เขาคิดว่าการลดกระจกลง อย่างน้อยก็คงทำให้คนคนนั้นตกใจเขาคิดว่าคนคนนั้นอาจจะก้มหน้าหรือหันหลังเพื่อเลี่ยงสายตา แต่หลังจากที่เขาลดกระจกลง คนคนนั้นกลับเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขาตรง ๆ!ฟู่สือถิงขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว มองอีกฝ่ายด้วยความโมโห!ตรงกันข้ามกับความโกรธของเขา อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มให้!หลังของฟู่สือถิงชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น! ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะมันน่าประหลาดเกินไปไม่เคยมีใครกล้ามาด้อม ๆ มอง ๆ แถววิลล่าของเขามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่กล้าจ้องมองเขาอย่างท้าทายแบบนี้!เนื่องจากมองไม่ค่อยชัดในเวลากลางคืน เขาจึงเห็นเพียงรูปร่างคร่าว ๆ ของอีกฝ่ายน่าจะเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ ท้วมเล็กน้อย เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน!ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่หน้าบ้านเขาในยามวิกาล?รถขับเข้ามาในลานบ้านอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฟู่สือถิงลงจากรถแล้ว เขาก็สั่งการกับบอดี้การ์ดสองสามคำ แล้วเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็วไม่นาน บอดี้การ์ดก็วิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วรายงาน “เจ้านายครับ เราไม่เจอตัวชายวัยกลางคนตามที่คุณบอก แต่เห็นรถสีดำคันหนึ่งขับออกไป คาดว่าอาจจะเป็นรถของคนคนนั้นครับ”“ไปตรว
ปฏิกิริยาของเฮ่อจุ่นจือทำให้พ่อแม่ของเขาตกใจหลีเสี่ยวเถียนที่เป็นคนกลางกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยวิธีไหนขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แม่ของเฮ่อจุ่นจือก็พูดประชดขึ้นมา “ลูกชายสุดที่รัก? แกอายุสามสิบแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้!”“ถึงผมจะอายุหกสิบ ผมก็ยังเป็นลูกของพ่อกับแม่อยู่ดี!” เฮ่อจุ่นจือเถียงหน้าดำหน้าแดงแม่ของเฮ่อจุ่นจือยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อนพ่อของเฮ่อจุ่นจือหัวเราะเยาะ “พ่อกับแม่เห็นด้วยที่แกกับเสี่ยวเถียนจะคบกัน เอาแต่พูดเรื่องแต่งเข้าบ้านเธอเพื่ออะไร?”เฮ่อจุ่นจือ “...”“เสี่ยวเถียน มานี่ซิ” แม่ของเฮ่อจุ่นจือหันไปมองหลีเสี่ยวเถียนหัวใจของหลีเสี่ยวเถียนเต้นรัวเร็วขึ้น เดินไปหาแม่สามี“ฉันกับพ่อของเขาได้ไตร่ตรองดี ๆ แล้ว ตอนที่เธอเกิดเรื่อง ปฏิกิริยาของพวกเราออกจะไม่เหมาะสมจริง ๆ แต่ความมุ่งมั่นของจุ่นจือทำให้พวกเรามองเห็นความรับผิดชอบของเขา แค่นั้นพวกเราก็รู้สึกโล่งใจ และทำให้พวกเราตระหนักได้ว่าที่ผ่านมาพวกเราเห็นแก่ตัวขนาดไหน ชีวิตของพวกเธอเป็นของพวกเธอ ไม่ควรถูกผูกมัดโดยพวกเรา ดังนั้นต่อไปนี้ พวกเธ
นี่เป็นพัสดุจากต่างประเทศฉินอันอันเคยได้รับพัสดุจากต่างประเทศ ครั้งนั้นข้างในเป็นนิ้วมือของเว่ยเจินแน่นอนว่ามันคือฝันร้ายที่เธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกป้าจางว่า “ช่วยเปิดให้หน่อยค่ะ!”“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปเปิดข้างนอก” ป้าจางรับพัสดุไปแกะข้างนอกรุ่ยลาชอบเปิดพัสดุมาก จึงเดินตามป้าจางไปด้วย อยากดูว่าข้างในมีอะไร“รุ่ยลา มานี่สิ เดี๋ยวแม่จะหวีผมให้” ฉินอันอันเรียกลูกสาวไว้ “เดี๋ยวป้าจางก็เอาของข้างในมาให้เราดูเอง”“ค่ะ” รุ่ยลากลับมาหาฉินอันอัน แล้วพูดอย่างมีความหวังว่า “แม่คะ คิดว่าข้างในเป็นของขวัญวันเกิดของหนูกับพี่ชายหรือเปล่า?”ฉินอันอันหัวเราะเบา ๆ “งั้นลองเดาดูสิว่าใครเป็นคนส่งมา”“ไม่รู้สิคะ” รุ่ยลาคิดหนัก แต่ก็มั่นใจ “หนูว่ามันต้องเป็นของขวัญวันเกิดของหนูกับพี่ชายแน่ ๆ เลยค่ะ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของหนูกับพี่ชายนี่นา ทำไมพัสดุถึงไม่มาส่งวันอื่น ดันมาส่งวันนี้...”แม้ความคิดของรุ่ยลาจะดูไร้เดียงสา แต่ก็น่ารักดีขณะนั้น ป้าจางก็ถือของที่อยู่ในกล่องพัสดุเข้ามา “อันอัน ดูเหมือนจะเป็นของขวัญวันเกิดของรุ่ยลากับเสี่ยวหานนะคะ”ป้าจางยื่นการ์ด
เมื่อคืนบอดี้การ์ดตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตรวจสอบพบเวลาที่คนคนนั้นมาคนคนนั้นมาตอนที่ฟ้ามืดแล้ว เขาเฝ้าดูอยู่ประมาณยี่สิบนาที หลังจากนั้นฟู่สือถิงก็กลับมาพอเห็นฟู่สือถิง เขาก็จากไปรถของเขาจอดอยู่ในจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ จึงไม่รู้หมายเลขทะเบียนรถ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของเขาได้ก่อนที่เขาจะเจอฟู่สือถิง เขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอด กล้องวงจรปิดจึงถ่ายภาพใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเช่นเดียวกันมีเพียงตอนที่เขาสบตาฟู่สือถิง กล้องถึงจับภาพใบหน้าของเขาได้แต่เนื่องจากแสงสว่างไม่เอื้ออำนวย ทำให้ภาพพร่าเบลอบอดี้การ์ดพิมพ์ภาพจากคลิปวิดีโอออกมาให้ฟู่สือถิงฟู่สือถิงดูภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำไม่ได้ว่าเคยเจอคนคนนี้มาก่อนไหม แต่ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ดูคุ้นตาคนคนนี้มาเฝ้าดูเขาเมื่อคืน แค่ยิ้มให้เขาแล้วก็จากไป น่าแปลกมาก!ถ้าเจอคนคนนี้อีก เขาจะจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่นอนกระทั่งถึงเวลาแปดโมง เขาก็ออกมาจากห้องป้าหงบอกเขาว่า “คุณผู้ชายคะ กาแฟและอาหารเช้าที่คุณผู้ชายสั่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” แล้วก็พูดต่อว่า “ป้าจางส่งข้อความมาบอกว่า ฉินอันอันกับลูก ๆ เตรียมตัวจะออกไปโรงแรมกันแล้ว คุณผู
เธอก็มองสบตาเขาอย่างกล้าหาญเช่นกันในวันนี้เขาแต่งตัวอย่างหรูหรา เธอเองก็ไม่น้อยหน้าเธอสวมชุดเดรสที่แพงที่สุดในตู้เสื้อผ้า แต่งหน้าอ่อน ๆ อย่างประณีต เกล้าผมอย่างเรียบง่าย ดูอ่อนหวานและสง่างาม“เข้าไปข้างในกันเถอะ!” เขาเอ่ย“คุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอรออีกหน่อย” ฉินอันอันกำลังรอหลีเสี่ยวเถียนฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้รอผมอยู่หรอกเหรอ?”ฉินอันอันพูดด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่อ “นอกจากคุณจะคิดทึกทักเอาเองแล้ว ยังไม่รู้จักอายด้วยเหรอนี่? ฉันอยู่ที่นี่เพื่อต้อนรับแขก ฉันก็รอแขกทุกคนนั่นแหละ แต่ในรายชื่อแขก ไม่มีคุณ”ฟู่สือถิงมองเข้าไปที่บรรดาแขกในห้องจัดเลี้ยง แล้วพูดกับเธอ “คุณเข้าไปพักก่อนเถอะ ผมจะอยู่ต้อนรับแขกที่นี่เอง”“เหลือแค่เสี่ยวเถียนกับเฮ่อจุ่นจือที่ยังไม่มา” เธอบอก “คุณช่วยโทรไปถามเฮ่อจุ่นจือให้หน่อยสิ”ฟู่สือถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเฮ่อจุ่นจือ แต่โทรศัพท์กลับติดต่อไม่ได้เขาเปลี่ยนไปโทรหาหลีเสี่ยวเถียน กว่าจะโทรติดก็ผ่านไปหลายวินาทีเสียงที่ได้ยินจากปลายสายกลับเป็นเสียงของเฮ่อจุ่นจือ“จุ่นจือ นายกับเสี่ยวเถียนถึงไหนกันแล้ว? เหลือแค่พวกนายสองคนแล้วนะ”“โอ้! เมื่อคืนน
รุ่ยลาเกือบเผลอหลุดปากเรียก “พ่อ” ออกมาทันใดนั้นแขนของเธอถูกดึง แล้วร่างกายทั้งตัวก็ถูกลากหนีไปเสี่ยวหานลากรุ่ยลาไปอีกทาง ด้วยไม่ต้องการเจอฟู่สือถิงฟู่สือถิงเห็นลูกชายลากลูกสาวไป ความผิดหวังก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา“ลุงครับ คุณหน้าตาเหมือนคนดังคนหนึ่งเลย” เสี่ยวตงเห็นฟู่สือถิงก็เข้ามาพูดคุยด้วยทันทีฟู่สือถิงเข้าใจแล้ว เด็กอ้วนคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเข้าสังคมสูงมาก“คนดังที่เธอพูดถึงอยู่ทางนั้น” ฟู่สือถิงชี้ไปทางที่จิ้นซือเหนียนยืนอยู่ แล้วหันไปหาฉินอันอัน“ลุงครับ! ผมไม่ได้หมายถึงจิ้นซือเหนียน! ผมไม่ใช่แฟนคลับเขาซะหน่อย!” เสี่ยวตงตามฟู่สือถิงมาติด ๆ “คุณคือฟู่สือถิงใช่ไหมครับ? นักธุรกิจชื่อดัง! ภาษีที่คุณจ่ายต่อปีสูงกว่า จีดีพีรวมของบางประเทศต่อปีเสียอีก! ผมชื่นชมคุณมาก ๆ!”ฟู่สือถิง “…”เสี่ยวตง “ลุงครับ คุณช่วยเซ็นชื่อให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมอยากยกคุณเป็นไอดอลของผม ในอนาคตผมจะเรียนรู้จากคุณ พยายามจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เหมือนคุณให้ได้!”ฟู่สือถิงมองไปที่ดวงตาที่จริงใจและศรัทธาของเสี่ยวตง ใจของเขารู้สึกเศร้าหมองเสี่ยวตงมองเขาเป็นไอดอล แต่ลูกชายของเขากลับหลีกเลี่ยงเขา
เธอพูดถูกต้องเขาแอบคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆนอกจากนี้ เขายังต้องการประกาศความเป็นเจ้าของเธอต่อหน้าเพื่อน ๆ ของเธอด้วยแม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่คืนดีกัน แต่ก็ใกล้จะคืนดีกันเต็มทีแล้วผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจิ้นซือเหนียน อย่าได้คิดหมายปองฉินอันอันเลยเขาเก็บมือกลับเตรียมไปต้อนรับแขกแต่เธอไม่วางใจ จึงกำชับว่า “วันนี้คุณอย่าเอาแต่ทำหน้าเครียดตลอดเวลาล่ะ แขกที่มางานล้วนเป็นแขกสำคัญ เวลาใครยกแก้วให้ ถ้าคุณไม่อยากดื่มก็แค่ปฏิเสธอย่างสุภาพ อย่าปฏิเสธห้วน ๆ เรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนกัน อย่างเช่นเด็กคนเมื่อกี้ เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี คุณจะทำให้เขาเสียความรู้สึกไปทำไม?”เขาจดจำคำกำชับของเธอไว้ในใจ“เข้าใจแล้ว คอยดูผลงานของผมได้เลย”ฉินอันอันเห็นเขาเดินไปหาแขก แต่สายตายังไม่ละไปจากเขาไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนไป แต่เพราะเธอยังคงหลงใหลเขาอยู่ตลอด“แม่คะ หนูอยากกินเค้กแล้ว! แม่มาช่วยเราตัดเค้กกันเถอะ!” รุ่ยลาวิ่งมาจับมือฉินอันอัน ลากเธอไปที่โต๊ะของเด็ก ๆฟู่สือถิงเห็นฉินอันอันถูกลูกสาวถูกลากไป ใจก็ลอยตามไปด้วย“เจ้านายครับ จื่อชิวก็มาด้วย ตอนนี้อยู่ที่ห้องพักครับ” โจวจื่ออี้พูดกับเขา “ถ้า
เขาอาจจะคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ช่วยฉินอันอันดูแลแขกผู้หญิง จึงคอยให้ความร่วมมือในการถ่ายรูป เซ็นชื่อ และคุยกับสุภาพสตรีทุกคนตั้งแต่มาถึง เขายังไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำ“นายไปเรียกซือเหนียนมากินอะไรรองท้องสักหน่อยสิ!” ฉินอันอันพูดกับไมค์“อย่าไร้สาระน่า เขาไม่สนใจฉันหรอก” ไมค์ถอนหายใจ “จิ้นซือเหนียนหล่อเกินไป ไม่แปลกที่ฟู่สือถิงจะรู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา”“รู้ได้ยังไงว่าฟู่สือถิงกังวล?” ฉินอันอันดูไม่ออก“เธอไม่เห็นหรือไงว่าวันนี้ฟู่สือถิงแต่งตัวอย่างกับนกยูง?” ไมค์แซว “อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจแต่งตัวหล่อขนาดนี้เพื่อมาร่วมงานของเด็ก ๆ”ฉินอันอันหัวเราะ “นายคอยดูแลแขกเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้แล้วกัน ฉันว่าจะไปดูจื่อชิวหน่อย”“ถ้าจื่อชิวตื่นแล้ว ก็อุ้มเขาออกมาเล่นด้วยนะ!” ไมค์พูด“อืม เขายังไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าออกมาแล้วจะตกใจไหม” ฉินอันอันพูดจบ ก็ก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางทางออกของห้องจัดเลี้ยงพอเธออุ้มจื่อชิวขึ้นมา เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ก็เจอกับเฮ่อจุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนที่มาถึงช้ากว่าเวลา“อันอัน ขอโทษนะ! เราสองคนมาสายไปเยอะเลย” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความรู้สีกผิด“ค