“ฉินอันอัน! คุณจะไปไหน?” เสียงของเขาแหบแห้งและเย็นชาเธอจับสังเกตได้ว่าเขาเพิ่งตื่น เพราะน้ำเสียงของเขาค่อนข้างยานคางเล็กน้อย“ฉันจะไปทำธุระที่ประเทศบีนิดหน่อย” ฉินอันอันที่ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเดินเข้าไปข้างใน “ใครบอกคุณว่าฉันกำลังจะเดินทางเร็วขนาดนี้?”เขาไม่ตอบ แต่ถามกลับ “ใกล้จะถึงวันเกิดลูกผมแล้ว แต่วันนี้คุณบินไปประเทศบี มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า?”ถ้าเป็นเวลาปกติเธออาจจะแซะว่าเขาจุ้นจ้านเกินไปแต่ในขณะนี้ อารมณ์ของเธอสงบมาก ไม่ต้องการโต้เถียงกับเขาในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาคงถามก็เพราะเป็นห่วงเธอ“ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอก” เธอพูดอย่างใจเย็น “ฟู่สือถิง นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานให้คุณทราบทุกเรื่อง แต่ฉันจะกลับมาให้ทันก่อนถึงงานวันเกิดลูกแน่นอน”เขาลูบคิ้วและสงบอารมณ์ลง "ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว"“คุณไปนอนต่อเถอะ! ฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว” เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดกับตัวเองว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้คุยกับเขาดี ๆ?ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นเคยกับการเผชิญหน้ากันด้วยฝีปากด้านที่แหลมคมที่สุด"อืม"หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็ยกผ้านวมขึ้น ยกขายาว ๆ ลุกจากเตียง
เขาคงดีใจมากแน่ ๆ ใช่ไหม?แต่ครอบครัวของเขาอาจจะไม่ต้อนรับเธอเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นคนมีหน้ามีตา คงไม่ถึงกับไล่ตะเพิดเธอไปหรอกรถแล่นผ่านร้านขายดอกไม้ เธอจอดรถข้างทาง เลือกซื้อช่อคาร์เนชั่นสดหนึ่งช่อ จ่ายเงินแล้วก็ถือดอกไม้ขึ้นรถรถแล่นต่อไปอีกสองสามแยกไฟแดง ตรงไปอีกประมาณสองกิโลเมตรก็ถึงบ้านตระกูลอวิ๋นแล้ว เธอร้องเพลงคลอเบา ๆ ไฟเขียวผ่านฉลุยตลอดทาง ไปถึงบ้านตระกูลอวิ๋นได้อย่างราบรื่นรถจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน เธอลงจากรถ มองประตูรั้วที่ถูกล็อกจากด้านนอก แล้วก็มองประตูบ้านที่ปิดสนิท… ดูเหมือนไม่มีคนอยู่เธอมุ่นคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หาเบอร์ของพ่อของอวิ๋นโม่แล้วกดโทรออก เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะถูกบล็อกเบอร์แต่อีกฝ่ายกลับกดรับสาย“คุณอวิ๋นคะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านคุณ เห็นประตูบ้านปิดอยู่ คุณไม่อยู่บ้านเหรอคะ?” ฉินอันอันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกังวล“คุณฉิน ขอโทษด้วย! ตอนนี้ครอบครัวผมออกไปเที่ยวกันอยู่ คงต้อนรับคุณไม่ได้!” เสียงของพ่ออวิ๋นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและห่างเหิน “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะ อ้อ ลูกชายผมสบายดี คุณไม่ต้องเป็นห่วง”“รอเดี๋ยวค่ะ!” ฉินอันอันตะโกนเส
เธอกลับมาที่รถ เปิดจอโทรศัพท์แล้วโทรหาอวิ๋นโม่เสียงตอบรับคือ “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่ออีกครั้งในภายหลัง”เธอมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าอวิ๋นโม่ไม่ได้ปิดเครื่องเองแน่นอนคิ้วเธอขมวดเข้าหากันทันที เธอกดโทรหาพ่อของอวิ๋นโม่อีกครั้งเสียงตอบรับเหมือนกันไม่มีผิด “ขอโทษ หมายเลขที่ท่านเรียกกำลังติดคู่สายอยู่ในขณะนี้ กรุณาติดต่ออีกครั้งในภายหลัง”ฉินอันอันรู้สึกหนาวเยือกในใจ!เขาต้องการทำอะไรกันแน่? ก่อนผ่าตัดเธอเคยพูดคุยกับเขาครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าเขาก็ดูปกติดีแต่ตอนนี้เมื่อรวมกับคำพูดของเพื่อนบ้านแล้ว เธอกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาเขาหนีไปอยู่ที่อื่น เพื่อป้องกันไม่ให้เธอตามหางั้นเหรอ?หรือเขาได้วางแผนไว้แล้วว่าจะย้ายบ้านหลังจากที่อวิ๋นโม่อาการดีขึ้น?แล้วทำไมต้องย้ายบ้านหลังจากอวิ๋นโม่อาการดีขึ้นด้วยล่ะ?พวกเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน?สมองของเธอว่างเปล่า ก่อนหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม หลังจากที่อารมณ์สงบลงบ้างแล้ว เธอจึงเปิดรายชื่อและหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนที่แนะนำให้เธอรู้จักกับพ่อของอวิ๋นโม่เพื่อนคนนี้เป็นญาติของคนไข้คนก่อน ๆ ในความดูแลของเธอเธอโทร
ควรให้ฟู่สือถิงเข้ามา หรือไม่ให้เขาดีล่ะ? ไมค์กับเขาไม่มีเรื่องบาดหมางกัน ถ้าไม่นับเรื่องของฉินอันอัน ไมค์ก็จะให้เขาเข้ามา แต่ขณะที่ไมค์กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ บอดี้การ์ดในบ้านกลับไปเปิดประตูให้ฟู่สือถิงไมค์ “???”ถ้าฉินอันอันอยู่บ้าน เธอคงตะโกนถามบอดี้การ์ดว่า “นายเป็นคนของใครกันแน่” ไมค์ถูกเธอถามแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว“ฉินอันอันไม่อยู่บ้านทั้งที นายก็เอาใหญ่เลยนะ!” ไมค์เดินไปหาบอดี้การ์ดและพูดเยาะเย้ยบอดี้การ์ดหน้าแดงก่ำ “ถ้าผมไม่เปิด คุณก็ต้องเปิดอยู่ดี ค่อยรายงานว่าคุณเป็นคนเปิดก็ได้”ไมค์ “นายไม่ใช่แค่ทำก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง ยังโยนความผิดให้คนอื่นอีก!”บอดี้การ์ดไม่สนใจเขา หันหลังเดินจากไปฟู่สือถิงเดินไปหาไมค์และถามว่า “เด็ก ๆ อยู่บ้านกันไหม?”ไมค์เลิกคิ้วหนาขึ้น “ผมรู้ว่าคุณมาหาลูก ๆ แต่คุณไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้มันน่าละอายเหรอ? คุณเป็นประธานเอสทีกรุ๊ปแท้ ๆ ถ้าอยากเจอลูก ๆ ก็สามารถมาได้ทุกเมื่อ ทำไมต้องรอให้แม่ของเด็ก ๆ ไม่อยู่บ้านก่อนแล้วค่อยแอบมาล่ะ? คิดว่าผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกฉินอันอันหรือไง? ต่อให้ผมจะไม่บอกฉินอันอัน เด็ก ๆ ก็ต้องบอกเธออยู่ดี!”ฟู่สือถิงไม่
เธอผลักประตูวิลล่าเปิดออก ภาพที่อบอุ่นและสวยงามปรากฏขึ้นตรงหน้าฟู่สือถิงอุ้มจื่อชิวยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นรุ่ยลายืนถือของเล่นชิ้นใหม่คุยกับจื่อชิวป้าจางยืนมองพวกเขาอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มฉินอันอันยืนอยู่ที่ประตู ขาหนักอึ้งราวกับมีถุงตะกั่วถ่วงอยู่ฟู่สือถิงที่อุ้มจื่อชิวอยู่ดูอ่อนโยนและใจดี ถ้าบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยเย็นชาและโหดร้าย คนอื่นคงไม่เชื่อแน่ฟู่สือถิงหันไปเห็นเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งค้างทันทีเขาไม่คิดว่าเธอจะกลับประเทศมาเร็วขนาดนี้ ไม่มีใครบอกเขาว่าเธอจะกลับมาวันนี้ถ้าไมค์รู้ว่าเธอกลับมาวันนี้ เขาคงไม่ทิ้งเด็ก ๆ ไปดูละครเวทีแน่ป้าจางเห็นเธอเข้าก็อึ้งไปเช่นกันรีบอุ้มจื่อชิวออกจากอ้อมแขนของฟู่สือถิงทันที ราวกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติ“แม่!” เสียงดังฟังชัดดังมาจากด้านหลังฉินอันอันเป็นเสียงของเสี่ยวหานบอดี้การ์ดจอดรถเสร็จ เสี่ยวหานก็รีบเปิดประตูลงจากรถและวิ่งไปหาฉินอันอันฉินอันอันปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เสี่ยวหาน “ลูกรัก วันนี้ทำไมกลับบ้านดึกจัง?”เสี่ยวหานจับมือฉินอันอัน ตอบว่า “มีโจทย์บางข้อที่ผมไม่เข้าใจ เลยขอให้ค
ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแน่น เสียงของฉินอันอันทำให้สติของเขากลับคืนมามือเขาคลายออก เสี่ยวหานรีบวิ่งขึ้นบันไดไป!แต่ฉินอันอันไม่กล้าปล่อยแขนฟู่สือถิง “ฟู่สือถิง ทำอะไรของคุณ! คุณบอกว่าจะไม่บังคับลูก! แต่สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้มันต่างอะไรกับการบังคับกัน?!”ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลอกขึ้นลง เสียงแหบพร่า พูดทีละคำ “ผมแค่... แค่อยากจะขอโทษเขา”“แต่วิธีที่คุณใช้มันผิด เขาเป็นเด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่ พฤติกรรมเมื่อกี้ของคุณมันหยาบคายเกินไป” ฉินอันอันลากเขาออกมา บังคับให้นั่งลงบนโซฟา “ฟู่สือถิง ตัวคุณเองก็ถูกครอบครัวทำร้ายจิตใจจนมีปมมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วทำไมคุณคิดว่าเสี่ยวหานจะสามารถคืนดีกับคุณได้เร็วขนาดนั้น?”ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้น มองหน้าเธอนิ่ง ๆ“ฉันไม่ได้ตำหนิคุณนะ” ฉินอันอันถอนหายใจอย่างหมดแรง “ต่อไปอย่าใจร้อนแบบนี้อีก คุณทำให้จื่อชิวตกใจ รุ่ยลาก็คงตกใจเหมือนกัน”“ผมขอโทษ” เขาตำหนิตัวเอง ก่อนมองไปทางเด็ก ๆป้าจางอุ้มจื่อชิว จื่อชิวไม่ร้องไห้แล้ว รุ่ยลายืนอยู่ข้างหลังป้าจาง มือเล็ก ๆ กอดสมุดการบ้านไว้ ดวงตากลมโตสีดำสนิทมองมาทางห้องนั่งเล่น ไม่กล้าเดินเข้ามาหา“อันอัน ผมซื้อของขวัญมาให้เด็ก ๆ เดี๋
บ้านตระกูลฟู่ฟู่สือถิงกลับถึงบ้าน กำลังจะเดินขึ้นบันได ป้าหงก็เรียกเขาไว้“คุณผู้ชายคะ มีเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าคุณได้ยินหรือยัง”ฟู่สือถิงหันกลับมามองป้าหง “เรื่องอะไรครับ?”“เรื่องบ้านเดิมค่ะ” ป้าหงทำหน้าเครียด “พี่ชายคุณกำลังจะขายบ้านหลังนั้น”ดวงตาของฟู่สือถิงเบิกกว้างขึ้นทันที “ป้าได้ยินมาจากใคร?”“หลานชายคนหนึ่งของฉันเป็นนายหน้าขายบ้าน เขาโทรมาบอกฉันค่ะ” ป้าหงพูดจบก็น้ำตาคลอเบ้า “คุณผู้ชายคะ พี่ชายคุณคงไม่มีเงินเหลือแล้วถึงได้ขายบ้าน โอ๊ย! ทำไมเขาถึงตัดใจขายได้ลงคอกันนะ!”“ป้าหมายความว่าจะให้ผมให้เงินเขางั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงล้วงมือลงในกระเป๋า จ้องมองป้าหงป้าหงรีบส่ายหน้า “ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิคะ! พวกเขาน่ะเป็นงูพิษ คุณนายใจดีกับพวกเขาแค่ไหน แต่พวกเขากลับลงมือทำร้ายคุณนายเสียได้! ฉันแค่อยากให้คุณซื้อบ้านหลังเดิมนั้นคืนมาค่ะ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ไปอยู่ ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นมาอยู่แทน ถ้าบ้านเก่าเปลี่ยนมือไปเป็นของเจ้าของใหม่แล้ว คนอื่นคงนินทาตระกูลฟู่กันสนุกปากแน่”ป้าหงเสนอแนะแบบนี้เพื่อรักษาหน้าตาและเกียรติยศของตระกูลฟู่ฟู่สือถิงร่ำรวย การซื้อบ้านหลังเดิมไม่ใช่เรื่องยาก“พรุ่งน
“ไม่ใช่ว่าลูกเคยบอกว่าพี่ชายเป็นคนที่ลูกชอบที่สุดหรอกเหรอ?” ฉินอันอันถามด้วยความสับสน“ก็จริงค่ะ! พี่ชายเป็นคนที่หนูชอบที่สุด แต่หนูอยากเล่นเปียโนให้น้องชายฟังแค่คนเดียว เพราะน้องชายคงฟังไม่รู้เรื่องว่าหนูเล่นผิดตรงไหน” รุ่ยลาอธิบายเหตุผลฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “พี่ชายลูกเองก็ฟังไม่ออกหรอกว่าเล่นผิดตรงไหน! เขาเล่นเปียโนไม่เป็นสักหน่อย”รุ่ยลาทำหน้างงเล็กน้อย “จริงด้วย! หนูก็นึกว่าพี่ชายเป็นซูเปอร์แมน ทำอะไรก็เก่งไปหมด! ฮ่าฮ่า!”พูดจบเธอก็คว้ามือเสี่ยวหานขึ้นไปชั้นบนอย่างมีความสุข ฉินอันอันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“อันอัน คุณบอกว่าต้องปรับเวลานี่นา? ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเุถอะค่ะ” ป้าจางพูด“ค่ะ”ฉินอันอันกลับไปที่ห้องนอน เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนอนจู่ ๆ ท้องก็ปวดอย่างรุนแรงเธอยันตัวไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้า ค่อย ๆ ทรุดตัวลงเธอหายใจหอบหนัก ใบหน้าซีดเผือด!ถึงจะเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ไม่ตกใจกลัวนัก เพราะความเจ็บปวดแบบนี้เป็นอะไรที่คุ้นเคยดีหลังจากคลอดลูก เธอก็ไม่ได้มีประจำเดือนอยู่นานความเจ็บปวดที่ท้องน้อยตอนนี้คืออาการปวดประจำเดือนตอนอยู่บนเครื่องบิน เธอรู้สึกแน่นหน้าอก ท้อ