บทที่ 17.1 คุกนิรันดร์กระบี่ชื่อเซียวของลู่เหลียนปลิดชีวิตคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งร่างไร้ชีวิตของมนุษย์นอนเกลื่อนเต็มพื้นและพื้นดินก็ถูกย้อมเป็นสีแดงของเลือด แต่ลู่เหลียนก็ยังคงเพิ่มจำนวนซากศพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะไม่มีคนให้สังหารอีก ในขณะที่ลู่เหลียนกำลังสังหารหมู่ฟางเซียนก็ยืนรออยู่ห่างๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบเพราะนางเป็นคนสั่งให้ลู่เหลียนสังหารหมู่คนพวกนั้นด้วยตัวเอง เพื่อช่วยสนับสนุนเว่ยหลงเทียน นางจำเป็นต้องกำจัดปรปักษ์ของเขาโดยการฆ่าให้สิ้นซาก แต่เพราะนางไม่สามารถฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉยนางจึงให้ลู่เหลียนรับหน้าที่สังหารพวกนั้นแทน จนตอนนี้กบฏแห่งแคว้นมี่โจได้ตายไปหมดแล้ว มันกลายเป็นว่าตัวร้ายหันมาให้ความช่วยเหลือพระเอกกันหมด... “ที่นี่สกปรกยิ่งนัก เรารีบกลับกันเถอะขอรับ” ลู่เหลียนสะบัดเลือดออกจากกระบี่ด้วยท่วงท่าสวยงามและน่าดึงดูดตามฉบับนกยูง แต่เพราะเลือดสีแดงสดที่เด่นชัดอยู่บนเสื้อผ้าสีขาวของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนฆาตกรโรคจิตมากกว่า ฟางเซียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอยห่างจากลู่เหลียนเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นเลือดจากตัวของเขา ลู่เหลียนเห็นดังนั้นจึงไม่เดินเข้าไปใกล้ฟางเ
บทที่ 17.2 คุกนิรันดร์คุกนิรันดร์ก็คืออีกหนึ่งพิภพขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาจากสามพิภพใหญ่ เผ่าเทพค้นพบพิภพแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้เป็นคุกกักขังสัตว์อสูร ปีศาจ มาร และเทพที่ทำผิดกฎเพราะพวกเขาเห็นว่าพิภพแห่งนี้มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมาก เลวร้ายจนเกือบจะเทียบเท่ากับปรโลกเลยทีเดียว ซึ่งวงแหวนอัญเชิญของซือชูลี่ก็ได้ส่งฟางเซียนและลู่เหลียนเข้ามายังพิภพที่เหล่าเทพเรียกว่าคุกนิรันดร์แห่งนี้ แต่ฟางเซียนก็ไม่ได้สนใจนักว่าตัวเองจะมาปรากฏตัวในสถานที่อันตราย นางสนใจเพียงลู่เหลียนเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าสายฟ้าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนสลบและไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้ เมื่อลองตรวจอาการของลู่เหลียน ฟางเซียนก็พบว่าแกนพลังปราณหรือก็คือแหล่งเก็บพลังปราณของลู่เหลียนมันได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หากไม่ได้รับการรักษาอาการอาจแย่ลง แต่ก่อนเริ่มการรักษานางควรหาสถานที่พักที่ดีเสียก่อนเพราะตอนนี้รอบตัวของนางก็คือทะเลทรายและถึงแม้ว่าบนท้องฟ้าจะไร้วี่แววของดวงอาทิตย์แต่ที่นี่ก็ร้อนมาก นางควรหาสถานที่หลบความร้อนก่อนถูกความร้อนเผา ซึ่งก็เป็นโชคดีที่กลางทะเลทรายแห่งนี้มีถ้ำหินขนาดเล็กพอที่จะให้เข้
บทที่ 18.1 ข้ารักท่าน...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเบื้องบนคือท้องฟ้ายามค่ำคืนทว่าไร้ซึ่งแสงดาว เบื้องล่างคือทะเลสีดำทมิฬอันกว้างใหญ่ทว่าไร้ซึ่งคลื่นลม และสิ่งที่คอยเป็นแสงสว่างให้กับสถานที่แห่งนี้ก็คือดอกบัวเรืองแสงสีส้มซึ่งลอยอยู่เต็มทะเลสีดำ“ถูกส่งมาอีกพิภพอีกแล้วงั้นเหรอ?” ฟางเซียนมาปรากฏตัวในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้หลังจากถูกระบบนำทางสู่ความตายแตะหน้าผาก ฟางเซียนจึงคิดว่านางถูกส่งมาในอีกพิภพอีกแล้ว และดูเหมือนว่าคราวนี้นางจะมาคนเดียวเพราะนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของระบบห้ามฆ่าตัวตายตั้งแต่มาถึงที่นี่ถ้าไม่มีระบบก็จะไม่มีคนคอยนำทาง ถ้าเช่นนั้นนางจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร?เพราะไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนฟางเซียนก็เลยเดินไปข้างหน้าบนดอกบัวอย่างไร้จุดหมาย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนางก็ยิ่งง่วงนอนมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่านางจะพยายามไม่หลับตา แต่สุดท้ายเปลือกตาของนางก็ปิดสนิทอย่างไม่อาจฝืนและหลังจากหลับตาลงฟางเซียนก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังกอดนางจากด้านหลัง มันเป็นอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอึดอัดไปในเวลาเดียวกัน“ผมเกลียดคุณ...” ....[คุณฟางเซียน!] ฟางเซียนกำลังจะเคลิ้มหลับ ทันใดนั้นนางก็ได้ย
บทที่ 18.2 ข้ารักท่าน…ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปลู่เหลียนกุมมือฟางเซียนแน่น เขาหวังว่าความร้อนจากมือของเขาจะทำให้มืออันเย็นเฉียบของฟางเซียนอบอุ่น แต่ไม่ว่าเขาจะกุมมือของฟางเซียนนานเพียงไร มันก็ยังคงเย็นเฉียบราวกับว่ามันแช่อยู่ในน้ำเย็นตลอดเวลา ลู่เหลียนไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคลาดสายตาเพียงครู่เดียว ฟางเซียนก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของซงเลี่ยงจินเสียแล้ว ทั้งที่สงครามระหว่างมารและเซียนจบไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน แต่ฟางเซียนก็ยังคงหลับไม่ยอมตื่นราวกับว่าไม่ต้องการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ลู่เหลียน...เจ้าอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้วนะ” ซงเลี่ยงจินเดินเข้ามาในห้องและเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะลู่เหลียนมัวแต่นั่งเฝ้าฟางเซียนไม่ยอมขยับไปไหนเลยมาหลายวันแล้ว หากปล่อยไว้เช่นนี้ร่างกายของลู่เหลียนคงทรุดโทรมอีกแน่ แต่ไม่ว่าซงเลี่ยงจินจะเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ลู่เหลียนก็ไม่ยอมตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ซงเลี่ยงจินถอนหายใจก่อนจะหยิบคัมภีร์ออกมา “ข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการเช่นนี้ของท่านปรมาจารย์ฟางเซียนมาหมดแล้ว ข้าคาดว่าท่านปรมาจารย์ฟางเซียนน่าจะโดนโจมตีทางวิญญาณเ
บทที่ 19.1 ระบบนำทางสู่ความตายเมื่อตื่นขึ้นมาฟางเซียนก็รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าตามร่างกายซึ่งเป็นผลมาจากการนอนหลับกึ่งตายมาหลายวัน ฟางเซียนก็เลยนอนต่ออีกสักพักเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา แต่เพราะนอนหงายมานานก็เลยเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว นางจึงเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงข้างและเมื่อพลิกตัวนางก็ได้พบกับใบหน้ายามหลับใหลของปีศาจ แถมยังเป็นปีศาจรูปงามราวกับเทวดาจากสรวงสวรรค์อีกด้วยรูปหน้าสมบูรณ์แบบ ริมฝีปากเรียวสวยและหยักเป็นธรรมชาติ สีสันก็สดใสไม่หมองคล้ำ จมูกก็โด่งเป็นสัน คิ้วก็คมเข้ม ขนตาก็ยาวราวกับขนตาม้า รวมแล้วมันช่างเป็นใบหน้าที่งดงามและหล่อเหล่าไปในเวลาเดียวกันจนหลายคนลุ่มหลงฟางเซียนนอนมองลู่เหลียนจนกระทั่งคิดขึ้นมาได้ว่ามันถึงเวลาที่ควรจะลุกออกจากเตียงได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลูกขึ้นนั่ง คนที่น่าจะกำลังหลับก็ดึงแขนของนางจนนางล้มลงไปนอนอีกครั้ง“ไม่คิดว่ามันเช้าเกินไปที่จะตื่นหรือขอรับ?” ลู่เหลียนพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อยยามกะพริบตา “หรือคิดจะไปไหนแต่เช้า?คิดจะทิ้งข้าไว้บนเตียงแล้วหนีไปที่อื่นหรือขอรับ?” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างเกียจคร้าน ดวงตาสีแดงที่เปิด
บทที่ 19.2 ระบบนำทางสู่ความตายย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ถ้านอนหลับแล้วฝันร้าย แค่ตื่นขึ้นมาฝันร้ายก็จะหายไป แต่สำหรับฮุ่ยหวงไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเขาก็ยังฝันร้ายและมันยังเป็นฝันร้ายที่สุดแสนจะยาวนาน... “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าขอโทษเพราะข้าชักช้าเราจึงมาช่วยแม่นางฟางเซียนไว้ไม่ทันการ” ฮุ่ยหลิงร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นเวลานานและเขาก็ยังโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าป้ายหลุมศพที่มีชื่อสลักไว้ว่า ‘ฟางเซียน’ “หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ น้องเล็ก” ฮุ่ยเหอเอ่ยปลอบใจน้องชาย แต่ฮุ่ยหลิงก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่าการจากไปของ ‘แม่นางฟางเซียน’ จะสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับน้องชายของเขามากเกินไป ฮุ่ยเหอที่ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรต่อจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนโต “ชาตินี้เป็นเคราะห์ร้ายของนาง...ข้าจึงเชื่อว่าชาติหน้านางจะต้องได้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขยาวนาน” ฮุ่ยหวงยิ้มอ่อนพลางลูบหัวปลอบฮุ่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ฮุ่ยหลิงเช็ดน้ำตาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เจ้าของหลุมศพนามว่าฟางเซียนเป็นหญิงสาวที่น่าเห็นใจ นางสูญเสียทุกอย่างรวมถึงเหตุผลที่จะมีชีวิต นางจึงอยากฆ่าตัวตา
บทที่ 1.1 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักที ฟางเซียน มีความหมายว่า นางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม มันคือชื่อเล่นภาษาจีนที่แม่ของนางตั้งให้เพราะแม่ของนางเป็นชาวจีน แต่เนื่องจากว่าพ่อของนางเป็นชาวไทยดังนั้นฟางเซียนจึงอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เกิดกับพ่อแม่และน้องสาว พวกเราดูเหมือนครอบครัวอบอุ่นทั่วไปจนกระทั่งแม่ของนางจับได้ว่าพ่อแอบมีผู้หญิงคนอื่น แม่ของนางพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิมเพราะเห็นแก่นางที่เพิ่งมีอายุเจ็บขวบและน้องสาวของนางที่มีอายุเพียงสามขวบ แต่แล้วพ่อของนางก็ทิ้งครอบครัวไปพร้อมกับเงินจำนวนมาก แม่ของนางจึงตัดสินใจพาพวกนางสองพี่น้องกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศจีน แต่เพราะแม่ของนางถูกตัดขาดออกจากตระกูลแล้วพวกเราสามแม่ลูกจึงต้องไปอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก แม่ของนางต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงนางและน้องสาวจนกระทั่งแม่ของนางพบรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนหนึ่ง มันดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดีเพราะผู้ชายคนนั้นที่แม่หลงรักไม่ต้องการลูกติด ดังนั้นแม่ของนางซึ่งเหนื่อยกับการเลี้ยงดูนางและน้องจึงตัดสินใจทิ้งพวกนางที่เป็นเหมือนภาระและไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก
บทที่ 1.2 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักทีราชันมังกรทองสยบนภา คือนิยายแนวผจญภัยในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเซียนและมารเรื่องหนึ่งที่ยาวมากอธิบาย ‘มาร’ และ ‘เซียน’ ก็คือมนุษย์หรือสรรพสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรตบะเพื่อให้ได้รับพลังมา ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันแค่ มารจะฝึกวิชาสายชั่วร้ายและดูดซับปราณสีดำ ฝ่ายเซียนก็จะฝึกในเส้นทางตรงกันข้าม หรือที่เรียกว่าเส้นทางคนดี๊ดี ดูดซับแค่ปราณขาวสะอาด ส่วน ‘ปีศาจ’ และ ‘เทพ’ ก็คือเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังโดยไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมายแน่นอนว่าสูตรโกงของพระเอกของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ ก็คือการที่ได้เกิดเป็นมังกรทองเผ่าเทพ จ้าวหลงเทียน คือชื่อของเขา ตำแหน่งของเขาในพิภพเทพค่อนข้างสูงส่งเพราะมังกรทองมีไม่มากนัก แต่อยู่มาวันหนึ่งจ้าวหลงเทียนเหมือนจะเบื่อการเป็นเทพหรืออะไรก็ไม่รู้เขาได้ลงไปเกิดเป็นมนุษย์บนพิภพมนุษย์เรื่องราวนิยายเริ่มต้นตรงนั้นเนื่องมาจากว่านิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ เป็นนิยายแนวฝึกฝนพลังและออกไปวิ่งไล่ตบตัวร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้อ่านจึงจะได้พบแค่เพียงการต่อสู้ของพระเอกและตัวร้ายจนดูน่าเบื่อหน่าย แต่จุดขายอย่า
บทที่ 19.2 ระบบนำทางสู่ความตายย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ถ้านอนหลับแล้วฝันร้าย แค่ตื่นขึ้นมาฝันร้ายก็จะหายไป แต่สำหรับฮุ่ยหวงไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเขาก็ยังฝันร้ายและมันยังเป็นฝันร้ายที่สุดแสนจะยาวนาน... “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าขอโทษเพราะข้าชักช้าเราจึงมาช่วยแม่นางฟางเซียนไว้ไม่ทันการ” ฮุ่ยหลิงร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นเวลานานและเขาก็ยังโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าป้ายหลุมศพที่มีชื่อสลักไว้ว่า ‘ฟางเซียน’ “หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ น้องเล็ก” ฮุ่ยเหอเอ่ยปลอบใจน้องชาย แต่ฮุ่ยหลิงก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่าการจากไปของ ‘แม่นางฟางเซียน’ จะสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับน้องชายของเขามากเกินไป ฮุ่ยเหอที่ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรต่อจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนโต “ชาตินี้เป็นเคราะห์ร้ายของนาง...ข้าจึงเชื่อว่าชาติหน้านางจะต้องได้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขยาวนาน” ฮุ่ยหวงยิ้มอ่อนพลางลูบหัวปลอบฮุ่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ฮุ่ยหลิงเช็ดน้ำตาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เจ้าของหลุมศพนามว่าฟางเซียนเป็นหญิงสาวที่น่าเห็นใจ นางสูญเสียทุกอย่างรวมถึงเหตุผลที่จะมีชีวิต นางจึงอยากฆ่าตัวตา
บทที่ 19.1 ระบบนำทางสู่ความตายเมื่อตื่นขึ้นมาฟางเซียนก็รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าตามร่างกายซึ่งเป็นผลมาจากการนอนหลับกึ่งตายมาหลายวัน ฟางเซียนก็เลยนอนต่ออีกสักพักเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา แต่เพราะนอนหงายมานานก็เลยเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว นางจึงเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงข้างและเมื่อพลิกตัวนางก็ได้พบกับใบหน้ายามหลับใหลของปีศาจ แถมยังเป็นปีศาจรูปงามราวกับเทวดาจากสรวงสวรรค์อีกด้วยรูปหน้าสมบูรณ์แบบ ริมฝีปากเรียวสวยและหยักเป็นธรรมชาติ สีสันก็สดใสไม่หมองคล้ำ จมูกก็โด่งเป็นสัน คิ้วก็คมเข้ม ขนตาก็ยาวราวกับขนตาม้า รวมแล้วมันช่างเป็นใบหน้าที่งดงามและหล่อเหล่าไปในเวลาเดียวกันจนหลายคนลุ่มหลงฟางเซียนนอนมองลู่เหลียนจนกระทั่งคิดขึ้นมาได้ว่ามันถึงเวลาที่ควรจะลุกออกจากเตียงได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลูกขึ้นนั่ง คนที่น่าจะกำลังหลับก็ดึงแขนของนางจนนางล้มลงไปนอนอีกครั้ง“ไม่คิดว่ามันเช้าเกินไปที่จะตื่นหรือขอรับ?” ลู่เหลียนพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อยยามกะพริบตา “หรือคิดจะไปไหนแต่เช้า?คิดจะทิ้งข้าไว้บนเตียงแล้วหนีไปที่อื่นหรือขอรับ?” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างเกียจคร้าน ดวงตาสีแดงที่เปิด
บทที่ 18.2 ข้ารักท่าน…ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปลู่เหลียนกุมมือฟางเซียนแน่น เขาหวังว่าความร้อนจากมือของเขาจะทำให้มืออันเย็นเฉียบของฟางเซียนอบอุ่น แต่ไม่ว่าเขาจะกุมมือของฟางเซียนนานเพียงไร มันก็ยังคงเย็นเฉียบราวกับว่ามันแช่อยู่ในน้ำเย็นตลอดเวลา ลู่เหลียนไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคลาดสายตาเพียงครู่เดียว ฟางเซียนก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของซงเลี่ยงจินเสียแล้ว ทั้งที่สงครามระหว่างมารและเซียนจบไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน แต่ฟางเซียนก็ยังคงหลับไม่ยอมตื่นราวกับว่าไม่ต้องการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ลู่เหลียน...เจ้าอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้วนะ” ซงเลี่ยงจินเดินเข้ามาในห้องและเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะลู่เหลียนมัวแต่นั่งเฝ้าฟางเซียนไม่ยอมขยับไปไหนเลยมาหลายวันแล้ว หากปล่อยไว้เช่นนี้ร่างกายของลู่เหลียนคงทรุดโทรมอีกแน่ แต่ไม่ว่าซงเลี่ยงจินจะเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ลู่เหลียนก็ไม่ยอมตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ซงเลี่ยงจินถอนหายใจก่อนจะหยิบคัมภีร์ออกมา “ข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการเช่นนี้ของท่านปรมาจารย์ฟางเซียนมาหมดแล้ว ข้าคาดว่าท่านปรมาจารย์ฟางเซียนน่าจะโดนโจมตีทางวิญญาณเ
บทที่ 18.1 ข้ารักท่าน...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเบื้องบนคือท้องฟ้ายามค่ำคืนทว่าไร้ซึ่งแสงดาว เบื้องล่างคือทะเลสีดำทมิฬอันกว้างใหญ่ทว่าไร้ซึ่งคลื่นลม และสิ่งที่คอยเป็นแสงสว่างให้กับสถานที่แห่งนี้ก็คือดอกบัวเรืองแสงสีส้มซึ่งลอยอยู่เต็มทะเลสีดำ“ถูกส่งมาอีกพิภพอีกแล้วงั้นเหรอ?” ฟางเซียนมาปรากฏตัวในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้หลังจากถูกระบบนำทางสู่ความตายแตะหน้าผาก ฟางเซียนจึงคิดว่านางถูกส่งมาในอีกพิภพอีกแล้ว และดูเหมือนว่าคราวนี้นางจะมาคนเดียวเพราะนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของระบบห้ามฆ่าตัวตายตั้งแต่มาถึงที่นี่ถ้าไม่มีระบบก็จะไม่มีคนคอยนำทาง ถ้าเช่นนั้นนางจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร?เพราะไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนฟางเซียนก็เลยเดินไปข้างหน้าบนดอกบัวอย่างไร้จุดหมาย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนางก็ยิ่งง่วงนอนมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่านางจะพยายามไม่หลับตา แต่สุดท้ายเปลือกตาของนางก็ปิดสนิทอย่างไม่อาจฝืนและหลังจากหลับตาลงฟางเซียนก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังกอดนางจากด้านหลัง มันเป็นอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอึดอัดไปในเวลาเดียวกัน“ผมเกลียดคุณ...” ....[คุณฟางเซียน!] ฟางเซียนกำลังจะเคลิ้มหลับ ทันใดนั้นนางก็ได้ย
บทที่ 17.2 คุกนิรันดร์คุกนิรันดร์ก็คืออีกหนึ่งพิภพขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาจากสามพิภพใหญ่ เผ่าเทพค้นพบพิภพแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้เป็นคุกกักขังสัตว์อสูร ปีศาจ มาร และเทพที่ทำผิดกฎเพราะพวกเขาเห็นว่าพิภพแห่งนี้มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมาก เลวร้ายจนเกือบจะเทียบเท่ากับปรโลกเลยทีเดียว ซึ่งวงแหวนอัญเชิญของซือชูลี่ก็ได้ส่งฟางเซียนและลู่เหลียนเข้ามายังพิภพที่เหล่าเทพเรียกว่าคุกนิรันดร์แห่งนี้ แต่ฟางเซียนก็ไม่ได้สนใจนักว่าตัวเองจะมาปรากฏตัวในสถานที่อันตราย นางสนใจเพียงลู่เหลียนเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าสายฟ้าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนสลบและไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้ เมื่อลองตรวจอาการของลู่เหลียน ฟางเซียนก็พบว่าแกนพลังปราณหรือก็คือแหล่งเก็บพลังปราณของลู่เหลียนมันได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หากไม่ได้รับการรักษาอาการอาจแย่ลง แต่ก่อนเริ่มการรักษานางควรหาสถานที่พักที่ดีเสียก่อนเพราะตอนนี้รอบตัวของนางก็คือทะเลทรายและถึงแม้ว่าบนท้องฟ้าจะไร้วี่แววของดวงอาทิตย์แต่ที่นี่ก็ร้อนมาก นางควรหาสถานที่หลบความร้อนก่อนถูกความร้อนเผา ซึ่งก็เป็นโชคดีที่กลางทะเลทรายแห่งนี้มีถ้ำหินขนาดเล็กพอที่จะให้เข้
บทที่ 17.1 คุกนิรันดร์กระบี่ชื่อเซียวของลู่เหลียนปลิดชีวิตคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งร่างไร้ชีวิตของมนุษย์นอนเกลื่อนเต็มพื้นและพื้นดินก็ถูกย้อมเป็นสีแดงของเลือด แต่ลู่เหลียนก็ยังคงเพิ่มจำนวนซากศพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะไม่มีคนให้สังหารอีก ในขณะที่ลู่เหลียนกำลังสังหารหมู่ฟางเซียนก็ยืนรออยู่ห่างๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบเพราะนางเป็นคนสั่งให้ลู่เหลียนสังหารหมู่คนพวกนั้นด้วยตัวเอง เพื่อช่วยสนับสนุนเว่ยหลงเทียน นางจำเป็นต้องกำจัดปรปักษ์ของเขาโดยการฆ่าให้สิ้นซาก แต่เพราะนางไม่สามารถฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉยนางจึงให้ลู่เหลียนรับหน้าที่สังหารพวกนั้นแทน จนตอนนี้กบฏแห่งแคว้นมี่โจได้ตายไปหมดแล้ว มันกลายเป็นว่าตัวร้ายหันมาให้ความช่วยเหลือพระเอกกันหมด... “ที่นี่สกปรกยิ่งนัก เรารีบกลับกันเถอะขอรับ” ลู่เหลียนสะบัดเลือดออกจากกระบี่ด้วยท่วงท่าสวยงามและน่าดึงดูดตามฉบับนกยูง แต่เพราะเลือดสีแดงสดที่เด่นชัดอยู่บนเสื้อผ้าสีขาวของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนฆาตกรโรคจิตมากกว่า ฟางเซียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอยห่างจากลู่เหลียนเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นเลือดจากตัวของเขา ลู่เหลียนเห็นดังนั้นจึงไม่เดินเข้าไปใกล้ฟางเ
บทที่ 16.2 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ วันเวลาอันแสนสงบสุขมักหมดเร็วเสมอ [ถึงเวลาทำภารกิจช่วยเหลือเว่ยหลงเทียนต่อแล้วครับ] นอนเล่นได้แค่ไม่กี่เดือนภารกิจน่ารำคาญก็มาอีกแล้ว ฟางเซียนเหม่อมองก้นบ่ออาบน้ำด้วยจิตใจอันล่องลอย นางพยายามตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ [คุณฟางเซียน ผมมีเรื่องสำคัญมากจะบอกกับคุณ] ระบบเกริ่นนำมาอย่างนั้น ฟางเซียนรู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดี [ผมจะต้องหายตัวไปสักพักเพราะตลอดหลายร้อยปีมานี้ผมได้พลาดข้อมูลสำคัญไปหลายอย่าง ผมควรได้รับการอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน เพราะงั้นภารกิจในครั้งนี้คุณจะไม่มีผมคอยช่วยเหลือ] ฟางเซียนยินดีมากเมื่อได้ยินว่าระบบน่ารำคาญจะหายไปสักพัก หลังจากที่มันไปแล้วนางก็จะไม่มีระบบคอยบังคับให้ทำภารกิจอีกต่อไปและนางก็จะสามารถนอนเล่นต่อไปได้ตามใจชอบ! แต่ทว่าระบบกลับรู้ทันความคิดของฟางเซียน... [ผมขอย้ำ คุณต้องทำภารกิจนี้นะครับ ถ้าผมกลับมาแล้วและพบว่าคุณไม่ทำภารกิจผมจะมอบบทลงโทษให้กับคุณ] “ระบบ แก...!” [ผมทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับเว่ยหลงเทียนและภารกิจไว้ให้แล้ว] รูปจดหมายเล็กๆ เด้งขึ้นมาทางด้านซ้ายมือของฟางเซียน [ขอให้โชคดีและไว้เจอกันใหม่
บทที่ 16.1 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ “อะไรกัน? พวกเจ้ามาต้อนรับข้ารึ?” หวังหลิงฟู่กล่าวทักทายผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนที่กำลังชี้อาวุธมาทางเขา ดูอย่างไรมันก็ไม่ใช่การต้อนรับที่ดี “เกิดอะไรขึ้น!?” เว่ยหลงเทียนอุทานอย่างตกใจ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากสุสานผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนจำนวนมากจะวิ่งเข้ามาล้อมพวกเขาพร้อมอาวุธครบมือเช่นนี้ “ปีศาจออกมาแล้ว! ล้อมมันไว้อย่าให้มันหนีได้ไปแม้แต่คนเดียว!” ชายคนหนึ่งตะโกน “มะ มีอะไรเข้าใจผิด...” เว่ยหลงเทียนกำลังจะแก้ตัว แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนข้างตัวของเขาก็เป็นปีศาจจริงๆ เว่ยหลงเทียนสอดสายตามองไปรอบตัวอย่างกังวลจนกระทั่งสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ของเขา “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้...” เว่ยหลงเทียนหวังว่าฮุ่ยหวงจะสังเกตเห็นเขาและช่วยหยุดไม่ให้เหล่าเซียนแสดงท่าทีคุกคามเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นสตรีชุดแดงและสิงโตยักษ์ของนางจะเปิดศึกทันที แต่เขากลับไม่ได้รับความสนใจจากฮุ่ยหวง ฮุ่ยหวงเพียงชายตามองเว่ยหลงเทียนด้วยสายตาราบเรียบก่อนที่จะออกคำสั่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเว่ยหลงเทียน “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก” เว่ยหลงเทียนนิ่งค้
บทที่ 15.2 งานของอาจารย์ตัวร้ายคือช่วยเหลือพระเอกในหลุมมีประตูทางเข้าดินแดนลับหลายประตูและบริเวณโดยรอบก็มีพืชลวงตาเติบโตเป็นจำนวนมาก หากผู้ใดได้กลิ่นของมันก็จะเห็นภาพลวงตา เมื่อมาถึงพื้นข้างล่างฟางเซียนและฮุ่ยหวงจึงไม่พบใครอยู่แถวนั้นเลยสักคน เหล่าลูกศิษย์สำนักเฉินคงจะโดนกับดักและหลงไปคนละทิศละทางกันหมด สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนลับ แค่ทางเข้าก็ชวนสับสนแล้ว อีกทั้งเมื่อเข้ามาถึงดินแดนลับแห่งนี้พลังปราณในตัวก็ถูกปั่นป่วนจากพลังภายนอกจนชวนให้รู้สึกมึนหัวไม่น้อย “ภารกิจเฮงซวย” ฟางเซียนพึมพำ นางอยากกลับไปหาลู่เหลียนเสียแล้ว แต่ก็คงกลับตอนนี้ไม่ได้ ฟางเซียนมองไปรอบตัวที่มีแต่ความมืด “บางทีลูกศิษย์ของข้าอาจจะไปทางนั้น” ฮุ่ยหวงยังคงพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและก้าวเดินนำทางไป ฟางเซียนสังเกตท่าทางของฮุ่ยหวงเล็กน้อยก่อนจะก้าวขาเดินตามเขาไป นางไม่รู้หรอกว่าฮุ่ยหวงแปลกไปอย่างไรกันแน่ แต่นางรู้สึกว่าจิตใจของเขาดูสับสนไม่น้อย เดินตามทางไปได้สักพักฟางเซียนและฮุ่ยหวงก็เห็นแสงสว่างที่ปลายทางข้างหน้าซึ่งน่าจะเป็นปากถ้ำ แต่แสงสว่างข้างหน้านั่นไม่น่าใช่แสงของดวงอาทิตย์เพราะพวกนางตกลงมาในหลุมลึก