รถโรลส์รอยซ์สีดำชะลอความเร็วและรอให้ประตูพับไฟฟ้าเปิดฉินอันอันแทบจะกอดเสี่ยวหานหันหลังกลับโดยไม่รู้ตัวสักพักตัวรถก็แวบผ่านไปราวกับเงาดำ!เสี่ยวหานมองรถหรูที่กำลังจะขับจากไป จากนั้นก็เงยหน้ามองแม่ที่มีท่าทางตื่นตระหนก เขาคิดว่าแม่อาจรู้จักคนที่อยู่ในรถคันนั้นเสี่ยวหานไม่เคยเห็นแม่กลัวใครเขาเริ่มสนใจที่นี่เข้าแล้วหลังจากเข้าโรงเรียนแล้ว ผู้รับผิดชอบได้พาสองแม่ลูกเยี่ยมชมสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนที่นี่เป็นโรงเรียนพิเศษที่ดีที่สุดในประเทศเอมากจริง ๆ ไม่เพียงแต่สภาพแวดล้อมที่สวยงามเท่านั้น ครูและสิ่งอำนวยความสะดวกยังเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วยแม้ว่าค่าเล่าเรียนจะแพงมาก แต่ฉินอันอันก็ค่อนข้างพอใจกับที่นี่“เสี่ยวหาน มาลองที่นี่กันดีกว่าไหม? แม่จะมาส่งลูกทุกเช้าและจะมารับตอนเย็น โอเคไหม?” ฉินอันอันพาลูกชายออกไปคุยข้างนอกถ้าเสี่ยวหานส่ายหน้า เธอก็จะไม่บังคับเขาแม้ว่าเขาจะแตกต่างจากคนทั่วไป แต่เขายังคงเป็นลูกชายที่เธอรักที่สุด‘ไม่เห็นจะเป็นไร เธอจะสนับสนุนเขาไปตลอดชีวิต’เวลานั้นเสี่ยวหานพยักหน้าฉินอันอันตกตะลึงเธอไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? ลูกตกลงแล้ว!“ลูกต
เธอไม่อยากไปเจอฟู่ซื่อถิงจริง ๆรถโรลส์รอยซ์ที่เธอเห็นที่โรงเรียนนานาชาติแองเจลาวันนี้แตกต่างจากรถโรลส์รอยซ์เมื่อสี่ปีก่อนสุดท้ายเขาก็ขับรถไม่ได้เป็นเวลาสี่ปีแต่คนขับยังเป็นคนเดิม‘ทำไมเขาถึงไปที่โรงเรียนพิเศษนั่น?’‘หรือว่า...เขาจะเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนั้น?’แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของ เขาก็คงไม่สนใจการดำเนินงานของโรงเรียนเป็นพิเศษหรอกเพราะสุดท้ายแล้ว มีบริษัทใหญ่อย่างเอสทีกรุ๊ปก็เพียงพอแล้ว……เวลาอาหารกลางวันโจวจื่ออี้เห็นสีหน้าเย็นชาของฟู่ซื่อถิง เขาขมวดคิ้วและจึงอธิบายว่า “นายครับ แม้ว่าศาสตราจารย์หูจะมีลูกศิษย์มากมาย แต่ถ้าเราลองหาทีละคน เราก็จะต้องเจอบุคคลที่ศาสตราจารย์หูกล่าวถึงอย่างแน่นอน”ฟู่ซื่อถิง “ฉินอันอันกลับมาที่นี่แล้ว”เสียงของเขาเยือกเย็นและราบเรียบดูเหมือนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ แต่ก็กลับเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายจู่ ๆ โจวจื่ออี้ก็กลับมามีสติอีกครั้ง “เธอได้ติดต่อคุณหรือเปล่า?”“ไม่ แต่เร็ว ๆ นี้แหละ” ฟู่ซื่อถิงพลันหยิบตะเกียบขึ้นมา “เธอต้องการหย่ากับฉัน ฉันบอกให้ทนายของเธอกลับไปบอกเธอว่า ถ้าเธอต้องการหย่า ก็ให้เธอมาหาฉันเอง”โจวจื่ออี้ “แล้วถ้าเธอไม่
เวลาบ่ายสอง ฉินอันอันได้รับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการโจว“อันอัน เธอว่างเมื่อไหร่? อีกฝ่ายนัดคุยกับเรา อยากดูว่าเรามีหลักฐานทางทรัพย์สินไหม? ราคาตลาดปัจจุบันของตึกนี้ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน”คำพูดของผู้อำนวยการโจวทำให้ฉินอันอันสะดุ้ง “ถ้าฉันจำไม่ผิด เดิมตึกนี้ขายแค่สองร้อยห้าสิบล้านไม่ใช่เหรอ?“ใช่! ตึกนั้นอยู่ในทำเลที่ดี เนื่องจากในช่วงสองปีที่ผ่านมาราคาที่ดินสูงขึ้น มูลค่าของมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย”“ได้ค่ะ วันนี้ฉันไม่ว่าง งั้นเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน!”“ได้ ฉันจะตอบพวกเขากลับไปทันที”ฉินอันอันนัดกับหลีเสี่ยวเถียนในช่วงบ่ายหลายปีที่ผ่านมาทั้งสองยังคงติดต่อกัน ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อกันมากนักแต่ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมทั้งสองเจอกันที่ร้านอาหารยุโรปหลีเสี่ยวเถียนถือช่อกุหลาบแดงมาด้วย และกอดโผกอดหลังจากได้เจอฉินอันอัน“ฉินอันอัน! ในที่สุดเธอก็ยอมกลับมาสักที! ถ้าเธอไม่กลับมา ฉันจะเลิกคบเธอแล้ว!”สี่ปีที่ผ่านมาพวกเธอเจอกันแค่สองครั้งทั้งสองครั้งคือตอนที่หลีเสี่ยวเถียนไปหาเธอที่ต่างประเทศฉินอันอันหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาดมกลิ่นและชม “ดอกไม้ที่เพื่อนรักของฉันให้หอมจังเลย”“ฉินอันอัน ตอน
หลี่เสี่ยวเถียนตกใจและมองเธอครู่หนึ่ง “รายได้ของเธอมันเท่าไหร่กัน?!”ฉินอันอัน “การสร้างบริษัทของพ่อฉันขึ้นมาใหม่เป็นความฝันของฉัน ความฝันเข้าใจไหม? มันอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้"หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ต่อหน้าเธอ ฉันกับเฮ่อจุนจือเหมือนคนไร้สาระไปวัน ๆ งั้นฉันต้องจับขาของเธอไว้ให้ดี ๆ...หรือจะให้ฉันหาคู่ให้ดีล่ะ? ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งทั้งหล่อทั้งหนุ่ม ปีนี้เขาอายุแค่สิบเก้าปีเอง ที่สำคัญคือ เขานิสัยดีมาก...”ฉินอันอันกุมขมับ “หลีเสี่ยวเถียน อย่าทำร้ายฉันเลย”“เธอไม่ชอบหญ้าอ่อนเหรอ? หรือเธอชอบหญ้าแก่? แก่ก็ได้อยู่นะ! ปีนี้เทรนเนอร์ฟิตเนสของฉันอายุสี่สิบปี ถึงจะแก่แต่กล้ามของเขาก็ทำฉันน้ำลายไหลทุกครั้งที่เห็น.....เธอจับเขาไว้ ให้เขาทำงานบ้านทุกวัน เช่น ซักผ้า ทำอาหาร อุ่นเตียง....”ฉินอันอันถอนหายใจหลังจากเลิกกับฟู่ซื่อถิงเธอก็ไม่สนใจในผู้ชายเลยไม่ว่าจะเป็นลูกสุนัขหรือหมาป่าตัวใหญ่ เธอก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นหลังจากจิบชายามบ่าย ฉินอันอันกับหลีเสี่ยวเถียนไปที่ร้านโฟร์เอสเพื่อซื้อรถยนต์หลีเสี่ยวเถียนบอกให้เธอซื้อเมอร์เซเดสเบนซ์ แต่เธอชอบแลนด์โรเวอร์“คันนี้เป็นย
