“ฟู่สือถิง” เธอเรียกชื่อเขา ชัดเจนทุกคำ “พอเถอะน่า!”มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขาจึงหันหลังตามเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นป้าจางยิ้มทักทายเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเข้ามา “อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ เตรียมตัวทานได้เลยนะคะ ฉันจะไปดูว่ารุ่ยลาทำการบ้านเสร็จหรือยัง”รุ่ยลาเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว มีการบ้านทุกวัน และค่อนข้างเยอะด้วยฉินอันอันจ้างครูสอนพิเศษมาดูแลรุ่ยลาขณะทำการบ้านทุกวันรุ่ยลาไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากนัก ถ้าไม่กดดันเธอในเรื่องนี้ ผลการเรียนของเธอก็จะตามคนอื่นไม่ทันโชคดีที่รุ่ยลาค่อนข้างเชื่อฟัง เธอพยายามทำตามข้อกำหนดการเรียนที่ฉินอันอันวางไว้ให้ได้เกือบทุกอย่างฟู่สือถิงเดินไปที่เปลเด็ก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อุ้มจื่อชิวขึ้นมาฉินอันอันเยาะเย้ยเขา “ไหนก่อนหน้านี้บอกว่าหิวจนไม่มีแรงเดินออกจากบ้านฉันไงล่ะ?”ฟู่สือถิงรับการเยาะเย้ยของเธออย่างเต็มใจ ตราบใดที่เธอไม่ขัดขวางเรื่องที่เขาอุ้มลูก เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ“ลูกชายผมน่ารักออกอย่างนี้ พอเห็นเขา ผมก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีเลย”“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกินข้าวหรอก อ
เขากลัวว่าลูกสาวจะถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน แม้ว่าเขารู้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มีน้อยมาก แต่เขาก็ยังอดกังวลไม่ได้ลูกสาวของเขาน่ารักมาก และนิสัยของเธอก็ไม่ใช่คนยอมคนง่าย ๆ ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องเธอก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องเธอ ต่อให้เธอจะสู้ไม่ได้ แต่เธอจะสู้กลับแน่นอน!ดังนั้นเขาจึงติดต่อกับทางโรงเรียนเป็นการส่วนตัว“คุณนี่เป็นพ่อที่ดีจริง ๆ เลยนะ” ฉินอันอันล้อเขาฟู่สือถิง “ผมรู้ว่าผมยังทำได้ไม่ดีพอ แต่ผมจะพยายาม”ฉินอันอันหันไปมองรุ่ยลา แล้วอธิบาย “พี่ชายของลูกจะกลับมาช้าหน่อยวันนี้ พ่อของลูกเพิ่งไปรับป้าเสี่ยวเถียนกลับมาตอนกลางวัน กว่าจะกลับมาถึงก็เหนื่อยมาก แม่เลยให้เขาอยู่กินข้าวที่นี่”รุ่ยลาได้รับคำอธิบายแล้วก็ตอบรับ “อืม” เสียงเดียวเมื่อได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เธอก็ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อผู้เป็นพ่อลง“แม่คะ หนูชอบไม้กายสิทธิ์ของหนูที่สุดเลย!” รุ่ยลาจับมือฉินอันอัน เดินไปที่ห้องอาหาร “พรุ่งนี้หนูต้องเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดแน่ ๆ”ฉินอันอัน “ในใจแม่ ลูกเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดทุกวันอยู่แล้ว”รุ่ยลาหน้าแดงเมื่อได้รับคำชม อารมณ์ดีมาก “แม่คะ หนูมีความลั
เขาคิดว่าการลดกระจกลง อย่างน้อยก็คงทำให้คนคนนั้นตกใจเขาคิดว่าคนคนนั้นอาจจะก้มหน้าหรือหันหลังเพื่อเลี่ยงสายตา แต่หลังจากที่เขาลดกระจกลง คนคนนั้นกลับเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขาตรง ๆ!ฟู่สือถิงขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว มองอีกฝ่ายด้วยความโมโห!ตรงกันข้ามกับความโกรธของเขา อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มให้!หลังของฟู่สือถิงชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น! ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะมันน่าประหลาดเกินไปไม่เคยมีใครกล้ามาด้อม ๆ มอง ๆ แถววิลล่าของเขามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่กล้าจ้องมองเขาอย่างท้าทายแบบนี้!เนื่องจากมองไม่ค่อยชัดในเวลากลางคืน เขาจึงเห็นเพียงรูปร่างคร่าว ๆ ของอีกฝ่ายน่าจะเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ ท้วมเล็กน้อย เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน!ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่หน้าบ้านเขาในยามวิกาล?รถขับเข้ามาในลานบ้านอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฟู่สือถิงลงจากรถแล้ว เขาก็สั่งการกับบอดี้การ์ดสองสามคำ แล้วเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็วไม่นาน บอดี้การ์ดก็วิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วรายงาน “เจ้านายครับ เราไม่เจอตัวชายวัยกลางคนตามที่คุณบอก แต่เห็นรถสีดำคันหนึ่งขับออกไป คาดว่าอาจจะเป็นรถของคนคนนั้นครับ”“ไปตรว
ปฏิกิริยาของเฮ่อจุ่นจือทำให้พ่อแม่ของเขาตกใจหลีเสี่ยวเถียนที่เป็นคนกลางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยวิธีไหนขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แม่ของเฮ่อจุ่นจือก็พูดประชดขึ้นมา “ลูกชายสุดที่รัก? แกอายุสามสิบแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้!”“ถึงผมจะอายุหกสิบ ผมก็ยังเป็นลูกของพ่อกับแม่อยู่ดี!” เฮ่อจุ่นจือเถียงหน้าดำหน้าแดงแม่ของเฮ่อจุ่นจือยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อนพ่อของเฮ่อจุ่นจือหัวเราะเยาะ “พ่อกับแม่เห็นด้วยที่แกกับเสี่ยวเถียนจะคบกัน เอาแต่พูดเรื่องแต่งเข้าบ้านเธอเพื่ออะไร?”เฮ่อจุ่นจือ “...”“เสี่ยวเถียน มานี่ซิ” แม่ของเฮ่อจุ่นจือหันไปมองหลีเสี่ยวเถียนหัวใจของหลีเสี่ยวเถียนเต้นรัวเร็วขึ้น เดินไปหาแม่สามี“ฉันกับพ่อของเขาได้ไตร่ตรองดี ๆ แล้ว ตอนที่เธอเกิดเรื่อง ปฏิกิริยาของพวกเราออกจะไม่เหมาะสมจริง ๆ แต่ความมุ่งมั่นของจุ่นจือทำให้พวกเรามองเห็นความรับผิดชอบของเขา แค่นั้นพวกเราก็รู้สึกโล่งใจ และทำให้พวกเราตระหนักได้ว่าที่ผ่านมาพวกเราเห็นแก่ตัวขนาดไหน ชีวิตของพวกเธอเป็นของพวกเธอ ไม่ควรถูกผูกมัดโดยพวกเรา ดังนั้นต่อไปนี้ พวกเธ
นี่เป็นพัสดุจากต่างประเทศฉินอันอันเคยได้รับพัสดุจากต่างประเทศ ครั้งนั้นข้างในเป็นนิ้วมือของเว่ยเจินแน่นอนว่ามันคือฝันร้ายที่เธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกป้าจางว่า “ช่วยเปิดให้หน่อยค่ะ!”“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปเปิดข้างนอก” ป้าจางรับพัสดุไปแกะข้างนอกรุ่ยลาชอบเปิดพัสดุมาก จึงเดินตามป้าจางไปด้วย อยากดูว่าข้างในมีอะไร“รุ่ยลา มานี่สิ เดี๋ยวแม่จะหวีผมให้” ฉินอันอันเรียกลูกสาวไว้ “เดี๋ยวป้าจางก็เอาของข้างในมาให้เราดูเอง”“ค่ะ” รุ่ยลากลับมาหาฉินอันอัน แล้วพูดอย่างมีความหวังว่า “แม่คะ คิดว่าข้างในเป็นของขวัญวันเกิดของหนูกับพี่ชายหรือเปล่า?”ฉินอันอันหัวเราะเบา ๆ “งั้นลองเดาดูสิว่าใครเป็นคนส่งมา”“ไม่รู้สิคะ” รุ่ยลาคิดหนัก แต่ก็มั่นใจ “หนูว่ามันต้องเป็นของขวัญวันเกิดของหนูกับพี่ชายแน่ ๆ เลยค่ะ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของหนูกับพี่ชายนี่นา ทำไมพัสดุถึงไม่มาส่งวันอื่น ดันมาส่งวันนี้...”แม้ความคิดของรุ่ยลาจะดูไร้เดียงสา แต่ก็น่ารักดีขณะนั้น ป้าจางก็ถือของที่อยู่ในกล่องพัสดุเข้ามา “อันอัน ดูเหมือนจะเป็นของขวัญวันเกิดของรุ่ยลากับเสี่ยวหานนะคะ”ป้าจางยื่นการ์ด
เมื่อคืนบอดี้การ์ดตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตรวจสอบพบเวลาที่คนคนนั้นมาคนคนนั้นมาตอนที่ฟ้ามืดแล้ว เขาเฝ้าดูอยู่ประมาณยี่สิบนาที หลังจากนั้นฟู่สือถิงก็กลับมาพอเห็นฟู่สือถิง เขาก็จากไปรถของเขาจอดอยู่ในจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ จึงไม่รู้หมายเลขทะเบียนรถ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของเขาได้ก่อนที่เขาจะเจอฟู่สือถิง เขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอด กล้องวงจรปิดจึงถ่ายภาพใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเช่นเดียวกันมีเพียงตอนที่เขาสบตาฟู่สือถิง กล้องถึงจับภาพใบหน้าของเขาได้แต่เนื่องจากแสงสว่างไม่เอื้ออำนวย ทำให้ภาพพร่าเบลอบอดี้การ์ดพิมพ์ภาพจากคลิปวิดีโอออกมาให้ฟู่สือถิงฟู่สือถิงดูภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำไม่ได้ว่าเคยเจอคนคนนี้มาก่อนไหม แต่ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ดูคุ้นตาคนคนนี้มาเฝ้าดูเขาเมื่อคืน แค่ยิ้มให้เขาแล้วก็จากไป น่าแปลกมาก!ถ้าเจอคนคนนี้อีก เขาจะจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่นอนกระทั่งถึงเวลาแปดโมง เขาก็ออกมาจากห้องป้าหงบอกเขาว่า “คุณผู้ชายคะ กาแฟและอาหารเช้าที่คุณผู้ชายสั่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” แล้วก็พูดต่อว่า “ป้าจางส่งข้อความมาบอกว่า ฉินอันอันกับลูก ๆ เตรียมตัวจะออกไปโรงแรมกันแล้ว คุณผู
เธอก็มองสบตาเขาอย่างกล้าหาญเช่นกันในวันนี้เขาแต่งตัวอย่างหรูหรา เธอเองก็ไม่น้อยหน้าเธอสวมชุดเดรสที่แพงที่สุดในตู้เสื้อผ้า แต่งหน้าอ่อน ๆ อย่างประณีต เกล้าผมอย่างเรียบง่าย ดูอ่อนหวานและสง่างาม“เข้าไปข้างในกันเถอะ!” เขาเอ่ย“คุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอรออีกหน่อย” ฉินอันอันกำลังรอหลีเสี่ยวเถียนฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้รอผมอยู่หรอกเหรอ?”ฉินอันอันพูดด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่อ “นอกจากคุณจะคิดทึกทักเอาเองแล้ว ยังไม่รู้จักอายด้วยเหรอนี่? ฉันอยู่ที่นี่เพื่อต้อนรับแขก ฉันก็รอแขกทุกคนนั่นแหละ แต่ในรายชื่อแขก ไม่มีคุณ”ฟู่สือถิงมองเข้าไปที่บรรดาแขกในห้องจัดเลี้ยง แล้วพูดกับเธอ “คุณเข้าไปพักก่อนเถอะ ผมจะอยู่ต้อนรับแขกที่นี่เอง”“เหลือแค่เสี่ยวเถียนกับเฮ่อจุ่นจือที่ยังไม่มา” เธอบอก “คุณช่วยโทรไปถามเฮ่อจุ่นจือให้หน่อยสิ”ฟู่สือถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเฮ่อจุ่นจือ แต่โทรศัพท์กลับติดต่อไม่ได้เขาเปลี่ยนไปโทรหาหลีเสี่ยวเถียน กว่าจะโทรติดก็ผ่านไปหลายวินาทีเสียงที่ได้ยินจากปลายสายกลับเป็นเสียงของเฮ่อจุ่นจือ“จุ่นจือ นายกับเสี่ยวเถียนถึงไหนกันแล้ว? เหลือแค่พวกนายสองคนแล้วนะ”“โอ้! เมื่อคืนน
รุ่ยลาเกือบเผลอหลุดปากเรียก “พ่อ” ออกมาทันใดนั้นแขนของเธอถูกดึง แล้วร่างกายทั้งตัวก็ถูกลากหนีไปเสี่ยวหานลากรุ่ยลาไปอีกทาง ด้วยไม่ต้องการเจอฟู่สือถิงฟู่สือถิงเห็นลูกชายลากลูกสาวไป ความผิดหวังก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา“ลุงครับ คุณหน้าตาเหมือนคนดังคนหนึ่งเลย” เสี่ยวตงเห็นฟู่สือถิงก็เข้ามาพูดคุยด้วยทันทีฟู่สือถิงเข้าใจแล้ว เด็กอ้วนคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเข้าสังคมสูงมาก“คนดังที่เธอพูดถึงอยู่ทางนั้น” ฟู่สือถิงชี้ไปทางที่จิ้นซือเหนียนยืนอยู่ แล้วหันไปหาฉินอันอัน“ลุงครับ! ผมไม่ได้หมายถึงจิ้นซือเหนียน! ผมไม่ใช่แฟนคลับเขาซะหน่อย!” เสี่ยวตงตามฟู่สือถิงมาติด ๆ “คุณคือฟู่สือถิงใช่ไหมครับ? นักธุรกิจชื่อดัง! ภาษีที่คุณจ่ายต่อปีสูงกว่า จีดีพีรวมของบางประเทศต่อปีเสียอีก! ผมชื่นชมคุณมาก ๆ!”ฟู่สือถิง “…”เสี่ยวตง “ลุงครับ คุณช่วยเซ็นชื่อให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมอยากยกคุณเป็นไอดอลของผม ในอนาคตผมจะเรียนรู้จากคุณ พยายามจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เหมือนคุณให้ได้!”ฟู่สือถิงมองไปที่ดวงตาที่จริงใจและศรัทธาของเสี่ยวตง ใจของเขารู้สึกเศร้าหมองเสี่ยวตงมองเขาเป็นไอดอล แต่ลูกชายของเขากลับหลีกเลี่ยงเขา
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง