เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขาก็โล่งใจขึ้นทันทีเขาไม่ได้ทำอะไร แค่ต้องการให้เธอสนใจเท่านั้น“ผมส่งแชทไป แต่คุณไม่ตอบ” เขากล่าวอย่างอึดอัดต่อหน้าเธอ“งั้นก็อย่าส่งแชทหาฉันอีก” เธอเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา แล้วก็ก้าวขึ้นรถไปรถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงสตาร์ทเครื่องยนต์ หักหัวเลี้ยว แล้วเคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่รถขับขึ้นทางหลัก หลีเสี่ยวเถียนก็ถาม “อันอัน เธอใจอ่อนให้เขาหรือยัง? ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรจากฉันเลย กินไม่อิ่มนอนไม่หลับทุกคืน”ฉินอันอันก้มหน้าเล็กน้อย ไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร“เมื่อกี้ฉันเพ่งมองฟู่สือถิงอยู่นาน ฉันว่าเขาบำรุงผิวดีจัง อายุตั้งเท่านี้แล้วแต่ยังหล่อขนาดนี้ ไม่ต่างจากตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรกเลย...”ฉินอันอันอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเธอ “เสี่ยวเถียน เธอว่าเขาอายุเท่าไหร่?”“สี่สิบ?”“ไม่น่าจะแก่ขนาดนั้น” ฉินอันอันขมวดคิ้ว “ไม่น่าจะถึงสี่สิบ ถ้าเขาสี่สิบฉันก็น่าจะรู้แล้วสิ”“เพราะอะไรล่ะ? หรือว่าถ้าเขาอายุสี่สิบ เขาจะจัดงานฉลองวันเกิดแบบยิ่งใหญ่?”“ไม่ใช่ ฉันแค่รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะอายุเยอะขนาดนั้น”“ฉันถึงได้ชมไงว่าเขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่หน้านะที่ดูดี ห
เปลือกตากะพริบปริบ ไม่คิดว่าเขาจะว่าง่ายขนาดนี้เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาทั้งสองรักกันหวานชื่น เขาไม่ได้เชื่อฟังเธอทุกเรื่องเขาเป็นผู้ชายที่มีหลักการมาก เช่น เมื่ออยู่ข้างนอก เขาจะไม่ให้เธอจ่ายเงินเลย และไม่ยอมรับเงินจากเธอสักครั้งดังนั้น เธอจึงไม่คิดว่าเขาจะยอมละทิ้งหลักการ แล้วรับเงินจากเธอโดยดีแต่สุดท้าย เขาก็รับไว้แสดงว่าในตอนนี้เขาสามารถละทิ้งนิสัยเดิม ๆ เพื่อเธอได้ในเมื่อเขายอมเชื่อฟังขนาดนี้ สักวันเธออาจจะยอมใจอ่อนให้เขาง่าย ๆ…… “สือถิง อย่าเอาแต่ดูโทรศัพท์ตลอดเวลาสิ อันอันคงไม่ตอบนายเร็ว ๆ นี้หรอก”ในห้องส่วนตัว เซิ่งเป่ยตบไหล่ฟู่สือถิง แล้วส่งแก้วเหล้าให้เขา“ตอบแล้ว” ฟู่สือถิงวางโทรศัพท์ลง“ตอบแล้วเหรอ งั้นก็โทรตามเธอออกมาดื่มด้วยสิ ถ้านายโทรชวนเธอมาได้ ฉันถึงจะเชื่อว่าเธอตอบแล้ว” สายตาของเซิ่งเป่ยจ้องไปที่โทรศัพท์ของฟู่สือถิงฟู่สือถิงเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ“พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงาน”“พรุ่งนี้พวกเราเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกันนี่?” เซิ่งเป่ยเปิดโปงคำโกหกของเขาอย่างกล้าหาญ “ถ้าเธอตอบนายจริง นายจะยังนั่งกินเหล้ากับพวกเราที่นี่ได้อีกเหรอ?