โจวจื่ออี้หน้าถอดสีทันทีที่เห็นฉินอันอันเขาไม่คิดว่าคนที่ต้องการซื่อตึกฉินกรุ๊ปคือฉินอันอัน!ในใจของฉินอันอันสับสนไปหมดทำไมผู้ช่วยของฟู่ซื่อถิงถึงมาอยู่ที่นี่?หรือว่า...เมื่อผู้อำนวยการโจวเห็นพวกเขาเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและทักทายผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ทันที “ผู้จัดการจาง คนข้าง ๆ คุณคือใครครับ?”ผู้จัดการจางแนะนำ “โจวจื่ออี้ เป็นผู้ช่วยของฟู่ซื่อถิง ตอนนั้นคุณฟู่สั่งให้ผมจัดการซื้อตึกฉินกรุ๊ปแทนเขาครับ”ผู้อำนวยการโจวพยักหน้าและทักทายโจวจื่ออี้ “สวัสดีครับ ผู้ช่วยโจว”โจวจื่ออี้จับมือกับเขา “สวัสดีครับ”“ผมขอแนะนำสักหน่อยนะครับ! คนที่ต้องการซื้อตึกฉินกรุ๊ปคือฉินอันอัน บุตรสาวคนโตของฉินเจี๋ยซึ่งเป็นอดีตเจ้านายของผม” ผู้อำนวยการโจวแนะนำฉินอันอันให้พวกเขาฟัง “ตอนนั้นฉินกรุ๊ปไม่มีทางเลือกจึงต้องล้มละลาย แต่ตอนนี้คุณฉินหาเงินได้จากต่างประเทศ และอยากเอาเงินส่วนนั้นมาซื้อตึกคืนและสร้างฉินกรุ๊ปขึ้นมาใหม่”ฉินอันอันรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบอย่างน่าประหลาดใจผู้อำนวยการโจวพูดอะไร เธอก็ฟังไม่เข้าหูเธอรู้สึกเพียงการถูกเสียดสี!‘ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอแบบนี้!’‘ถ้าฟู่ซื่อ
“เธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เธอยังเด็กและสวยมาก แต่นิสัยของเธอเปลี่ยนไปมากครับ” โจวจื่ออี้บอกฟู่ซื่อถิงว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการเจอฉินอันอันในครั้งนี้ “เธอสุขุมและเด็ดขาด มีเงินเยอะมาก ในระยะเวลาแค่สี่ปี ไม่รู้ว่าเธอหาเงินมากขนาดนี้ได้ยังไง”“ลองหาข้อมูลที่ประเทศบีก็เจอแล้ว เธอเปิดบริษัทร่วมกับคนอื่นเมื่อสามปีที่แล้ว มีชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยีเอเอ็น ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตและจำหน่ายโดรน น่าจะใช้ระบบที่ฉินเจี๋ยทิ้งไว้ แต่ผมได้ยินมาว่าระบบที่ฉินเจี๋ยทิ้งไว้ยังไม่สมบูรณ์ เธอคงหาคนมาทำให้ระบบมันสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นโดรนของเธอคงไม่ขายดีขนาดนี้”เซิ่งเป่ยพูดพร้อมกับหยิบกองข้อมูลออกมา“ฉินอันอันไม่ใช่ฉินอันอันที่อ่อนแอและทำอะไรไม่เป็น เหมือนสี่ปีก่อนอีกต่อไปแล้ว”โจวจื่ออี้ “ผมไม่เคยรู้สึกว่าเธออ่อนแอและทำอะไรไม่เป็น แม้ว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วเธอจะไม่มีเงิน แต่เธอก็ค่อนข้างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทำให้คุณโกรธได้ขนาดนี้”เซิ่งเป่ย “นั่นก็จริง ตอนนี้เธอมีเงินแล้ว! ถึงเราจะเสนอราคาหนึ่งพันล้าน เธอก็จ่ายได้อยู่ดี”โจวจื่ออี้มองฟู่ซื่อถิงที่กำลังนิ่งเงียบและถามว่า “คุณจะขา
ตอนเย็นที่บ้านเดิมของตระกูลฟู่มื้อเย็นกับครอบครัว“เย่เฉิน แกกับจางฉวนลูกสาวคนโตของจางกรุ๊ปเป็นยังไงบ้าง?” แม่เฒ่าฟู่ถามด้วยความเป็นห่วงฟู่เย่เฉินรู้สึกอับอายและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง“เย่เฉิน ย่ากำลังถามแก! วันก่อนแกบอกว่าคุยกันในวีแชทไม่ใช่เหรอ?” แม่ของฟู่เย่เฉินเหลือบมองลูกชายฟู่เย่เฉินขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงอัดอั้น “เราคุยกันสนุกมากครับ แต่จู่ ๆ ก็มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณสี่หรือห้าขวบวิ่งเข้ามาดึง แล้วเรียกผมว่าพ่อ เธอร้องไห้และกรีดร้อง ฉากนั้นน่าอายมาก ทำให้จางฉวนเข้าใจผิด เธอก็เลยบล็อคเบอร์กับวีแชทของผม ตอนนี้ผมติดต่อเธอไม่ได้เลยครับ”จู่ ๆ สีหน้าของฟู่หานกับภรรยาของก็เปลี่ยนเป็นมืดมนจนแทบจะกลายเป็นถ่านตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาหวังว่าลูกชายจะได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยเพื่อให้ฐานะของพวกเขามั่นคงสุดท้ายไม่ว่าฟู่ซื่อถิงจะร่ำรวยแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่ให้เงินพวกเขาเดิมทีคิดว่าการผูกมิตรกับจางกรุ๊ปคงจะราบรื่น แต่กลับถูกเด็กผู้หญิงวัยสี่ห้าขวบทำลายลงเสียได้!“เกิดเรื่องพิเรนแบบนี้ได้ยังไง?! เด็กน้อยคนนั้นไม่ได้ตั้งใจหรอกใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่พูดด้วยความโกรธฟู่เย่เฉิน
“พรุ่งนี้คุณว่างไหม?” เธอพูดขึ้นก่อน“เช้าหรือบ่าย?” เสียงของเขาทุ้มต่ำและดึงดูดเหมือนเช่นเคย“เช้าก็แล้วกัน!” สติของเธอถูกควบคุมด้วยแอลกอฮอล์ เธอจึงพูดไม่เหมือนที่สมองคิด และเธอก็กล้าเป็นพิเศษ “อย่าลืมเอาทะเบียนบ้านกับทะเบียนสมรสมาด้วยล่ะ ถ้าเราตกลงกันได้ พรุ่งนี้เช้าเราจะได้ใบหย่า!”ฟู่ซื่อถิงไม่คิดว่าน้ำเสียงของเธอจะเย็นชาขนาดนี้มันแตกต่างกับสิ่งที่จื่ออี้พูดโดยสิ้นเชิง“ฉินอันอัน แล้วคุณจะต้องเสียใจ” ลูกกระเดือกของเขาขยับ นิ้วที่ถือโทรศัพท์ก็กระชับขึ้นทันที“ฉันจะไม่เสียใจเลยสักนิด!” คำพูดของเขาทำให้เธอโกรธ “ถ้าพรุ่งนี้หย่าเสร็จ ฉันจะซื้อประทัดมาจุดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไปเลย ไม่ต้องนงต้องนอนกันแล้ว!”เธอพูดพร้อมกับหัวเราะฟู่ซื่อถิงได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ารักของเธอ จึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ“ฉินอันอัน คุณดื่มเหล้าใช่ไหม?”เมื่อก่อนเธอไม่เคยดื่มเหล้าเลย!แต่ตอนนี้กลับดื่มแถมยังเมาอีกด้วยความโกรธแค้นจุดประกายในใจของเขา“คุณสนใจด้วยเหรอ?! ฉันอยากดื่มอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่มีใครห้ามฉันได้!” เธอตะโกนอย่างเย่อหยิ่งฟู่ซื่อถิงกัดฟัน “พรุ่งนี้เราหย่ากัน!”แน่นอนว่าไม
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง