บทที่ 13.1 พบกันอีกครั้งลูกศิษย์ก็จู่โจมอาจารย์ [นกยูงเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงาม อวดโฉม อลังการ ความรัก ความสุข ความโชคดี และความเจริญในด้านการเงิน เพราะงั้นบ้านของลู่เหลียนจึงออกมาเป็นรูปแบบนี้นั่นเอง] ระบบอธิบายด้วยน้ำเสียงอลังการและจุดพลุเสริม “ไม่ ไม่ สิ่งที่ฉันต้องการรู้ก็คือทำไมลู่เหลียนถึงมีปราสาท!” ฟางเซียนชี้นิ้วไปที่ปราสาทที่กำลังส่องแสงประกายราวกับดวงอาทิตย์ดวงที่สองของโลก นางไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าลู่เหลียนจะร่ำรวยเช่นนี้จึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่เมื่อเห็นป้ายชื่อของปราสาทว่า ไป๋ข่งเชวีย ซึ่งมีความหมายว่า นกยูงขาว นางก็คงต้องเชื่อแล้วละว่ามันคือปราสาทของลู่เหลียน [ตัวร้ายสูงสุดย่อมไม่มีความธรรมดา เขาต้องร่ำรวย โดดเด่น หน้าตาดี ชั่วร้าย และมากความสามารถ และที่สำคัญคือเขาต้องมีผู้ติดตามจำนวนมาก! เพื่อสร้างกลุ่มผู้ติดตามลู่เหลียนจึงได้ก่อตั้งพรรคมารนามว่าข่งเชวียขึ้นมาเมื่อ 280 ปีก่อนหรือก็คือหลังจากที่คุณร่วงลงไปในปรโลกประมาณยี่สิบปี ตอนนั้นอายุของลู่เหลียนยังถือว่ายังน้อยการก่อตั้งพรรคมารในตอนแรกจึงค่อนข้างมีปัญหา แต่ตอนนี้พรรคมารข่งเชวียมั่นคงแล้วและยิ่งใหญ่มากจนไม่มีใครส
บทที่ 13.2 พบกันอีกครั้งลูกศิษย์ก็จู่โจมอาจารย์ น้ำอุ่นผสมกับน้ำสมุนไพรช่วยบำรุงผิวพร้อมกับผงหอมจากดอกไม้และเพื่อเพิ่มความสวยงามจึงต้องโรยกลีบดอกไม้ลงไปด้วย นี่แหละคืออ่างอาบน้ำที่ดีที่สุด! ฟางเซียนเอนตัวพิงขอบถังอาบน้ำด้วยท่าทีผ่อนคลาย มันก็เป็นเวลานานแล้วที่นางไม่ได้แช่น้ำแบบนี้ เมื่อมีโอกาสเช่นนี้นางก็ขอผ่อนคลายสักหน่อยแล้วกัน “ท่านอาจารย์อยากให้ข้าช่วยขัดหลังหรือไม่ขอรับ?” ฟางเซียนชะงักเมื่อได้ยินเสียงของลู่เหลียนอยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำ นางจำได้ว่าก่อนจะเริ่มอาบน้ำนางได้สั่งให้เขาออกไปห่างๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของนางเลย นางถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่ได้พบกันอีกครั้งลู่เหลียนไม่ยอมละสายตาไปจากนางเลย มันชวนให้รู้สึกอึดอัดมาก เพื่อหนีความอึดอัดนางก็เลยมาอาบน้ำนี่ล่ะ แต่ตอนแรกลู่เหลียนก็ทำท่าเหมือนจะอยู่ในห้องอาบน้ำกับนาง ถ้านางไม่เอ่ยปากไล่เขาคงยืนดูนางอาบน้ำตั้งแต่ต้นจนจบ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไปให้ไกลจากห้องอาบน้ำ ถ้ายังขัดคำสั่งอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ฟางเซียนสั่งเสียงดุดัน ลู่เหลียนเงียบไปสักพักก่อนที่นางจะรู้สึกว่าเขาเดินห่างออกไป พอเขาไปไกลแล้วฟางเซีย
บทที่ 14.1 อาจารย์มักลำเอียงเข้าหาลูกศิษย์คนโปรดเป็นธรรมดาลู่เหลียนรู้สึกกระสับกระส่าย นั่นทำให้เขาข่มตานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน อาการนอนไม่หลับของลู่เหลียนเป็นมาแล้วหลายปีและมันก็เพิ่งจะรุนแรงขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และมันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขาได้พบฟางเซียนอีกครั้ง ในเมื่อนอนไม่หลับลู่เหลียนจึงลุกออกจากเตียงและเดินตรงไปยังห้องนอนของคนที่ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องสักพักก่อนจะตัดสินใจแอบเปิดประตูและย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ แม้จะไม่ได้แอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ เช่นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังแอบเข้าไปข้างในได้อย่างลื่นไหลและไปหยุดอยู่ข้างเตียงของฟางเซียน เขาหวังว่าจะได้ทำอย่างที่เคยทำ แต่ทว่า... “เป็นเจ้า?” ฟางเซียนลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงียเล็กน้อย ลู่เหลียนยืนตัวแข็งค้าง เขาไม่คิดว่าฟางเซียนจะตื่นขึ้นมาเพราะเขามั่นใจในทักษะย่องเบาของเขามาก “มีธุระอะไร?” ฟางเซียนถามพลางนวดหางคิ้ว แม้ว่าจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อนอนไม่พอมันก็ทำให้นางรู้สึกเครียดจนปวดหัวได้เหมือนกัน ข้อดีที่มีพลังมหาศาลไม่มีเลยสักนิดเพราะแม้ว่าจะนอนหลับนางก็ยังคงรับรู้ได้ว่า
บทที่ 14.2 อาจารย์มักลำเอียงเข้าหาลูกศิษย์คนโปรดเป็นธรรมดาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับครั้งนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ชีวิตของฟางเซียนก็เข้าสู่โหมดขี้เกียจ นางไม่ทำอะไรเลยนอนจากกินและนอน ส่วนเรื่องสอนวิชามารให้จินชิงจู ฟางเซียนก็ได้ปล่อยให้ลู่เหลียนรังแก...นางหมายถึงนางปล่อยให้ลู่เหลียนดูแลศิษย์น้องของเขา ไม่ว่าจะเรื่องวิชามารและวิชาการต่อสู้นางก็ปล่อยให้ลู่เหลียนสอนจินชิงจูทั้งหมด ตลอดเวลาหนึ่งเดือนนี้จินชิงจูพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพราะตอนนี้จินชิงจูพอที่จะสามารถใช้ยันต์และร่ายคาถาระดับต่ำได้แล้ว มันถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีสำหรับคนโง่อย่างจินชิงจูทีเดียว แต่ลู่เหลียนไม่พอใจกับพัฒนาการนี้ของจินชิงจู เขาจึงฝึกฝนจินชิงจูอย่างหนักกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้จินชิงจูก็ได้นอนเป็นซากศพเพราะทนการสอนของลู่เหลียนไม่ไหว “ศิษย์น้องพัฒนาได้ดีมากทีเดียวขอรับ” ลู่เหลียนพูดด้วยสีหน้าสดใสหลังจากอัดจินชิงจูจนกลายเป็นศพ “...” ฟางเซียนไร้คำพูด นางถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำไมลู่เหลียนชอบรังแกศิษย์น้องของเขาจังนะ “พอแล้ว เดี๋ยวจินชิงจูก็ตายเอาหรอก ส่วนเจ้าก็พักบ้าง เจ้าดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ช่วงนี้ไม่ได้น
บทที่ 15.1 งานของอาจารย์ของตัวร้ายคือช่วยเหลือพระเอกดินแดนทางเขตเหนือของพรรคมารข่งเชวียเกิดการจลาจลขึ้น ในฐานะประมุข ลู่เหลียนจะต้องไปจัดการเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น ฟางเซียนนึกดีใจที่จะไม่มีนกยูงมาคอยเดินตามก้น แต่กลับกลายเป็นว่านางถูกลู่เหลียนอุ้มขึ้นรถม้าและเดินทางไปด้วยกัน พอจะขัดขืนระบบก็ดันสนับสนุนให้นางเดินทางไปกับลู่เหลียนโดยใช้แต้มลบเป็นของรางวัลหลอกล่อท้ายที่สุดฟางเซียนก็เลยต้องมานั่งเบียดกับลู่เหลียนในรถม้าอยู่ในขณะนี้“เจ้านั่งกินพื้นที่ของข้าเกินไปแล้ว ขยับออกไปได้ไหม?” ฟางเซียนกัดฟันพูด“ในรถม้ามันแคบขอรับ” ลู่เหลียนอ้าง“มีเงินทองสร้างปราสาทหยกแต่ไม่มีเงินซื้อรถม้าอีกคันรึไง!?ไม่สิ เจ้าเป็นนกยูงธรรมดารึไงถึงได้เดินทางด้วยรถม้าแทนที่จะเป็นขี่กระบี่น่ะ!” ฟางเซียนโวยวายอย่างหัวเสีย แต่ลู่เหลียนเลือกที่จะตอบด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขฟางเซียนมองลู่เหลียนที่ยิ้มหน้าระรื่นอย่างหมดคำพูด นางกำลังตำหนิเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?แล้วทำไมเขาถึงดูมีความสุขอย่างนั้น?“หยุดยิ้มและหยุดเอาตัวมาแนบชิดข้าได้แล้ว!” ฟางเซียนถอยจนตัวจะแนบชิดกับผนังรถม้าอยู่แล้ว อีกสักหน่อยฟางเซียนก็หมดความอดทนและ
บทที่ 15.2 งานของอาจารย์ตัวร้ายคือช่วยเหลือพระเอกในหลุมมีประตูทางเข้าดินแดนลับหลายประตูและบริเวณโดยรอบก็มีพืชลวงตาเติบโตเป็นจำนวนมาก หากผู้ใดได้กลิ่นของมันก็จะเห็นภาพลวงตา เมื่อมาถึงพื้นข้างล่างฟางเซียนและฮุ่ยหวงจึงไม่พบใครอยู่แถวนั้นเลยสักคน เหล่าลูกศิษย์สำนักเฉินคงจะโดนกับดักและหลงไปคนละทิศละทางกันหมด สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนลับ แค่ทางเข้าก็ชวนสับสนแล้ว อีกทั้งเมื่อเข้ามาถึงดินแดนลับแห่งนี้พลังปราณในตัวก็ถูกปั่นป่วนจากพลังภายนอกจนชวนให้รู้สึกมึนหัวไม่น้อย “ภารกิจเฮงซวย” ฟางเซียนพึมพำ นางอยากกลับไปหาลู่เหลียนเสียแล้ว แต่ก็คงกลับตอนนี้ไม่ได้ ฟางเซียนมองไปรอบตัวที่มีแต่ความมืด “บางทีลูกศิษย์ของข้าอาจจะไปทางนั้น” ฮุ่ยหวงยังคงพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและก้าวเดินนำทางไป ฟางเซียนสังเกตท่าทางของฮุ่ยหวงเล็กน้อยก่อนจะก้าวขาเดินตามเขาไป นางไม่รู้หรอกว่าฮุ่ยหวงแปลกไปอย่างไรกันแน่ แต่นางรู้สึกว่าจิตใจของเขาดูสับสนไม่น้อย เดินตามทางไปได้สักพักฟางเซียนและฮุ่ยหวงก็เห็นแสงสว่างที่ปลายทางข้างหน้าซึ่งน่าจะเป็นปากถ้ำ แต่แสงสว่างข้างหน้านั่นไม่น่าใช่แสงของดวงอาทิตย์เพราะพวกนางตกลงมาในหลุมลึก
บทที่ 16.1 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ “อะไรกัน? พวกเจ้ามาต้อนรับข้ารึ?” หวังหลิงฟู่กล่าวทักทายผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนที่กำลังชี้อาวุธมาทางเขา ดูอย่างไรมันก็ไม่ใช่การต้อนรับที่ดี “เกิดอะไรขึ้น!?” เว่ยหลงเทียนอุทานอย่างตกใจ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากสุสานผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนจำนวนมากจะวิ่งเข้ามาล้อมพวกเขาพร้อมอาวุธครบมือเช่นนี้ “ปีศาจออกมาแล้ว! ล้อมมันไว้อย่าให้มันหนีได้ไปแม้แต่คนเดียว!” ชายคนหนึ่งตะโกน “มะ มีอะไรเข้าใจผิด...” เว่ยหลงเทียนกำลังจะแก้ตัว แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนข้างตัวของเขาก็เป็นปีศาจจริงๆ เว่ยหลงเทียนสอดสายตามองไปรอบตัวอย่างกังวลจนกระทั่งสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ของเขา “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้...” เว่ยหลงเทียนหวังว่าฮุ่ยหวงจะสังเกตเห็นเขาและช่วยหยุดไม่ให้เหล่าเซียนแสดงท่าทีคุกคามเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นสตรีชุดแดงและสิงโตยักษ์ของนางจะเปิดศึกทันที แต่เขากลับไม่ได้รับความสนใจจากฮุ่ยหวง ฮุ่ยหวงเพียงชายตามองเว่ยหลงเทียนด้วยสายตาราบเรียบก่อนที่จะออกคำสั่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเว่ยหลงเทียน “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก” เว่ยหลงเทียนนิ่งค้
บทที่ 16.2 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ วันเวลาอันแสนสงบสุขมักหมดเร็วเสมอ [ถึงเวลาทำภารกิจช่วยเหลือเว่ยหลงเทียนต่อแล้วครับ] นอนเล่นได้แค่ไม่กี่เดือนภารกิจน่ารำคาญก็มาอีกแล้ว ฟางเซียนเหม่อมองก้นบ่ออาบน้ำด้วยจิตใจอันล่องลอย นางพยายามตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ [คุณฟางเซียน ผมมีเรื่องสำคัญมากจะบอกกับคุณ] ระบบเกริ่นนำมาอย่างนั้น ฟางเซียนรู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดี [ผมจะต้องหายตัวไปสักพักเพราะตลอดหลายร้อยปีมานี้ผมได้พลาดข้อมูลสำคัญไปหลายอย่าง ผมควรได้รับการอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน เพราะงั้นภารกิจในครั้งนี้คุณจะไม่มีผมคอยช่วยเหลือ] ฟางเซียนยินดีมากเมื่อได้ยินว่าระบบน่ารำคาญจะหายไปสักพัก หลังจากที่มันไปแล้วนางก็จะไม่มีระบบคอยบังคับให้ทำภารกิจอีกต่อไปและนางก็จะสามารถนอนเล่นต่อไปได้ตามใจชอบ! แต่ทว่าระบบกลับรู้ทันความคิดของฟางเซียน... [ผมขอย้ำ คุณต้องทำภารกิจนี้นะครับ ถ้าผมกลับมาแล้วและพบว่าคุณไม่ทำภารกิจผมจะมอบบทลงโทษให้กับคุณ] “ระบบ แก...!” [ผมทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับเว่ยหลงเทียนและภารกิจไว้ให้แล้ว] รูปจดหมายเล็กๆ เด้งขึ้นมาทางด้านซ้ายมือของฟางเซียน [ขอให้โชคดีและไว้เจอกันใหม่
ตอนพิเศษ ลู่เหลียนกับความฝัน ลู่เหลียนเฝ้ารอ เฝ้ารอมาหลายปี ณ ทางเข้าปรโลก แต่แล้วเขาก็ไม่พบสิ่งที่เฝ้ารอมาตลอดหลายปี หลายคนบอกให้เขาตัดใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เขาไม่สามารถที่จะลืมฟางเซียนไปได้ เขาจึงตัดสินใจฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาลืมเวลาได้รู้สึกตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว เขาเติบโตเต็มวัยแล้วและมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เขาจึงสร้างพรรคมารขึ้นมาเพื่อเผยแพร่วิชามารที่ฟางเซียนเคยบอกในทำก่อนจะร่วงหล่นลงไปที่ปรโลก แต่ลู่เหลียนไม่ได้สนใจพรรคมารที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมามากนัก ส่วนมากเขาจะยกให้ซงเลี่ยงจินจัดการทุกอย่างแบบไม่สนใจไยดีระหว่างที่ซงเลี่ยงจินต้องหัวหมุนกับงานเขาก็จะไปอาละวาด ใช่แล้ว เขาอาละวาดกับเผ่าเทพที่ลงมาที่พิภพมนุษย์ เขาเกลียดเผ่าเทพมากจึงตามสังหารเผ่าเทพที่ลงมาที่พิภพมนุษย์ทั้งหมด นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นศัตรูกับเผ่าเทพ แต่ลู่เหลียนก็หาสนใจไม่เขาอาละวาดต่อไปจนมีแข็งแกร่ง
ตอนพิเศษ นิทานเจ้าหญิง***เนื่องมาจากว่ามีคนถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่าทำไมฟางเซียนในชาติก่อนฆ่าตัวตาย ตอนพิเศษสั้นๆ ฉบับนิทานจึงถือกำเนิดกาลครั้งหนึ่ง ณ โลกสีเทา ภูตหนุ่มได้พบกับเจ้าหญิงผู้สิ้นหวังที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ เขาได้พาเธอออกมาจากโลกสีเทาไปยังโลกใบใหม่โลกใบใหม่สวยงามแต่ทว่ามันกลับกำลังล่มสลายและกลายเป็นเหมือนโลกสีเทาที่เธอจากมา ภูตตนนั้นจึงขอให้เธอช่วยเหลือโลกใบนี้เจ้าหญิงผู้สิ้นหวังที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ราวกับได้พบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอ เธอจึงยอมตอบรับคำขอของภูตตนนั้นอย่างง่ายดายเจ้าหญิงช่วยเหลือผู้คนและโลกใบใหม่นี้ด้วยความรู้สึกมีความสุขจากใจจริง นั่นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าตัวเธอนั้นมีประโยชน์ ผู้ที่มีประโยชน์เท่านั้นถึงจะได้รับการยอมรับ เธอเชื่อมั่นอย่างสุดใจนั่นทำให้เธอมีความสุขมากที่ตนเองมีประโยชน์ต่อทุกคนและได้รับการยอมรับเจ้าหญิงทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ
บทส่งท้ายหลังจากหนังสือสัญญายุติสงครามระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรสายมารและผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนถูกเขียนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ปัญหาระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรบนพิภพมนุษย์ก็ลดน้อยลงและเมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะสงบลู่เหลียนก็ไม่ลังเลที่จะจัดงานแต่งงานของเขากับฟางเซียนขึ้นมาลู่เหลียนได้จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตแต่ไม่มากพิธีเพราะหลังจากคำนับฟ้าดินแล้วลู่เหลียนก็ลากฟางเซียนเข้าห้องหอทันทีโดยไม่คิดจะส่งแขกก่อน ฟางเซียนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ร่วมงานเลี้ยงด้วยซ้ำ“ข้าเพียงแค่อยากให้คนพวกนั้นรู้ว่าท่านคือภรรยาของข้าเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นเลยที่ท่านจะต้องเปิดเผยความงามของท่านให้คนพวกนั้นเห็น” ลู่เหลียนว่ามาอย่างนั้น“เจ้าไม่คิดจะให้ข้าออกไปพบปะผู้คนหรืออย่างไร” แม้ว่าฟางเซียนจะบ่นไปอย่างนั้น แต่สุดท้ายนางก็ชอบนอนเล่นอยู่ในห้องมากกว่าออกไปข้างนอกอยู่ดี เพราะในช่วงที่นางอยากฆ่าตัวตาย นางมักจะหมกตัวอยู่ในบ้านจนมันก
บทที่ 21 ค่ำคืนแรกอันร้อนแรง หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากต้นไม้แห่งหายนะถูกโค่นล้ม กองทัพปีศาจก็กลับพิภพปีศาจ กองทัพเทพก็กลับพิภพเทพ กองทัพเทพที่มาพิภพมนุษย์เพื่อต่อสู้กับพรรคมารข่งเชวียก็กลับไปเช่นกัน ส่วนพรรคมารข่งเชวียและสำนักเซียนทั้งหลายบนพิภพมนุษย์ก็สงบศึกกันชั่วคราวเพราะสูญเสียกำลังรบไปมากจากการโจมตีของต้นไม้แห่งหายนะ ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงทำสงครามเย็นใส่กัน เพื่อไม่ให้มีการสูญเสียมากกว่านี้จ้าวหลงเทียนจึงไปพบทั้งสองฝ่ายเพื่อเจรจาสงบศึกและเสนอให้ทั้งสองฝ่ายทำสัญญาปรองดองกัน เนื่องจากว่าผู้นำฝ่ายเซียนอย่างฮุ่ยหวงตายไปแล้วฝ่ายเซียนจึงยอมสงบศึกแต่โดยดี แต่ลู่เหลียนกลับไม่ยอมสงบศึกโดยง่าย เขาให้เหตุผลว่าฝ่ายมารเป็นฝ่ายเสียหาย ฝ่ายเซียนที่เป็นฝ่ายเริ่มสงครามจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฝ่ายมารก่อนเขาจึงจะยอมสงบศึกแต่โดยดี จ้าวหลงเทียนพยายามเป็นตัวกลางเจรจากับลู่เหลียนและฝ่ายเซียนอยู่นานจนกระทั่งฝ่ายเซียนยอมชดใช้ค่าเสียหายด้วยเงินทอง ทรัพยากรทางธรรมชาติหรือก็คือดินแดน และสัญญาการซื้อขายสินค้าด้วยเพราะการปิดเขตแดนของพรรคข่งเชวียทำให้ชาวบ้านขาดแคลนอะไรหลายอย่าง การติดต่อซื้อขายสินค้าจากนอกด
บทที่ 20.2 ระบบใหม่น่ารำคาญกว่านายอีกระบบนำทางสู่ความตายทราบดีว่าถ้าหากมันปะทะกับลู่เหลียนและหมิงหยู มันจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะมันจะสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไป ถ้าหากมีพลังวิญญาณน้อยเกินไปแกนวิญญาณก็จะได้รับความเสียหายได้ง่ายมากขึ้น มันจึงควรประหยัดพลังวิญญาณให้ได้มากที่สุดและเพื่อการนั้นมันจึงทำให้ฮุ่ยหวงหลุดออกจากผนึกน้ำแข็งของฟางเซียนและสิงร่างของฮุ่ยหวงเพื่อดึงพลังของฮุ่ยหวงมาใช้แทนพลังวิญญาณที่กำลังร่อยหรอของตัวเองและเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตีด้วย ถ้าหากมันถูกโจมตี ฮุ่ยหวงจะได้รับผลกระทบจากการโจมตีเป็นส่วนมากเมื่อเป็นเช่นนั้นการจัดการกับระบบนำทางสู่ความตายก็คงจะยากมากขึ้น แต่ลู่เหลียนและหมิงหยูก็ไม่หวั่นและร่วมมือกันโจมตีระบบนำทางสู่ความตายไม่ยั้งมือ มันไม่เหลือช่องว่างให้ฟางเซียนเข้าไปโจมตีเลย ฟางเซียนจึงได้แต่ยืนมองกระบี่หลายสิบเล่มและธนูไฟหลายดอกลอยผ่านหน้าไปมา“ดิ้วเหล็กนั่นเปลี่ยนร่างได้ด้วยเหรอ” ฟางเซียนพึมพำถามระบบใหม่เมื่อเห็นว่าดิ้วเหล
บทที่ 20.1 ระบบใหม่น่ารำคาญกว่านายอีกไม่ว่าโลกไหนหรือยุคไหนก็หนีไม่พ้นสงครามและบางครั้งสงครามก็เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล อย่างเช่นสงครามระหว่างมารและเซียนในครั้งนี้ผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนต่างก็คิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารนั้นชั่วร้ายและไม่ควรมีตัวตนอยู่ พวกเซียนจึงยอมรับไม่ได้ที่พวกมารมีดินแดนในครอบครองหรือก็คือพวกเซียนหวาดกลัวความแข็งแกร่งของเหล่ามารและคิดไปเองว่าพรรคมารข่งเชวียปกครองดินแดนอย่างโหดเหี้ยมและบังคับให้ชาวบ้านกลายเป็นมารเหล่าเซียนจึงคิดจะก่อสงครามกับเหล่ามารเพื่อแย่งชิงความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านธรรมดาทั้งที่ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความจริงหรือความเท็จ พวกเขาคิดแค่ว่าจะต้องทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารไร้ที่อยู่ในแผ่นดินอีกครั้งมันช่างไร้ความยุติธรรมสิ้นดีทั้งที่หากเหล่ามารไม่มีความคิดโง่เง่าฝังหัวว่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารจะต้องทำสิ่งชั่วร้ายอย่างที่สั
บทที่ 19.2 ระบบนำทางสู่ความตายย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ถ้านอนหลับแล้วฝันร้าย แค่ตื่นขึ้นมาฝันร้ายก็จะหายไป แต่สำหรับฮุ่ยหวงไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเขาก็ยังฝันร้ายและมันยังเป็นฝันร้ายที่สุดแสนจะยาวนาน... “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าขอโทษเพราะข้าชักช้าเราจึงมาช่วยแม่นางฟางเซียนไว้ไม่ทันการ” ฮุ่ยหลิงร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นเวลานานและเขาก็ยังโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าป้ายหลุมศพที่มีชื่อสลักไว้ว่า ‘ฟางเซียน’ “หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ น้องเล็ก” ฮุ่ยเหอเอ่ยปลอบใจน้องชาย แต่ฮุ่ยหลิงก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่าการจากไปของ ‘แม่นางฟางเซียน’ จะสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับน้องชายของเขามากเกินไป ฮุ่ยเหอที่ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรต่อจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนโต “ชาตินี้เป็นเคราะห์ร้ายของนาง...ข้าจึงเชื่อว่าชาติหน้านางจะต้องได้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขยาวนาน” ฮุ่ยหวงยิ้มอ่อนพลางลูบหัวปลอบฮุ่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ฮุ่ยหลิงเช็ดน้ำตาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เจ้าของหลุมศพนามว่าฟางเซียนเป็นหญิงสาวที่น่าเห็นใจ นางสูญเสียทุกอย่างรวมถึงเหตุผลที่จะมีชีวิต นางจึงอยากฆ่าตัวตา
