เสี่ยวหาน "ผมสนิทกับเพื่อน ๆ ในห้องเรียนเหมือนกันหมด"ฉินอันอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็เชิญพวกเขาทุกคนมาเลย! ยังไงห้องเรียนลูกก็มีกันอยู่ไม่กี่คน"รุ่ยลา "ดีเลยค่ะ! คนเยอะ ๆ สนุกกว่า!"เสี่ยวหานเห็นน้องสาวตื่นเต้นขนาดนั้น จึงไม่อยากทำให้เธอเสียใจหลังจากจิ้นซือเหนียนไปแล้ว ฉินอันอันและไมค์ก็เริ่มจัดทำรายชื่อแขก"อันอัน จื่ออี้ต้องมาแน่นอน เฮ่อจุ่นจือก็ต้องเชิญด้วย ถ้าเราเชิญเซิ่งเป่ยแต่ไม่เชิญฟู่สือถิง เขาจะคิดว่าเราจงใจแกล้งเขาไหม?" ไมค์แสดงความคิดเห็น "หรือว่าเราไม่เชิญเซิ่งเป่ยดี?"ฉินอันอันรู้สึกปวดหัวอย่างหนักงานที่ควรจะรื่นเริง กลับกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่สือถิง"เรื่องนี้นายจัดการเองเลยแล้วกัน!"หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ ก็ผละไปดูแลลูก ๆไมค์ส่งข้อความไปหาโจวจื่ออี้ อธิบายเรื่องราวและขอคำแนะนำโจวจื่ออี้ : เจ้านายผมแค่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว เพราะไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อนลำบากใจต่างหาก เขาไม่ได้พูดว่าจะตัดขาดจากลูก ๆ เลยสักคำนี่นา?ไมค์ : ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จิ้นซือเหนียนหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเป็นลูกคุณช่างยุอยู่
หัวใจของฉินอันอันเต้นรัวอย่างรวดเร็ว เสียงนั้นคือเสียงของหลีเสี่ยวเถียน เธอกับเฮ่อจุ่นจือคืนดีกันแล้วนี่นา“เสี่ยวเถียน เกิดอะไรขึ้น? อย่าเพิ่งร้องไห้ บอกฉันซิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมมาสวม ตั้งใจจะออกไปหาหลีเสี่ยวเถียน“อันอัน ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้ว...ฉันกลัว...” หลีเสี่ยวเถียนพูดเสียงสะอื้น เสียงสั่นเครือเป็นระยะๆ“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้เธอยังอยู่ที่บ้านของเธอกับเฮ่อจุ่นจืออยู่ไหม? อยากให้ฉันไปหาไหม?” ฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลีเสี่ยวเถียน คงจะคล้ายกับบาดแผลที่พ่อของฟู่สือถิงทิ้งไว้ในใจเขา ยังคงตามหลอกหลอนชีวิตเขาอยู่ เหตุการณ์การถูกลักพาตัวไปครั้งก่อนก็สร้างบาดแผลในใจให้กับหลีเสี่ยวเถียนเช่นกัน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อเธอไปอีกนาน หรืออาจจะตลอดชีวิตหลังจากหลีเสี่ยวเถียนร้องไห้ก็ละล่ำละลักพูดคำว่า “อยาก” ออกมา ฉินอันอันรีบลุกออกจากห้องนอนทันทีตอนที่เธอกำลังจะออกไป ป้าจางที่ได้ยินเสียงก็เดินออกมา“อันอัน ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”ไม่ว่าเวลานี้จะกี่โมง เธอก็ต้องออกไป“อืม ไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะได้กลับม
โจวจื่ออี้ : [ลูบหัว]เซิ่งเป่ย : [ลูบหัว]ฟู่สือถิง : [ลูบหัว]เฮ่อจุ่นจือ : ขอบคุณที่อยู่คุยเป็นเพื่อนผม ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เสี่ยวเถียนเหมือนจะไม่ร้องไห้แล้ว ฉินอันอันเก่งจริง ๆทุกคนเงียบไปทันทีเฮ่อจุ่นจือ : ทำไม? ฉินอันอันกลายเป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึงแล้วเหรอ? ไม่จำเป็นหรอกมั้ง? ถึงเธอจะเลิกกับพี่สือถิงแล้ว แต่พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่นา!โจวจื่ออี้ : ราตรีสวัสดิ์เซิ่งเป่ย : ราตรีสวัสดิ์ฟู่สือถิง : อืม @เฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือ : พี่สือถิง ผมไปดูในห้องนอนก่อน พักผ่อนให้เต็มที่นะครับเฮ่อจุ่นจือส่งข้อความเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เดินไปที่ห้องนอนหลัก ในห้องนอนหลัก ฉินอันอันและหลีเสี่ยวเถียนนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองสนิทสนมกันราวกับพี่น้อง กระซิบพูดคุยกันเบา ๆเฮ่อจุ่นจือรีบออกจากห้อง ปิดประตูเบา ๆ เนื่องจากหลีเสี่ยวเถียนและฉินอันอันสนิทกันมาก ไม่ว่าฟู่สือถิงและฉินอันอันจะทะเลาะกันอย่างไร เฮ่อจุ่นจือก็ยังคงเข้าข้างฉินอันอันอยู่เสมอส่วนหลีเสี่ยวเถียน แม้ว่าเธอจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็มีจิตใจดี สามารถเป็นมิตรกับฉินอันอันได้ แสดงว่าฉินอันอันก็เป็นผู้หญิงที่ดีไม่ต่างกัน
โจวจื่ออี้เห็นข้อความของเฮ่อจุ่นจือแล้วก็รีบโทรหาเขาทันที“จุ่นจือ! รีบยกเลิกข้อความนั้นไปซะ!”เฮ่อจุ่นจือถามกลับ “ทำไมล่ะ? ผมก็ไม่ได้พูดถึงฉินอันอันนี่นา ทั้งเสี่ยวหานกับรุ่ยลาไม่ได้เป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึงสักหน่อย?”“ไม่ใช่! ฉินอันอันไม่ได้ตั้งใจจะเชิญเจ้านายผมไปร่วมงานด้วย เพราะฉะนั้นถึงคุยเรื่องนี้ในกลุ่มไม่ได้” โจวจื่ออี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ “คุณว่าเรื่องนี้มันสมเหตุสมผลไหมล่ะ!”“ไม่สมเหตุสมผล! ไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ!” เฮ่อจุ่นจือลูบจมูก “แต่ผมคิดว่าอันอันต้องมีเหตุผลของเธอแน่ ๆ เดี๋ยวผมไปลบข้อความในกลุ่มก่อน”เฮ่อจุ่นจือวางสายแล้วเปิดดูข้อความในกลุ่มเซิ่งเป่ย : เสี่ยวหานกับรุ่ยลาเกิดวันไหนกันนะ? ให้ฉินอันอันจัดงานวันเกิดให้เด็ก ๆ สิ! ถ้าเธอไม่สะดวกก็ให้สือถิงเป็นคนจัดก็ได้!เฮ่อจุ่นจือลบข้อความของตัวเองออกเงียบ ๆถึงแม้จะรู้ว่าการลบนั้นไม่มีประโยชน์แล้วก็ตามเซิ่งเป่ยเห็นแล้ว ก็เท่ากับว่าฟู่สือถิงเห็นแล้วเหมือนกันเซิ่งเป่ย : ลบข้อความออกทำไมเนี่ย? @เฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือมองข้อความแล้วไม่กล้าตอบโจวจื่ออี้ : พี่เป่ย ผมได้ยินมาว่าฉินอันอันตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้เด็ก ๆ อ
ป้าจางคิดสักครู่ “นานแล้วค่ะ ตอนที่ฉันเข้ามาทำงานที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันอายุยังไม่ถึงสามสิบเลย! ตอนนี้ฉันอายุสี่สิบห้าแล้ว อีกห้าปีก็เกษียณได้แล้ว”“ป้าหงอยู่ที่นั่นนานกว่าคุณใช่ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ! ป้าหงเคยรับใช้คุณท่าน ต่อมาก็มีสือถิงกับอิ๋นอิ๋น เลยช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็ก ๆ” ป้าจางพูด “ฉันได้ยินเรื่องต่าง ๆ มาจากป้าหงอีกที”“ฟู่สือถิงเล่าเรื่องตอนเด็ก ๆ ให้ฉันฟังเมื่อวานนี้” ฉินอันอันรู้สึกอึดอัดใจ เลยอยากหาคนระบายด้วย “ไม่นึกเลยว่าตอนเด็ก ๆ เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้น”“คุณผู้ชายเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเลยเหรอคะ?” ป้าจางตกใจ“ค่ะ เขาเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังโดยไม่ปิดบังอะไรเลย” ฉินอันอันมองป้าจาง “เขาไม่อยากให้ฉันเข้าใจเขาผิดอีก”ป้าจางถึงกับส่งเสียงสะอื้น “อันอัน อย่าโทษคุณผู้ชายเลยนะคะที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ที่เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย สวรรค์คงเมตตาเขา ถึงได้รักษาโรคตอบสนองช้าที่เขาเป็นตอนเด็ก ๆ จนหายได้ ไม่งั้นชะตากรรมของเขาคงเหมือนกับอิ๋นอิ๋น”ฉินอันอันตกตะลึง “!!!”เธอได้ยินทุกคำที่ป้าจางพูด แต่เธอไม่เข้าใจเอาซะเลย!“ไม่สิ โรคของคุณผู้ชายกับอิ๋นอิ๋นไม่เ
เธอกับฟู่สือถิงเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุด ทุกส่วนของร่างกายเขา เธอมองเห็นหมดแล้วเธอแน่ใจว่าบนหัวของเขาไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆเมื่อเป็นอย่างนั้น หมอวิเศษคนนั้นรักษาเขาให้หายโดยไม่ต้องผ่าตัดได้อย่างไร? บนโลกนี้ไม่มียาที่มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้นอยู่แล้วทั้งหมดนี้ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจของเธอพังทลายลง และเต็มไปด้วยความสงสัยโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาดู เห็นชื่อคนโทรเข้าอารมณ์ของเธอก็สงบลงทันที“อวิ๋นโม่” เธอประหลาดใจที่เขาโทรมา“อันอัน คุณจะมาหาผมเมื่อไหร่เหรอ?” น้ำเสียงของอวิ๋นโม่ไม่สดใสเหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุข“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนเหรอ?” ฉินอันอันเป็นห่วงอวิ๋นโม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกเขาดูเหมือนจะไม่ชอบผมเลย มีแต่คุณที่ใจดีกับผม”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันรู้สึกกังวล “อวิ๋นโม่ พวกเขาพูดอะไรกับคุณหรือเปล่า? หรือพวกเขาทำอะไรคุณไหม?”“ไม่ใช่… ผมแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ชอบผม” อวิ๋นโม่พูดด้วยความกังวล“พ่อของคุณบอกว่า เพื่อรักษาโรคให้คุณเธอ เขาพาคุณไปหาหมอมาหลายคนมาก และเขาก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลไ
เขาออกมาจากห้องทำงาน และไปหาเซิ่งเป่ยพอดีเซิ่งเป่ยก็กำลังจะมาเรียกเขาไปกินข้าว“ฉินอันอันเชิญนายไปหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงถามเขา“นายหมายถึงงานวันเกิดของเด็ก ๆ ใช่ไหม? ยังเลย!” เซิ่งเป่ยถาม “เธอเชิญนายไปหรือเปล่า?”ฟู่สือถิงส่ายหัว“ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งเดือน! เดี๋ยวเธอก็ต้องบอกให้เรารู้” เซิ่งเป่ยพูดอย่างมั่นใจ “ถึงแม้เธอจะไม่เชิญนาย เธอก็ต้องเชิญฉันอยู่ดี เพราะฉันกับเธอเราเคลียร์กันไปแล้ว”ฟู่สือถิงไม่ได้โต้แย้งเขา แต่แค่สงสัย “ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับเธอ ทำไมเธอถึงไม่เชิญฉันล่ะ?”เซิ่งเป่ยวิเคราะห์ “ถึงพวกนายจะไม่ได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ปัญหาก็ร้ายแรงมากนะ! เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่นายเป็น นายเองก็ไม่อยากไปง้อเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”“ขอพูดหน่อยเถอะ อย่าใช้คำพูดแปลก ๆ ได้ไหม?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเซิ่งเป่ยปิดปาก แล้วเปลี่ยนเรื่อง “บ่ายนี้ไปซื้อของขวัญให้เด็ก ๆ กันไหม?”“อืม” ของขวัญของรุ่ยลาเลือกง่าย แต่ของเสี่ยวหานนั้นยากกว่า“งั้นเราไปดูนิทรรศการจัดแสดงเทคโนโลยีกันดีไหม ดูว่ามีของเล่นไฮเทคใหม่ ๆ อะไรบ้าง” เซิ่งเป่ยเสนอฟู่สือถิงพยักหน้า……หนึ่งสัปดาห
ลูกค้าเดินออกไปไวราวกับพายุเลขาเอ่ยปาก “คุณฉิน ต้องการเชิญคุณฟู่สือถิงเข้ามาเลยไหมคะ?"ฉินอันอันเปิดโทรศัพท์ดูเวลาและอีกอย่างก็เพื่อเช็กดูว่าเขาโทรหรือส่งข้อความมาล่วงหน้าหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าไม่มีเลยเขามาที่นี่อย่างกะทันหัน แค่ผ่านทางมา หรือมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า?อารมณ์สงบแต่เดิมของเธอถูกรบกวนแลล้วเธอออกมาจากห้องรับรองแล้วไปหาเขาเมื่อเธอมาถึงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เธอก็เห็นลูกค้าของเธอกำลังคุยกับฟู่สือถิง ทั้งโค้งคำนับและพยายามประจบประแจงซึ่งเป็นอะไรที่ดูน่ารำคาญมากฟู่สือถิงเห็นเธอเดินออกมาจากลิฟต์ ดวงตาลึกล้ำของเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอทันที“ประธานฟู่ ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนคุณแล้วครับ” เมื่อลูกค้าเห็นฉินอันอันมา เขาก็บอกลาฟู่สือถิงทันทีฉินอันอันเดินไปหาฟู่สือถิง มองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขา "มีอะไรที่เราไม่สามารถคุยกันทางโทรศัพท์ด้วยเหรอ?”“คุณกำลังต่อว่าผมที่แวะมาหาคุณที่บริษัทงั้นเหรอ?” ดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวของเขากวาดมองไปรอบ ๆแผนกต้อนรับและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าดูพวกเขาจากระยะไกลเชื่อว่าอีกไม่นาน เหตุการณ์ที่มาหาเธอถึงที่จะแพร่กระจายไปทั่วบริษัทแน่“