เปลือกตากะพริบปริบ ไม่คิดว่าเขาจะว่าง่ายขนาดนี้เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาทั้งสองรักกันหวานชื่น เขาไม่ได้เชื่อฟังเธอทุกเรื่องเขาเป็นผู้ชายที่มีหลักการมาก เช่น เมื่ออยู่ข้างนอก เขาจะไม่ให้เธอจ่ายเงินเลย และไม่ยอมรับเงินจากเธอสักครั้งดังนั้น เธอจึงไม่คิดว่าเขาจะยอมละทิ้งหลักการ แล้วรับเงินจากเธอโดยดีแต่สุดท้าย เขาก็รับไว้แสดงว่าในตอนนี้เขาสามารถละทิ้งนิสัยเดิม ๆ เพื่อเธอได้ในเมื่อเขายอมเชื่อฟังขนาดนี้ สักวันเธออาจจะยอมใจอ่อนให้เขาง่าย ๆ…… “สือถิง อย่าเอาแต่ดูโทรศัพท์ตลอดเวลาสิ อันอันคงไม่ตอบนายเร็ว ๆ นี้หรอก”ในห้องส่วนตัว เซิ่งเป่ยตบไหล่ฟู่สือถิง แล้วส่งแก้วเหล้าให้เขา“ตอบแล้ว” ฟู่สือถิงวางโทรศัพท์ลง“ตอบแล้วเหรอ งั้นก็โทรตามเธอออกมาดื่มด้วยสิ ถ้านายโทรชวนเธอมาได้ ฉันถึงจะเชื่อว่าเธอตอบแล้ว” สายตาของเซิ่งเป่ยจ้องไปที่โทรศัพท์ของฟู่สือถิงฟู่สือถิงเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ“พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงาน”“พรุ่งนี้พวกเราเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกันนี่?” เซิ่งเป่ยเปิดโปงคำโกหกของเขาอย่างกล้าหาญ “ถ้าเธอตอบนายจริง นายจะยังนั่งกินเหล้ากับพวกเราที่นี่ได้อีกเหรอ?
ฉินอันอันรู้สึกยินดีกับการต้อนรับของทุกคนหลังจากมาถึงห้องทำงาน ช่อดอกกุหลาบแดงบนโต๊ะกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อกุหลาบช่อนี้ไม่ใช่ช่อดอกไม้ขนาดธรรมดา มีดอกกุหลาบอย่างน้อยเก้าสิบเก้าดอก ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโต๊ะของเธอโดยทั่วไปแล้ว เฉพาะเมื่อผู้ชายจีบผู้หญิงเท่านั้น จึงจะมอบดอกกุหลาบแดงเก้าสิบเก้าดอกให้เธอ!เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะและค้นดูช่อดอกไม้ด้วยมือข้างในมีการ์ดเขียนด้วยลายมือการ์ดเขียนว่า: คุณคือเทพธิดาตลอดกาลของผม…เมื่อเห็นการ์ดใบนี้ ใบหน้าของฟู่สือถิงก็ปรากฏขึ้นในใจเธอจะมีใครอีกนอกเหนือจากฟู่สือถิง ที่ส่งช่อดอกไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ให้เธอและเขียนการ์ดด้วยประโยคจีบสุดน่าเบื่อชวนให้รู้สึกเอียนเช่นนี้?เธอสามารถทนต่อพฤติกรรมประจบสอพลอของเขาต่อเธอเป็นการส่วนตัวได้ แต่ที่นี่คือบริษัท และการกระทำของเขาจะส่งผลต่ออารมณ์ในที่ทำงานของเธออย่างจริงจัง!…… เอสทีกรุ๊ปวันนี้วันจันทร์ มีการประชุมบอร์ดบริหารระดับสูงประจำสัปดาห์หลังจากที่ฟู่สือถิงมาถึงบริษัท ผู้บริหารระดับสูงก็เข้าไปในห้องประชุมทีละคนเมื่อคืนนี้ฟู่สือถิงดื่มไวน์ ทำให้มีอาการปวดหัวค้างมาถึงเช้าวัน