บทที่ 19.1 ระบบนำทางสู่ความตายเมื่อตื่นขึ้นมาฟางเซียนก็รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าตามร่างกายซึ่งเป็นผลมาจากการนอนหลับกึ่งตายมาหลายวัน ฟางเซียนก็เลยนอนต่ออีกสักพักเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา แต่เพราะนอนหงายมานานก็เลยเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว นางจึงเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงข้างและเมื่อพลิกตัวนางก็ได้พบกับใบหน้ายามหลับใหลของปีศาจ แถมยังเป็นปีศาจรูปงามราวกับเทวดาจากสรวงสวรรค์อีกด้วยรูปหน้าสมบูรณ์แบบ ริมฝีปากเรียวสวยและหยักเป็นธรรมชาติ สีสันก็สดใสไม่หมองคล้ำ จมูกก็โด่งเป็นสัน คิ้วก็คมเข้ม ขนตาก็ยาวราวกับขนตาม้า รวมแล้วมันช่างเป็นใบหน้าที่งดงามและหล่อเหล่าไปในเวลาเดียวกันจนหลายคนลุ่มหลงฟางเซียนนอนมองลู่เหลียนจนกระทั่งคิดขึ้นมาได้ว่ามันถึงเวลาที่ควรจะลุกออกจากเตียงได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลูกขึ้นนั่ง คนที่น่าจะกำลังหลับก็ดึงแขนของนางจนนางล้มลงไปนอนอีกครั้ง“ไม่คิดว่ามันเช้าเกินไปที่จะตื่นหรือขอรับ?” ลู่เหลียนพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อยยามกะพริบตา “หรือคิดจะไปไหนแต่เช้า?คิดจะทิ้งข้าไว้บนเตียงแล้วหนีไปที่อื่นหรือขอรับ?” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างเกียจคร้าน ดวงตาสีแดงที่เปิด
บทที่ 18.2 ข้ารักท่าน…ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปลู่เหลียนกุมมือฟางเซียนแน่น เขาหวังว่าความร้อนจากมือของเขาจะทำให้มืออันเย็นเฉียบของฟางเซียนอบอุ่น แต่ไม่ว่าเขาจะกุมมือของฟางเซียนนานเพียงไร มันก็ยังคงเย็นเฉียบราวกับว่ามันแช่อยู่ในน้ำเย็นตลอดเวลา ลู่เหลียนไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคลาดสายตาเพียงครู่เดียว ฟางเซียนก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของซงเลี่ยงจินเสียแล้ว ทั้งที่สงครามระหว่างมารและเซียนจบไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน แต่ฟางเซียนก็ยังคงหลับไม่ยอมตื่นราวกับว่าไม่ต้องการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ลู่เหลียน...เจ้าอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้วนะ” ซงเลี่ยงจินเดินเข้ามาในห้องและเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะลู่เหลียนมัวแต่นั่งเฝ้าฟางเซียนไม่ยอมขยับไปไหนเลยมาหลายวันแล้ว หากปล่อยไว้เช่นนี้ร่างกายของลู่เหลียนคงทรุดโทรมอีกแน่ แต่ไม่ว่าซงเลี่ยงจินจะเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ลู่เหลียนก็ไม่ยอมตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ซงเลี่ยงจินถอนหายใจก่อนจะหยิบคัมภีร์ออกมา “ข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการเช่นนี้ของท่านปรมาจารย์ฟางเซียนมาหมดแล้ว ข้าคาดว่าท่านปรมาจารย์ฟางเซียนน่าจะโดนโจมตีทางวิญญาณเ