โจวจื่ออี้กดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้กับฟู่สือถิง “ดอกไม้เป็นของรองประธานบริษัทที่ส่งให้อันอันในนามพนักงานทุกคนครับ”สีหน้าของฟู่สือถิงกลับมาสงบเรียบเฉยทันที“เจ้านายครับ กลับไปอาบน้ำเถอะ” โจวจื่ออี้มองไปยังรอยเปื้อนกาแฟบนเสื้อของเขา “เลขาจางอยากขอโทษคุณด้วยตัวเอง แต่ผมเห็นเธอหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เลยให้เธอไปทำงานตามปกติ”ฟู่สือถิงไม่ได้ตำหนิเลขาเขากำโทรศัพท์ไว้ในมือ เดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว…… ฉินกรุ๊ปเมื่อฉินอันอันรู้ว่าดอกกุหลาบเป็นของรองประธานที่ส่งมา เธอจึงยื่นการ์ดไปจ่อหน้ารองประธาน “ถ้าคุณส่งให้ฉันในนามพนักงานทุกคน คุณก็ควรเขียนว่า 'คุณคือเทพธิดาของพวกเราตลอดไป' ไม่ใช่ 'คุณคือเทพธิดาของผมตลอดไป' ตอนเด็กคุณสอบตกวิชาภาษาจีนหรือไง?”รองประธานก้มหน้ารับผิด “ประธานฉินครับ ผมคิดว่าสองประโยคนั้นไม่ต่างกันมาก ทุกคนต่างก็มองคุณเป็นเทพธิดา...”“ยังจะเถียงอีก! คุณส่งดอกไม้ให้ฉัน ทำไมไม่บอกฉันล่วงหน้า? รู้ไหมว่าฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฟู่สือถิงที่ส่งมา เมื่อกี้โทรด่าเขาไปแล้ว รู้ไหมว่ามันน่าอายขนาดไหน!”ฉินอันอันหน้าแดงก่ำ หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีก แต่แก้วน้ำว่างเปล่ารองประ
“เปล่า! ฉันไม่ยอมรับเขาต่างหาก!” เสี่ยวหานจ้องเสี่ยวตงอย่างดุร้าย แล้วถือจานอาหารหนีไป ไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขาอีกเสี่ยวตงรีบดึงเสื้อคลุมของเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน ฉันขอโทษ! ฉันแค่เคยเห็นน้องสาวข้างบ้าน พ่อเธอไม่ยอมรับเธอ ทำให้เธอต้องอยู่กับแม่แค่สองคน”คนเรามีเจตนาหรือไม่ ดูจากสีหน้าก็รู้ได้แล้วเสี่ยวตงแค่พูดโดยขาดความยั้งคิด แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายเสี่ยวหานกลับมานั่ง“เสี่ยวหาน ฉันทำให้นายโกรธอีกแล้ว” เสี่ยวตงหยิบไก่ทอดในจานของตัวเองไปใส่ในจานของเสี่ยวหาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ พ่อฉันดีกับฉันมาก เลยอยากให้นายมีพ่อที่รักนายเหมือนกัน”“ฉันไม่ต้องการ!” เสี่ยวหานมองไก่ทอดของเขาอย่างเย็นชา“ทำไมนายไม่ต้องการพ่อล่ะ? มีคนรักนายเพิ่มขึ้นอีกคน ไม่ดีเหรอ?” เสี่ยวตงงงงวย“ฉันไม่ต้องการไก่ทอดของนาย!” เสี่ยวหานกอดจานอาหารของตัวเองแล้วเลื่อนออกไป “นายไม่รักษาสุขอนามัย!”เสี่ยวตงรีบหยิบไก่ทอดกลับไปใส่ในชามของตัวเอง “เสี่ยวหาน ถึงนายจะชอบต่อว่าฉันทุกวัน แต่ฉันก็ชอบเป็นเพื่อนกับนายมากที่สุด ถ้าผู้เข้าแข่งขันมีสองโควตา เราสองคนไปแข่งขันด้วยกันได้นะ”เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “ฉันอาจจะแพ้นายก็ได้!”“แต่ผลการ
รุ่ยลาสวมชุดนอน ปล่อยผมลง เต้นไปมาในห้องนั่งเล่น เหมือนนกน้อยที่ร่าเริงและกระฉับกระเฉง เธอฮัมเพลงที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน ป้าจางอุ้มจื่อชิวยืนดูเธอเปิดการแสดงอยู่ข้าง ๆ จื่อชิวจ้องตาไม่กะพริบ มองดูรุ่ยลาและหัวเราะออกมาเป็นระยะ มุมปากของฉินอันอันยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหันกลับไปที่ห้องนอนหลัก หยิบชุดนอน แล้วเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ความเหนื่อยล้าหายไปหมด ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจอย่างชัดเจน เธอเข้าใจผิดฟู่สือถิงเรื่องดอกกุหลาบ ยังไม่ได้ขอโทษเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดในเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ก็ควรแยกแยะ เธอเปิดโทรศัพท์ เห็นข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาเมื่อสิบนาทีก่อน : งานแต่งงานของจุ่นจือ คุณจะไปไหม? เธอนิ่งคิดไปสองสามวินาที แล้วตอบกลับ : เขาไม่ได้เชิญฉันนี่ สองนาทีต่อมา สายของเฮ่อจุ่นจือก็ดังขึ้น ฉินอันอันรับสาย เสียงของเฮ่อจุ่นจือดังขึ้นอย่างร้อนรน “อันอัน แน่ใจเหรอว่าผมไม่ได้เชิญคุณไปงานแต่งของผมน่ะ? ผมจำได้ว่าผมแจ้งไปแล้วนะ” “ไม่นี่ ฉันได้ยินจากเสี่ยวเถียนอีกทีว่านายกำลังจะแต่งงาน” “โอ๊ะ ผมโง่เอง! ลืมบอกเธอโดยตรงไปเลย! อันอัน
อาจจะเป็นเพราะเวลากลางคืน คนมักจะอ่อนไหวมากขึ้นขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะตอบเขายังไงดี สายของเขาก็โทรเข้ามา เพราะเธอไม่ได้ตอบข้อความ เขาจึงคิดว่าเธอมีโอกาสรับสายถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จึงถือวิสาสะโทร ฉินอันอันมองดูหมายเลขโทรเข้า หัวใจเต้นแรง เธอลังเลอยู่หลายวินาที ระหว่างรับหรือไม่รับ สุดท้ายเธอก็กดรับสาย “อันอัน จริง ๆ แล้วจุ่นจือไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คุณคิดนะ” ฟู่สือถิงเริ่มต้นด้วยเรื่องของเฮ่อจุ่นจือ เพื่อให้เธอสนใจคุยต่อ เพราะเธอรู้สึกผิดกับหลีเสี่ยวเถียน จึงให้ความสนใจกับงานแต่งงานของเฮ่อจุ่นจือมาก “เขาต้องการใช้การแต่งงานเพื่อบีบหลีเสี่ยวเถียนทางอ้อม” ฉินอันอันเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “แล้วถ้าเสี่ยวเถียนไม่เข้าใจเจตนาของเขาล่ะ?” “แสดงว่าพวกเขาหมดบุญวาสนาต่อกันแล้วน่ะสิ” เสียงของฟู่สือถิงสงบ พยายามควบคุมตัวเอง “ถ้าคุณกับผู้ชายคนอื่นกำลังจะแต่งงานกัน ผมจะไม่ยอมให้การแต่งงานของคุณราบรื่นแน่นอน” ฉินอันอันฟังคำพูดของเขาแล้วนึกโกรธ “คุณคิดว่าทุกคนจะเก่งเหมือนคุณหรือไง? ทำไมฉันจะแต่งงานใหม่ไม่ได้? ตอนที่คุณคิดจะแต่งงานกับถังเชี่ยน ฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย!” “ผมกำลังจะอธิบาย
อิ๋นอิ๋นมักจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน จะถูกพากลับบ้านเฉพาะในช่วงปีใหม่และวันหยุดเท่านั้นวันนั้นเมื่อเขาเห็นน้องสาว เขาก็อารมณ์ดี แต่พ่อของเขากลับไม่มีความสุขหลังจากดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว พ่อของเขาก็ลงมือกับอิ๋นอิ๋นเรื่องดี ๆ ทั้งหมดพังทลายลงในทันทีคนใช้ที่บ้านวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงด้วยความตกใจ อิ๋นอิ๋นคร่ำครวญและร้องไห้เสียงดังขณะถูกทุบตี แม่ดึงแขนพ่อไว้ พยายามจะหยุดโศกนาฏกรรมตรงหน้า แต่พ่อกลับผลักแม่ล้มลงอย่างแรง พี่ชายคนโตประคองแม่กลับห้อง ขณะที่พ่อฉุดกระชากลากอิ๋นอิ๋นและเดินออกไปแสงจันทร์ส่องสว่างในค่ำคืนที่ข้างนอกนั่น แต่ฟู่สือถิงกลับรู้สึกว่ามันช่างมืดมิดเหลือเกินเขาต้องการยุติวันคืนอันแสนโหดร้ายนี้! ในเมื่อต้นตอความเจ็บปวดของทุกคนมาจากพ่อ ดังนั้น หากพ่อตายไปซะ ครอบครัวก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปคืนนั้น เขาจบชีวิตพ่อด้วยน้ำมือของตัวเอง“อันอัน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ… อิ๋นอิ๋นคือคนที่ผูกพันกับผมที่สุด ผมแค่จะ...” ฟู่สือถิงพยายามอธิบายให้เธอฟังในเวลานี้ ประตูห้องนอนของฉินอันอันถูกผลักเปิดเข้ามารุ่ยลาถือนาฬิกาในมือแล้ววิ่งไปหาฉินอันอันอย่างรวดเร็ว“แม่คะ! คุ
ฉินอันอันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างรำไร เธอลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดไฟทันใดนั้นทั้งห้องก็สว่างราวกับกลางวัน มองทุกสิ่งที่คุ้นเคยตรงหน้า ทันใดนั้นความกลัวในใจเธอก็ค่อย ๆ หายไปเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้วอุณหภูมิร่างกายของเธอสลับกันระหว่างหนาวและร้อน พอเอามือแตะคางก็สัมผัสกับเหงื่อเหนอะตัวคิดย้อนกลับไปถึงความฝันนี้ก็ยังรู้สึกกลัวไม่หาย!เหตุผลที่เธอฝันแบบนั้นก็เพราะเธอคุยโทรศัพท์กับฟู่สือถิงเมื่อคืนนี้สิ่งที่ฟู่สือถิงพูดค้างไว้ยังพูดไม่จบ ไปสานต่อในความฝันของเธอเธอไม่ได้เก็บกดจนเอาไปฝัน แต่ถังเฉียวเซินเคยพูดอะไรในทำนองเดียวกันกับเธอมาก่อนจริง ๆเพียงแต่ถังเฉียวเซินไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดดังกล่าว เพราะถังเฉียวเซินก็ได้ยินเรื่องนี้มาอีกทีหนึ่งเช่นกันในความฝัน ฟู่สือถิงไม่เพียงแต่จะเคยฆ่าคนเท่านั้น แต่เขาจะฆ่าเธอด้วยหน้าอกของเธอดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบรัด ทั้งอึดอัดและเจ็บปวด จนแทบหายใจไม่ออกเธอลุกจากเตียงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำคอยปลอบใจตัวเองว่าความฝันก็เป็นเพียงความฝัน แม้ว่าความฝันจะเป็นจริง แต่ความฝันส่วนใหญ่จะเบี่ยงเ
“ฉันเคยขอให้คุณจับตาดูความเคลื่อนไหวของจินจือกรุ๊ป ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันถาม“หวังหว่านจืออ้างว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเลยจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ธุรกิจของจินจือกรุ๊ปถูกจัดการโดยผู้ถือหุ้นอีกคนของบริษัท” รองประธานรายงาน “ในช่วงเวลาที่คุณพักฟื้นหลังคลอด จินจือกรุ๊ปมีการเคลื่อนไหวใหญ่ ๆ บ่อยครั้ง ก่อนอื่นพวกเขาซื้อเว็บไซต์ช้อปปิ้งที่กำลังจะล้มละลาย แล้วก็ทำข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทหลายสิบแห่ง... กำลังเปลี่ยนแปลงชุดใหญ่ เพราะเรื่องการทำโดรน พวกเขาสู้เราไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเลยพัฒนาขยายธุรกิจไปสู่การค้าปลีกออนไลน์”ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หวังหว่านจือถูกขับออกไปแล้วเหรอ?”รองประธานส่ายหัว “ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ แต่แนวคิดการดำเนินงานยังคงเป็นของหวังหว่านจือ ได้ยินมาจากเพื่อนคนหนึ่งว่า เป้าหมายของพวกเขาคือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์”ฉินอันอันก้มหน้าลง เริ่มคิดถึงแผนการรับมือ“อันอัน คุณเคยคิดเรื่องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า? ผมเห็นว่าบริษัทของคุณในต่างประเทศออกจะใหญ่โตขนาดนั้น แต่ไม
“อันอัน” เสียงชายหนุ่มที่อ่อนโยนดังมาจากปลายสายฉินอันอันแยกแยะเจ้าของเสียงได้ทันที“อวิ๋นโม่!” เธอไม่คิดว่าอวิ๋นโม่จะโทรหาเธอ “นี่ใช่เบอร์ส่วนตัวคุณหรือเปล่า? หรือว่าคุณใช้เบอร์บ้านโทรหาฉัน?”“พี่ชายเพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้น่ะ” อวิ๋นโม่ตอบ “ผมอยากโทรหาคุณ ก็เลยขอให้เขาซื้อให้”ฉินอันอันหัวเราะด้วยความโล่งอก “ตอนนี้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม? ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”“ผม...” อวิ๋นโม่ยังพูดไม่จบ เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นจากปลายสาย“อวิ๋นโม่ ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอ? คุยโทรศัพท์กับใครอยู่? หมอบอกให้ลูกพักผ่อนเยอะ ๆ” เป็นเสียงของพ่อของอวิ๋นโม่ “ขอโทรศัพท์ให้พ่อหน่อย พรุ่งนี้เช้าพ่อค่อยคืนให้นะ”ไม่นาน สายก็ถูกตัดไปฉินอันอันมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย คิ้วขมวดเข้าหากัน!แม้อวิ๋นโม่จะเป็นคนไข้ แต่เขาก็ทำการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปหลายวันแล้ว นอกจากนี้เขาก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วด้วย แต่พ่อของอวิ๋นโม่ถึงกับไม่ให้เขาใช้โทรศัพท์ด้วยซ้ำอ้างว่าเป็นการดูแล แต่จริง ๆ แล้วต้องการควบคุมเขาอย่างสมบูรณ์ต่างหาก!ฉินอันอันรู้สึกโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ยังดีที่มีเบอร์ติดต่อของเขา และฟังจากเสีย