ฟู่สือถิงมองโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสายไป รู้สึกใจหายวูบเหมือนตกจากที่สูงใช่ว่าเขารู้สึกไม่มีความสุขหลังจากถูกฉินอันอันดุ แต่เพราะมีใครก็ไม่รู้ส่งดอกกุหลาบฉินอันอันถ้าเป็นไมค์หรือจิ้นซือเหนียนที่ส่งดอกไม้ให้ฉินอันอัน พวกเขาคงไม่ทิ้งการ์ดไว้ให้แน่นอนแล้วใครล่ะ? ใครกำลังแอบติดตามฉินอันอันลับหลังเขา?“พวกคุณประชุมกันก่อนเลย!” หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดแบบนี้ เขาก็เดินออกจากห้องประชุมไปทั้งอย่างนั้นสั่งให้ผู้บริหารประชุมต่อ แล้วเขาก็เดินจากไปควรรู้ก่อนว่าในการประชุมบอร์ดบริหารทุกวันจันทร์ ทุกคนจะต้องรายงานภาระงานในส่วนของตนเองให้เขาทราบแต่พอเขาจากไปทั้งแบบนี้ จะให้พวกเขารายงานต่อใครล่ะ?ฟู่สือถิงออกมาจากห้องประชุม เดินตรงกลับไปที่ห้องทำงานของเขา แล้วปิดประตูเลขานุการยืนอยู่นอกประตูห้องทำงาน ดวงตาแดงก่ำด้วยความหวาดกลัวและสูญเสียความมั่นใจนี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำผิดพลาดหลังจากทำงานมาอย่างยาวนาน แถมยังทำผิดพลาดครั้งใหญ่แม้ว่ากาแฟจะไม่ร้อนมาก แต่โทรศัพท์มือถือ มือ และเสื้อผ้าของท่านประธานก็เลอะเทอะคราบเหนียว ๆ ของกาแฟแม้ว่าเขาจะยังไม่กล่าวหาเธอในตอนนี้ แต่เธอก็ตระหนักดีว่าเมื่อเ
โจวจื่ออี้กดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้กับฟู่สือถิง “ดอกไม้เป็นของรองประธานบริษัทที่ส่งให้อันอันในนามพนักงานทุกคนครับ”สีหน้าของฟู่สือถิงกลับมาสงบเรียบเฉยทันที“เจ้านายครับ กลับไปอาบน้ำเถอะ” โจวจื่ออี้มองไปยังรอยเปื้อนกาแฟบนเสื้อของเขา “เลขาจางอยากขอโทษคุณด้วยตัวเอง แต่ผมเห็นเธอหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เลยให้เธอไปทำงานตามปกติ”ฟู่สือถิงไม่ได้ตำหนิเลขาเขากำโทรศัพท์ไว้ในมือ เดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว…… ฉินกรุ๊ปเมื่อฉินอันอันรู้ว่าดอกกุหลาบเป็นของรองประธานที่ส่งมา เธอจึงยื่นการ์ดไปจ่อหน้ารองประธาน “ถ้าคุณส่งให้ฉันในนามพนักงานทุกคน คุณก็ควรเขียนว่า 'คุณคือเทพธิดาของพวกเราตลอดไป' ไม่ใช่ 'คุณคือเทพธิดาของผมตลอดไป' ตอนเด็กคุณสอบตกวิชาภาษาจีนหรือไง?”รองประธานก้มหน้ารับผิด “ประธานฉินครับ ผมคิดว่าสองประโยคนั้นไม่ต่างกันมาก ทุกคนต่างก็มองคุณเป็นเทพธิดา...”“ยังจะเถียงอีก! คุณส่งดอกไม้ให้ฉัน ทำไมไม่บอกฉันล่วงหน้า? รู้ไหมว่าฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฟู่สือถิงที่ส่งมา เมื่อกี้โทรด่าเขาไปแล้ว รู้ไหมว่ามันน่าอายขนาดไหน!”ฉินอันอันหน้าแดงก่ำ หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีก แต่แก้วน้ำว่างเปล่ารองประ
“เปล่า! ฉันไม่ยอมรับเขาต่างหาก!” เสี่ยวหานจ้องเสี่ยวตงอย่างดุร้าย แล้วถือจานอาหารหนีไป ไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขาอีกเสี่ยวตงรีบดึงเสื้อคลุมของเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน ฉันขอโทษ! ฉันแค่เคยเห็นน้องสาวข้างบ้าน พ่อเธอไม่ยอมรับเธอ ทำให้เธอต้องอยู่กับแม่แค่สองคน”คนเรามีเจตนาหรือไม่ ดูจากสีหน้าก็รู้ได้แล้วเสี่ยวตงแค่พูดโดยขาดความยั้งคิด แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายเสี่ยวหานกลับมานั่ง“เสี่ยวหาน ฉันทำให้นายโกรธอีกแล้ว” เสี่ยวตงหยิบไก่ทอดในจานของตัวเองไปใส่ในจานของเสี่ยวหาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ พ่อฉันดีกับฉันมาก เลยอยากให้นายมีพ่อที่รักนายเหมือนกัน”“ฉันไม่ต้องการ!” เสี่ยวหานมองไก่ทอดของเขาอย่างเย็นชา“ทำไมนายไม่ต้องการพ่อล่ะ? มีคนรักนายเพิ่มขึ้นอีกคน ไม่ดีเหรอ?” เสี่ยวตงงงงวย“ฉันไม่ต้องการไก่ทอดของนาย!” เสี่ยวหานกอดจานอาหารของตัวเองแล้วเลื่อนออกไป “นายไม่รักษาสุขอนามัย!”เสี่ยวตงรีบหยิบไก่ทอดกลับไปใส่ในชามของตัวเอง “เสี่ยวหาน ถึงนายจะชอบต่อว่าฉันทุกวัน แต่ฉันก็ชอบเป็นเพื่อนกับนายมากที่สุด ถ้าผู้เข้าแข่งขันมีสองโควตา เราสองคนไปแข่งขันด้วยกันได้นะ”เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “ฉันอาจจะแพ้นายก็ได้!”“แต่ผลการ
รุ่ยลาสวมชุดนอน ปล่อยผมลง เต้นไปมาในห้องนั่งเล่น เหมือนนกน้อยที่ร่าเริงและกระฉับกระเฉง เธอฮัมเพลงที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน ป้าจางอุ้มจื่อชิวยืนดูเธอเปิดการแสดงอยู่ข้าง ๆ จื่อชิวจ้องตาไม่กะพริบ มองดูรุ่ยลาและหัวเราะออกมาเป็นระยะ มุมปากของฉินอันอันยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหันกลับไปที่ห้องนอนหลัก หยิบชุดนอน แล้วเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ความเหนื่อยล้าหายไปหมด ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจอย่างชัดเจน เธอเข้าใจผิดฟู่สือถิงเรื่องดอกกุหลาบ ยังไม่ได้ขอโทษเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดในเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ก็ควรแยกแยะ เธอเปิดโทรศัพท์ เห็นข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาเมื่อสิบนาทีก่อน : งานแต่งงานของจุ่นจือ คุณจะไปไหม? เธอนิ่งคิดไปสองสามวินาที แล้วตอบกลับ : เขาไม่ได้เชิญฉันนี่ สองนาทีต่อมา สายของเฮ่อจุ่นจือก็ดังขึ้น ฉินอันอันรับสาย เสียงของเฮ่อจุ่นจือดังขึ้นอย่างร้อนรน “อันอัน แน่ใจเหรอว่าผมไม่ได้เชิญคุณไปงานแต่งของผมน่ะ? ผมจำได้ว่าผมแจ้งไปแล้วนะ” “ไม่นี่ ฉันได้ยินจากเสี่ยวเถียนอีกทีว่านายกำลังจะแต่งงาน” “โอ๊ะ ผมโง่เอง! ลืมบอกเธอโดยตรงไปเลย! อันอัน
อาจจะเป็นเพราะเวลากลางคืน คนมักจะอ่อนไหวมากขึ้นขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะตอบเขายังไงดี สายของเขาก็โทรเข้ามา เพราะเธอไม่ได้ตอบข้อความ เขาจึงคิดว่าเธอมีโอกาสรับสายถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จึงถือวิสาสะโทร ฉินอันอันมองดูหมายเลขโทรเข้า หัวใจเต้นแรง เธอลังเลอยู่หลายวินาที ระหว่างรับหรือไม่รับ สุดท้ายเธอก็กดรับสาย “อันอัน จริง ๆ แล้วจุ่นจือไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คุณคิดนะ” ฟู่สือถิงเริ่มต้นด้วยเรื่องของเฮ่อจุ่นจือ เพื่อให้เธอสนใจคุยต่อ เพราะเธอรู้สึกผิดกับหลีเสี่ยวเถียน จึงให้ความสนใจกับงานแต่งงานของเฮ่อจุ่นจือมาก “เขาต้องการใช้การแต่งงานเพื่อบีบหลีเสี่ยวเถียนทางอ้อม” ฉินอันอันเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “แล้วถ้าเสี่ยวเถียนไม่เข้าใจเจตนาของเขาล่ะ?” “แสดงว่าพวกเขาหมดบุญวาสนาต่อกันแล้วน่ะสิ” เสียงของฟู่สือถิงสงบ พยายามควบคุมตัวเอง “ถ้าคุณกับผู้ชายคนอื่นกำลังจะแต่งงานกัน ผมจะไม่ยอมให้การแต่งงานของคุณราบรื่นแน่นอน” ฉินอันอันฟังคำพูดของเขาแล้วนึกโกรธ “คุณคิดว่าทุกคนจะเก่งเหมือนคุณหรือไง? ทำไมฉันจะแต่งงานใหม่ไม่ได้? ตอนที่คุณคิดจะแต่งงานกับถังเชี่ยน ฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย!” “ผมกำลังจะอธิบาย
อิ๋นอิ๋นมักจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน จะถูกพากลับบ้านเฉพาะในช่วงปีใหม่และวันหยุดเท่านั้นวันนั้นเมื่อเขาเห็นน้องสาว เขาก็อารมณ์ดี แต่พ่อของเขากลับไม่มีความสุขหลังจากดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว พ่อของเขาก็ลงมือกับอิ๋นอิ๋นเรื่องดี ๆ ทั้งหมดพังทลายลงในทันทีคนใช้ที่บ้านวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงด้วยความตกใจ อิ๋นอิ๋นคร่ำครวญและร้องไห้เสียงดังขณะถูกทุบตี แม่ดึงแขนพ่อไว้ พยายามจะหยุดโศกนาฏกรรมตรงหน้า แต่พ่อกลับผลักแม่ล้มลงอย่างแรง พี่ชายคนโตประคองแม่กลับห้อง ขณะที่พ่อฉุดกระชากลากอิ๋นอิ๋นและเดินออกไปแสงจันทร์ส่องสว่างในค่ำคืนที่ข้างนอกนั่น แต่ฟู่สือถิงกลับรู้สึกว่ามันช่างมืดมิดเหลือเกินเขาต้องการยุติวันคืนอันแสนโหดร้ายนี้! ในเมื่อต้นตอความเจ็บปวดของทุกคนมาจากพ่อ ดังนั้น หากพ่อตายไปซะ ครอบครัวก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปคืนนั้น เขาจบชีวิตพ่อด้วยน้ำมือของตัวเอง“อันอัน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ… อิ๋นอิ๋นคือคนที่ผูกพันกับผมที่สุด ผมแค่จะ...” ฟู่สือถิงพยายามอธิบายให้เธอฟังในเวลานี้ ประตูห้องนอนของฉินอันอันถูกผลักเปิดเข้ามารุ่ยลาถือนาฬิกาในมือแล้ววิ่งไปหาฉินอันอันอย่างรวดเร็ว“แม่คะ! คุ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง