“เขาไม่รู้เรื่องหรอก เราแค่กระซิบกันเบา ๆ เขาคงฟังไม่ออก” ฉินอันอันพูดรัวเร็ว แต่เสียงเบาลงมากแน่นอนว่าสีหน้าของจื่อชิวก็ยังคงน่ารักน่าเอ็นดู ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไรฉินอันอันหยิบของเล่นสำหรับกัดให้จื่อชิว จื่อชิวก็คว้าของเล่นนั้นใส่ปากแล้วเคี้ยวตุบตับ“คุณอยากอุ้มลูกไหม?” ฟู่สือถิงอยากให้เธอยิ้มแย้มฉินอันอัน “ฉันไม่มีแรง”ฟู่สือถิง “งั้นดื่มน้ำไหม?”ฉินอันอัน “ยังไม่กระหายเหมือนกัน”“ผมเอาของขวัญมาแล้ว มาดูด้วยกันนะ” ฟู่สือถิงพูดพลางจะเอื้อมไปหยิบของขวัญฉินอันอันเห็นเขาเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า อุ้มลูกไปด้วย จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณอุ้มลูกอยู่ ทำไมไม่นั่งนิ่ง ๆ ล่ะ? ถ้าฉันอยากดูของขวัญ เดี๋ยวฉันค่อยแกะเองก็ได้”พอได้ยินแบบนั้นเขาก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ“บอกว่าของขวัญพวกนี้เป็นของคุณที่ซื้อมานะ ไม่ต้องพูดถึงผม” เขาเตือน“ฉันจะช่วยคุณส่งต่อของขวัญให้ลูกเอง เรื่องอื่น ๆ คุณไม่ต้องห่วง” เธอมองกล่องของขวัญสองกล่องบนโต๊ะ แค่ดูกล่องก็รู้แล้วว่าราคาไม่ใช่ถูก ๆ แน่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบลงเขาอุ้มลูกอยู่ ไม่สะดวกจะรับโทรศัพท์เขาตั้งใจจะส
วิลล่าสตาร์ริเวอร์ตอนนี้สภาพจิตใจของฉินอันอันดีขึ้นกว่าตอนกลางวันมาก นอกจากจะรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย อาการปวดท้องก็หายไปแล้วหลังจากรับประทานอาหารเย็นอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน เธอนำเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วนำของขวัญที่เตรียมไว้ และของขวัญที่ฟู่สือถิงเตรียมให้ออกมาด้วยฟู่สือถิงขอให้เธออย่าบอกเด็ก ๆ ว่าของขวัญมาจากเขา แต่เธอทำตามที่เขาขอไม่ได้ เพราะเธอไม่อยากโกหกลูก ๆ“แม่คะ ทำไมถึงมีของขวัญตั้งสี่กล่องล่ะ?” รุ่ยลามองกล่องของขวัญทั้งสี่กล่อง ดวงตาสดใสเปล่งประกายเธออยากแกะของขวัญทุกกล่องจะแย่แล้ว“สองกล่องนี้แม่ซื้อ ส่วนอีกสองกล่อง พ่อของพวกหนูเป็นคนซื้อจ้ะ” ฉินอันอันพูดประโยคนี้ โดยสังเกตสีหน้าของเสี่ยวหานเป็นพิเศษเมื่อเสี่ยวหานได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ สีหน้าที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที“งั้นเรามาแกะของขวัญดูกันเถอะว่าข้างในมีอะไรบ้าง!” ฉินอันอันหยิบของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อมาก่อนถ้าแกะของขวัญที่เธอซื้อก่อน พอแกะเสร็จ เสี่ยวหานก็คงจะจากไปฉินอันอันไม่รู้ว่าฟู่สือถิงซื้อของขวัญอะไรมา เธอเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากด้วยความที่ฟู่สือถิงให้ความสำคัญกับลูก ๆ มากในช่ว
ทุกคน “...”ในที่สุดเสือน้อยก็สามารถพิชิตใจทุกคน ได้อยู่ต่อในบ้านหลังนี้บ้านเดิมตระกูลฟู่ขณะที่ฟู่สือถิงกำลังไขกุญแจประตูบ้าน เขาก็ได้กลิ่นน้ำมันเบนซินระยะเวลาตั้งแต่เขาได้กลิ่นน้ำมันเบนซิน จนกระทั่งเห็นเปลวไฟโหมไหม้ ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำฟู่สือถิงมองเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ตะลึงงันไปบอดี้การ์ดรีบวิ่งเข้ามา แล้วดึงฟู่สือถิงออกไปนอกบ้าน “เจ้านายครับ! มีคนลอบวางเพลิง! เจ้านายออกไปก่อนเถอะครับ! ผมจะไปดูว่าใครเป็นคนจุดไฟ!”ฟู่สือถิงถูกบอดี้การ์ดผลักออกไปนอกตัวบ้าน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปเพื่อหาตัวคนวางเพลิง!ฟู่สือถิงมองดูเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรแจ้งเหตุเพลิงไหม้ฟู่หานนี่ช่างกล้าเกินไปแล้ว!ยอมขายบ้านให้เขา แต่ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?ถึงกับกล้าจุดไฟเผาบ้านเดิม!เมื่อวานโจวจื้ออี้เพิ่งจะบอกเขาว่า ฟู่หานน่าจะไม่อยากขายบ้านเดิม เพราะฟู่หานอาศัยอยู่ในบ้านเดิมมาครึ่งชีวิต แน่นอนว่าต้องเป็นฟู่เย่เฉินที่ไปสร้างหนี้สินไว้ จึงทำให้ฟู่หานจำเป็นต้องขายบ้านหลังนี้ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวจื้ออี้คงจะมอ
ฉินอันอันเดินไปที่มุมหนึ่ง ก่อนที่อารมณ์จะสงบลงได้ เธอก็รีบโทรหาฟู่สือถิง ไม่คาดคิดว่าฟู่สือถิงจะรับสายในทันที“ผมไม่เป็นอะไร” เสียงทุ้มทรงพลังของเขาดังมาทางโทรศัพท์เธอโล่งใจอย่างมากในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใครเป็นคนวางเพลิง?”“คนขับรถของพี่ชายผม ทำงานกับเขามานานแล้ว” เขาตอบฉินอันอันมองไปที่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ไฟไหม้ไป ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมองคนกับคนมีเรื่องกัน ทำไมต้องเผาทำลายบ้านด้วย?“หรือว่าพี่ชายคุณจะเป็นคนสั่งการ?” เธออดสงสัยไม่ได้ในความทรงจำของเธอ ฟู่หานและฟู่สือถิงมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับฟู่สือถิง เขาดูมีความซื่อสัตย์สุจริตกว่ามากเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฟู่หานถึงทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้“คนขับรถบอกว่าไม่มีใครสั่งการ แต่ผมกำลังตรวจสอบอยู่” ฟู่สือถิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”“ฉัน...” เธออายที่จะบอกความจริงถ้าเขารู้ว่าเธออยู่ที่บ้านเดิมของเขา เขาจะคิดว่าเธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?“วันนี้คุณไม่สบายอยู่ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” เขาไม่ได้คาดคั้นเธอเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง นั่นก็อธิบายทุกอย่างได
พอหวนนึกถึงคำพูดของฟู่สือถิง ทำให้ใจของเธอราวกับมีเปลวไฟลุกโชน ขับไล่ความหนาวเย็นไปได้มากทีเดียวที่สถานีตำรวจฟู่หานได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ จึงรีบมาทันทีเมื่อเข้ามาในที่ทำการสถานีตำรวจ เขาเห็นฟู่สือถิงอยู่ที่นั่นด้วย จึงก้มหน้าลง“คุณฟู่ครับ คืออย่างนี้ คนขับรถของคุณพยายามวางเพลิงเผาบ้านเดิมตระกูลฟู่เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามฟู่หานฟู่หานส่ายหัว “ผมไม่รู้ครับ ผมเพิ่งจ่ายเงินชดเชยหลังเลิกจ้างให้เขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก” พักไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ผมจะไปอธิบายกับน้องชายผมเอง!”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองฟู่สือถิง เห็นว่าเขาไม่ขัดข้อง จึงถอยออกไปฟู่หานเดินไปหาฟู่สือถิง แล้วอธิบายว่า “สือถิง นายปล่อยเหล่าโจวไปเถอะ! เขาเป็นคนขับรถให้ฉันมาครึ่งชีวิตแล้ว จากหนุ่มน้อยโจวจนกลายเป็นลุงโจว มีความผูกพันกับฉันค่อนข้างมาก เขาแค่พลั้งมือทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าฉันรู้แผนการของเขาตั้งแต่แรก ฉันต้องห้ามเขาไว้แน่”ฟู่สือถิงไม่สะทกสะท้าน“งั้นเอาอย่างนี้ ค่าซ่อมแซมบ้านเดิม เดี๋ยวฉันออกให้เอง” ฟู่หานเสนอ “เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันที่เป
ฉินอันอันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างจัง ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที“ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร เมื่อคืนตอนเข้านอน เธอยังปกติดีอยู่เลย” เสียงของเฮ่อจุ่นจือแหบพร่า ดูเหมือนจะร้องไห้ “ผมรู้สึกว่าเธอตั้งใจหนีไป! เธอคงเสียใจอีกแล้ว! เธอคงไม่อยากอยู่กับผมแล้วแน่ ๆ! ทั้ง ๆ ที่เราตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานกันใหม่ในวันวาเลนไทน์ปีนี้...”“จุ่นจือ เมื่อคืนฉันส่งข้อความไปหาเธอ เธอบอกว่าเธอรักนายมาก” ฉินอันอันพยายามปลอบ “เธอบอกว่าเธอรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับนายนานเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งขาดนายไม่ได้ ดังนั้นเธอคงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอกและคงไม่เลิกกับนายด้วย เธออาจจะไปทำอะไรสักอย่าง”“ไปทำอะไรกัน ทำไมต้องปิดบังเราด้วย?” อารมณ์ของเฮ่อจุ่นจือสงบลงเล็กน้อย “หรือว่าเธอแอบไปหาจิตแพทย์?”“ก็ไม่แน่” ฉินอันอันลุกจากเตียง “จุ่นจือ นายอย่าเพิ่งใจร้อนนะ ฉันจะไปช่วยตามหาเธออีกแรง”“จะไปหาที่ไหนล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือไม่รู้จะเริ่มยังไง“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันแนะนำจิตแพทย์ให้เธอคนหนึ่ง ฉันจะไปดูหน่อยว่าเธอไปหาหมอคนนั้นหรือเปล่า”“งั้นก็รบกวนเธอแล้วนะ ถ้ามีข่าวอะไรช่วยรีบบอกผมทันที ผมเป็นห่วงเธอมาก”“อืม”หลังจากวางสาย ฉินอันอันลอ
ขณะที่เธอกำลังจะเรียกบอดี้การ์ด มีดพกอันแหลมคมกลับจ่ออยู่ที่ลำคอขาวเรียวของเธอ!ที่เมืองเอฉินอันอันไปหาจิตแพทย์ที่เธอแนะนำให้หลีเสี่ยวเถียนจิตแพทย์บอกว่าหลีเสี่ยวเถียนไม่เคยติดต่อมาเลยหลังจากนั้น ฉินอันอันขับรถไปห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟ และแม้แต่คาเฟ่แมวที่เธอและหลีเสี่ยวเถียนมักไปด้วยกัน...หลังจากออกตามหาอยู่สองชั่วโมง เธอกลับไม่พบอะไรเลยเธอโทรหาหลีเสี่ยวเถียน อีกฝ่ายยังคงปิดเครื่องอยู่ ส่งข้อความไปหาแต่ก็เงียบหายหลีเสี่ยวเถียนไปไหน? เธอจะไปที่ไหนได้อีกบ้าง?ฉินอันอันนั่งอยู่ในรถ มองไปข้างหน้าด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะขับรถไปที่ไหนขณะที่เธอกำลังหมดหวัง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน!หัวใจของเธอเต้นแรง!เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นว่าเป็นชื่อของฟู่สือถิงก็รับสายทันที“อันอัน ตอนนี้คุณกลับบ้านเถอะ เราเจอที่อยู่ของหลีเสี่ยวเถียนแล้ว”ความตึงเครียดในใจของเธอคลายลงทันที จากนั้นก็ถามด้วยความกังวลว่า “เสี่ยวเถียนไม่เป็นไรใช่ไหม? พวกคุณเจอเธอที่ไหน?”“เธออยู่ที่เมืองหรงเฉิง ตอนนี้ผมกับจุ่นจือกำลังไปรับเธอ” ฟู่สือถิงพูดด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็นเขาไม่อยากให้ฉิน
ฉินอันอันรีบวิ่งออกไปที่ประตูเกือบจะในทันทีไมค์หูตาไวและมือไว รีบคว้าตัวเธอไว้!“อันอัน! ฟู่สือถิงกับเฮ่อจุ่นจือไปรับเธอแล้ว เธอไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ!” ไมค์มองดวงตาที่ส่องประกายเย็นชาและเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังของเธอ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ “อย่าหุนหันพลันแล่นเหมือนเธอเลยน่า! เราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ! เธอวิ่งไปเมืองหรงเฉิงตามลำพัง คิดว่าเธอทำถูกไหมล่ะ?”ฉินอันอันเหวี่ยงแขนของเขาออกไป “ไมค์ สิ่งที่เธอทำมันผิดก็จริง แต่สิ่งที่นายเพิ่งพูดก็ผิดเหมือนกัน อย่าเอาแต่สอนคนอื่นให้เป็นคนดีอย่างกับพวกเขาไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานสิ นายไม่เคยมีประสบการณ์เจ็บปวดแบบนั้นมาก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์เธอนะ”ไมค์พูดไม่ออกกับคำพูดของเธอ“แต่ฉันก็ยืนยันคำเดิม ฟู่สือถิงเป็นคนขอให้ฉันกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาบอกว่าเขาจะพาหลีเสี่ยวเถียนกลับมาโดยไม่ให้เป็นอันตรายแต่อย่างใด” ไมค์ดึงฉินอันอันให้นั่งลงบนโซฟา “งั้นเราไปที่หรงเฉิงกัน ใช้เวลาขาไปสองชั่วโมง รวมขากลับก็สี่ชั่วโมง เธอไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ?ดวงตาของฉินอันอันแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยเมื่อเห็นอย