ฉินอันอันเดินไปที่มุมหนึ่ง ก่อนที่อารมณ์จะสงบลงได้ เธอก็รีบโทรหาฟู่สือถิง ไม่คาดคิดว่าฟู่สือถิงจะรับสายในทันที“ผมไม่เป็นอะไร” เสียงทุ้มทรงพลังของเขาดังมาทางโทรศัพท์เธอโล่งใจอย่างมากในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใครเป็นคนวางเพลิง?”“คนขับรถของพี่ชายผม ทำงานกับเขามานานแล้ว” เขาตอบฉินอันอันมองไปที่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ไฟไหม้ไป ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าหมองคนกับคนมีเรื่องกัน ทำไมต้องเผาทำลายบ้านด้วย?“หรือว่าพี่ชายคุณจะเป็นคนสั่งการ?” เธออดสงสัยไม่ได้ในความทรงจำของเธอ ฟู่หานและฟู่สือถิงมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับฟู่สือถิง เขาดูมีความซื่อสัตย์สุจริตกว่ามากเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฟู่หานถึงทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้“คนขับรถบอกว่าไม่มีใครสั่งการ แต่ผมกำลังตรวจสอบอยู่” ฟู่สือถิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”“ฉัน...” เธออายที่จะบอกความจริงถ้าเขารู้ว่าเธออยู่ที่บ้านเดิมของเขา เขาจะคิดว่าเธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?“วันนี้คุณไม่สบายอยู่ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” เขาไม่ได้คาดคั้นเธอเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง นั่นก็อธิบายทุกอย่างได
พอหวนนึกถึงคำพูดของฟู่สือถิง ทำให้ใจของเธอราวกับมีเปลวไฟลุกโชน ขับไล่ความหนาวเย็นไปได้มากทีเดียวที่สถานีตำรวจฟู่หานได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ จึงรีบมาทันทีเมื่อเข้ามาในที่ทำการสถานีตำรวจ เขาเห็นฟู่สือถิงอยู่ที่นั่นด้วย จึงก้มหน้าลง“คุณฟู่ครับ คืออย่างนี้ คนขับรถของคุณพยายามวางเพลิงเผาบ้านเดิมตระกูลฟู่เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามฟู่หานฟู่หานส่ายหัว “ผมไม่รู้ครับ ผมเพิ่งจ่ายเงินชดเชยหลังเลิกจ้างให้เขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก” พักไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ผมจะไปอธิบายกับน้องชายผมเอง!”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองฟู่สือถิง เห็นว่าเขาไม่ขัดข้อง จึงถอยออกไปฟู่หานเดินไปหาฟู่สือถิง แล้วอธิบายว่า “สือถิง นายปล่อยเหล่าโจวไปเถอะ! เขาเป็นคนขับรถให้ฉันมาครึ่งชีวิตแล้ว จากหนุ่มน้อยโจวจนกลายเป็นลุงโจว มีความผูกพันกับฉันค่อนข้างมาก เขาแค่พลั้งมือทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าฉันรู้แผนการของเขาตั้งแต่แรก ฉันต้องห้ามเขาไว้แน่”ฟู่สือถิงไม่สะทกสะท้าน“งั้นเอาอย่างนี้ ค่าซ่อมแซมบ้านเดิม เดี๋ยวฉันออกให้เอง” ฟู่หานเสนอ “เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันที่เป
ฉินอันอันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างจัง ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที“ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร เมื่อคืนตอนเข้านอน เธอยังปกติดีอยู่เลย” เสียงของเฮ่อจุ่นจือแหบพร่า ดูเหมือนจะร้องไห้ “ผมรู้สึกว่าเธอตั้งใจหนีไป! เธอคงเสียใจอีกแล้ว! เธอคงไม่อยากอยู่กับผมแล้วแน่ ๆ! ทั้ง ๆ ที่เราตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานกันใหม่ในวันวาเลนไทน์ปีนี้...”“จุ่นจือ เมื่อคืนฉันส่งข้อความไปหาเธอ เธอบอกว่าเธอรักนายมาก” ฉินอันอันพยายามปลอบ “เธอบอกว่าเธอรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับนายนานเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งขาดนายไม่ได้ ดังนั้นเธอคงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอกและคงไม่เลิกกับนายด้วย เธออาจจะไปทำอะไรสักอย่าง”“ไปทำอะไรกัน ทำไมต้องปิดบังเราด้วย?” อารมณ์ของเฮ่อจุ่นจือสงบลงเล็กน้อย “หรือว่าเธอแอบไปหาจิตแพทย์?”“ก็ไม่แน่” ฉินอันอันลุกจากเตียง “จุ่นจือ นายอย่าเพิ่งใจร้อนนะ ฉันจะไปช่วยตามหาเธออีกแรง”“จะไปหาที่ไหนล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือไม่รู้จะเริ่มยังไง“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันแนะนำจิตแพทย์ให้เธอคนหนึ่ง ฉันจะไปดูหน่อยว่าเธอไปหาหมอคนนั้นหรือเปล่า”“งั้นก็รบกวนเธอแล้วนะ ถ้ามีข่าวอะไรช่วยรีบบอกผมทันที ผมเป็นห่วงเธอมาก”“อืม”หลังจากวางสาย ฉินอันอันลอ
ขณะที่เธอกำลังจะเรียกบอดี้การ์ด มีดพกอันแหลมคมกลับจ่ออยู่ที่ลำคอขาวเรียวของเธอ!ที่เมืองเอฉินอันอันไปหาจิตแพทย์ที่เธอแนะนำให้หลีเสี่ยวเถียนจิตแพทย์บอกว่าหลีเสี่ยวเถียนไม่เคยติดต่อมาเลยหลังจากนั้น ฉินอันอันขับรถไปห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟ และแม้แต่คาเฟ่แมวที่เธอและหลีเสี่ยวเถียนมักไปด้วยกัน...หลังจากออกตามหาอยู่สองชั่วโมง เธอกลับไม่พบอะไรเลยเธอโทรหาหลีเสี่ยวเถียน อีกฝ่ายยังคงปิดเครื่องอยู่ ส่งข้อความไปหาแต่ก็เงียบหายหลีเสี่ยวเถียนไปไหน? เธอจะไปที่ไหนได้อีกบ้าง?ฉินอันอันนั่งอยู่ในรถ มองไปข้างหน้าด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะขับรถไปที่ไหนขณะที่เธอกำลังหมดหวัง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน!หัวใจของเธอเต้นแรง!เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นว่าเป็นชื่อของฟู่สือถิงก็รับสายทันที“อันอัน ตอนนี้คุณกลับบ้านเถอะ เราเจอที่อยู่ของหลีเสี่ยวเถียนแล้ว”ความตึงเครียดในใจของเธอคลายลงทันที จากนั้นก็ถามด้วยความกังวลว่า “เสี่ยวเถียนไม่เป็นไรใช่ไหม? พวกคุณเจอเธอที่ไหน?”“เธออยู่ที่เมืองหรงเฉิง ตอนนี้ผมกับจุ่นจือกำลังไปรับเธอ” ฟู่สือถิงพูดด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็นเขาไม่อยากให้ฉิน
ฉินอันอันรีบวิ่งออกไปที่ประตูเกือบจะในทันทีไมค์หูตาไวและมือไว รีบคว้าตัวเธอไว้!“อันอัน! ฟู่สือถิงกับเฮ่อจุ่นจือไปรับเธอแล้ว เธอไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ!” ไมค์มองดวงตาที่ส่องประกายเย็นชาและเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังของเธอ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ “อย่าหุนหันพลันแล่นเหมือนเธอเลยน่า! เราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ! เธอวิ่งไปเมืองหรงเฉิงตามลำพัง คิดว่าเธอทำถูกไหมล่ะ?”ฉินอันอันเหวี่ยงแขนของเขาออกไป “ไมค์ สิ่งที่เธอทำมันผิดก็จริง แต่สิ่งที่นายเพิ่งพูดก็ผิดเหมือนกัน อย่าเอาแต่สอนคนอื่นให้เป็นคนดีอย่างกับพวกเขาไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานสิ นายไม่เคยมีประสบการณ์เจ็บปวดแบบนั้นมาก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์เธอนะ”ไมค์พูดไม่ออกกับคำพูดของเธอ“แต่ฉันก็ยืนยันคำเดิม ฟู่สือถิงเป็นคนขอให้ฉันกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาบอกว่าเขาจะพาหลีเสี่ยวเถียนกลับมาโดยไม่ให้เป็นอันตรายแต่อย่างใด” ไมค์ดึงฉินอันอันให้นั่งลงบนโซฟา “งั้นเราไปที่หรงเฉิงกัน ใช้เวลาขาไปสองชั่วโมง รวมขากลับก็สี่ชั่วโมง เธอไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ?ดวงตาของฉินอันอันแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยเมื่อเห็นอย
ถังเชี่ยนหัวเราะเยาะอย่างสิ้นหวัง “ฉันรู้ ฉันโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ตอบโต้ไม่ได้ ถ้าฉันตอบโต้ สิ่งเดียวที่ฉันเหลืออยู่ก็จะถูกคุณเอาไปหมด”คำพูดของถังเชี่ยนทำให้หลีเสี่ยวเถียนนึกขึ้นได้ตอนนี้มีฟู่สือถิงและเฮ่อจุ่นจือคอยช่วยเหลือ เธอจะปล่อยถังเชี่ยนไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?เธอวิ่งไปหาถังเชี่ยน แล้วตบหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!ฝ่ามือนี้ทำให้หน้ากากของถังเชี่ยนหลุดออกอีกครั้ง“ถังเชี่ยน! นางแมลงสาบในท่อระบายน้ำ! แกไม่อยากให้ใครเห็น แต่ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของแก! สักวันแกจะต้องได้ชดใช้! แล้วตายอย่างน่าอนาถ!” หลีเสี่ยวเถียนยังไม่หายเคียดแค้น เธอเงื้อมือขึ้นอีกครั้งหวังจะระบายความโกรธฟู่สือถิงยืนอยู่ข้าง ๆ มองอย่างเย็นชาโดยไม่เข้าไปยุ่งเฮ่อจุ่นจือเข้ามาประคองหลีเสี่ยวเถียนไว้ แล้วหันไปทางอื่น “เสี่ยวเถียน! ที่นี่สถานีตำรวจนะ อย่าลงไม้ลงมือกันตรงนี้เลย คนอย่างเธอต้องได้รับผลกรรมอยู่แล้ว! ถ้าจะแก้แค้น เดี๋ยวผมลงมือเองก็ได้! เชื่อฟังกันหน่อยได้ไหม?!”หลีเสี่ยวเถียนเม้มปาก น้ำตาไหลรินสองสายเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ถามเขาว่า “อันอันทำไมไม่มา?”“ผมไม่ให้เธอมาเอง” ฟู่ส
“ฟู่สือถิง” เธอเรียกชื่อเขา ชัดเจนทุกคำ “พอเถอะน่า!”มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขาจึงหันหลังตามเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นป้าจางยิ้มทักทายเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเข้ามา “อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ เตรียมตัวทานได้เลยนะคะ ฉันจะไปดูว่ารุ่ยลาทำการบ้านเสร็จหรือยัง”รุ่ยลาเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว มีการบ้านทุกวัน และค่อนข้างเยอะด้วยฉินอันอันจ้างครูสอนพิเศษมาดูแลรุ่ยลาขณะทำการบ้านทุกวันรุ่ยลาไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากนัก ถ้าไม่กดดันเธอในเรื่องนี้ ผลการเรียนของเธอก็จะตามคนอื่นไม่ทันโชคดีที่รุ่ยลาค่อนข้างเชื่อฟัง เธอพยายามทำตามข้อกำหนดการเรียนที่ฉินอันอันวางไว้ให้ได้เกือบทุกอย่างฟู่สือถิงเดินไปที่เปลเด็ก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อุ้มจื่อชิวขึ้นมาฉินอันอันเยาะเย้ยเขา “ไหนก่อนหน้านี้บอกว่าหิวจนไม่มีแรงเดินออกจากบ้านฉันไงล่ะ?”ฟู่สือถิงรับการเยาะเย้ยของเธออย่างเต็มใจ ตราบใดที่เธอไม่ขัดขวางเรื่องที่เขาอุ้มลูก เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ“ลูกชายผมน่ารักออกอย่างนี้ พอเห็นเขา ผมก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีเลย”“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกินข้าวหรอก อ
เขากลัวว่าลูกสาวจะถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน แม้ว่าเขารู้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มีน้อยมาก แต่เขาก็ยังอดกังวลไม่ได้ลูกสาวของเขาน่ารักมาก และนิสัยของเธอก็ไม่ใช่คนยอมคนง่าย ๆ ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องเธอก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องเธอ ต่อให้เธอจะสู้ไม่ได้ แต่เธอจะสู้กลับแน่นอน!ดังนั้นเขาจึงติดต่อกับทางโรงเรียนเป็นการส่วนตัว“คุณนี่เป็นพ่อที่ดีจริง ๆ เลยนะ” ฉินอันอันล้อเขาฟู่สือถิง “ผมรู้ว่าผมยังทำได้ไม่ดีพอ แต่ผมจะพยายาม”ฉินอันอันหันไปมองรุ่ยลา แล้วอธิบาย “พี่ชายของลูกจะกลับมาช้าหน่อยวันนี้ พ่อของลูกเพิ่งไปรับป้าเสี่ยวเถียนกลับมาตอนกลางวัน กว่าจะกลับมาถึงก็เหนื่อยมาก แม่เลยให้เขาอยู่กินข้าวที่นี่”รุ่ยลาได้รับคำอธิบายแล้วก็ตอบรับ “อืม” เสียงเดียวเมื่อได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เธอก็ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อผู้เป็นพ่อลง“แม่คะ หนูชอบไม้กายสิทธิ์ของหนูที่สุดเลย!” รุ่ยลาจับมือฉินอันอัน เดินไปที่ห้องอาหาร “พรุ่งนี้หนูต้องเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดแน่ ๆ”ฉินอันอัน “ในใจแม่ ลูกเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดทุกวันอยู่แล้ว”รุ่ยลาหน้าแดงเมื่อได้รับคำชม อารมณ์ดีมาก “แม่คะ หนูมีความลั