“ลุงซือเหนียนคะ หนูอยากโทรหาป้าเสี่ยวเถียน” รุ่ยลาส่งโทรศัพท์ของฉินอันอันให้จิ้นซือเหนียน “ช่วยหนูโทรหน่อยนะคะ”จิ้นซือเหนียนอดหัวเราะไม่ได้ “ลุงมีเบอร์ป้าเสี่ยวเถียน เอาโทรศัพท์ไปวางคืนแม่เขาเถอะ”“ถ้าป้าเสี่ยวเถียนไม่รับโทรศัพท์ลุงล่ะคะ? ป้าเขาสนิทกับแม่หนูที่สุด ใช้โทรศัพท์แม่โทร ป้าเขาต้องรับแน่ ๆ ค่ะ” รุ่ยลายืนกราน และปลดล็อกโทรศัพท์ของแม่จิ้นซือเหนียนขัดไม่ได้ รับโทรศัพท์ของฉินอันอันมาจากเธอก่อนที่จะเปิดรายชื่อติดต่อ เขาเห็นไอคอนวีแชทมีการแจ้งเตือนข้อความสีแดงเขาอยากเปิดดูมาก แต่จิตใต้สำนึกคอยย้ำเตือนว่า การแอบดูความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเขาเปิดรายชื่อติดต่อ หาเบอร์โทรศัพท์ของหลีเสี่ยวเถียนแล้วกดโทรออก และไม่ลืมเปิดลำโพงไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็รับสาย“ป้าเสี่ยวเถียนคะ! หนูเองค่ะ!” เสียงหวานของรุ่ยลาสดใส “แม่หนูนอนหลับอยู่ หนูอยากรู้ว่าป้าสบายดีไหมคะ?”หลีเสี่ยวเถียนได้ยินรุ่ยลาแสดงความห่วงใย น้ำตาคลอทันที “รุ่ยลา ป้าไม่เสียใจเลยที่รักหนู”“ค่ะ! หนูอยากไปเที่ยวกับแม่มาก แต่หนูไม่อยากเห็นลุงเฮ่อ! ลุงเฮ่อทำเกินไป เขาทำให้ป้าเสียใ
ใจของฉินอันอันราวกับถูกโยนลงไปในห้องน้ำแข็ง คำพูดที่ว่า ‘พวกเขาสองคนเข้ากันไม่ได้’ นั่นมาจากปากของเซิ่งเป่ยหรือฟู่สือถิงกันแน่? ถ้าฟู่สือถิงตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว ก็คงเป็นเพราะฟู่สือถิงคิดว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้จริง ๆ จึงบอกเซิ่งเป่ยไปแบบนั้น!"อันอัน คิดอะไรอยู่? หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว?" ไมค์ถามด้วยความกระวนกระวาย "ตอนนั้นจื่ออี้ก็อยู่ด้วย จื่ออี้เป็นพยานได้ว่าเซิ่งเป่ยพูดอย่างนั้นจริง ๆ""ฉันไม่ได้ไม่เชื่อหรอก" ฉินอันอันหยิบตะเกียบขึ้นมา ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว "ถ้าเขาคิดว่าเข้ากันไม่ได้ ก็เคารพการตัดสินใจของเขาเถอะ!""โอ้ ทำไมน้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าจัง? เธอก็เกลียดเขานี่นา เขาตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก เธอก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ?" ไมค์พูดพล่อย ๆ เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรักมาก่อน เลยพอจะรู้ว่าทำไมฉินอันอันถึงได้รู้สึกเศร้า เธอเกลียดฟู่สือถิงเพราะฟู่สือถิงไม่ยอมทำให้เธอหายโกรธ ถ้าฟู่สือถิงยังคงตามง้อเธอจนกว่าเธอจะหายโกรธ เธอคงจะกลับมาคบกับฟู่สือถิงได้อีกครั้ง เธอคงคิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะตัดสินใจล้มเลิกความสัมพันธ์ที่ 'ผิดพลาด'
เสี่ยวหาน "ผมสนิทกับเพื่อน ๆ ในห้องเรียนเหมือนกันหมด"ฉินอันอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็เชิญพวกเขาทุกคนมาเลย! ยังไงห้องเรียนลูกก็มีกันอยู่ไม่กี่คน"รุ่ยลา "ดีเลยค่ะ! คนเยอะ ๆ สนุกกว่า!"เสี่ยวหานเห็นน้องสาวตื่นเต้นขนาดนั้น จึงไม่อยากทำให้เธอเสียใจหลังจากจิ้นซือเหนียนไปแล้ว ฉินอันอันและไมค์ก็เริ่มจัดทำรายชื่อแขก"อันอัน จื่ออี้ต้องมาแน่นอน เฮ่อจุ่นจือก็ต้องเชิญด้วย ถ้าเราเชิญเซิ่งเป่ยแต่ไม่เชิญฟู่สือถิง เขาจะคิดว่าเราจงใจแกล้งเขาไหม?" ไมค์แสดงความคิดเห็น "หรือว่าเราไม่เชิญเซิ่งเป่ยดี?"ฉินอันอันรู้สึกปวดหัวอย่างหนักงานที่ควรจะรื่นเริง กลับกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่สือถิง"เรื่องนี้นายจัดการเองเลยแล้วกัน!"หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ ก็ผละไปดูแลลูก ๆไมค์ส่งข้อความไปหาโจวจื่ออี้ อธิบายเรื่องราวและขอคำแนะนำโจวจื่ออี้ : เจ้านายผมแค่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว เพราะไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อนลำบากใจต่างหาก เขาไม่ได้พูดว่าจะตัดขาดจากลูก ๆ เลยสักคำนี่นา?ไมค์ : ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จิ้นซือเหนียนหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเป็นลูกคุณช่างยุอยู่
หัวใจของฉินอันอันเต้นรัวอย่างรวดเร็ว เสียงนั้นคือเสียงของหลีเสี่ยวเถียน เธอกับเฮ่อจุ่นจือคืนดีกันแล้วนี่นา“เสี่ยวเถียน เกิดอะไรขึ้น? อย่าเพิ่งร้องไห้ บอกฉันซิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมมาสวม ตั้งใจจะออกไปหาหลีเสี่ยวเถียน“อันอัน ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้ว...ฉันกลัว...” หลีเสี่ยวเถียนพูดเสียงสะอื้น เสียงสั่นเครือเป็นระยะๆ“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้เธอยังอยู่ที่บ้านของเธอกับเฮ่อจุ่นจืออยู่ไหม? อยากให้ฉันไปหาไหม?” ฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลีเสี่ยวเถียน คงจะคล้ายกับบาดแผลที่พ่อของฟู่สือถิงทิ้งไว้ในใจเขา ยังคงตามหลอกหลอนชีวิตเขาอยู่ เหตุการณ์การถูกลักพาตัวไปครั้งก่อนก็สร้างบาดแผลในใจให้กับหลีเสี่ยวเถียนเช่นกัน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อเธอไปอีกนาน หรืออาจจะตลอดชีวิตหลังจากหลีเสี่ยวเถียนร้องไห้ก็ละล่ำละลักพูดคำว่า “อยาก” ออกมา ฉินอันอันรีบลุกออกจากห้องนอนทันทีตอนที่เธอกำลังจะออกไป ป้าจางที่ได้ยินเสียงก็เดินออกมา“อันอัน ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”ไม่ว่าเวลานี้จะกี่โมง เธอก็ต้องออกไป“อืม ไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะได้กลับม
โจวจื่ออี้ : [ลูบหัว]เซิ่งเป่ย : [ลูบหัว]ฟู่สือถิง : [ลูบหัว]เฮ่อจุ่นจือ : ขอบคุณที่อยู่คุยเป็นเพื่อนผม ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เสี่ยวเถียนเหมือนจะไม่ร้องไห้แล้ว ฉินอันอันเก่งจริง ๆทุกคนเงียบไปทันทีเฮ่อจุ่นจือ : ทำไม? ฉินอันอันกลายเป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึงแล้วเหรอ? ไม่จำเป็นหรอกมั้ง? ถึงเธอจะเลิกกับพี่สือถิงแล้ว แต่พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่นา!โจวจื่ออี้ : ราตรีสวัสดิ์เซิ่งเป่ย : ราตรีสวัสดิ์ฟู่สือถิง : อืม @เฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือ : พี่สือถิง ผมไปดูในห้องนอนก่อน พักผ่อนให้เต็มที่นะครับเฮ่อจุ่นจือส่งข้อความเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เดินไปที่ห้องนอนหลัก ในห้องนอนหลัก ฉินอันอันและหลีเสี่ยวเถียนนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองสนิทสนมกันราวกับพี่น้อง กระซิบพูดคุยกันเบา ๆเฮ่อจุ่นจือรีบออกจากห้อง ปิดประตูเบา ๆ เนื่องจากหลีเสี่ยวเถียนและฉินอันอันสนิทกันมาก ไม่ว่าฟู่สือถิงและฉินอันอันจะทะเลาะกันอย่างไร เฮ่อจุ่นจือก็ยังคงเข้าข้างฉินอันอันอยู่เสมอส่วนหลีเสี่ยวเถียน แม้ว่าเธอจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็มีจิตใจดี สามารถเป็นมิตรกับฉินอันอันได้ แสดงว่าฉินอันอันก็เป็นผู้หญิงที่ดีไม่ต่างกัน
โจวจื่ออี้เห็นข้อความของเฮ่อจุ่นจือแล้วก็รีบโทรหาเขาทันที“จุ่นจือ! รีบยกเลิกข้อความนั้นไปซะ!”เฮ่อจุ่นจือถามกลับ “ทำไมล่ะ? ผมก็ไม่ได้พูดถึงฉินอันอันนี่นา ทั้งเสี่ยวหานกับรุ่ยลาไม่ได้เป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึงสักหน่อย?”“ไม่ใช่! ฉินอันอันไม่ได้ตั้งใจจะเชิญเจ้านายผมไปร่วมงานด้วย เพราะฉะนั้นถึงคุยเรื่องนี้ในกลุ่มไม่ได้” โจวจื่ออี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ “คุณว่าเรื่องนี้มันสมเหตุสมผลไหมล่ะ!”“ไม่สมเหตุสมผล! ไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ!” เฮ่อจุ่นจือลูบจมูก “แต่ผมคิดว่าอันอันต้องมีเหตุผลของเธอแน่ ๆ เดี๋ยวผมไปลบข้อความในกลุ่มก่อน”เฮ่อจุ่นจือวางสายแล้วเปิดดูข้อความในกลุ่มเซิ่งเป่ย : เสี่ยวหานกับรุ่ยลาเกิดวันไหนกันนะ? ให้ฉินอันอันจัดงานวันเกิดให้เด็ก ๆ สิ! ถ้าเธอไม่สะดวกก็ให้สือถิงเป็นคนจัดก็ได้!เฮ่อจุ่นจือลบข้อความของตัวเองออกเงียบ ๆถึงแม้จะรู้ว่าการลบนั้นไม่มีประโยชน์แล้วก็ตามเซิ่งเป่ยเห็นแล้ว ก็เท่ากับว่าฟู่สือถิงเห็นแล้วเหมือนกันเซิ่งเป่ย : ลบข้อความออกทำไมเนี่ย? @เฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือมองข้อความแล้วไม่กล้าตอบโจวจื่ออี้ : พี่เป่ย ผมได้ยินมาว่าฉินอันอันตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้เด็ก ๆ อ
ป้าจางคิดสักครู่ “นานแล้วค่ะ ตอนที่ฉันเข้ามาทำงานที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันอายุยังไม่ถึงสามสิบเลย! ตอนนี้ฉันอายุสี่สิบห้าแล้ว อีกห้าปีก็เกษียณได้แล้ว”“ป้าหงอยู่ที่นั่นนานกว่าคุณใช่ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ! ป้าหงเคยรับใช้คุณท่าน ต่อมาก็มีสือถิงกับอิ๋นอิ๋น เลยช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็ก ๆ” ป้าจางพูด “ฉันได้ยินเรื่องต่าง ๆ มาจากป้าหงอีกที”“ฟู่สือถิงเล่าเรื่องตอนเด็ก ๆ ให้ฉันฟังเมื่อวานนี้” ฉินอันอันรู้สึกอึดอัดใจ เลยอยากหาคนระบายด้วย “ไม่นึกเลยว่าตอนเด็ก ๆ เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้น”“คุณผู้ชายเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเลยเหรอคะ?” ป้าจางตกใจ“ค่ะ เขาเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังโดยไม่ปิดบังอะไรเลย” ฉินอันอันมองป้าจาง “เขาไม่อยากให้ฉันเข้าใจเขาผิดอีก”ป้าจางถึงกับส่งเสียงสะอื้น “อันอัน อย่าโทษคุณผู้ชายเลยนะคะที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ที่เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย สวรรค์คงเมตตาเขา ถึงได้รักษาโรคตอบสนองช้าที่เขาเป็นตอนเด็ก ๆ จนหายได้ ไม่งั้นชะตากรรมของเขาคงเหมือนกับอิ๋นอิ๋น”ฉินอันอันตกตะลึง “!!!”เธอได้ยินทุกคำที่ป้าจางพูด แต่เธอไม่เข้าใจเอาซะเลย!“ไม่สิ โรคของคุณผู้ชายกับอิ๋นอิ๋นไม่เ
เธอกับฟู่สือถิงเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุด ทุกส่วนของร่างกายเขา เธอมองเห็นหมดแล้วเธอแน่ใจว่าบนหัวของเขาไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆเมื่อเป็นอย่างนั้น หมอวิเศษคนนั้นรักษาเขาให้หายโดยไม่ต้องผ่าตัดได้อย่างไร? บนโลกนี้ไม่มียาที่มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้นอยู่แล้วทั้งหมดนี้ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจของเธอพังทลายลง และเต็มไปด้วยความสงสัยโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาดู เห็นชื่อคนโทรเข้าอารมณ์ของเธอก็สงบลงทันที“อวิ๋นโม่” เธอประหลาดใจที่เขาโทรมา“อันอัน คุณจะมาหาผมเมื่อไหร่เหรอ?” น้ำเสียงของอวิ๋นโม่ไม่สดใสเหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุข“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนเหรอ?” ฉินอันอันเป็นห่วงอวิ๋นโม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกเขาดูเหมือนจะไม่ชอบผมเลย มีแต่คุณที่ใจดีกับผม”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันรู้สึกกังวล “อวิ๋นโม่ พวกเขาพูดอะไรกับคุณหรือเปล่า? หรือพวกเขาทำอะไรคุณไหม?”“ไม่ใช่… ผมแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ชอบผม” อวิ๋นโม่พูดด้วยความกังวล“พ่อของคุณบอกว่า เพื่อรักษาโรคให้คุณเธอ เขาพาคุณไปหาหมอมาหลายคนมาก และเขาก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลไ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง