บ้านตระกูลฟู่ฟู่สือถิงกลับถึงบ้าน กำลังจะเดินขึ้นบันได ป้าหงก็เรียกเขาไว้“คุณผู้ชายคะ มีเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าคุณได้ยินหรือยัง”ฟู่สือถิงหันกลับมามองป้าหง “เรื่องอะไรครับ?”“เรื่องบ้านเดิมค่ะ” ป้าหงทำหน้าเครียด “พี่ชายคุณกำลังจะขายบ้านหลังนั้น”ดวงตาของฟู่สือถิงเบิกกว้างขึ้นทันที “ป้าได้ยินมาจากใคร?”“หลานชายคนหนึ่งของฉันเป็นนายหน้าขายบ้าน เขาโทรมาบอกฉันค่ะ” ป้าหงพูดจบก็น้ำตาคลอเบ้า “คุณผู้ชายคะ พี่ชายคุณคงไม่มีเงินเหลือแล้วถึงได้ขายบ้าน โอ๊ย! ทำไมเขาถึงตัดใจขายได้ลงคอกันนะ!”“ป้าหมายความว่าจะให้ผมให้เงินเขางั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงล้วงมือลงในกระเป๋า จ้องมองป้าหงป้าหงรีบส่ายหน้า “ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิคะ! พวกเขาน่ะเป็นงูพิษ คุณนายใจดีกับพวกเขาแค่ไหน แต่พวกเขากลับลงมือทำร้ายคุณนายเสียได้! ฉันแค่อยากให้คุณซื้อบ้านหลังเดิมนั้นคืนมาค่ะ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ไปอยู่ ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นมาอยู่แทน ถ้าบ้านเก่าเปลี่ยนมือไปเป็นของเจ้าของใหม่แล้ว คนอื่นคงนินทาตระกูลฟู่กันสนุกปากแน่”ป้าหงเสนอแนะแบบนี้เพื่อรักษาหน้าตาและเกียรติยศของตระกูลฟู่ฟู่สือถิงร่ำรวย การซื้อบ้านหลังเดิมไม่ใช่เรื่องยาก“พรุ่งน
“ไม่ใช่ว่าลูกเคยบอกว่าพี่ชายเป็นคนที่ลูกชอบที่สุดหรอกเหรอ?” ฉินอันอันถามด้วยความสับสน“ก็จริงค่ะ! พี่ชายเป็นคนที่หนูชอบที่สุด แต่หนูอยากเล่นเปียโนให้น้องชายฟังแค่คนเดียว เพราะน้องชายคงฟังไม่รู้เรื่องว่าหนูเล่นผิดตรงไหน” รุ่ยลาอธิบายเหตุผลฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “พี่ชายลูกเองก็ฟังไม่ออกหรอกว่าเล่นผิดตรงไหน! เขาเล่นเปียโนไม่เป็นสักหน่อย”รุ่ยลาทำหน้างงเล็กน้อย “จริงด้วย! หนูก็นึกว่าพี่ชายเป็นซูเปอร์แมน ทำอะไรก็เก่งไปหมด! ฮ่าฮ่า!”พูดจบเธอก็คว้ามือเสี่ยวหานขึ้นไปชั้นบนอย่างมีความสุข ฉินอันอันยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“อันอัน คุณบอกว่าต้องปรับเวลานี่นา? ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเุถอะค่ะ” ป้าจางพูด“ค่ะ”ฉินอันอันกลับไปที่ห้องนอน เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนอนจู่ ๆ ท้องก็ปวดอย่างรุนแรงเธอยันตัวไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้า ค่อย ๆ ทรุดตัวลงเธอหายใจหอบหนัก ใบหน้าซีดเผือด!ถึงจะเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ไม่ตกใจกลัวนัก เพราะความเจ็บปวดแบบนี้เป็นอะไรที่คุ้นเคยดีหลังจากคลอดลูก เธอก็ไม่ได้มีประจำเดือนอยู่นานความเจ็บปวดที่ท้องน้อยตอนนี้คืออาการปวดประจำเดือนตอนอยู่บนเครื่องบิน เธอรู้สึกแน่นหน้าอก ท้อ
คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ฉินอันอันนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เธอกินยาแก้ปวดเพราะปวดท้องมากในตอนเช้าถ้าเป็นก่อนหน้านี้การกินยาแก้ปวดจะบรรเทาอาการปวดได้เร็วแต่วันนี้อาการปวดท้องกำเริบหนัก กินยาแล้วก็ช่วยให้โล่งได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเธอจึงไม่เข้าบริษัทสภาพเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงการไปทำงาน เธอรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวแม้จะนอนอยู่บนเตียงหลังจากรับสายจากแผนกต้อนรับ เธอก็ยกผ้าห่มแล้วลุกจากเตียงเพราะอยากดื่มน้ำร้อนเมื่อเธอมาถึงห้องนั่งเล่น เห็นป้าจางกำลังวางสายโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ“อันอัน ออกมาทำไมคะ” ป้าจางถามอย่างเป็นกังวล “คุณไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวก็นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงเถอะค่ะ”“ฉันหิวน้ำนิดหน่อยค่ะ” เธอตอบ “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนเช้ามาก”“งั้นฉันจะต้มน้ำร้อนให้แล้วยกไปที่ห้องคุณนะคะ” ป้าจางไปหาแก้วเก็บความร้อน “เอ่อ คุณผู้ชายโทรมาค่ะ บอกว่าเขาจะเข้ามา”ฉินอันอันร่างกายอ่อนแอ สมองไม่ค่อยสั่งการเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าว เธอจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านมากเท่าไหร่นัก“เขาซื้อของขวัญให้เสี่ยวหานกับรุ่ยลาค่ะ แล้วยังบอกด้วยว่าเขาจะเอาของพวกนี้มาให้คุณ ฝากคุณมอบของพ
“เขาไม่รู้เรื่องหรอก เราแค่กระซิบกันเบา ๆ เขาคงฟังไม่ออก” ฉินอันอันพูดรัวเร็ว แต่เสียงเบาลงมากแน่นอนว่าสีหน้าของจื่อชิวก็ยังคงน่ารักน่าเอ็นดู ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไรฉินอันอันหยิบของเล่นสำหรับกัดให้จื่อชิว จื่อชิวก็คว้าของเล่นนั้นใส่ปากแล้วเคี้ยวตุบตับ“คุณอยากอุ้มลูกไหม?” ฟู่สือถิงอยากให้เธอยิ้มแย้มฉินอันอัน “ฉันไม่มีแรง”ฟู่สือถิง “งั้นดื่มน้ำไหม?”ฉินอันอัน “ยังไม่กระหายเหมือนกัน”“ผมเอาของขวัญมาแล้ว มาดูด้วยกันนะ” ฟู่สือถิงพูดพลางจะเอื้อมไปหยิบของขวัญฉินอันอันเห็นเขาเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า อุ้มลูกไปด้วย จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณอุ้มลูกอยู่ ทำไมไม่นั่งนิ่ง ๆ ล่ะ? ถ้าฉันอยากดูของขวัญ เดี๋ยวฉันค่อยแกะเองก็ได้”พอได้ยินแบบนั้นเขาก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ“บอกว่าของขวัญพวกนี้เป็นของคุณที่ซื้อมานะ ไม่ต้องพูดถึงผม” เขาเตือน“ฉันจะช่วยคุณส่งต่อของขวัญให้ลูกเอง เรื่องอื่น ๆ คุณไม่ต้องห่วง” เธอมองกล่องของขวัญสองกล่องบนโต๊ะ แค่ดูกล่องก็รู้แล้วว่าราคาไม่ใช่ถูก ๆ แน่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบลงเขาอุ้มลูกอยู่ ไม่สะดวกจะรับโทรศัพท์เขาตั้งใจจะส
วิลล่าสตาร์ริเวอร์ตอนนี้สภาพจิตใจของฉินอันอันดีขึ้นกว่าตอนกลางวันมาก นอกจากจะรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย อาการปวดท้องก็หายไปแล้วหลังจากรับประทานอาหารเย็นอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน เธอนำเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วนำของขวัญที่เตรียมไว้ และของขวัญที่ฟู่สือถิงเตรียมให้ออกมาด้วยฟู่สือถิงขอให้เธออย่าบอกเด็ก ๆ ว่าของขวัญมาจากเขา แต่เธอทำตามที่เขาขอไม่ได้ เพราะเธอไม่อยากโกหกลูก ๆ“แม่คะ ทำไมถึงมีของขวัญตั้งสี่กล่องล่ะ?” รุ่ยลามองกล่องของขวัญทั้งสี่กล่อง ดวงตาสดใสเปล่งประกายเธออยากแกะของขวัญทุกกล่องจะแย่แล้ว“สองกล่องนี้แม่ซื้อ ส่วนอีกสองกล่อง พ่อของพวกหนูเป็นคนซื้อจ้ะ” ฉินอันอันพูดประโยคนี้ โดยสังเกตสีหน้าของเสี่ยวหานเป็นพิเศษเมื่อเสี่ยวหานได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ สีหน้าที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที“งั้นเรามาแกะของขวัญดูกันเถอะว่าข้างในมีอะไรบ้าง!” ฉินอันอันหยิบของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อมาก่อนถ้าแกะของขวัญที่เธอซื้อก่อน พอแกะเสร็จ เสี่ยวหานก็คงจะจากไปฉินอันอันไม่รู้ว่าฟู่สือถิงซื้อของขวัญอะไรมา เธอเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากด้วยความที่ฟู่สือถิงให้ความสำคัญกับลูก ๆ มากในช่ว
ทุกคน “...”ในที่สุดเสือน้อยก็สามารถพิชิตใจทุกคน ได้อยู่ต่อในบ้านหลังนี้บ้านเดิมตระกูลฟู่ขณะที่ฟู่สือถิงกำลังไขกุญแจประตูบ้าน เขาก็ได้กลิ่นน้ำมันเบนซินระยะเวลาตั้งแต่เขาได้กลิ่นน้ำมันเบนซิน จนกระทั่งเห็นเปลวไฟโหมไหม้ ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำฟู่สือถิงมองเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ตะลึงงันไปบอดี้การ์ดรีบวิ่งเข้ามา แล้วดึงฟู่สือถิงออกไปนอกบ้าน “เจ้านายครับ! มีคนลอบวางเพลิง! เจ้านายออกไปก่อนเถอะครับ! ผมจะไปดูว่าใครเป็นคนจุดไฟ!”ฟู่สือถิงถูกบอดี้การ์ดผลักออกไปนอกตัวบ้าน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปเพื่อหาตัวคนวางเพลิง!ฟู่สือถิงมองดูเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรแจ้งเหตุเพลิงไหม้ฟู่หานนี่ช่างกล้าเกินไปแล้ว!ยอมขายบ้านให้เขา แต่ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?ถึงกับกล้าจุดไฟเผาบ้านเดิม!เมื่อวานโจวจื้ออี้เพิ่งจะบอกเขาว่า ฟู่หานน่าจะไม่อยากขายบ้านเดิม เพราะฟู่หานอาศัยอยู่ในบ้านเดิมมาครึ่งชีวิต แน่นอนว่าต้องเป็นฟู่เย่เฉินที่ไปสร้างหนี้สินไว้ จึงทำให้ฟู่หานจำเป็นต้องขายบ้านหลังนี้ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวจื้ออี้คงจะมอ
ฉินอันอันเดินไปที่มุมหนึ่ง ก่อนที่อารมณ์จะสงบลงได้ เธอก็รีบโทรหาฟู่สือถิง ไม่คาดคิดว่าฟู่สือถิงจะรับสายในทันที“ผมไม่เป็นอะไร” เสียงทุ้มทรงพลังของเขาดังมาทางโทรศัพท์เธอโล่งใจอย่างมากในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใครเป็นคนวางเพลิง?”“คนขับรถของพี่ชายผม ทำงานกับเขามานานแล้ว” เขาตอบฉินอันอันมองไปที่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ไฟไหม้ไป ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมองคนกับคนมีเรื่องกัน ทำไมต้องเผาทำลายบ้านด้วย?“หรือว่าพี่ชายคุณจะเป็นคนสั่งการ?” เธออดสงสัยไม่ได้ในความทรงจำของเธอ ฟู่หานและฟู่สือถิงมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับฟู่สือถิง เขาดูมีความซื่อสัตย์สุจริตกว่ามากเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฟู่หานถึงทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้“คนขับรถบอกว่าไม่มีใครสั่งการ แต่ผมกำลังตรวจสอบอยู่” ฟู่สือถิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”“ฉัน...” เธออายที่จะบอกความจริงถ้าเขารู้ว่าเธออยู่ที่บ้านเดิมของเขา เขาจะคิดว่าเธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?“วันนี้คุณไม่สบายอยู่ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” เขาไม่ได้คาดคั้นเธอเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง นั่นก็อธิบายทุกอย่างได
พอหวนนึกถึงคำพูดของฟู่สือถิง ทำให้ใจของเธอราวกับมีเปลวไฟลุกโชน ขับไล่ความหนาวเย็นไปได้มากทีเดียวที่สถานีตำรวจฟู่หานได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ จึงรีบมาทันทีเมื่อเข้ามาในที่ทำการสถานีตำรวจ เขาเห็นฟู่สือถิงอยู่ที่นั่นด้วย จึงก้มหน้าลง“คุณฟู่ครับ คืออย่างนี้ คนขับรถของคุณพยายามวางเพลิงเผาบ้านเดิมตระกูลฟู่เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามฟู่หานฟู่หานส่ายหัว “ผมไม่รู้ครับ ผมเพิ่งจ่ายเงินชดเชยหลังเลิกจ้างให้เขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก” พักไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ผมจะไปอธิบายกับน้องชายผมเอง!”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองฟู่สือถิง เห็นว่าเขาไม่ขัดข้อง จึงถอยออกไปฟู่หานเดินไปหาฟู่สือถิง แล้วอธิบายว่า “สือถิง นายปล่อยเหล่าโจวไปเถอะ! เขาเป็นคนขับรถให้ฉันมาครึ่งชีวิตแล้ว จากหนุ่มน้อยโจวจนกลายเป็นลุงโจว มีความผูกพันกับฉันค่อนข้างมาก เขาแค่พลั้งมือทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าฉันรู้แผนการของเขาตั้งแต่แรก ฉันต้องห้ามเขาไว้แน่”ฟู่สือถิงไม่สะทกสะท้าน“งั้นเอาอย่างนี้ ค่าซ่อมแซมบ้านเดิม เดี๋ยวฉันออกให้เอง” ฟู่หานเสนอ “เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันที่เป
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง