เธอรีบออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้า คว้าเสื้อคลุมได้ก็ออกไปโดยไม่ได้ดูสภาพอากาศนอกจากนี้ เธอไม่คิดว่าจะได้เดินเตร่อยู่ข้างนอกนานนัก“เราไปดื่มกาแฟกันไหม?” เขาเสนอ“ฉันคงดื่มไม่ได้” เธออิ่มเกินไปจากมื้อเที่ยง “ไปเดินเล่นนั่นแหละ!”"อืม"เสื้อคลุมของเขาพาดอยู่บนไหล่ ไออุ่นจากเขาราวกับทะลุเข้าไปในร่างกาย ความคิดของเธอดูเหมือนถูกห่อหุ้มอยู่ในตัวเขาหากชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอไม่ใช่เขา เธอก็คงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะออกไปรับลมหนาวข้างนอกแบบนี้“ตอนที่โทรคุยครั้งล่าสุด คุณเข้าใจผมผิดนะ” เขาพูดทำลายบรรยากาศที่น่าเบื่อ “เหตุผลที่ผมพูดถึงอิ่นอิ๋นในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะอยากจะใช้เธอเป็นโล่ ผมเสียใจมากเลยนะที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น”จู่ ๆ หัวใจของฉินอันอันก็สงบลงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มลึกของเขาถ้าเขาพูดแบบนี้ตอนคุยโทรศัพท์ เธออาจจะโต้แย้งเขาโดยไม่ต้องคิด“แล้วทำไมคุณต้องพูดถึงอิ๋นอิ๋นด้วยล่ะ? ฟู่สือถิง เราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ชอบการมานั่งคาดเดาจุดประสงค์แอบแฝงของใครหรอกนะ” เธอยกเท้าขึ้น เตะก้อนกรวดที่อยู่ข้างหน้าออกไปลืมไปเลยว่าตัวเองใส่รองเท้าส้นสูง ขณะที่ส้นเท้าเกือบจะพลิก เธอก็คว้าแขนเขาไว้อย่า
เธอตกใจกลัว รีบชักมือกลับ "ฟู่สือถิง อย่าแตะต้องฉัน!"เธอมองเขาอย่างหวาดระแวงสุดขีด ราวกับมองว่าเขาเป็นสัตว์ร้ายเขาบอกว่าเขาป่วย ไม่ว่าจะป่วยอะไรก็ตาม เธอพอมีความสามารถบางอย่างที่จะยอมรับได้แต่การที่เขาบอกว่าเขาเคยฆ่าใครบางคน แถมคนที่เขาฆ่าก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของเขา เธอไม่รู้ว่าจะยอมรับมันอย่างไรดี!ปฏิกิริยาของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อจุกอยู่ในลำคอ มีหลายสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่เธออาจจะไม่เต็มใจที่จะรับฟังพนักงานเสิร์ฟเดินมาพร้อมกับกาแฟ วางไว้ตรงหน้าพวกเขาเธอหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มอึกใหญ่เขามองดูเธอ รอให้เธอสงบลง“ฟู่สือถิง แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของตัวเองคุณยังกล้าฆ่าได้ จะมีอะไรอีกในโลกนี้ที่คุณไม่กล้าทำ?” อารมณ์ของเธอสงบลงเล็กน้อย แต่ใจของเธอยังคงเย็นเยียบเธอคิดว่าเธอรู้จักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างดี แต่เขามักจะทำให้เธอประหลาดใจอย่างไม่คาดคิดเสมอ! หรือค่อนไปทางน่ากลัวด้วยซ้ำ...“คุณจะตัดสินผมโดยที่ไม่ถามผมสักคำเลยเหรอว่าทำไม?” เขาพูดอย่างเย็นชา“เหตุผลอะไรล่ะ?” เธอลดเสียงลง แต่ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้ “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การฆ่าคนเป็นเรื่องร้ายแรงนะ
ถ้าหากว่าพ่อของเขาเป็นพ่อในความหมายที่แท้จริง เขาก็คงไม่กลายเป็นฟู่สือถิงที่โหดเหี้ยมและอำมหิตเช่นนี้สายตาของฉินอันอันจับจ้องไปที่ฟู่สือถิง คำพูดติดอยู่ในลำคอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเบื้องหลังชีวิตที่ดูหรูหราของเขา จะซ่อนความเจ็บปวดแสนสาหัสเอาไว้มากมาย นางคิดว่าตัวเองที่เคยเผชิญกับความเจ็บปวดจากการที่พ่อมีชู้ การหย่าร้างของพ่อแม่ และการถูกรังแกจากแม่เลี้ยงนั้นหนักหนาที่สุดแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะยิ่งทุกข์กว่า ความเจ็บปวดของเธอเป็นที่รู้กันของทุกคน แต่ความเจ็บปวดของเขา กลับถูกเก็บงำไว้ในใจอย่างเงียบเชียบ“ฉินอันอัน อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “ผมไม่ต้องการความสงสาร”เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ได้สงสารคุณ แค่คิดว่าถ้าคุณเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องวนเวียนอยู่กับเรื่องพวกนี้มานานขนาดนี้”“นิสัยของผมทำให้ผมไม่สามารถบอกคุณทุกเรื่องได้ตั้งแต่แรก” เขาเดินไปข้างหน้า เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “ความรักที่มีต่อคุณมันค่อย ๆ สะสมมากขึ้นทุกวัน ๆ จนกระทั่งมันมากพอ ผมถึงได้เปิดใจให้คุณอย่างสมบูรณ์ ฉินอันอัน ผมอยากอยู่กับคุณ ไม่ใช่เพราะลูก และไม่ใช่เพราะความใจร้อน”“ฉั
หลีเสี่ยวเถียน : ตอนนี้พวกเธอเป็นยังไงกันบ้าง?ฉินอันอัน : ไม่ทะเลาะกันแล้ว แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกันดี ๆหลีเสี่ยวเถียน : แม่ฉันบอกว่าถ้าทะเลาะกันบ่อย ๆ ต่อให้ความรักดีแค่ไหนก็จะจางหายไปในสักวันฉินอันอันอ่านข้อความนี้แล้วไม่รู้จะตอบยังไง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอกับฟู่สือถิงทะเลาะกันมาตลอด เคยหลงรักเขามากแค่ไหน เธอยังจำได้ดี แต่เธอจะไม่รักเขาแบบไม่คิดถึงผลที่ตามมาอีกแล้ว เขาก็เช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทิ้งเธอไว้ข้างถนนหลังจากบอกว่าเธอคือคนที่เขาห่วงใยที่สุด…… ฟู่สือถิงได้รับข้อความจากเซิ่งเป่ย : เสี่ยวเถียนบอกว่าพวกนายต่างคนต่างกลับบ้าน ยังไม่มืดเลย เธอยังไม่ยอมให้อภัยนายอีกเหรอ?ฟู่สือถิง : เธอน่าจะกลับบ้านแล้ว ส่วนฉันยังอยู่ข้างนอกเขารู้สึกได้ว่าเธอไม่สามารถให้อภัยในสิ่งที่เขาเคยทำได้ ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยง เพื่อให้ทั้งคู่ได้ใจเย็นลงเซิ่งเป่ย : ถ้ามันไม่ได้ผลก็ช่างเถอะ พวกนายทะเลาะกันแบบนี้ตลอด อาจเป็นเพราะพวกนายไม่เหมาะสมกันก็ได้ คู่ที่ทะเลาะกันหนักที่สุดในกลุ่มเราก็จุ่นจือกับเสี่ยวเถียนนี่แหละ ถ้าทะเลาะกันหนักกว่านี้ ส่วนใหญ่ก็จะหย่าร้างกันไปซะมากฟู่สือถิง : ฉันกำลั
“แน่ใจนะว่าเธอพูดอย่างนั้น?” เขาถามย้ำบอดี้การ์ดสมองดับวูบไปชั่วขณะ ลืมคำพูดที่ฉินอันอันพูดไปแล้ว“เอ... เอาเป็นว่าผมด่าเธอไปชุดใหญ่ แต่เธอไม่ได้โกรธ” บอดี้การ์ดพูดอย่างมั่นใจ“นายด่าเธอเหรอ?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว พ่นลมหายใจ “ใครใช้ให้นายด่าเธอ?! นายด่าได้ยังไง?”บอดี้การ์ดรู้สึกผิดและหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เขาไม่เสียใจ “ผมด่าว่าเธอไม่รู้จักแยกแยะดีร้าย! ไม่รู้จักความดีคน! คุณดีกับเธอขนาดไหน เธอกลับไม่ซาบซึ้ง ดันหาเรื่องทะเลาะกับคุณทุกวัน! ผมว่าเธอน่ารำคาญกว่าหลีเสี่ยวเถียนเสียอีก! ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ยอมตามใจเธอหรอก! ผมจะทิ้งเธอไปเลยแล้วก็แย่งลูกมาเลี้ยง ให้เธอเสียใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด เสียดายจนตายไปเลย!”ฟู่สือถิงกัดฟันกรอดถ้าตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าบอดี้การ์ด เขาอาจจะต่อยอีกฝ่ายไปแล้วบอดี้การ์ดได้ยินเสียงหายใจหอบของฟู่สือถิง ใจเต้นตึก ๆ “เจ้านายครับ ผมไม่ได้ด่าแรงขนาดนั้นต่อหน้าเธอ! เธอไม่โกรธจริง ๆ ไม่เชื่อคุณลองโทรไปถามเธอดูสิครับ! ผมแค่เสนอความเห็นให้คุณเท่านั้น! ถ้าคุณคิดว่าความเห็นของผม...”ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!ฟู่สือถิงวางสายไปแล้วเขาแย่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เซิ่งเป่ยกับพรรคพวกสง
“ลุงซือเหนียนคะ หนูอยากโทรหาป้าเสี่ยวเถียน” รุ่ยลาส่งโทรศัพท์ของฉินอันอันให้จิ้นซือเหนียน “ช่วยหนูโทรหน่อยนะคะ”จิ้นซือเหนียนอดหัวเราะไม่ได้ “ลุงมีเบอร์ป้าเสี่ยวเถียน เอาโทรศัพท์ไปวางคืนแม่เขาเถอะ”“ถ้าป้าเสี่ยวเถียนไม่รับโทรศัพท์ลุงล่ะคะ? ป้าเขาสนิทกับแม่หนูที่สุด ใช้โทรศัพท์แม่โทร ป้าเขาต้องรับแน่ ๆ ค่ะ” รุ่ยลายืนกราน และปลดล็อกโทรศัพท์ของแม่จิ้นซือเหนียนขัดไม่ได้ รับโทรศัพท์ของฉินอันอันมาจากเธอก่อนที่จะเปิดรายชื่อติดต่อ เขาเห็นไอคอนวีแชทมีการแจ้งเตือนข้อความสีแดงเขาอยากเปิดดูมาก แต่จิตใต้สำนึกคอยย้ำเตือนว่า การแอบดูความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเขาเปิดรายชื่อติดต่อ หาเบอร์โทรศัพท์ของหลีเสี่ยวเถียนแล้วกดโทรออก และไม่ลืมเปิดลำโพงไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็รับสาย“ป้าเสี่ยวเถียนคะ! หนูเองค่ะ!” เสียงหวานของรุ่ยลาสดใส “แม่หนูนอนหลับอยู่ หนูอยากรู้ว่าป้าสบายดีไหมคะ?”หลีเสี่ยวเถียนได้ยินรุ่ยลาแสดงความห่วงใย น้ำตาคลอทันที “รุ่ยลา ป้าไม่เสียใจเลยที่รักหนู”“ค่ะ! หนูอยากไปเที่ยวกับแม่มาก แต่หนูไม่อยากเห็นลุงเฮ่อ! ลุงเฮ่อทำเกินไป เขาทำให้ป้าเสียใ
ใจของฉินอันอันราวกับถูกโยนลงไปในห้องน้ำแข็ง คำพูดที่ว่า ‘พวกเขาสองคนเข้ากันไม่ได้’ นั่นมาจากปากของเซิ่งเป่ยหรือฟู่สือถิงกันแน่? ถ้าฟู่สือถิงตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว ก็คงเป็นเพราะฟู่สือถิงคิดว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้จริง ๆ จึงบอกเซิ่งเป่ยไปแบบนั้น!"อันอัน คิดอะไรอยู่? หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว?" ไมค์ถามด้วยความกระวนกระวาย "ตอนนั้นจื่ออี้ก็อยู่ด้วย จื่ออี้เป็นพยานได้ว่าเซิ่งเป่ยพูดอย่างนั้นจริง ๆ""ฉันไม่ได้ไม่เชื่อหรอก" ฉินอันอันหยิบตะเกียบขึ้นมา ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว "ถ้าเขาคิดว่าเข้ากันไม่ได้ ก็เคารพการตัดสินใจของเขาเถอะ!""โอ้ ทำไมน้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าจัง? เธอก็เกลียดเขานี่นา เขาตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก เธอก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ?" ไมค์พูดพล่อย ๆ เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรักมาก่อน เลยพอจะรู้ว่าทำไมฉินอันอันถึงได้รู้สึกเศร้า เธอเกลียดฟู่สือถิงเพราะฟู่สือถิงไม่ยอมทำให้เธอหายโกรธ ถ้าฟู่สือถิงยังคงตามง้อเธอจนกว่าเธอจะหายโกรธ เธอคงจะกลับมาคบกับฟู่สือถิงได้อีกครั้ง เธอคงคิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะตัดสินใจล้มเลิกความสัมพันธ์ที่ 'ผิดพลาด'
เสี่ยวหาน "ผมสนิทกับเพื่อน ๆ ในห้องเรียนเหมือนกันหมด"ฉินอันอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็เชิญพวกเขาทุกคนมาเลย! ยังไงห้องเรียนลูกก็มีกันอยู่ไม่กี่คน"รุ่ยลา "ดีเลยค่ะ! คนเยอะ ๆ สนุกกว่า!"เสี่ยวหานเห็นน้องสาวตื่นเต้นขนาดนั้น จึงไม่อยากทำให้เธอเสียใจหลังจากจิ้นซือเหนียนไปแล้ว ฉินอันอันและไมค์ก็เริ่มจัดทำรายชื่อแขก"อันอัน จื่ออี้ต้องมาแน่นอน เฮ่อจุ่นจือก็ต้องเชิญด้วย ถ้าเราเชิญเซิ่งเป่ยแต่ไม่เชิญฟู่สือถิง เขาจะคิดว่าเราจงใจแกล้งเขาไหม?" ไมค์แสดงความคิดเห็น "หรือว่าเราไม่เชิญเซิ่งเป่ยดี?"ฉินอันอันรู้สึกปวดหัวอย่างหนักงานที่ควรจะรื่นเริง กลับกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่สือถิง"เรื่องนี้นายจัดการเองเลยแล้วกัน!"หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ ก็ผละไปดูแลลูก ๆไมค์ส่งข้อความไปหาโจวจื่ออี้ อธิบายเรื่องราวและขอคำแนะนำโจวจื่ออี้ : เจ้านายผมแค่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว เพราะไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อนลำบากใจต่างหาก เขาไม่ได้พูดว่าจะตัดขาดจากลูก ๆ เลยสักคำนี่นา?ไมค์ : ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จิ้นซือเหนียนหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเป็นลูกคุณช่างยุอยู่