับ  ทั้งที่ไม่คิดจะจับของคนก่อนหน้า  คนตัวบางยื่นมือออกไปให้จับอย่างยินดี  

            เมื่อถึงห้อง  สุปรีย์ใช้หมอนอุดปากแล้วกรี๊ดออกมาด้วยความหลงใหลในตัวศศิกานต์  นานแล้วที่ไม่ได้เจอฝ่ายรุกระดับบนขนาดนี้  แต่อีกฝ่ายไม่มีชั้นเชิงเอาซะเลย

            ใกล้เวลาเที่ยงคืน  ไฟถนนส่องสว่างทำให้ความมืดสลายไป  เวลานี้คนเดินคับคั่งเพราะเป็นย่านสตรีทฟู้ด  ผู้เช่าเข้าที่พักแล้วจัดห้องของตัวเองให้เป็นที่เป็นทาง  นาฬิกาเดินไปอย่างรวดเร็ว  สุปรีย์อยู่ห้องบนสุด  ข้างบนชั้นสี่มีดาดฟ้าอีกที  เธอเดาว่ามีอีกคนอยากใกล้ชิดขนาดนี้ 

            "หิวจัง"  สุปรีย์เอ่ยเบาๆ เพราะรู้ว่าคนตาคมเดินขึ้นมา

            "ใกล้ๆ มีร้านสะดวกซื้อ  ไปซื้ออะไรกินกันไหม"

            คนตัวบางสบตาที่มีประกายของอีกฝ่าย  ยิ้มอย่างรู้ทัน

            "ได้นะคะ  แต่อย่ากินแป้งเยอะ  แล้วก็ห้ามกินจนอิ่มเกินไป  ไม่อย่างนั้นจะอ้วน  อาชีพของเราต้องคีบลุคนะคะ"

            "เราก็เคยอ้วนนะ  แต่ตอนนี้ลดลงไปเยอะแล้ว"

            "บางคนผอมลงแล้วก็กลับไปอ้วนอีก  ต้องระวังนะคะ"

            "พอพูดแบบนี้แล้ว  ค่อยรู้สึกว่าปรีย์เป็นตัวเองหน่อย"

            "แล้วไม่เป็นตัวเองตรงไหน"

            "ก็คีบลุคอยู่ไง  แต่แบบนี้จริงใจมากเลย" 

            เธอยิ้มที่ศศิกานต์ใส่ใจ  ส่วนรอยยิ้มนั้นทำให้มีคนใจกระตุก

            "ไปกันเถอะ" 

            สายลมหนาวพัดมากระทบผิวกายของสุปรีย์  ศศิกานต์เห็นอาการนั้นจึงถอดเสื้อคลุมแล้วสวมให้เธอ  ระหว่างทางมีคนเดินบางตา  แสงไฟส่องสว่างกว่าแสงจันทร์  เสียงลมพัดดังหวีดหวิว  ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดเบาๆ กับเพื่อน  เสียดายหน้าสวยทั้งสองคนที่กำลังใส่ใจกัน

            "เลสว่ะ"

            สุปรีย์เตรียมจะต่อปาก  แต่ศศิกานต์ปรามไว้ก่อน 

            "เราอย่ามีเรื่องเลย  ไม่จบง่ายๆหรอก  พวกคนใจแคบเห็นแค่โลกของตัวเองก็แบบนี้แหละ

            คนร่างบางเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยกับอีกคน  แทนความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน  พวกเขาไม่ได้พูดอะไร  แต่การกระทำก็

ส่อแล้วว่า  จากนี้ไป  เรื่องราวของพวกเขา  จะทำให้น้ำตาลหวานน้อยลง 

            ศศิกานต์แทบจะขาไม่ติดพื้น  เธอจะทำให้สุปรีย์ที่เธอรอคอยมาเป็นของเธอให้ได้   อย่างน้อยๆ ก็ต้องพยายามให้มากกว่านี้

Me.Daisy

รบกวน กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และคอมเม้นท์ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ อยากให้เนื้อเรื่องเป็นยังไง ภาษาให้เป็นแบบไหน หรือชอบงานตรงไหน คอมเม้นท์มาได้นะคะ

| Like

Related chapters

  • รักของจันทรา   บทที่ 5 งานชิ้นใหญ่

    สกาวสวมเสื้อขาวแขนโป่งพอง ดูเหมือนฟักทองยักษ์สีขาวนั่งตามลำพังในห้องพัก เธอดูสมุดจดตารางงาน ก่อนโทรหาศศิกานต์อย่างลุ้นระทึก อีกปลายหนึ่งของสายดังเพียงไม่กี่ครั้ง คนปลายสายก็รับ "น้องศศิคะ พี่สกาวนะคะ" "ค่ะ" "บ่ายนี้มีแคสหน้ากล้อง เรื่องเกี่ยวกับเกิร์ลเลิฟ น้องศศิสนใจไหมคะ" "มันจะดีเหรอคะพี่ หนูปกตินะคะ" สกาวดูคนออก หล่อนไม่ถูกหลอกง่ายๆ "ไปเล่นๆ ก็ได้ ไปให้ผู้ใหญ่เห็นหน้า เผื่อเขาจะสนใจ" "เอ่อ..ค่ะ ไปก็ไป" ศศิกานต์มองหาซี ที่บัดนี้กำลังเล่นมือถืออยู่บนโซฟา ในห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งของทาวน์เฮ้าส์ ห้องรวมที่ทุกคนสามารถมานั่งเล่นได้ เธอหน้าเกร็ง หายใจติดขัด พยายามใจดีสู้เสือ ใจคิดออกแต่เรื่องแง่ลบ กำมือแน่นเพื่อต่อสู้กับตัวเอง เธอจำเป็นต้องเข้าหาคนอื่น และไม่รู้ว่าเขาจะตอบรับว่ายังไง "พี่ซี แต่งหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ วันนี้หนูมีคัดตัวนักแสดง" ยกมือขึ้นพนมเป็นเชิงขอร้อง "พี่ขอน้ำโค้กขวดโตขวดหนึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยน กินแล้วสดชื่นดี" เรียกค่าตัวใน

    Last Updated : 2024-11-18
  • รักของจันทรา   บทที่ 6 เตรียมพร้อม

    สุปรีย์ใช้เวลาว่างอยู่กับศศิกานต์ ทั้งสองไปกิน จิ้มจุ่มซึ่งเป็นร้านอาหารริมทางที่มีนักท่องเที่ยวนั่งกันอยู่เต็ม เสียงพูดคุย รถรา เสียงตะหลิวกระทบกระทะดังขรมจนต้องตะโกนแข่ง ทำให้ต่างคนต่างลดการ์ดลงและอยากเอ่ยความในใจมากยิ่งขึ้น ร่างบางสั่งผักและเนื้อไม่ติดมันมาเต็มโต๊ะ แลกเปลี่ยนเรื่องของอีกฝ่าย เมื่อไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกันแล้ว สุปรีย์ก็หยิบมือถือมาเล่น ยิ้มหวาน อีกฝ่ายแอบอารมณ์เสียที่ต้องแบ่งรอยยิ้มนั้นให้คนอื่น จึงรวบรวมความกล้าแย่งมือถือมา "นี่" สุปรีย์ประท้วง "มีแต่ทอมและผู้ชายหล่อๆ ที่มีรูปโปรไฟล์อย่างเท่ทั้งนั้น ข้อความหวานที่หยอดกันไปมาอีก" คนตาคมเอ่ยอย่างน้อยใจ "รู้นะ คิดจะถามว่า ศศิแต่งหญิงแบบนี้ ใช่สไตล์ที่ปรีย์ชอบหรือเปล่า" ศศิกานต์เอ่ยไม่ออก แต่คำถามนั้นแทนใจเธอจริงๆ "ชอบสิ" คนตาคมทำแก้มป่อง หน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ น่ารักจนคนเจ้าชู้เห็นแล้วหัวใจแทบวาย ศศิกานต์เสยผมแล้วถามว่า "ต้องไปตัดผมไหมเนี่ย" สุปรีย์เอนตัวเขามาใกล้ๆ จิ้มไปที่อกข้างซ้าย "มันอยู่ที่

    Last Updated : 2024-11-22
  • รักของจันทรา   บทที่ 7 การปรากฎตัวของแม่

    ข่าวในฟีดเฟซบุ๊คโชว์แต่รูปที่ศศิกานต์ คบซ้อนกับดาราสาวอยู่สองคน มีชาวเน็ตให้สัมภาษณ์ว่าอยู่แถวย่านนั้น และเห็นสุปรีย์กับศศิกานต์เดินด้วยกัน กินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ล่าสุดก็เจอเกลด้วย เรียกว่าตอนนี้เสียงในเน็ตคิดว่าเขาที่เป็นคนเจ้าชู้ ต้นสังกัดปวดหัวกับข่าวนี้ และต้องเรียกพวกเขามาคุยในวันซ้อมการแสดง ผู้จัดละครยืนกอดอก ศศิกานต์ทำหน้าซีด "ห้ามไปกินข้าวกันสองต่อสอง ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น" ผู้จัดละครออกคำสั่ง "ค่ะ" ศศิกานต์ตอบ เหลือตัวเล็กนิดเดียว "มีอะไรที่พี่ไม่รู้อีกไหม" "ค่ะ ศศิไม่ได้คบกับทั้งสองคนค่ะ" "ไอ้นี่มันบริหารเสน่ห์ใช่ไหม" ผู้กำกับถาม ม้วนบทละครมาตีมือตัวเองอย่างเอาเรื่อง "เปล่าคะ คือเรายังไม่ได้รู้จักกันมากพอที่จะคบกันได้" "นั่นไง" "เรา..." สุปรีย์รีบจับมือกับศศิกานต์ เพื่อห้ามไม่ให้พูด เธอเดาได้เลยว่าเจ้าตัวจะพูดเรื่องที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน "ศศิยังใหม่ เดี๋ยวปรีย์สอนเขาเองค่ะ" "เราจะแก้ปัญหานี้อย

    Last Updated : 2024-11-22
  • รักของจันทรา   บทที่ 8 ตัวแม่

    ศศิกานต์จับมือสุปรีย์ วิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก แมกไม้หนาติดกันเป็นแพจนแสงแดดไม่สามารถส่องมาได้ อากาศเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งป่าแม้จะเป็นเวลาใกล้เที่ยง ฉากนี้เป็นตอนแรกๆ ที่เริ่มถ่ายทำกัน ทั้งคู่วิ่งแบบนี้หลายรอบ เพราะต้องตัดต่ออีกหลายมุม ผู้กำกับต้องการรายละเอียดในละครของเขา ศศิกานต์รับบทเป็นตำรวจ ส่วนสุปรีย์รับบทเป็นเจ้าของโรงแรมที่ถูกตามล่าจากผู้ร้าย ระหว่างที่มัวกังวลว่าหน้าตาของตัวเองแสดงสมบทบาทหรือไม่ สุปรีย์สะดุดท่อนไม้ล้ม ดูสมจริงจนผู้กำกับไม่สั่งคัท พวกเขาพยุงกันขึ้นมาแล้ววิ่งต่อ เมื่อได้ตามที่ตั้งใจแล้วผู้กำกับจึงสั่งคัท ทีมละครวิ่งกรูเข้าไปดูสุปรีย์ที่บัดนี้นั่งกุมข้อเท้า แต่ผู้กำกับห้ามไม่ให้ใครเข้าไป เว้นแต่ศศิกานต์เพียงคนเดียว คนร่างบางสะบัดผมยาวไปด้านหลังแล้วระบายยิ้มอ่อนๆพอใจที่คนตาคมใส่ใจ ศศิกานต์หน้าแดง สะบัดเสื้อเพื่อหลอกตัวเองว่าร้อน ทั้งที่ความจริงหน้าแดงเพราะเขิน ถัดมาเป็นฉากที่ศศิกานต์สู้มือเปล่ากับผู้ร้าย เธอเตะสูงเข้าที่ก้านคอ ถอยหลังมาตั้งหลัก ผู้ร้ายชักมีดออกมา แทงเข้าที่ท้อง แต่เจ้าตัวผลักมีดออก หักมือจ

    Last Updated : 2024-11-26
  • รักของจันทรา   บทที่ 9 แค่ซ้อมละคร

    ศศิกานต์ส่งสติ๊กเกอร์หาสุปรีย์ทุกวัน แต่ไม่ได้พิมพ์ข้อความอะไรเป็นพิเศษ และเธอก็ตอบข้อความหรือส่งสติ๊กเกอร์กลับมาทุกครั้ง ทำให้อีกคนใจชื้น ว่าอย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้เป็นคนที่พยายามอยู่คนเดียวในความสัมพันธ์ครั้งนี้ คืนนี้ร่างบางถ่ายคลิปข้อเท้าที่พันผ้าไว้แล้วแกะผ้าออก แล้วส่งให้คนตาคมดูเพื่อแสดงว่าเธอหายแล้ว เธอส่งสติ๊กเกอร์ดีใจกลับมา สุปรีย์ส่งข้อความไป พิมพ์พลางส่งสติ๊กเกอร์หน้าเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย ส่วนในมือถือสุปรีย์ยังเต็มไปด้วยข้อความหวานกับคนหน้าตาดีเหมือนเดิม ศศิกานต์เตือนคนสนิท พวกเขาเงียบกันไปสักพัก ก่อนที่คนตาคมจะนึกขยันอยากซ้อมละคร เพราะตอนนี้ชีวิตเธอขึ้นอยู่กับการแสดง ไป

    Last Updated : 2024-11-26
  • รักของจันทรา   บทที่ 10 แผนการร้ายทำลายรัก

    เพราะศศิกานต์เป็นคนเคยอ้วนจึงต้องออกกำลังกายทุกวันเพื่อรักษาหุ่นเอาไว้ เธอสวมรองเท้าปอนๆ พร้อมกับเสื้อกล้ามครอป ทับด้วยเสื้อวอร์มและกางเกงขาสั้น วิ่งไปตามถนนแถวบ้านเธอ ในเวลารุ่งเช้ายังแทบไม่มีคนเดินออกมาริมถนน เกลทราบดีกว่าศศิกานต์จะมาในเวลาไหน จึงตั้งใจใส่เสื้อกล้าม ครอปสีฉูดฉาดเช่นกัน กางเกงสั้นโชว์ขาอ่อน วิ่งตามแรร์ไอเท็มแห่งวงการ LGBTQ ศศิกานต์โชว์หน้าสวยและหุ่นแซ่บ แถมดวงตาคู่นั้นยังสะกดคนไว้อยู่หมัด แค่มองก็คิดต่อไม่ออกแล้วว่าจะต้องพูดอะไร เกลจำวิธีที่เธอเห็นในบทละครของเพื่อนนักแสดงได้ แค่แต่งตัวยั่วยวน ก็ทำให้คนที่สนใจมองเห็นเธอในสายตา เธอสะบัดผมสั้นเบาๆ เผยให้เห็นเหงื่อเม็ดโต เพื่อเรียกความเซ็กซี่ได้อยู่หมัด "อากาศร้อนนะคะ ไปหาน้ำเย็นๆ ดื่มกันไหม" เกลทำท่ายั่วยวน และอีกฝ่ายก็เข้าใจท่าทีแบบนั้น แต่เธอแค่ยิ้มตามมารยาท "คุณเกลกลับก่อนได้เลยนะคะ ศศิจะคูลดาวน์ก่อน"นักแสดงลูกครึ่งไม่พูดตอบ แต่ดันหน้าอกหน้าใจให้เห็นชัดขึ้น คนตาคมมองแวบเดียวเพื่อเช็ค แค่แวบเดียวเท่านั้นเอง ศศิกานต์ปลอบตัว

    Last Updated : 2024-12-02
  • รักของจันทรา   บทที่ 11 ฟีเวอร์

    ผู้กำกับเห็นภาพศศิกานต์และสุปรีย์ดึงมือไปคุยบนรถติดฟิล์มของกองถ่าย จากนั้นใบหน้าทั้งสองผ่อนคลาย มีรอยยิ้มน้อยๆ ระบายอยู่บนใบหน้าทั้งสองนักแสดงนำ แถมยังดูสนิทกันกว่าเดิม บรรยากาศในกองดูจะได้รับอิทธิพลแง่บวกจากเหตุการณ์นี้ เขาจึงเรียกผู้ช่วยผู้กำกับมาคุย "วันนี้พี่คิดว่ากองจะล่มละ" "ผมเห็นด้วย รักกันเกิ๊น เล่นบทงอนไม่ได้เลย" "แต่คู่นี้ ทำไมเล่นดีขึ้นนะ สงสัยจะอินกับชีวิตจริง" พวกเขายกมือขึ้นไฮฟ์ไฟว์กัน เตรียมบทต่อไป "สำหรับฉากนี้ พี่ขออธิบายก่อน" ผู้กำกับตะโกน "หลังจากสองคนนี้ออกจากป่า เราจะให้นางเอกไปนอนบ้าน พระนางเพื่อความปลอดภัย เราจะเล่นตามบทนะครับ เริ่มได้" ณ คอนโดกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ดูคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมถูกซ้อนกันจนเป็นตึกสูง กระจกสะท้อนแสงแดดแวววาว มองจากภายนอกดูทันสมัยและราคาแพง ผู้กองฉัตรชยาเองเป็นเจ้าของหนึ่งยูนิตนั้น ข้างในตกแต่งตามการออกแบบของโครงการ จึงแสดงออกถึงรสนิยมที่ดีของนักออกแบบ ทุกจุดถูกวางแผนไว้อย่างดี ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ในห้องมีก

    Last Updated : 2024-12-02
  • รักของจันทรา   บทที่ 12 เหนื่อย

    คนตัวโตร่างกายหนักอึ้ง สมองเบลอ ตาลอย ซีถอนหายใจเมื่อเห็นว่าขอบตาดำคล้ำ แต่ไม่มีหน้าไหนที่เธอแต่งแต้มไม่ได้ หลังจากนั้นหญิงสาวดูเหมือนนอนหลับเต็มอิ่มมาทั้งคืน มีคนสังเกตเห็นแค่ไม่กี่รายว่าศศิกานต์นอนไม่พอ ที่จริงอยากบอกแม่ แต่เธอเกรงใจ เสียงในใจเอาแต่บอกว่า เราเพิ่งดีกับแม่ได้ไม่นาน อยากให้แม่รักศศิมากกว่าใคร เพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ห่างหายกันไป "ซีนวันนี้ พี่บอกเลยว่าหินมาก แล้วเรายังไม่ได้ซ้อมการแสดงด้วย" ศศิกานต์สติกลับมาอยู่กับตัว สองนักแสดงสาวตั้งใจฟังผู้กำกับบรีฟอยู่ข้างหน้าเขา "พวกเอ็งต้องร้องไห้ ฮ่าๆๆ" หัวเราะเหมือนสะใจที่นักแสดงกำลังตกที่นั่งลำบาก อภิชญาเดินมาบรีฟลูกสาวอีกที เธอเดินจูงมือลูกสาวไปใต้ต้นไม้ แสงแดดลอดผ่านกิ่งไม้เป็นเหมือนสปอร์ตไลท์ขนาดเล็กที่ส่องอยู่ตามหัวสองแม่ลูก ผู้คนเดินขวักไขว่แต่คนในกองไม่มีใครสนใจเพราะต่างก็ทำหน้าที่ตนเองอยู่ "ศศิ ลูกต้องนึกถึงเรื่องแย่ๆ แล้วก็ร้องไห้ออกมา คิดว่าหมาที่รักกำลังจะตาย หรือไม่ได้เจอแม่อีก อะไรทำนองนี้นะลูก พี่ๆ ลูก เขาแสดงบทน้

    Last Updated : 2024-12-02

Latest chapter

  • รักของจันทรา   บทที่ 25 ฆ่า (ตอนจบ)

    อภิชญาขอเงินลูกสาวคนสุดท้องทุกเดือน ศศิกานต์ให้โดยไม่อิดออด แต่เธออยากให้แม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน จึงบอกมารดาให้หางานทำ และเลิกขอเงินเธอสักที หญิงกลางคนโกรธลูกสาว เธอไม่เหลืออะไรเลย กำลังเครียดที่ชีวิตถึงทางตัน เธอกัดเล็บจนกุด ตัดสินใจอยู่นานว่าจะขายสมบัติชิ้นไหนดี ลูกสาวคนโตและคนรองทั้งสองคนก็ไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องเงินได้ อภิชญาเคียดแค้นศศิกานต์ เธออุตส่าห์สอนและช่วยเหลือลูกสาวคนสุดท้อง แต่ขณะเดียวกันกลับมองไม่เห็นความผิดตัวเอง จึงได้แต่โทษศศิกานต์ว่าคนเป็นคนที่ผลักไสให้เธอมาถึงทางตัน สุดท้ายตัดสินใจมาในงานแถลงข่าวละครเรื่องใหม่ที่คนตาคมกับคนร่างบางจะแสดงด้วยกัน ไม่รอให้การสัมภาษณ์เริ่ม เธอเดินแทรกเข้าไปในกล้อง หยิบปืนออกมา นักข่าวกดไลฟ์งานแถลงข่าว คนดูมากจนกลายเป็นไวรัล พร้อมติดแฮชแท็ก #เซฟศศิ ตำรวจรีบมารักษาความปลอดภัยในงานสัมภาษณ์ กันคนออกจากห้องประชุม ในห้องจึงเหลือแค่กล้องที่ตั้งเอาไว้ คนส่วนใหญ่อยู่นอกห้อง "คุณอภิชญาครับ ผมว่าเราคุยกันได้นะครับ คุณอภิชญาอยากได้อะไรครับ" ตำรวจเกลี้ยกล่อม "ฉั

  • รักของจันทรา   บทที่ 24 สู้!! ศศิเอาคืน!!

    ศศิกานต์นั่งเพียงลำพังในห้องนอน เธอเปิดจดหมายที่ไม่เขียนชื่อคนส่ง ไม่มีตราไปรษณีย์ และมีเพียงภาพและข้อความที่ขู่คุกคามเธอ พร้อมกับแนบรูปถ่ายของศศิกานต์ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และมีรอยปากกากากบาทสีแดงเต็มหน้าเธอ “นึกถึงคำพูดของปรีย์เลย” “คำไหน” “คำที่ว่า แฟนๆ มีหลายแบบ ต้องระวังตัว นี่ก็เป็นแค่หนึ่งในจดหมายข่มขู่ที่เราได้จากแฟนๆ ของปรีย์” “มีมากกว่านี้อีกเหรอ!” สุปรีย์ตกใจ แต่ศศิกานต์ไม่ได้หยิบจดหมายฉบับอื่นขึ้นมา นี่ยังไม่นับข้อความในโลกออนไลน์ที่ทำร้ายจิตใจคนตาคมยิ่งกว่านี้อีก ร่างบางเข้ามากระชับอ้อมกอด ก่อนถาม “ไม่เศร้าเหรอคะ หรือว่ากลัวบ้างไหม” “เศร้าค่ะ แต่ทำใจได้แล้วเพราะเจอแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างศศิไม่กลัวค่ะ ตอนเรียนก็ประมาณนี้ นี่ยังดีที่ไม่มีใครเข้าถึงตัวศศิได้ แถมตอนนี้ยังมีปรีย์

  • รักของจันทรา    บทที่ 23 รักษาใจ

    เกลโทรหาเพื่อนคนหนึ่ง เธอเป็นอีกคนที่ชอบให้คำปรึกษาด้านความรักกับเพื่อนๆ เกลนัดกรรณิกาหรือกรรณ นัยน์ตาดำโตอ่อนหวาน จมูกโด่ง ผมดำขลับ เคยเรียนโรงเรียนนานาชาติที่เดียวกันกับเกล ทั้งคู่นัดเจอกันที่คอนโดหรูของดาราสาว ภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพูพาสเทล ประดับประดาด้วยดอกไม้ปลอม พวกเขาพูดคุยในห้องรับแขก หากเดินไปดูภายในห้องนอนของเกลจะพบว่ามีรูปภาพของศศิกานต์แปะเต็มฝาผนัง เกลเลือกที่จะปกปิดเอาไว้ ว่าเธอคลั่งรักขนาดไหน “ไหนเล่าให้เพื่อนฟังสิ” กรรณิกาเริ่มเมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “ฉันชอบคนๆ หนึ่งอยู่ แล้วไม่ว่าจะพยายามยังไง เขาก็ไม่เคยมีฉันในสายตา” “ชอบเขาตรงไหน” “ตรงที่ใจดี ซื่อสัตย์ ถ่อมตน และ...” เกลทิ้งช่วงประโยคของเธอ “และอะไร” “สวยโคตร...” โอ๊ะ ไม่ใช่ผู้ชายเรอะ กรรณิกาคิดในใจ เพราะไม่ได้ติดตามข่าววงการบันเทิงจึงไม่รู้มาก่อน “ไม่ว่าจะตื่นหรือหลับ ก็จะคิดถึงเขาตลอดเวลา จนฉันแทบเป็นบ้าไปแล้ว” “ทรมานไหม” “ทรมาน” “เลิกคิดได้ไหม” “ไม่ได

  • รักของจันทรา   บทที่ 22 ทะเล (2)

    พวกเขาเดินเข้าไปในกระโจมสีขาวพร้อมกันทั้งห้าคน กระโจมเล็กลงไปถนัดใจ หมอดูเป็นผู้หญิง แต่งตัวเหมือนชาวยิปซี ผมหยักโศกยาวถึงกลางหลัง ข้างหน้าเธอมีลูกแก้ววิเศษที่มองเข้าไปแล้วจะเห็นอนาคต เกลจ้างเธอมาในราคาแพง เพื่อให้คำทำนายเข้าข้างเธอมากที่สุด "ใครก่อนคะ" "ผมก่อนครับ ผมอยากรู้เรื่องธุรกิจ" ธนูยกมือ ขยับตัวไปข้างหน้า หมอดูมองลูกแก้วสักพักก็ตอบอย่างคล่องแคล่ว "ธุรกิจถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ร้านจะเจ๊งอย่างแน่นอน" ธนูตกใจที่เธอทายแม่นราวกับตาเห็น "แล้วจะต้องทำอย่างไร" "ไม่รู้" หมอดูตอบหน้าตาเฉย ไม่ต้องการให้ใครคิดว่าเธอรู้ทุกเรื่อง "อ้าว ทำไมแบบนั้น" "ไม่ต้องดูลูกแก้ว แค่ถามลูกค้าสิ ว่าอยากได้แบบไหน นี่เป็นหัวใจของการค้าเลยนะ การสำรวจความต้องการของลูกค้าน่ะ" "อ่อ เข้าใจล่ะ" ธนูรู้สึกว่าเป็นคำตอบที่จะว่าเดามั่วก็เดามั่ว แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นเรื่องจริงเสียด้วย “ผมอยากรู้อีกเรื่อง” คำถามนี้คาใจเขามาตลอด “อะไ

  • รักของจันทรา   บทที่ 21 ทะเล(1)

    ธนูและซีรับฟังเรื่องจากทั้งสองสาวจนหมด ต่อมาในวันอาทิตย์พวกเขานั่งดูทีวีในห้องส่วนกลาง ทีวีกำลังออนแอร์ข่าวให้สัมภาษณ์ของศศิกานต์ ข้างหน้าของเธอมีไมค์หลายตัววางอยู่ มาจากสำนักข่าวหลายแห่ง พร้อมแสงแฟลชรัวใส่หน้าของพระนางที่โด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทย "จริงไหมที่แม่พูดว่า แม่น้อยใจน้องศศิ" "เรามีความเห็นเรื่องงานไม่ตรงกัน ศศิยังชอบบทเกิร์ลเลิฟ เพราะตัวเองเป็นLGBTQ อยากให้คนดูเปิดใจรับศศินะ แต่แม่กลัวว่าศศิจะอยู่ในวงการไม่นาน สำหรับเรื่องที่ทะเลาะกัน ศศิตั้งใจจะไปง้อแม่แหละ ส่วนเรื่องงานคงต้องห่างๆกันค่ะ" สกาวนั่งฟังอยู่หน้าจอทีวี อมยิ้มที่เธอมองคนไม่ผิด ศศิกานต์ยอมรับว่าตัวเองเป็น LGBTQ "ปรีย์เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทะเลาะกับแม่หรือเปล่า ข่าวมันออกมาแบบนี้" นักข่าวชงเรื่องอย่างชาญฉลาด "ไม่อยากเอาคนอื่นมาโยง ทุกคนมีพื้นที่ที่ทำอะไรแล้วสบายใจ เราก็เลือกที่เป็นเรา" "แฟนๆ มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง" "บางคนจั่วหัวมาเลย ว่าลูกอกตัญญู แต่บางคนเข้าใจเรา เพราะรู้จักเรา ตามเรามานาน ตอนนี้แ

  • รักของจันทรา   บทที่ 20 จุดเปลี่ยน

    สู่ขวัญเป็นหญิงสาววัยสามสิบห้าปี เคยเป็นนางงามจากเวทีดัง เธอคว้ารางวัลอันดับหนึ่งจากเวทีนานาชาติ และสุดท้ายได้แต่งงานกับเศรษฐีฝรั่ง มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อน้องแสนดี แต่ไม่นานก็เลิกกับสามีแล้วย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทย เธอไม่เคยทำงานมาก่อน แต่ใช้เงินก้อนสุดท้ายมาเปิดร้านอาหารเล็กๆ และตอนนี้ร้านกำลังเข้าตาจน เธอจึงเดินทางมาเยี่ยมแม่อภิชญาของเธอ "ไหว้ยายสิลูก แสนดี" สู่ขวัญแนะนำลูกสาว "Say hi to you grandma." "ซาหวัดดีค่า คุณยาย" หลานสาววัยสิบขวบทักยายของเธอเป็นครั้งแรก "หน้าสวยเหมือนแม่ จมูกโด่งเหมือนพ่อ ผิวก็ดี โตขึ้นเป็นนางเอกได้เลยนะ" อภิชญาชื่นชมหลานสาวเหมือนนักช้อปมองดูสินค้าราคาแพงที่จะมีราคาสูงกว่าเดิมในอนาคต "หนูพาลูกมาให้แม่รู้จักก่อน เผื่อเราจะผลักดันแก เหมือนที่แม่ดันหนูกับน้องๆ" "ต้องหัดภาษาไทยให้หลานเยอะๆ นะ สู่ขวัญ ภาษาไทยก็ต้องอ่านออก หนูคิดดูซิว่า ถ้าอ่านบทภาษาไทยไม่ออกจะเป็นปัญหาขนาดไหน" "ค่ะ นั่นสิคะ" "แล้วนี่ลูกมาหาแม่ทำไม ชวนมาหลายรอบก็ไม่มา แสดงว

  • รักของจันทรา   บทที่ 19 ไม่สบาย

    เวลาเย็น ภายในอพาร์ทเม้นท์ของอภิชญา สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่ทางเข้าจนถึงข้างใน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในเวลาว่างขัดถูพื้นและเครื่องเรือน สำหรับเธอการทำความสะอาดช่วยลดความเครียดได้ดี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดลอยเตะจมูก จนผู้มาเยือนต้องทำจมูกย่น นอกจากนี้หากมองไปรอบๆ อย่างสังเกต เฟอร์นิเจอร์เหมือนหลุดออกมาจากนิตยาสารบ้านตัวอย่าง ราคาค่อนข้างสูงทุกชิ้น อภิชญาเรียกลูกสาวคนสุดท้องมาซ้อมบทร้องไห้ ด้วยละครเรื่องใหม่มีบทร้องไห้ค่อนข้างเยอะ และเธออยากสร้างกระแสให้ศศิกานต์เป็นนักแสดงที่เทคน้อยที่สุดสำหรับบทร้องไห้ คนตัวโตรู้สึกประหม่าที่จะได้เห็นห้องของแม่ เธอยืนนิ่งหน้าประตู "ทำอะไร เข้ามาสิ" อภิชญากวักมือเรียก "แม่เป็นอยู่อย่างดี ในขณะที่หนูกับยายลำบากนะคะ" เจ้าตัวตัดพ้อ ทำเสียงสั่นใกล้จะร้องไห้ "แฟนพี่ลูกเขาซื้อให้ เพิ่งไม่กี่เดือนมานี่เอง" เธอแก้ตัว ยากจะสืบได้ว่าจริงหรือไม่ "เรื่องที่ลูกศัลยกรรม ได้คะแนนสงสารเยอะเชียว ต้องชมสินะ ว่าลูกเป็นอัจฉริยะด้านมวลชน" "หนูแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วหนูก

  • รักของจันทรา   บทที่ 18 เริ่มต้นใหม่

    ภายหลังไลฟ์ กระแสของคนในโลกโซเชียลมีทั้งฝ่ายที่ต่อต้านการศัลยกรรม และฝ่ายที่เห็นใจเธอ มีผู้ไม่หวังดีโพสต์ภาพก่อนศัลยกรรมของศศิกานต์ แฟนๆ ส่วนใหญ่เข้าใจเป็นอย่างดีว่าเธอต้องลดน้ำหนักและทำศัลยกรรมเพื่อให้เธอสมหวังกับหงส์ สุปรีย์มองภาพถ่ายแล้วจำเธอได้ในทันที ขณะเดียวกัน ศศิกานต์กลับมาผิดหวังในตัวสุปรีย์ต่อ เธอเห็นทั้งแอนนาและสุปรีย์กอดกัน แล้วใช้มือจับแยกออกมาด้วยตัวเอง ภาพทุกอย่างการันตีว่าเธอมีใครที่สำคัญ คนตาคมนิ่งเงียบ ไม่พูดคุยหัวเราะกับใคร ไม่รับสาย ไม่อ่านข้อความ ปลีกตัวออกมาจากบ้านพัก แต่เจ้าตัวไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก จึงไปนั่งเล่นคนเดียวริมแม่น้ำตั้งแต่เช้าจรดเย็น และมาเช่าโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากบ้านตัวเองนัก อภิชญาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าลูกสาวไปไหน แต่เธอไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะลูกสาวยังไปทำงานตามปกติ วันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นอีกหลายวัน หญิงสาวมาซ้อมการแสดงกับนางเอกคนใหม่ ในห้องซ้อมการแสดงที่นี่มีคนเพียงเล็กน้อย ไม่มีกล้องถ่ายวิดีโอ ไม่มีกระจก เครื่องปรับอากาศเปิดจนหนาวสะท้าน นักแสดงจึงต้องสวมเสื้อให้อบอุ่นก่อนมา นางเอกคนใหม่ของคนต

  • รักของจันทรา   บทที่ 17 ความแตกคูณสอง

    แอนนาเป็นหญิงค่อนข้างห้าว ผมดำขลับแต่ยาวแค่ประบ่า ผิวขาวละเอียด สีเสื้อขับผิวให้ยิ่งขาวยิ่งขึ้น เธอโทรหาสุปรีย์เพื่อนสมัยเรียนมัธยม เสียงเรียกดังไม่กี่ครั้งร่างบางก็รับสาย ทั้งสองคนคุยอย่างสนิทสนม แต่ที่หญิงสาวไม่ค่อยติดต่อเพื่อนคนนี้ เพราะแอนนาจะนึกติดต่อคนอื่นเมื่อมีปัญหาจำเป็นเท่านั้น ทั้งสองคนนัดเจอที่ร้านกาแฟใกล้ย่านที่สุปรีย์อยู่ ในร้านมีคนอยู่ไม่กี่คน ร้านตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเปิดน้ำให้ไหลไปตามกระจกร้าน เสียงน้ำไหลทำให้เหมือนนั่งอยู่ใกล้น้ำตก และดับร้อนได้ดี ดาราสาวสวมแว่นตาสีดำเพื่ออำพราง แต่คนรอบๆ ก็สังเกตเห็นเธออยู่ดี ทั้งคู่คุยถามสารทุกข์สุกดิบ ก่อนที่แอนนาจะเข้าประเด็น "ปรีย์รู้ไหม แอนนาเจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ เราเจอกันที่ทำงานของแอนนา เขาคอยสอนงานให้ ชวนไปร่วมก๊วนกินข้าวตอนเที่ยง แล้วก็ไลน์หาทุกวัน" สุปรีย์นึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมานิดหน่อย"แล้วไงอีก" "แต่เขาก็คุยกับผู้หญิงอีกคน ทำท่าเหมือนเป็นแฟนกัน ใครๆ ก็รู้ว่าเขาคุยกัน แต่คือ...แอนนาอยากรู้ว่าเขาชอบเราไหม" ร่างบ

DMCA.com Protection Status