ฉินอันอันรู้สึกยินดีกับการต้อนรับของทุกคนหลังจากมาถึงห้องทำงาน ช่อดอกกุหลาบแดงบนโต๊ะกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อกุหลาบช่อนี้ไม่ใช่ช่อดอกไม้ขนาดธรรมดา มีดอกกุหลาบอย่างน้อยเก้าสิบเก้าดอก ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโต๊ะของเธอโดยทั่วไปแล้ว เฉพาะเมื่อผู้ชายจีบผู้หญิงเท่านั้น จึงจะมอบดอกกุหลาบแดงเก้าสิบเก้าดอกให้เธอ!เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะและค้นดูช่อดอกไม้ด้วยมือข้างในมีการ์ดเขียนด้วยลายมือการ์ดเขียนว่า: คุณคือเทพธิดาตลอดกาลของผม…เมื่อเห็นการ์ดใบนี้ ใบหน้าของฟู่สือถิงก็ปรากฏขึ้นในใจเธอจะมีใครอีกนอกเหนือจากฟู่สือถิง ที่ส่งช่อดอกไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ให้เธอและเขียนการ์ดด้วยประโยคจีบสุดน่าเบื่อชวนให้รู้สึกเอียนเช่นนี้?เธอสามารถทนต่อพฤติกรรมประจบสอพลอของเขาต่อเธอเป็นการส่วนตัวได้ แต่ที่นี่คือบริษัท และการกระทำของเขาจะส่งผลต่ออารมณ์ในที่ทำงานของเธออย่างจริงจัง!…… เอสทีกรุ๊ปวันนี้วันจันทร์ มีการประชุมบอร์ดบริหารระดับสูงประจำสัปดาห์หลังจากที่ฟู่สือถิงมาถึงบริษัท ผู้บริหารระดับสูงก็เข้าไปในห้องประชุมทีละคนเมื่อคืนนี้ฟู่สือถิงดื่มไวน์ ทำให้มีอาการปวดหัวค้างมาถึงเช้าวัน
ฟู่สือถิงมองโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสายไป รู้สึกใจหายวูบเหมือนตกจากที่สูงใช่ว่าเขารู้สึกไม่มีความสุขหลังจากถูกฉินอันอันดุ แต่เพราะมีใครก็ไม่รู้ส่งดอกกุหลาบฉินอันอันถ้าเป็นไมค์หรือจิ้นซือเหนียนที่ส่งดอกไม้ให้ฉินอันอัน พวกเขาคงไม่ทิ้งการ์ดไว้ให้แน่นอนแล้วใครล่ะ? ใครกำลังแอบติดตามฉินอันอันลับหลังเขา?“พวกคุณประชุมกันก่อนเลย!” หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดแบบนี้ เขาก็เดินออกจากห้องประชุมไปทั้งอย่างนั้นสั่งให้ผู้บริหารประชุมต่อ แล้วเขาก็เดินจากไปควรรู้ก่อนว่าในการประชุมบอร์ดบริหารทุกวันจันทร์ ทุกคนจะต้องรายงานภาระงานในส่วนของตนเองให้เขาทราบแต่พอเขาจากไปทั้งแบบนี้ จะให้พวกเขารายงานต่อใครล่ะ?ฟู่สือถิงออกมาจากห้องประชุม เดินตรงกลับไปที่ห้องทำงานของเขา แล้วปิดประตูเลขานุการยืนอยู่นอกประตูห้องทำงาน ดวงตาแดงก่ำด้วยความหวาดกลัวและสูญเสียความมั่นใจนี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำผิดพลาดหลังจากทำงานมาอย่างยาวนาน แถมยังทำผิดพลาดครั้งใหญ่แม้ว่ากาแฟจะไม่ร้อนมาก แต่โทรศัพท์มือถือ มือ และเสื้อผ้าของท่านประธานก็เลอะเทอะคราบเหนียว ๆ ของกาแฟแม้ว่าเขาจะยังไม่กล่าวหาเธอในตอนนี้ แต่เธอก็ตระหนักดีว่าเมื่อเ
โจวจื่ออี้กดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้กับฟู่สือถิง “ดอกไม้เป็นของรองประธานบริษัทที่ส่งให้อันอันในนามพนักงานทุกคนครับ”สีหน้าของฟู่สือถิงกลับมาสงบเรียบเฉยทันที“เจ้านายครับ กลับไปอาบน้ำเถอะ” โจวจื่ออี้มองไปยังรอยเปื้อนกาแฟบนเสื้อของเขา “เลขาจางอยากขอโทษคุณด้วยตัวเอง แต่ผมเห็นเธอหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เลยให้เธอไปทำงานตามปกติ”ฟู่สือถิงไม่ได้ตำหนิเลขาเขากำโทรศัพท์ไว้ในมือ เดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว…… ฉินกรุ๊ปเมื่อฉินอันอันรู้ว่าดอกกุหลาบเป็นของรองประธานที่ส่งมา เธอจึงยื่นการ์ดไปจ่อหน้ารองประธาน “ถ้าคุณส่งให้ฉันในนามพนักงานทุกคน คุณก็ควรเขียนว่า 'คุณคือเทพธิดาของพวกเราตลอดไป' ไม่ใช่ 'คุณคือเทพธิดาของผมตลอดไป' ตอนเด็กคุณสอบตกวิชาภาษาจีนหรือไง?”รองประธานก้มหน้ารับผิด “ประธานฉินครับ ผมคิดว่าสองประโยคนั้นไม่ต่างกันมาก ทุกคนต่างก็มองคุณเป็นเทพธิดา...”“ยังจะเถียงอีก! คุณส่งดอกไม้ให้ฉัน ทำไมไม่บอกฉันล่วงหน้า? รู้ไหมว่าฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฟู่สือถิงที่ส่งมา เมื่อกี้โทรด่าเขาไปแล้ว รู้ไหมว่ามันน่าอายขนาดไหน!”ฉินอันอันหน้าแดงก่ำ หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีก แต่แก้วน้ำว่างเปล่ารองประ
“เปล่า! ฉันไม่ยอมรับเขาต่างหาก!” เสี่ยวหานจ้องเสี่ยวตงอย่างดุร้าย แล้วถือจานอาหารหนีไป ไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขาอีกเสี่ยวตงรีบดึงเสื้อคลุมของเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน ฉันขอโทษ! ฉันแค่เคยเห็นน้องสาวข้างบ้าน พ่อเธอไม่ยอมรับเธอ ทำให้เธอต้องอยู่กับแม่แค่สองคน”คนเรามีเจตนาหรือไม่ ดูจากสีหน้าก็รู้ได้แล้วเสี่ยวตงแค่พูดโดยขาดความยั้งคิด แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายเสี่ยวหานกลับมานั่ง“เสี่ยวหาน ฉันทำให้นายโกรธอีกแล้ว” เสี่ยวตงหยิบไก่ทอดในจานของตัวเองไปใส่ในจานของเสี่ยวหาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ พ่อฉันดีกับฉันมาก เลยอยากให้นายมีพ่อที่รักนายเหมือนกัน”“ฉันไม่ต้องการ!” เสี่ยวหานมองไก่ทอดของเขาอย่างเย็นชา“ทำไมนายไม่ต้องการพ่อล่ะ? มีคนรักนายเพิ่มขึ้นอีกคน ไม่ดีเหรอ?” เสี่ยวตงงงงวย“ฉันไม่ต้องการไก่ทอดของนาย!” เสี่ยวหานกอดจานอาหารของตัวเองแล้วเลื่อนออกไป “นายไม่รักษาสุขอนามัย!”เสี่ยวตงรีบหยิบไก่ทอดกลับไปใส่ในชามของตัวเอง “เสี่ยวหาน ถึงนายจะชอบต่อว่าฉันทุกวัน แต่ฉันก็ชอบเป็นเพื่อนกับนายมากที่สุด ถ้าผู้เข้าแข่งขันมีสองโควตา เราสองคนไปแข่งขันด้วยกันได้นะ”เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “ฉันอาจจะแพ้นายก็ได้!”“แต่ผลการ
รุ่ยลาสวมชุดนอน ปล่อยผมลง เต้นไปมาในห้องนั่งเล่น เหมือนนกน้อยที่ร่าเริงและกระฉับกระเฉง เธอฮัมเพลงที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน ป้าจางอุ้มจื่อชิวยืนดูเธอเปิดการแสดงอยู่ข้าง ๆ จื่อชิวจ้องตาไม่กะพริบ มองดูรุ่ยลาและหัวเราะออกมาเป็นระยะ มุมปากของฉินอันอันยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหันกลับไปที่ห้องนอนหลัก หยิบชุดนอน แล้วเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ความเหนื่อยล้าหายไปหมด ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจอย่างชัดเจน เธอเข้าใจผิดฟู่สือถิงเรื่องดอกกุหลาบ ยังไม่ได้ขอโทษเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดในเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ก็ควรแยกแยะ เธอเปิดโทรศัพท์ เห็นข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาเมื่อสิบนาทีก่อน : งานแต่งงานของจุ่นจือ คุณจะไปไหม? เธอนิ่งคิดไปสองสามวินาที แล้วตอบกลับ : เขาไม่ได้เชิญฉันนี่ สองนาทีต่อมา สายของเฮ่อจุ่นจือก็ดังขึ้น ฉินอันอันรับสาย เสียงของเฮ่อจุ่นจือดังขึ้นอย่างร้อนรน “อันอัน แน่ใจเหรอว่าผมไม่ได้เชิญคุณไปงานแต่งของผมน่ะ? ผมจำได้ว่าผมแจ้งไปแล้วนะ” “ไม่นี่ ฉันได้ยินจากเสี่ยวเถียนอีกทีว่านายกำลังจะแต่งงาน” “โอ๊ะ ผมโง่เอง! ลืมบอกเธอโดยตรงไปเลย! อันอัน
อาจจะเป็นเพราะเวลากลางคืน คนมักจะอ่อนไหวมากขึ้นขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะตอบเขายังไงดี สายของเขาก็โทรเข้ามา เพราะเธอไม่ได้ตอบข้อความ เขาจึงคิดว่าเธอมีโอกาสรับสายถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จึงถือวิสาสะโทร ฉินอันอันมองดูหมายเลขโทรเข้า หัวใจเต้นแรง เธอลังเลอยู่หลายวินาที ระหว่างรับหรือไม่รับ สุดท้ายเธอก็กดรับสาย “อันอัน จริง ๆ แล้วจุ่นจือไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คุณคิดนะ” ฟู่สือถิงเริ่มต้นด้วยเรื่องของเฮ่อจุ่นจือ เพื่อให้เธอสนใจคุยต่อ เพราะเธอรู้สึกผิดกับหลีเสี่ยวเถียน จึงให้ความสนใจกับงานแต่งงานของเฮ่อจุ่นจือมาก “เขาต้องการใช้การแต่งงานเพื่อบีบหลีเสี่ยวเถียนทางอ้อม” ฉินอันอันเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “แล้วถ้าเสี่ยวเถียนไม่เข้าใจเจตนาของเขาล่ะ?” “แสดงว่าพวกเขาหมดบุญวาสนาต่อกันแล้วน่ะสิ” เสียงของฟู่สือถิงสงบ พยายามควบคุมตัวเอง “ถ้าคุณกับผู้ชายคนอื่นกำลังจะแต่งงานกัน ผมจะไม่ยอมให้การแต่งงานของคุณราบรื่นแน่นอน” ฉินอันอันฟังคำพูดของเขาแล้วนึกโกรธ “คุณคิดว่าทุกคนจะเก่งเหมือนคุณหรือไง? ทำไมฉันจะแต่งงานใหม่ไม่ได้? ตอนที่คุณคิดจะแต่งงานกับถังเชี่ยน ฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย!” “ผมกำลังจะอธิบาย