เธอเคยคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูหัวใจจะเป็นคนสติไม่สมประกอบอาจจะเพราะเหตุผลนี้รึเปล่า ที่ทำให้ฟู่สือถิงไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้กับเธอ?ฉินอันอันเดินไปที่โซฟาอย่างหดหู่และนั่งลง เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้า ไม่สามารถจะเข้าใจเรื่องราวได้“อันอัน เป็นอะไรไป?” จางหยุนเดินไปนั่งข้างลูกสาวและถาม“ลูกรู้จักเธอเหรอ? เพราะว่าที่ลูกพูดออกมาเมื่อครู่มันแปลกมาก”ฉินอันอัน “แม่คะ ตอนนี้หนูปวดหัว ขอหนูอยู่คนเดียวเถอะ”จางหยุน “ได้ แม่จะไปทำความสะอาดห้องพักแขก”ฉินอันอันคว้าแขนแม่ของเธอ “แม่คะ ไม่ต้องหรอก เธอรู้จักกับฟู่สือถิง พวกเขาสนิทสนมกัน… เดี๋ยวหนูจะส่งเธอกลับไป”จางหยุนตกตะลึงฟู่สืออิ๋นเองก็สีหน้าเปลี่ยนเมื่อเธอได้ยินคำว่า “ฟู่สือถิง” เธอก็หวาดกลัวขึ้นมาทันทีเธอร้องไห้อีกครั้งและส่ายหัวไปด้วยจางหยุนจับมือเธอไว้และพยายามปลอบ “ไม่ต้องกลัว หนูรู้จักฟู่สือถิงไหม?”ฟู่สืออิ๋นส่ายหัวอย่างแรงหากว่าไม่ส่ายหน้าปฏิเสธ ก็จะโดนส่งกลับไปหากว่าโดนส่งกลับไป ก็จะโดนเปิดสมองเธอไม่ต้องการแบบนั้นเธอยอมอยู่ในที่ซึ่งไม่คุ้นเคยนี่เลยยังดีกว่ากลับไปโดนผ่าตัดฉินอันอันมอง
”ทำไมเธอถึงมาหลบอยู่ตรงนี้?” ฟู่สือถิงมองเด็กชายตัวน้อยที่ใส่หมวกแก๊ป พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญตรงนี้เป็นลานจอดรถ และหากว่าคนขับรถไม่เห็นเด็กชายตอนที่ถอยรถก็อาจจะชนเขาได้รองผู้อำนวยการรีบอธิบาย “คุณฟู่ เด็กคนนี้เพิ่งเข้ามาเรียนเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาไม่คุยกับคนแปลกหน้าครับ”ทุกคนที่มาโรงเรียนนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็มีความบกพร่องไม่ทางร่างกายก็จิตใจฟู่สือถิงอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเด็กคนนี้มีปมด้อยเหมือนฟู่สืออิ๋นเสี่ยวหานเก็บโน๊ตบุ๊คเข้ากระเป๋า ก่อนถือกระเป๋าไว้มือหนึ่งแล้วค่อย ๆ ยืนอย่างเย็นชาเมื่อเขาเดินผ่านฟู่สือถิง เขาก็กระทืบไปบนรองเท้าหนังที่เงาเป็นมันวับของฟู่สือถิงฟู่สือถิง “...”เจ้าเด็กนี่ตั้งใจทำใช่ไหม?“คุณฟู่ ผมต้องขอโทษด้วยครับ เด็กคงไม่ได้ตั้งใจแน่” รองผู้อำนวยการรีบคุกเข่าลงและใช้ทิชชู่เช็ดรองเท้าให้ฟู่สือถิงเสี่ยวหานหันกลับมามอง แววตาฉายแววท้าทายแวบผ่านฟู่สือถิงจ้องเขา แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าครึ่งล่างเท่านั้นเพราะว่าใบหน้าส่วนบนโดนปีกหมวกบังเอาไว้เมื่อมองเห็นมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็รู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ร้ายกาจและไม่ธรรม
รอยยิ้มกระจ่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอทันทีนี่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาแสร้งทำไม่ได้ผู้หญิงคนนี้มีระดับสติปัญญาต่ำกว่ารุ่ยลาอคติและความเกลียดชังที่ฉินอันอันมีต่อเธอค่อย ๆ จางหายไปทีละนิดแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่ฟู่สือถิงรัก ก็ไม่อาจจะเลี่ยงความจริงได้ว่าเธอเป็นคนที่น่าสงสารหลังมื้อเย็นเสี่ยวหานฉวยโอกาสเดินเข้าไปหาฉินอันอัน“แม่”ฉินอันอันมองลูกชายและพูดนิ่ง ๆ “ลูกต้องการจะอธิบายให้แม่ฟังเหรอ?”เสี่ยวหานพยักหน้า พร้อมแววตาสงสารที่หาได้ยาก “เธอน่าสงสารมาก”น่าสงสารสองคำนี้ทำให้ฉินอันอันหวนคิดถึงคืนที่เธอและฟู่สือถิงเลิกกันเธอนั้นใจสลายจนเหมือนจะตายเพราะการมีอยู่ของผู้หญิงคนนี้ที่แทรกระหว่างเธอและฟู่สือถิงแต่เธอบอกลูกชายเรื่องนี้ไม่ได้“เธอก็น่าสงสารจริง ๆ” ฉินอันอันเห็นด้วย “แต่หากลูกอยากจะให้แม่ช่วยรักษาเธอ แม่ทำไม่ได้หรอก”เสี่ยวหานเลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ?”“อาการของเธอต้องอาศัยการผ่าตัดซึ่งต้องมีการพักฟื้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบไหนก็มีความเสี่ยงถึงชีวิตทั้งนั้น หากไม่ได้รับคำยินยอมจากครอบครัว แม่ก็ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้” ฉินอันอันอธิบายเหตุผลให้เขาฟังแม้ว่าเสี่ยวหานจ
”ฉินอันอัน คุณทำแบบนี้เพื่อจะอวดว่าตอนนี้ตัวเองประสบความสำเร็จแล้วงั้นเหรอ?” เสียงของฟู่สือถิงเย็นชาฉินอันอันอึ้งไป‘นี่เขาพูดเรื่องอะไรถึงได้โมโหขนาดนี้?’‘อวดว่าประสบความสำเร็จเหรอ?’‘อ๋อ นี่เกี่ยวกับเรื่องเปลี่ยนราคาในสัญญาสินะ?’“แล้วการที่ขายให้ฉันแค่สองร้อยห้าสิบล้านมันเรื่องอะไรกัน?” ฉินอันอันพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางแบบเดียวกัน “คุณจะยกให้ฉันหรือไง? ฉันไม่ต้องการหรอก”คิ้วของฟู่สือถิงขมวดแน่นเขาตระหนักแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั้นเลวร้ายมากจนไม่สามารถทนกันได้ตอนที่เขาซื้อฉินกรุ๊ปมา เขาก็หาโอกาสที่จะมอบมันให้กับเธอตอนนั้นเขาคิดว่าพวกเขาทั้งสองจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนานเขาเคยคิดว่าจะให้ตึกฉินกรุ๊ปมาหากำไรเขาขายให้เธอแค่สองร้อยห้าสิบล้านเพราะว่าเขาหาเหตุผลมา “ยก” ให้เธอไม่ได้หากว่าเขาต้องการจะ “ยก” ให้เธอ แน่นอนว่าเธอต้องไม่ยอมรับไว้“ถ้างั้นก็เอาตามราคาตลาด” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับและน้ำเสียงก็ขุ่นเคือง “คุณไม่ต้องการความอนุเคราะห์จากผม และผมก็ไม่ต้องการน้ำใจของคุณ”“โอเค ถ้างั้นก็รีบคืนเงินหนึ่งร้อยล้านที่เกินไปมาให้ฉัน” ฉินอันอันกำมือแน่นเพราะค
”อ๋อใช่ ฉันนี่สมองหมูจริง ๆ หย่าได้ก็ดีแล้ว น่าจะหย่าไปซะตั้งนานแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนถอนใจโล่งอก “พรุ่งนี้เธอว่างไหม? ฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่ฉลองที่เธอพ้นจากทะเลทุกข์มาได้”ฉินอันอัน “ฉินซื้อตึกของฉินกรุ๊ปมาวันนี้ เดี๋ยวฉันน่าจะยุ่งมาก”“อ้อ ฉันได้ยินมาจากเฮ่อจุ่นจือว่าเธอจ่ายไปตั้งหกร้อยล้าน เธอรวยมากจริง ๆ”“ห้าร้อยล้านน่ะ” ฉินอันอันพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เมื่อเย็นเขาคืนฉันมาหนึ่งร้อยล้าน”“โอ๊ย พวกเธอสองคนเล่นอะไรกันน่ะ?”“ทำเส้นแบ่งให้มันชัดเจนไง”“ใช่ เราต้องมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนกับเขา ผู้ชายคนนี้เฮงซวยมาก ต่อไปฉันจะบอกเฮ่อจุ่นจือให้อยู่ห่าง ๆ เขาหน่อย” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างมุ่งมั่น“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว รีบเข้านอนเถอะ ฉันง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้นแล้วเนี่ย” ฉินอันอันรู้สึกง่วงจริง ๆเปลือกตาเธอเหมือนหนักอึ้งหลายกิโล‘ฟู่สือถิงใช้เงินไปมากมายเพื่อสืออิ๋น และก็ทำไปเพราะความรักที่มีให้สืออิ๋น’‘ก็ไม่เป็นไร’ฉินอันอันปล่อยวางจากเขาแล้วเวลาเดียวกันที่อพาร์ตเม้นสุดหรูถังเชี่ยนได้แต่มองดูฟู่สือถิงตวาดถามข่าวอย่างเกรี้ยวกราด เขามึนตึงเหมือนมีคนเอาก้อนหินมาทุบหัวสืออิ๋นเหรอ?ผู้หญิงคนนี
รุ่ยลารีบปีนลงจากเตียงและไปเรียกแม่เธอทันทีฉินอันอันที่หัวยุ่งเหยิงเข้ามาให้ห้องของเด็ก ๆ พร้อมกล่องยา“รุ่ยลา ไปนอนกับพี่ลูกไป” ฉินอันอันเห็นว่าฟู่สืออิ๋นมีไข้สูง เธอก็บอกลูกสาวรุ่ยลาพยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล “แม่คะ อิ๋นอิ๋นเป็นหวัดหรือเปล่า? แม่อยากปิดแอร์ไหมคะ?”ฉินอันอัน “เป็นไข้นี่ก็มีได้หลายสาเหตุ เธออาจจะไม่ได้เป็นหวัดก็ได้”อุณหภูมิในห้องไม่ได้ร้อนหรือหนาวไป ดังนั้นก็ไม่น่าจะเป็นหวัดได้เธอวัดไข้อิ๋นอิ๋นด้วยปรอทและพบว่าไข้สูงถึงสามสิบเก้าจุดห้าองศาจะต้องลดไข้ให้เธอทันทีหลังจากที่ให้น้ำเกลือแล้ว ฉินอันอันก็เข้าไปในห้องน้ำและเอาน้ำอ่างหนึ่งออกมาเธอเช็ดตัวให้อิ๋นอิ๋นตอนนี้เป็นเวลาประมาณตีสาม ฉินอันอันก็อาศัยสัญชาตญาณการเป็นหมอของเธอเพื่อดูแล “ศัตรูหัวใจ”เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็นั่งลงข้างเตียง และยิ่งรู้สึกไม่สบายใจทำไมพระเจ้าถึงได้ทดสอบเธอแบบนี้?แล้วนี่เธอจะส่งอิ๋นอิ๋นกลับไปยังไง?หากว่าเธอไม่ส่งอิ๋นอิ๋นกลับไป เกรงว่าฟู่สือถิงจะกลายเป็นบ้าเธอไม่ได้มีเจตนาไม่ดีที่จะทรมานเขาตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดในห้องของเสี่ยวหานหลังจากที่รุ่ยล
เมื่อเปิดประตูเข้ามา ก็ได้ยินฟู่สืออิ๋นกระซิบอย่างอึดอัดว่า “พี่ชาย…พี่ชาย…”เด็กทั้งสองนิ่วหน้าละรีบเดินไปที่เตียงแก้มของฟู่สืออิ๋นแดงก่ำและผิวกายก็ร้อนฉ่า“เธอไข้ขึ้นอีกแล้ว หนูจะไปตามแม่” รุ่ยลารีบวิ่งออกไปบอกฉินอันอันเสี่ยวหานจับมือที่โบกไปมาของฟู่สืออิ๋นไว้และปลอบเธอ “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องกลัว”เมื่อฟู่สืออิ๋นได้ยินเสียงเธอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเธอเห็นพี่ชายพี่ชายมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ“พี่ชาย… ฮือฮือ..กอด” ฟู่สืออิ๋นร้องไห้และทำท่างอแงตัวของเธอร้อนและรู้สึกไม่สบาย เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตายเสี่ยวหานไม่มีทางเลือกความต่างทางขนาดตัวของทั้งสองคนนั้นเยอะมากแล้วเขาจะกอดเธอได้ยังไง?เขาทำได้เพียงรอให้แม่มาแล้วช่วยลดไข้ให้เธอ“พี่ชาย ทำไมไม่กอดหนูล่ะ? พี่ไม่อยากโอ๋หนูแล้วเหรอ?” ฟู่สืออิ๋นน้ำตาไหล และเธอร้องไห้อย่างปวดร้าวใจเสี่ยวหานนั้นดูเหมือนฟู่สือถิงมาก ดังนั้นเธอเลยคิดว่าเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงฉินอันอันได้ยินว่าฟู่สืออิ๋นไข้ขึ้นอีกครั้งก็รีบมาดูทันที“ทำไมไข้ถึงได้กลับมาเร็วนัก” ฉินอันอันยกมือมาแตะดูอุณหภูมิที่หน้าผากของฟู่สืออิ๋น ไข้นั้นหนักกว่าเมื่อตอนตีสามอีก “ไม่ได
เซิ่งเป่ยเดาถูกราวกับว่าเขาคือฉินอันอันเอง โจวจื่ออี้อยากโทรยืนยันกับฉินอันอัน แต่เขาไม่กล้า ตอนนี้เธอหย่ากับเจ้านายเขาแล้ว บางทีเธออาจจะไม่รับสายเขาก็ได้ “พี่เป่ยโทรหาบอสแล้วยัง?” โจวจื่ออี้ถาม เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความขุ่นเคือง “ถ้าผู้หญิงคนที่ชื่ออิ๋นอิ๋นไม่หายไป นายเชื่อไหมว่าเขาจะเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต? นี่คือสิ่งที่เขาไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะ ถ้าฉันไปถาม จะไม่เป็นการรบกวนเขาเหรอ?” โจวจื่ออี้ “เอาล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีใครเจออิ๋นอิ๋น ผมเดาว่าเขาคงอารมณ์ไม่ดีแล้ว” ...... โรงเรียนนานาชาติแองเจลา หลังจากที่เสี่ยวหานได้ข่าวว่าฟู่สือถิงใช้เงินจำนวนมากเพื่อตามหาอิ๋นอิ๋น เขาก็รู้สึกหงุดหงิด ฟู่สือถิงกับอิ๋นอิ๋นเป็นอะไรกัน? เขาค้นหาชื่อ อิ๋นอิ๋น แต่ก็ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเธอเลย อิ๋นอิ๋นน่าจะเป็นเป็นชื่อเล่น ไม่รู้ว่าชื่อจริงของเธอชื่ออะไร เสี่ยวหานเจาะระบบบุคลากรของโรงเรียนนานาชาติแองเจลา คิดไม่ถึงว่า ข้อมูลที่เก็บไว้ของอิ๋นอิ๋นจะใช้ชื่อว่าอิ๋นอิ๋น ‘หรือว่าเธอจะไม่มีชื่อจริง?’ ‘หรือว่าครอบครัวของเธอทำแบบนี้เพื่อปกป้องเธอ?’ ‘ครอบครัวของเธอคือใคร?’
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง