เมื่อคืนบอดี้การ์ดตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตรวจสอบพบเวลาที่คนคนนั้นมาคนคนนั้นมาตอนที่ฟ้ามืดแล้ว เขาเฝ้าดูอยู่ประมาณยี่สิบนาที หลังจากนั้นฟู่สือถิงก็กลับมาพอเห็นฟู่สือถิง เขาก็จากไปรถของเขาจอดอยู่ในจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ จึงไม่รู้หมายเลขทะเบียนรถ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของเขาได้ก่อนที่เขาจะเจอฟู่สือถิง เขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอด กล้องวงจรปิดจึงถ่ายภาพใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเช่นเดียวกันมีเพียงตอนที่เขาสบตาฟู่สือถิง กล้องถึงจับภาพใบหน้าของเขาได้แต่เนื่องจากแสงสว่างไม่เอื้ออำนวย ทำให้ภาพพร่าเบลอบอดี้การ์ดพิมพ์ภาพจากคลิปวิดีโอออกมาให้ฟู่สือถิงฟู่สือถิงดูภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำไม่ได้ว่าเคยเจอคนคนนี้มาก่อนไหม แต่ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ดูคุ้นตาคนคนนี้มาเฝ้าดูเขาเมื่อคืน แค่ยิ้มให้เขาแล้วก็จากไป น่าแปลกมาก!ถ้าเจอคนคนนี้อีก เขาจะจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่นอนกระทั่งถึงเวลาแปดโมง เขาก็ออกมาจากห้องป้าหงบอกเขาว่า “คุณผู้ชายคะ กาแฟและอาหารเช้าที่คุณผู้ชายสั่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” แล้วก็พูดต่อว่า “ป้าจางส่งข้อความมาบอกว่า ฉินอันอันกับลูก ๆ เตรียมตัวจะออกไปโรงแรมกันแล้ว คุณผู
เธอก็มองสบตาเขาอย่างกล้าหาญเช่นกันในวันนี้เขาแต่งตัวอย่างหรูหรา เธอเองก็ไม่น้อยหน้าเธอสวมชุดเดรสที่แพงที่สุดในตู้เสื้อผ้า แต่งหน้าอ่อน ๆ อย่างประณีต เกล้าผมอย่างเรียบง่าย ดูอ่อนหวานและสง่างาม“เข้าไปข้างในกันเถอะ!” เขาเอ่ย“คุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอรออีกหน่อย” ฉินอันอันกำลังรอหลีเสี่ยวเถียนฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้รอผมอยู่หรอกเหรอ?”ฉินอันอันพูดด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่อ “นอกจากคุณจะคิดทึกทักเอาเองแล้ว ยังไม่รู้จักอายด้วยเหรอนี่? ฉันอยู่ที่นี่เพื่อต้อนรับแขก ฉันก็รอแขกทุกคนนั่นแหละ แต่ในรายชื่อแขก ไม่มีคุณ”ฟู่สือถิงมองเข้าไปที่บรรดาแขกในห้องจัดเลี้ยง แล้วพูดกับเธอ “คุณเข้าไปพักก่อนเถอะ ผมจะอยู่ต้อนรับแขกที่นี่เอง”“เหลือแค่เสี่ยวเถียนกับเฮ่อจุ่นจือที่ยังไม่มา” เธอบอก “คุณช่วยโทรไปถามเฮ่อจุ่นจือให้หน่อยสิ”ฟู่สือถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเฮ่อจุ่นจือ แต่โทรศัพท์กลับติดต่อไม่ได้เขาเปลี่ยนไปโทรหาหลีเสี่ยวเถียน กว่าจะโทรติดก็ผ่านไปหลายวินาทีเสียงที่ได้ยินจากปลายสายกลับเป็นเสียงของเฮ่อจุ่นจือ“จุ่นจือ นายกับเสี่ยวเถียนถึงไหนกันแล้ว? เหลือแค่พวกนายสองคนแล้วนะ”“โอ้! เมื่อคืนน
รุ่ยลาเกือบเผลอหลุดปากเรียก “พ่อ” ออกมาทันใดนั้นแขนของเธอถูกดึง แล้วร่างกายทั้งตัวก็ถูกลากหนีไปเสี่ยวหานลากรุ่ยลาไปอีกทาง ด้วยไม่ต้องการเจอฟู่สือถิงฟู่สือถิงเห็นลูกชายลากลูกสาวไป ความผิดหวังก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา“ลุงครับ คุณหน้าตาเหมือนคนดังคนหนึ่งเลย” เสี่ยวตงเห็นฟู่สือถิงก็เข้ามาพูดคุยด้วยทันทีฟู่สือถิงเข้าใจแล้ว เด็กอ้วนคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเข้าสังคมสูงมาก“คนดังที่เธอพูดถึงอยู่ทางนั้น” ฟู่สือถิงชี้ไปทางที่จิ้นซือเหนียนยืนอยู่ แล้วหันไปหาฉินอันอัน“ลุงครับ! ผมไม่ได้หมายถึงจิ้นซือเหนียน! ผมไม่ใช่แฟนคลับเขาซะหน่อย!” เสี่ยวตงตามฟู่สือถิงมาติด ๆ “คุณคือฟู่สือถิงใช่ไหมครับ? นักธุรกิจชื่อดัง! ภาษีที่คุณจ่ายต่อปีสูงกว่า จีดีพีรวมของบางประเทศต่อปีเสียอีก! ผมชื่นชมคุณมาก ๆ!”ฟู่สือถิง “…”เสี่ยวตง “ลุงครับ คุณช่วยเซ็นชื่อให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมอยากยกคุณเป็นไอดอลของผม ในอนาคตผมจะเรียนรู้จากคุณ พยายามจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เหมือนคุณให้ได้!”ฟู่สือถิงมองไปที่ดวงตาที่จริงใจและศรัทธาของเสี่ยวตง ใจของเขารู้สึกเศร้าหมองเสี่ยวตงมองเขาเป็นไอดอล แต่ลูกชายของเขากลับหลีกเลี่ยงเขา
เธอพูดถูกต้องเขาแอบคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆนอกจากนี้ เขายังต้องการประกาศความเป็นเจ้าของเธอต่อหน้าเพื่อน ๆ ของเธอด้วยแม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่คืนดีกัน แต่ก็ใกล้จะคืนดีกันเต็มทีแล้วผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจิ้นซือเหนียน อย่าได้คิดหมายปองฉินอันอันเลยเขาเก็บมือกลับเตรียมไปต้อนรับแขกแต่เธอไม่วางใจ จึงกำชับว่า “วันนี้คุณอย่าเอาแต่ทำหน้าเครียดตลอดเวลาล่ะ แขกที่มางานล้วนเป็นแขกสำคัญ เวลาใครยกแก้วให้ ถ้าคุณไม่อยากดื่มก็แค่ปฏิเสธอย่างสุภาพ อย่าปฏิเสธห้วน ๆ เรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนกัน อย่างเช่นเด็กคนเมื่อกี้ เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี คุณจะทำให้เขาเสียความรู้สึกไปทำไม?”เขาจดจำคำกำชับของเธอไว้ในใจ“เข้าใจแล้ว คอยดูผลงานของผมได้เลย”ฉินอันอันเห็นเขาเดินไปหาแขก แต่สายตายังไม่ละไปจากเขาไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไป แต่เพราะเธอยังคงหลงใหลเขาอยู่ตลอด“แม่คะ หนูอยากกินเค้กแล้ว! แม่มาช่วยเราตัดเค้กกันเถอะ!” รุ่ยลาวิ่งมาจับมือฉินอันอัน ลากเธอไปที่โต๊ะของเด็ก ๆฟู่สือถิงเห็นฉินอันอันถูกลูกสาวถูกลากไป ใจก็ลอยตามไปด้วย“เจ้านายครับ จื่อชิวก็มาด้วย ตอนนี้อยู่ที่ห้องพักครับ” โจวจื่ออี้พูดกับเขา “ถ้า
เขาอาจจะคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ช่วยฉินอันอันดูแลแขกผู้หญิง จึงคอยให้ความร่วมมือในการถ่ายรูป เซ็นชื่อ และคุยกับสุภาพสตรีทุกคนตั้งแต่มาถึง เขายังไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำ“นายไปเรียกซือเหนียนมากินอะไรรองท้องสักหน่อยสิ!” ฉินอันอันพูดกับไมค์“อย่าไร้สาระน่า เขาไม่สนใจฉันหรอก” ไมค์ถอนหายใจ “จิ้นซือเหนียนหล่อเกินไป ไม่แปลกที่ฟู่สือถิงจะรู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา”“รู้ได้ยังไงว่าฟู่สือถิงกังวล?” ฉินอันอันดูไม่ออก“เธอไม่เห็นหรือไงว่าวันนี้ฟู่สือถิงแต่งตัวอย่างกับนกยูง?” ไมค์แซว “อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจแต่งตัวหล่อขนาดนี้เพื่อมาร่วมงานของเด็ก ๆ”ฉินอันอันหัวเราะ “นายคอยดูแลแขกเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้แล้วกัน ฉันว่าจะไปดูจื่อชิวหน่อย”“ถ้าจื่อชิวตื่นแล้ว ก็อุ้มเขาออกมาเล่นด้วยนะ!” ไมค์พูด“อืม เขายังไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าออกมาแล้วจะตกใจไหม” ฉินอันอันพูดจบ ก็ก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางทางออกของห้องจัดเลี้ยงพอเธออุ้มจื่อชิวขึ้นมา เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ก็เจอกับเฮ่อจุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนที่มาถึงช้ากว่าเวลา“อันอัน ขอโทษนะ! เราสองคนมาสายไปเยอะเลย” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความรู้สีกผิด“ค
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค