เธอกับฟู่สือถิงเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุด ทุกส่วนของร่างกายเขา เธอมองเห็นหมดแล้วเธอแน่ใจว่าบนหัวของเขาไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆเมื่อเป็นอย่างนั้น หมอวิเศษคนนั้นรักษาเขาให้หายโดยไม่ต้องผ่าตัดได้อย่างไร? บนโลกนี้ไม่มียาที่มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้นอยู่แล้วทั้งหมดนี้ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจของเธอพังทลายลง และเต็มไปด้วยความสงสัยโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาดู เห็นชื่อคนโทรเข้าอารมณ์ของเธอก็สงบลงทันที“อวิ๋นโม่” เธอประหลาดใจที่เขาโทรมา“อันอัน คุณจะมาหาผมเมื่อไหร่เหรอ?” น้ำเสียงของอวิ๋นโม่ไม่สดใสเหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุข“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนเหรอ?” ฉินอันอันเป็นห่วงอวิ๋นโม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกเขาดูเหมือนจะไม่ชอบผมเลย มีแต่คุณที่ใจดีกับผม”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันรู้สึกกังวล “อวิ๋นโม่ พวกเขาพูดอะไรกับคุณหรือเปล่า? หรือพวกเขาทำอะไรคุณไหม?”“ไม่ใช่… ผมแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ชอบผม” อวิ๋นโม่พูดด้วยความกังวล“พ่อของคุณบอกว่า เพื่อรักษาโรคให้คุณเธอ เขาพาคุณไปหาหมอมาหลายคนมาก และเขาก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลไ
เขาออกมาจากห้องทำงาน และไปหาเซิ่งเป่ยพอดีเซิ่งเป่ยก็กำลังจะมาเรียกเขาไปกินข้าว“ฉินอันอันเชิญนายไปหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงถามเขา“นายหมายถึงงานวันเกิดของเด็ก ๆ ใช่ไหม? ยังเลย!” เซิ่งเป่ยถาม “เธอเชิญนายไปหรือเปล่า?”ฟู่สือถิงส่ายหัว“ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งเดือน! เดี๋ยวเธอก็ต้องบอกให้เรารู้” เซิ่งเป่ยพูดอย่างมั่นใจ “ถึงแม้เธอจะไม่เชิญนาย เธอก็ต้องเชิญฉันอยู่ดี เพราะฉันกับเธอเราเคลียร์กันไปแล้ว”ฟู่สือถิงไม่ได้โต้แย้งเขา แต่แค่สงสัย “ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับเธอ ทำไมเธอถึงไม่เชิญฉันล่ะ?”เซิ่งเป่ยวิเคราะห์ “ถึงพวกนายจะไม่ได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ปัญหาก็ร้ายแรงมากนะ! เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่นายเป็น นายเองก็ไม่อยากไปง้อเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”“ขอพูดหน่อยเถอะ อย่าใช้คำพูดแปลก ๆ ได้ไหม?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเซิ่งเป่ยปิดปาก แล้วเปลี่ยนเรื่อง “บ่ายนี้ไปซื้อของขวัญให้เด็ก ๆ กันไหม?”“อืม” ของขวัญของรุ่ยลาเลือกง่าย แต่ของเสี่ยวหานนั้นยากกว่า“งั้นเราไปดูนิทรรศการจัดแสดงเทคโนโลยีกันดีไหม ดูว่ามีของเล่นไฮเทคใหม่ ๆ อะไรบ้าง” เซิ่งเป่ยเสนอฟู่สือถิงพยักหน้า……หนึ่งสัปดาห
ลูกค้าเดินออกไปไวราวกับพายุเลขาเอ่ยปาก “คุณฉิน ต้องการเชิญคุณฟู่สือถิงเข้ามาเลยไหมคะ?"ฉินอันอันเปิดโทรศัพท์ดูเวลาและอีกอย่างก็เพื่อเช็กดูว่าเขาโทรหรือส่งข้อความมาล่วงหน้าหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าไม่มีเลยเขามาที่นี่อย่างกะทันหัน แค่ผ่านทางมา หรือมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า?อารมณ์สงบแต่เดิมของเธอถูกรบกวนแลล้วเธอออกมาจากห้องรับรองแล้วไปหาเขาเมื่อเธอมาถึงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เธอก็เห็นลูกค้าของเธอกำลังคุยกับฟู่สือถิง ทั้งโค้งคำนับและพยายามประจบประแจงซึ่งเป็นอะไรที่ดูน่ารำคาญมากฟู่สือถิงเห็นเธอเดินออกมาจากลิฟต์ ดวงตาลึกล้ำของเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอทันที“ประธานฟู่ ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนคุณแล้วครับ” เมื่อลูกค้าเห็นฉินอันอันมา เขาก็บอกลาฟู่สือถิงทันทีฉินอันอันเดินไปหาฟู่สือถิง มองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขา "มีอะไรที่เราไม่สามารถคุยกันทางโทรศัพท์ด้วยเหรอ?”“คุณกำลังต่อว่าผมที่แวะมาหาคุณที่บริษัทงั้นเหรอ?” ดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวของเขากวาดมองไปรอบ ๆแผนกต้อนรับและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าดูพวกเขาจากระยะไกลเชื่อว่าอีกไม่นาน เหตุการณ์ที่มาหาเธอถึงที่จะแพร่กระจายไปทั่วบริษัทแน่“
หน้าต่างเลื่อนลง ใบหน้าของไมค์ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา“เฮ้! พวกคุณสองคนกำลังทำอะไรอยู่หน้าบริษัทน่ะ อาบแดดกันอยู่เหรอ?” ไมค์แซว “ใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว ผมขอแนะนำให้พวกคุณสองคนหาร้านอาหาร ค่อย ๆ นั่งคุยกัน ทะเลาะกันประเจิดประเจ้อแบบนี้ บริษัทจะได้รับผลกระทบในทางลบเอานะ”ใบหน้าของฉินอันอันเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีฟู่สือถิง "ไปกินข้าวกันไหม?"ฉินอันอัน "ฉันไม่ไปกินข้าวกับคุณหรอก"หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในบริษัทไมค์บีบแตรแล้วพูดกับฟู่สือถิง "เลี้ยงข้าวผมหน่อยสิ!"ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ตั้งใจว่าจะจากไป“เลี้ยงข้าวผมหน่อย แล้วเดี๋ยวผมจะซื้ออาหารกลางวันใส่กล่องไปให้ฉินอันอัน!” ไมค์เรียกเขาก้าวเดินของเขาหยุดชะงักทันทีทั้งสองเข้าไปนั่งที่ร้านอาหารใกล้บริษัท หลังจากไมค์สั่งอาหารสองอย่างและซุปหนึ่งอย่างให้ฉินอันอัน เขาจดหมายเลขโทรศัพท์ของฉินอันอันไว้ และขอให้พนักงานเสิร์ฟนำไปส่งโดยตรงในภายหลังฟู่สือถิงขมวดคิ้ว "คุณเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของฉินอันอันแบบนี้เลยเหรอ!"ไมค์ตะคอก "ปกติฉินอันอันก็สั่งอาหารกลับบ้านจากร้านนี้อยู่แล้ว!"ฟู่สือถิง "..."“คุณคิดว
“คิดยังไงน่ะเหรอ?” ฉินอันอันผลักแขนเขาออก “เขามามีอิทธิพลกับความคิดของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ไมค์งงเล็กน้อย “หรือไม่เธอก็ลองโทรถามเขาดูสิ?”ฉินอันอัน “ทำไมฉันต้องโทรหาเขาด้วย? ถ้าเขาอยากรู้จริง ๆ ว่าฉันคิดยังไง ทำไมไม่มาถามฉันเองล่ะ?”ไมค์ “อ้อ… งั้นฉันนัดให้เขามาเจอเธอดีไหม?”“ไมค์ นายเป็นคนของใครกันแน่?”“ก็เป็นคนของเธอน่ะสิ! ถ้าฉันเป็นคนของฟู่สือถิงจริง ฉันคงช่วยเขาตามจีบเธอทุกวิถีทางไปแล้ว! และตอนนี้เขาก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก”ฉินอันอันไม่สงสัยในความจริงใจของไมค์ที่มีต่อเธอ“ฉันตั้งใจจะบินไปประเทศบีสักหน่อย อยู่ที่บริษัทนี่ก็ไม่มีอะไรต้องทำ เด็ก ๆ ก็เรียบร้อยดี ฉันบินไปประเทศบีแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมา” ฉินอันอันพูดไมค์ “ไปดูอะไร? ไปดูคนไข้ของเธอเหรอ? ขาไปขากลับใช้เวลาเป็นวันเลยนะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดลูก ๆ แล้ว ไม่รอให้งานวันเกิดผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปล่ะ?”ฉินอันอันคิดเรื่องนี้ไว้แล้วอวิ๋นโม่โทรมาหาเธอตั้งสองครั้งแล้ว เธออยากไปดูสภาพเขาในตอนนี้เต็มทีถึงแม้ว่าการเดินทางไปกลับจะเสียเวลามาก แต่เธอก็ชินกับการขึ้นเครื่องเสียแล้ว จึงไม่รู้สึกเหนื่อยอะไร…… เย็นว
ทันใดนั้น ก็มีมือใหญ่มาตบไหล่เขาจากด้านหลังเขาเม้มริมฝีปาก ร่างกายตึงเครียด หันกลับมาอย่างช้า ๆ…“พี่เซิ่ง เจ้านายผมไม่ชอบเสียงดังครับ ช่วยคุยโทรศัพท์เบา ๆ หน่อย” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงเตือนอย่างสุภาพเซิ่งเป่ยเห็นฟู่สือถิงหน้าตาเคร่งขรึมยืนอยู่ไม่ไกลเขารู้สึกเหมือนเข่าโดนยิง อยากจะคุกเข่าลงไปตรงนั้นจริง ๆเมื่อกี้นี้เขาต่อว่าฉินอันอันไปตั้งมากมาย วิจารณ์ความสัมพันธ์ของพวกเขาเสียงดังขนาดนั้น ฟู่สือถิงต้องได้ยินแน่ว่าไหม? ต้องได้ยินแน่!“สือถิง!” เซิ่งเป่ยพยายามฝืนยิ้มสดใสด้วยความรู้สึกผิด“ไสหัวไป!” ทันทีฟู่สือถิงพูดคำนี้ออกมา บอดี้การ์ดก็พาเซิ่งเป่ยออกไปทันที…… เซิ่งเป่ยขึ้นรถ ถอนหายใจ“พี่เซิ่ง” เสียงโจวจื่ออี้ดังมาจากโทรศัพท์เซิ่งเป่ยถึงกับตกใจ เขายังไม่ได้วางสาย!ตอนที่ฟู่สือถิงไล่เขา โจวจื่ออี้ก็ได้ยินน่ะสิเฮ้อ! เขาทั้งเสียหน้าและเสียศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว“อยากจะเยาะเย้ยฉันหรือไง?” เซิ่งเป่ยหมดหวัง“เปล่า ผมแค่อยากจะแนะนำพี่ พี่ลองคิดดูดี ๆ นะ ที่จริงฉินอันอันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย พี่แค่ไม่ค่อยได้เจอเธอบ่อย ๆ เพราะงั้นอาจจะมีอคติกับเธอก็ไม่แปลก” โจวจื่ออี้ไปบ้านฉิ
“ฉินอันอัน! คุณจะไปไหน?” เสียงของเขาแหบแห้งและเย็นชาเธอจับสังเกตได้ว่าเขาเพิ่งตื่น เพราะน้ำเสียงของเขาค่อนข้างยานคางเล็กน้อย“ฉันจะไปทำธุระที่ประเทศบีนิดหน่อย” ฉินอันอันที่ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเดินเข้าไปข้างใน “ใครบอกคุณว่าฉันกำลังจะเดินทางเร็วขนาดนี้?”เขาไม่ตอบ แต่ถามกลับ “ใกล้จะถึงวันเกิดลูกผมแล้ว แต่วันนี้คุณบินไปประเทศบี มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า?”ถ้าเป็นเวลาปกติเธออาจจะแซะว่าเขาจุ้นจ้านเกินไปแต่ในขณะนี้ อารมณ์ของเธอสงบมาก ไม่ต้องการโต้เถียงกับเขาในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาคงถามก็เพราะเป็นห่วงเธอ“ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอก” เธอพูดอย่างใจเย็น “ฟู่สือถิง นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานให้คุณทราบทุกเรื่อง แต่ฉันจะกลับมาให้ทันก่อนถึงงานวันเกิดลูกแน่นอน”เขาลูบคิ้วและสงบอารมณ์ลง "ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว"“คุณไปนอนต่อเถอะ! ฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว” เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดกับตัวเองว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้คุยกับเขาดี ๆ?ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นเคยกับการเผชิญหน้ากันด้วยฝีปากด้านที่แหลมคมที่สุด"อืม"หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็ยกผ้านวมขึ้น ยกขายาว ๆ ลุกจากเตียง
เขาคงดีใจมากแน่ ๆ ใช่ไหม?แต่ครอบครัวของเขาอาจจะไม่ต้อนรับเธอเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นคนมีหน้ามีตา คงไม่ถึงกับไล่ตะเพิดเธอไปหรอกรถแล่นผ่านร้านขายดอกไม้ เธอจอดรถข้างทาง เลือกซื้อช่อคาร์เนชั่นสดหนึ่งช่อ จ่ายเงินแล้วก็ถือดอกไม้ขึ้นรถรถแล่นต่อไปอีกสองสามแยกไฟแดง ตรงไปอีกประมาณสองกิโลเมตรก็ถึงบ้านตระกูลอวิ๋นแล้ว เธอร้องเพลงคลอเบา ๆ ไฟเขียวผ่านฉลุยตลอดทาง ไปถึงบ้านตระกูลอวิ๋นได้อย่างราบรื่นรถจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน เธอลงจากรถ มองประตูรั้วที่ถูกล็อกจากด้านนอก แล้วก็มองประตูบ้านที่ปิดสนิท… ดูเหมือนไม่มีคนอยู่เธอมุ่นคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หาเบอร์ของพ่อของอวิ๋นโม่แล้วกดโทรออก เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะถูกบล็อกเบอร์แต่อีกฝ่ายกลับกดรับสาย“คุณอวิ๋นคะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านคุณ เห็นประตูบ้านปิดอยู่ คุณไม่อยู่บ้านเหรอคะ?” ฉินอันอันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกังวล“คุณฉิน ขอโทษด้วย! ตอนนี้ครอบครัวผมออกไปเที่ยวกันอยู่ คงต้อนรับคุณไม่ได้!” เสียงของพ่ออวิ๋นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและห่างเหิน “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะ อ้อ ลูกชายผมสบายดี คุณไม่ต้องเป็นห่วง”“รอเดี๋ยวค่ะ!” ฉินอันอันตะโกนเส
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง