ฉินอันอันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างรำไร เธอลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดไฟทันใดนั้นทั้งห้องก็สว่างราวกับกลางวัน มองทุกสิ่งที่คุ้นเคยตรงหน้า ทันใดนั้นความกลัวในใจเธอก็ค่อย ๆ หายไปเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้วอุณหภูมิร่างกายของเธอสลับกันระหว่างหนาวและร้อน พอเอามือแตะคางก็สัมผัสกับเหงื่อเหนอะตัวคิดย้อนกลับไปถึงความฝันนี้ก็ยังรู้สึกกลัวไม่หาย!เหตุผลที่เธอฝันแบบนั้นก็เพราะเธอคุยโทรศัพท์กับฟู่สือถิงเมื่อคืนนี้สิ่งที่ฟู่สือถิงพูดค้างไว้ยังพูดไม่จบ ไปสานต่อในความฝันของเธอเธอไม่ได้เก็บกดจนเอาไปฝัน แต่ถังเฉียวเซินเคยพูดอะไรในทำนองเดียวกันกับเธอมาก่อนจริง ๆเพียงแต่ถังเฉียวเซินไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดดังกล่าว เพราะถังเฉียวเซินก็ได้ยินเรื่องนี้มาอีกทีหนึ่งเช่นกันในความฝัน ฟู่สือถิงไม่เพียงแต่จะเคยฆ่าคนเท่านั้น แต่เขาจะฆ่าเธอด้วยหน้าอกของเธอดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบรัด ทั้งอึดอัดและเจ็บปวด จนแทบหายใจไม่ออกเธอลุกจากเตียงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำคอยปลอบใจตัวเองว่าความฝันก็เป็นเพียงความฝัน แม้ว่าความฝันจะเป็นจริง แต่ความฝันส่วนใหญ่จะเบี่ยงเ
“ฉันเคยขอให้คุณจับตาดูความเคลื่อนไหวของจินจือกรุ๊ป ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันถาม“หวังหว่านจืออ้างว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเลยจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ธุรกิจของจินจือกรุ๊ปถูกจัดการโดยผู้ถือหุ้นอีกคนของบริษัท” รองประธานรายงาน “ในช่วงเวลาที่คุณพักฟื้นหลังคลอด จินจือกรุ๊ปมีการเคลื่อนไหวใหญ่ ๆ บ่อยครั้ง ก่อนอื่นพวกเขาซื้อเว็บไซต์ช้อปปิ้งที่กำลังจะล้มละลาย แล้วก็ทำข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทหลายสิบแห่ง... กำลังเปลี่ยนแปลงชุดใหญ่ เพราะเรื่องการทำโดรน พวกเขาสู้เราไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเลยพัฒนาขยายธุรกิจไปสู่การค้าปลีกออนไลน์”ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หวังหว่านจือถูกขับออกไปแล้วเหรอ?”รองประธานส่ายหัว “ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ แต่แนวคิดการดำเนินงานยังคงเป็นของหวังหว่านจือ ได้ยินมาจากเพื่อนคนหนึ่งว่า เป้าหมายของพวกเขาคือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์”ฉินอันอันก้มหน้าลง เริ่มคิดถึงแผนการรับมือ“อันอัน คุณเคยคิดเรื่องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า? ผมเห็นว่าบริษัทของคุณในต่างประเทศออกจะใหญ่โตขนาดนั้น แต่ไม
“อันอัน” เสียงชายหนุ่มที่อ่อนโยนดังมาจากปลายสายฉินอันอันแยกแยะเจ้าของเสียงได้ทันที“อวิ๋นโม่!” เธอไม่คิดว่าอวิ๋นโม่จะโทรหาเธอ “นี่ใช่เบอร์ส่วนตัวคุณหรือเปล่า? หรือว่าคุณใช้เบอร์บ้านโทรหาฉัน?”“พี่ชายเพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้น่ะ” อวิ๋นโม่ตอบ “ผมอยากโทรหาคุณ ก็เลยขอให้เขาซื้อให้”ฉินอันอันหัวเราะด้วยความโล่งอก “ตอนนี้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม? ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”“ผม...” อวิ๋นโม่ยังพูดไม่จบ เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นจากปลายสาย“อวิ๋นโม่ ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอ? คุยโทรศัพท์กับใครอยู่? หมอบอกให้ลูกพักผ่อนเยอะ ๆ” เป็นเสียงของพ่อของอวิ๋นโม่ “ขอโทรศัพท์ให้พ่อหน่อย พรุ่งนี้เช้าพ่อค่อยคืนให้นะ”ไม่นาน สายก็ถูกตัดไปฉินอันอันมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย คิ้วขมวดเข้าหากัน!แม้อวิ๋นโม่จะเป็นคนไข้ แต่เขาก็ทำการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปหลายวันแล้ว นอกจากนี้เขาก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วด้วย แต่พ่อของอวิ๋นโม่ถึงกับไม่ให้เขาใช้โทรศัพท์ด้วยซ้ำอ้างว่าเป็นการดูแล แต่จริง ๆ แล้วต้องการควบคุมเขาอย่างสมบูรณ์ต่างหาก!ฉินอันอันรู้สึกโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ยังดีที่มีเบอร์ติดต่อของเขา และฟังจากเสีย
ดวงตาของเธอหม่นลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนหน้านี้ หลีเสี่ยวเถียนเคยบอกเธอว่าจะไปร่วมงานแต่งงานของเฮ่อจุ่นจืออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้โทรหาเธอไม่ติดแล้ว ฉินอันอันเริ่มเป็นห่วงหรือหลีเสี่ยวเถียนจะเปลี่ยนใจไม่ไปในนาทีสุดท้าย? หรือว่าเธอจะได้รับแรงกระตุ้นจนทำเรื่องโง่ ๆ ลงไป?สิบห้านาทีต่อมา ฉินอันอันแต่งตัวเรียบร้อย ถือกระเป๋าเดินออกจากห้องอย่างเร่งรีบป้าจางเห็นเธอรีบร้อนเช่นนั้นจึงถามว่า “อันอัน มีอะไรด่วนหรือเปล่า? ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยนะ ไม่กินข้าวเช้าก่อนออกไปหน่อยเหรอ? พิธีแต่งงานกว่าจะเริ่มก็เที่ยงโน่นเลยนี่”ฉินอันอันเดินไปที่ประตูเพื่อเปลี่ยนรองเท้า “ไม่กินแล้วค่ะ ฉันต้องรีบไปหาเสี่ยวเถียน”บอดี้การ์ดขับรถพาเธอไปที่บ้านของหลีเสี่ยวเถียนเมื่อรถจอดนิ่ง เธอก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันทีแม่ของหลีเสี่ยวเถียนถือกระถางรดน้ำกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนเมื่อแม่หลีเห็นฉินอันอันก็พูดขึ้นทันที “อันอัน เสี่ยวเถียนออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วนะ เธอไม่ได้บอกหนูเหรอ?”ฉินอันอันอึ้งไปเล็กน้อย “เธอไปถึงโรงแรมแล้วเหรอคะ?”“ใช่! คาดว่าคืนที่แล้วเธอคงนอนไม่หลับ! เช้านี้ฟ้
เวลาสิบโมงเช้า แขกส่วนใหญ่มาถึงแล้วทุกคนจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ดื่มกินและพูดคุยกันในมุมต่าง ๆ ของห้องจัดเลี้ยงฉินอันอันนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับหลีเสี่ยวเถียนเธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาที่พวกเธออยู่เป็นระยะแน่นอนว่าคนที่ตกเป็นเป้าสายตาของพวกเขาไม่ไเธอ แต่เป็นหลีเสี่ยวเถียนในฐานะอดีตภรรยาของเฮ่อจุ่นจือ การมาร่วมงานแต่งของหลีเสี่ยวเถียนในวันนี้ทำให้หลายคนประหลาดใจพวกเขาอยากรู้มากว่า เมื่อบ่าวสาวมาถึง จะเกิดเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่านี้หรือไม่“ไมค์มาแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนแกะเมล็ดทานตะวัน ขณะที่เหลือบมองทางเข้าห้องจัดเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีคนรู้จักเดินเข้างานมา เธอก็จะบอกฉินอันอันเสมอฉินอันอันมองไปที่ทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ไมค์และโจวจื่ออี้มาด้วยกัน“พูดตามตรง ตอนนี้ฉันอิจฉาพวกเขามาก” หลีเสี่ยวเถียนแสดงสีหน้าที่ดูสงบเยือกเย็น แต่พูดออกมาจากใจจริง “เรื่องราวระหว่างฉันกับเฮ่อจุ่นจือ เมื่อเทียบกับอุปสรรคในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองแล้ว มันเทียบอะไรกันได้?”ฉินอันอัน “ถ้าการเปรียบเทียบแบบนี้ทำให้รู้สึกดีขึ้น ก็อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ช่วงตรุษจีนไมค์ไปที่บ้านของโจวจื่ออี้ เก
เห็นเช่นนั้น ฟู่สือถิงก็หยิบเมล็ดทานตะวันขึ้นมาแกะเช่นกันครึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงหยิบถ้วยเมล็ดทานตะวันมา แกะเปลือก แล้ววางไว้ตรงหน้าฉินอันอันฉินอันอันเหลือบมองเขา “ฉันไม่เอา”ฟู่สือถิง “งั้นไม่แกะแล้ว”ฉินอันอันยื่นถ้วยเมล็ดทานตะวันไปให้หลีเสี่ยวเถียน หลีเสี่ยวเถียนยิ้มแห้ง ๆ ซึ่งดูน่าสงสารกว่าการร้องไห้เสียอีก “ของที่ผู้ชายของเธอแกะให้ ฉันไม่กินหรอก! อีกอย่าง กินเมล็ดทานตะวันเยอะเดี๋ยวก็เป็นร้อนใน!”ฉินอันอันรีบเก็บถ้วยกลับคืน“ฉันไม่กลัวร้อนใน ให้ฉันกินเถอะ!” ไมค์คว้าถ้วยเมล็ดทานตะวันจากหน้าฉินอันอันไป แล้วพูดกับฟู่สือถิงอย่างยินดี “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จเนี่ย ทำอะไรก็เก่งไปหมดเลยนะ ถ้าไปแข่งขันแกะเมล็ดทานตะวัน รับรองได้แชมป์แน่”ฉินอันอันเหลือบมองสีหน้าที่เย็นชาลงของฟู่สือถิงเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรับถ้วยเมล็ดทานตะวันคืนมาจากไมค์เซิ่งเป่ยข้าง ๆ กำลังกลั้นหัวเราะอย่างทรมานส่วนโจวจื่ออี้ยกเท้าเตะไมค์“เตะผมทำไม? ฟู่สือถิงยังรู้จักปอกเมล็ดทานตะวันให้คนที่ตัวเองชอบเลย คุณเป็นผู้ช่วยของเขา ทำไมไม่หัดเรียนรู้บ้างล่ะ?” ไมค์หยิบเมล็ดทานตะวันขึ้นมาหนึ่งกำมือ วางไว้ตร
เธอรู้สึกมึนงงพวกเขานั่งอยู่ด้วยกันแท้ ๆ ยังจำเป็นต้องส่งข้อความหากันอีกเหรอ?หลังจากฟู่สือถิงส่งข้อความไปให้ฉินอันอันแล้ว ระหว่างรอคำตอบ เขาก็เปิดแชทกลุ่มย่อยขึ้นมาเซิ่งเป่ย : หลีเสี่ยวเถียนโหดมาก! นี่มันวาทกรรมอะไรกัน? ปกติฉันดูละครที่เล่นบทแบบนี้ ฉันจะด่าคนเขียนบทว่าบ้า แต่พอเสี่ยวเถียนพูดแบบนี้ ฉันรู้สึกว่ามันนุ้บนิ้บยังไงไม่รู้?โจวจื่ออี้: จุ่นจือนี่รู้ใจเสี่ยวเถียนดีจริง ๆ! เราควรส่งอั่งเปาให้จุ่นจือเลยไหม?เซิ่งเป่ย: จุ่นจือได้กำไรอื้อเลยนะ!โจวจื่ออี้: ไมค์ขอให้ฉันดึงเขาเข้ากลุ่ม ฉันควรดึงเขาเข้าไหม?เซิ่งเป่ย: ถ้านายถามแบบนี้ แสดงว่าอยากดึงเขาเข้าอยู่แล้ว ดึงเข้ามาเลย! ให้เขามาส่งอั่งเปา!ระบบแจ้งเตือน: ไมค์เข้าร่วมการแชทกลุ่มหลังจากไมค์เข้ากลุ่ม เขาก็ส่งสติ๊กเกอร์ที่ทำจากรูปตัวเอง ดูเจ้าชู้ที่สุดฟู่สือถิง : [อั่งเปา]เซิ่งเป่ย : [อั่งเปา]โจวจื่ออี้ : [อั่งเปา]ไมค์ไม่คิดว่าทันทีที่ตัวเองเข้ากลุ่มแล้วพวกเขาจะส่งอั่งเปามารอต้อนรับทันที เขาดีใจมากจนแทบคลั่ง!เขาเปิดอั่งเปาทุกซองอย่างมีความสุข แล้วกดรับมันเข้ากระเป๋า!โจวจื่ออี้ : อะไรเนี่ย! ใครใช้ให้นายรับอั
หลังจากที่เขาถาม เขาก็ยื่นไมโครโฟนไปหาหลีเสี่ยวเถียน“...ไม่หย่าแล้ว! เฮ่อจุ่นจือ แม้ว่าในอนาคตคุณจะหมดรักฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยคุณไปไหนทั้งนั้น!”“แล้วอีกหน่อยคุณจะโกรธผมแล้วตามผู้ชายคนอื่นไปหรือเปล่า?!”“ไม่อีกแล้ว! ฉันจะไม่โกรธคุณอีกเลย!” หลีเสี่ยวเถียนร้องไห้ โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฮ่อจุ่นจือ แล้วใช้มือทั้งสองข้างกอดเขาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างไมค์ตะโกนดัง ๆ ในกลุ่มผู้ชมว่า “จูบเลย จูบเลย!”ไม่มีใครพูดตามเขาเพราะพ่อแม่ของเฮ่อจุ่นจือไม่อยากเห็นสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาอยากให้ลูกชายได้แต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างจริงใจยกเว้นเจ้าสาวที่ดูสงบ ญาติคนอื่น ๆ พากันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโจวจื่ออี้รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ได้นั่งอยู่ข้างเขา “นายนี่ใช้ปากเป็นแต่ตอนกินหรือไง?”“วู้ว! จูบแล้ว!” ไมค์อุทานอย่างตื่นเต้น “หลีเสี่ยวเถียนเป็นฝ่ายจูบก่อนด้วย!”ที่จริงเฮ่อจุ่นจือยังคงลังเลและไม่เต็มใจ หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนเริ่มจูบเขาแล้ว ความยุ่งเหยิงทั้งหมดในหัวใจของเขาก็ถูกขจัดออกไปเขาตอบรับจูบของเธออย่างดุเดือดหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จูงมือหลีเสี่ยวเถียนไปหาพ่อแม่ของเขา“พ่อค