บ้านตระกูลฟู่ฟู่สือถิงกลับถึงบ้าน กำลังจะเดินขึ้นบันได ป้าหงก็เรียกเขาไว้“คุณผู้ชายคะ มีเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าคุณได้ยินหรือยัง”ฟู่สือถิงหันกลับมามองป้าหง “เรื่องอะไรครับ?”“เรื่องบ้านเดิมค่ะ” ป้าหงทำหน้าเครียด “พี่ชายคุณกำลังจะขายบ้านหลังนั้น”ดวงตาของฟู่สือถิงเบิกกว้างขึ้นทันที “ป้าได้ยินมาจากใคร?”“หลานชายคนหนึ่งของฉันเป็นนายหน้าขายบ้าน เขาโทรมาบอกฉันค่ะ” ป้าหงพูดจบก็น้ำตาคลอเบ้า “คุณผู้ชายคะ พี่ชายคุณคงไม่มีเงินเหลือแล้วถึงได้ขายบ้าน โอ๊ย! ทำไมเขาถึงตัดใจขายได้ลงคอกันนะ!”“ป้าหมายความว่าจะให้ผมให้เงินเขางั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงล้วงมือลงในกระเป๋า จ้องมองป้าหงป้าหงรีบส่ายหน้า “ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิคะ! พวกเขาน่ะเป็นงูพิษ คุณนายใจดีกับพวกเขาแค่ไหน แต่พวกเขากลับลงมือทำร้ายคุณนายเสียได้! ฉันแค่อยากให้คุณซื้อบ้านหลังเดิมนั้นคืนมาค่ะ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ไปอยู่ ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นมาอยู่แทน ถ้าบ้านเก่าเปลี่ยนมือไปเป็นของเจ้าของใหม่แล้ว คนอื่นคงนินทาตระกูลฟู่กันสนุกปากแน่”ป้าหงเสนอแนะแบบนี้เพื่อรักษาหน้าตาและเกียรติยศของตระกูลฟู่ฟู่สือถิงร่ำรวย การซื้อบ้านหลังเดิมไม่ใช่เรื่องยาก“พรุ่งน
“ไม่ใช่ว่าลูกเคยบอกว่าพี่ชายเป็นคนที่ลูกชอบที่สุดหรอกเหรอ?” ฉินอันอันถามด้วยความสับสน“ก็จริงค่ะ! พี่ชายเป็นคนที่หนูชอบที่สุด แต่หนูอยากเล่นเปียโนให้น้องชายฟังแค่คนเดียว เพราะน้องชายคงฟังไม่รู้เรื่องว่าหนูเล่นผิดตรงไหน” รุ่ยลาอธิบายเหตุผลฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “พี่ชายลูกเองก็ฟังไม่ออกหรอกว่าเล่นผิดตรงไหน! เขาเล่นเปียโนไม่เป็นสักหน่อย”รุ่ยลาทำหน้างงเล็กน้อย “จริงด้วย! หนูก็นึกว่าพี่ชายเป็นซูเปอร์แมน ทำอะไรก็เก่งไปหมด! ฮ่าฮ่า!”พูดจบเธอก็คว้ามือเสี่ยวหานขึ้นไปชั้นบนอย่างมีความสุข ฉินอันอันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“อันอัน คุณบอกว่าต้องปรับเวลานี่นา? ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเุถอะค่ะ” ป้าจางพูด“ค่ะ”ฉินอันอันกลับไปที่ห้องนอน เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนอนจู่ ๆ ท้องก็ปวดอย่างรุนแรงเธอยันตัวไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้า ค่อย ๆ ทรุดตัวลงเธอหายใจหอบหนัก ใบหน้าซีดเผือด!ถึงจะเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ไม่ตกใจกลัวนัก เพราะความเจ็บปวดแบบนี้เป็นอะไรที่คุ้นเคยดีหลังจากคลอดลูก เธอก็ไม่ได้มีประจำเดือนอยู่นานความเจ็บปวดที่ท้องน้อยตอนนี้คืออาการปวดประจำเดือนตอนอยู่บนเครื่องบิน เธอรู้สึกแน่นหน้าอก ท้อ
คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ฉินอันอันนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เธอกินยาแก้ปวดเพราะปวดท้องมากในตอนเช้าถ้าเป็นก่อนหน้านี้การกินยาแก้ปวดจะบรรเทาอาการปวดได้เร็วแต่วันนี้อาการปวดท้องกำเริบหนัก กินยาแล้วก็ช่วยให้โล่งได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเธอจึงไม่เข้าบริษัทสภาพเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงการไปทำงาน เธอรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวแม้จะนอนอยู่บนเตียงหลังจากรับสายจากแผนกต้อนรับ เธอก็ยกผ้าห่มแล้วลุกจากเตียงเพราะอยากดื่มน้ำร้อนเมื่อเธอมาถึงห้องนั่งเล่น เห็นป้าจางกำลังวางสายโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ“อันอัน ออกมาทำไมคะ” ป้าจางถามอย่างเป็นกังวล “คุณไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวก็นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงเถอะค่ะ”“ฉันหิวน้ำนิดหน่อยค่ะ” เธอตอบ “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนเช้ามาก”“งั้นฉันจะต้มน้ำร้อนให้แล้วยกไปที่ห้องคุณนะคะ” ป้าจางไปหาแก้วเก็บความร้อน “เอ่อ คุณผู้ชายโทรมาค่ะ บอกว่าเขาจะเข้ามา”ฉินอันอันร่างกายอ่อนแอ สมองไม่ค่อยสั่งการเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าว เธอจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านมากเท่าไหร่นัก“เขาซื้อของขวัญให้เสี่ยวหานกับรุ่ยลาค่ะ แล้วยังบอกด้วยว่าเขาจะเอาของพวกนี้มาให้คุณ ฝากคุณมอบของพ
“เขาไม่รู้เรื่องหรอก เราแค่กระซิบกันเบา ๆ เขาคงฟังไม่ออก” ฉินอันอันพูดรัวเร็ว แต่เสียงเบาลงมากแน่นอนว่าสีหน้าของจื่อชิวก็ยังคงน่ารักน่าเอ็นดู ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไรฉินอันอันหยิบของเล่นสำหรับกัดให้จื่อชิว จื่อชิวก็คว้าของเล่นนั้นใส่ปากแล้วเคี้ยวตุบตับ“คุณอยากอุ้มลูกไหม?” ฟู่สือถิงอยากให้เธอยิ้มแย้มฉินอันอัน “ฉันไม่มีแรง”ฟู่สือถิง “งั้นดื่มน้ำไหม?”ฉินอันอัน “ยังไม่กระหายเหมือนกัน”“ผมเอาของขวัญมาแล้ว มาดูด้วยกันนะ” ฟู่สือถิงพูดพลางจะเอื้อมไปหยิบของขวัญฉินอันอันเห็นเขาเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า อุ้มลูกไปด้วย จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณอุ้มลูกอยู่ ทำไมไม่นั่งนิ่ง ๆ ล่ะ? ถ้าฉันอยากดูของขวัญ เดี๋ยวฉันค่อยแกะเองก็ได้”พอได้ยินแบบนั้นเขาก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ“บอกว่าของขวัญพวกนี้เป็นของคุณที่ซื้อมานะ ไม่ต้องพูดถึงผม” เขาเตือน“ฉันจะช่วยคุณส่งต่อของขวัญให้ลูกเอง เรื่องอื่น ๆ คุณไม่ต้องห่วง” เธอมองกล่องของขวัญสองกล่องบนโต๊ะ แค่ดูกล่องก็รู้แล้วว่าราคาไม่ใช่ถูก ๆ แน่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบลงเขาอุ้มลูกอยู่ ไม่สะดวกจะรับโทรศัพท์เขาตั้งใจจะส
วิลล่าสตาร์ริเวอร์ตอนนี้สภาพจิตใจของฉินอันอันดีขึ้นกว่าตอนกลางวันมาก นอกจากจะรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย อาการปวดท้องก็หายไปแล้วหลังจากรับประทานอาหารเย็นอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน เธอนำเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วนำของขวัญที่เตรียมไว้ และของขวัญที่ฟู่สือถิงเตรียมให้ออกมาด้วยฟู่สือถิงขอให้เธออย่าบอกเด็ก ๆ ว่าของขวัญมาจากเขา แต่เธอทำตามที่เขาขอไม่ได้ เพราะเธอไม่อยากโกหกลูก ๆ“แม่คะ ทำไมถึงมีของขวัญตั้งสี่กล่องล่ะ?” รุ่ยลามองกล่องของขวัญทั้งสี่กล่อง ดวงตาสดใสเปล่งประกายเธออยากแกะของขวัญทุกกล่องจะแย่แล้ว“สองกล่องนี้แม่ซื้อ ส่วนอีกสองกล่อง พ่อของพวกหนูเป็นคนซื้อจ้ะ” ฉินอันอันพูดประโยคนี้ โดยสังเกตสีหน้าของเสี่ยวหานเป็นพิเศษเมื่อเสี่ยวหานได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ สีหน้าที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที“งั้นเรามาแกะของขวัญดูกันเถอะว่าข้างในมีอะไรบ้าง!” ฉินอันอันหยิบของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อมาก่อนถ้าแกะของขวัญที่เธอซื้อก่อน พอแกะเสร็จ เสี่ยวหานก็คงจะจากไปฉินอันอันไม่รู้ว่าฟู่สือถิงซื้อของขวัญอะไรมา เธอเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากด้วยความที่ฟู่สือถิงให้ความสำคัญกับลูก ๆ มากในช่ว
ทุกคน “...”ในที่สุดเสือน้อยก็สามารถพิชิตใจทุกคน ได้อยู่ต่อในบ้านหลังนี้บ้านเดิมตระกูลฟู่ขณะที่ฟู่สือถิงกำลังไขกุญแจประตูบ้าน เขาก็ได้กลิ่นน้ำมันเบนซินระยะเวลาตั้งแต่เขาได้กลิ่นน้ำมันเบนซิน จนกระทั่งเห็นเปลวไฟโหมไหม้ ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำฟู่สือถิงมองเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ตะลึงงันไปบอดี้การ์ดรีบวิ่งเข้ามา แล้วดึงฟู่สือถิงออกไปนอกบ้าน “เจ้านายครับ! มีคนลอบวางเพลิง! เจ้านายออกไปก่อนเถอะครับ! ผมจะไปดูว่าใครเป็นคนจุดไฟ!”ฟู่สือถิงถูกบอดี้การ์ดผลักออกไปนอกตัวบ้าน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปเพื่อหาตัวคนวางเพลิง!ฟู่สือถิงมองดูเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรแจ้งเหตุเพลิงไหม้ฟู่หานนี่ช่างกล้าเกินไปแล้ว!ยอมขายบ้านให้เขา แต่ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?ถึงกับกล้าจุดไฟเผาบ้านเดิม!เมื่อวานโจวจื้ออี้เพิ่งจะบอกเขาว่า ฟู่หานน่าจะไม่อยากขายบ้านเดิม เพราะฟู่หานอาศัยอยู่ในบ้านเดิมมาครึ่งชีวิต แน่นอนว่าต้องเป็นฟู่เย่เฉินที่ไปสร้างหนี้สินไว้ จึงทำให้ฟู่หานจำเป็นต้องขายบ้านหลังนี้ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวจื้ออี้คงจะมอ
ฉินอันอันเดินไปที่มุมหนึ่ง ก่อนที่อารมณ์จะสงบลงได้ เธอก็รีบโทรหาฟู่สือถิง ไม่คาดคิดว่าฟู่สือถิงจะรับสายในทันที“ผมไม่เป็นอะไร” เสียงทุ้มทรงพลังของเขาดังมาทางโทรศัพท์เธอโล่งใจอย่างมากในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใครเป็นคนวางเพลิง?”“คนขับรถของพี่ชายผม ทำงานกับเขามานานแล้ว” เขาตอบฉินอันอันมองไปที่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ไฟไหม้ไป ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมองคนกับคนมีเรื่องกัน ทำไมต้องเผาทำลายบ้านด้วย?“หรือว่าพี่ชายคุณจะเป็นคนสั่งการ?” เธออดสงสัยไม่ได้ในความทรงจำของเธอ ฟู่หานและฟู่สือถิงมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับฟู่สือถิง เขาดูมีความซื่อสัตย์สุจริตกว่ามากเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฟู่หานถึงทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้“คนขับรถบอกว่าไม่มีใครสั่งการ แต่ผมกำลังตรวจสอบอยู่” ฟู่สือถิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”“ฉัน...” เธออายที่จะบอกความจริงถ้าเขารู้ว่าเธออยู่ที่บ้านเดิมของเขา เขาจะคิดว่าเธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?“วันนี้คุณไม่สบายอยู่ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” เขาไม่ได้คาดคั้นเธอเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง นั่นก็อธิบายทุกอย่างได
พอหวนนึกถึงคำพูดของฟู่สือถิง ทำให้ใจของเธอราวกับมีเปลวไฟลุกโชน ขับไล่ความหนาวเย็นไปได้มากทีเดียวที่สถานีตำรวจฟู่หานได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ จึงรีบมาทันทีเมื่อเข้ามาในที่ทำการสถานีตำรวจ เขาเห็นฟู่สือถิงอยู่ที่นั่นด้วย จึงก้มหน้าลง“คุณฟู่ครับ คืออย่างนี้ คนขับรถของคุณพยายามวางเพลิงเผาบ้านเดิมตระกูลฟู่เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามฟู่หานฟู่หานส่ายหัว “ผมไม่รู้ครับ ผมเพิ่งจ่ายเงินชดเชยหลังเลิกจ้างให้เขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก” พักไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ผมจะไปอธิบายกับน้องชายผมเอง!”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองฟู่สือถิง เห็นว่าเขาไม่ขัดข้อง จึงถอยออกไปฟู่หานเดินไปหาฟู่สือถิง แล้วอธิบายว่า “สือถิง นายปล่อยเหล่าโจวไปเถอะ! เขาเป็นคนขับรถให้ฉันมาครึ่งชีวิตแล้ว จากหนุ่มน้อยโจวจนกลายเป็นลุงโจว มีความผูกพันกับฉันค่อนข้างมาก เขาแค่พลั้งมือทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าฉันรู้แผนการของเขาตั้งแต่แรก ฉันต้องห้ามเขาไว้แน่”ฟู่สือถิงไม่สะทกสะท้าน“งั้นเอาอย่างนี้ ค่าซ่อมแซมบ้านเดิม เดี๋ยวฉันออกให้เอง” ฟู่หานเสนอ “เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันที่เป