ตระกูลฟู่รถสีดำมาจอดที่ลานหน้าบ้านเมื่อประตูรถเปิดออก ใบหน้าสง่างามที่คุ้นเคยก็โผล่ออกมาป้าจางพูดว่า “คุณถัง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ถังเฉียนยิ้มและพูดว่า “ป้าจางไม่เจอกันนานเลย ซื่อถิงอยู่บ้านหรือเปล่าคะ?”ป้าจางพยักหน้า “คุณผู้ชายรออยู่ที่บ้านตั้งแต่ที่เขาได้รับสายคุณเมื่อเช้านี้แล้วค่ะ”ถังเฉียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งลงจากรถ"คุณเสิ่น ระวังเท้านะคะ” ถังเฉียนช่วยเธอลงจากรถคุณเสิ่นท่านนี้อายุประมาณสามสิบปี เธอมีรูปลักษณ์เป็นผู้ใหญ่ ดูสง่างามทำให้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนได้อ่านวรรณกรรมเธอมองไปที่คฤหาสน์ตรงหน้าเธออารมณ์ภายในจิตใจของเธอไม่สามารถมองเห็นได้จากดวงตาป้าจางไม่กล้าถามคำถามเยอะ เธอจึงเดินนำหน้าพวกเธอเข้าไปในห้องรับแขกเมื่อฟู่ซื่อถิงเห็นพวกเธอเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันทีถังเฉียนโทรหาเขาตอนเช้าและบอกว่าเขาว่าเธอเจอนักเรียนที่ศาสตราจารย์หูบอกว่าสามารถช่วยเขาได้สายสุดท้ายของศาสตราจารย์หูชิงคือฟู่ซื่อถิง เรื่องนี้ออกข่าวในท้องถิ่นด้วยตราบใดที่ใช้เงินและเส้นสายเพียงเล็กน้อย ก็สามารถล้วงข้อมูลการโทรครั้งล่าสุดระหว่างศาสตราจารย์หูชิง
ฟู่สือถิง “ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ผมไม่ต้องการ”ถังเชี่ยนรู้สึกผิดหวังและหันหลังจากไปโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำลายความเงียบในห้องลงฟู่สือถิงหยิบมือถือขึ้นมาและเห็นสายเรียกเข้าของฉินอันอัน ขมับเขากระตุกทันทีนี่ก็เกือบเที่ยงแล้วเมื่อคืนเขาและฉินอันอันนัดกันว่าจะมาเจอกันเช้านี้ตอนที่เขาเตรียมตัวออกไปเมื่อเช้า เขาก็ได้รับสายจากถังเชี่ยนและลืมนัดนี้ไปเลยเขารับโทรศัพท์ “ขอโทษที วันนี้ผมยุ่ง ไม่มีเวลาไปตามนัด ผมจะสั่งให้ทนายจัดการเรื่องการหย่าของเรา”ฉินอันอันชะงักไปพักหนึ่งและตอบเสียงเรียบ ๆ ว่า “โอเคค่ะ นี่ก็วันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว คงจะหย่าไม่ได้ ให้ทนายของคุณติดต่อฉันวันจันทร์ก็แล้วกัน”เขาตอบ “ได้”หลังจากจบธุระ ก็ดูแล้วว่าจะถึงเวลาวางสายแล้ว“ตึกของฉินกรุ๊ป ผมขายให้คุณได้นะ” เขาไม่คิดจะแก้แค้นอะไรฉินอันอันอีกแล้วเขาเพียงหวังให้อาการป่วยของสืออิ๋นได้รับการรักษาเท่านั้นสืออิ๋นคือน้องสาวของเขาพวกเขาเป็นฝาแฝดกันแต่สืออิ๋นมีอาการบกพร่องทางสมองพ่อของพวกเขานั้นเป็นคนเข้มงวดต่อลูก ๆ มากพ่อไม่สามารถทนกับลูกที่ไม่แข็งแรงได้ และเขาก็ทนไม่ได้ที่จะโดนคนในตระกูลฟู่หัวเราะเยาะ
ฉินอันอันตาสว่างขึ้นมาทันทีเธอนั้นมีสัมผัสที่หกแรงกล้าคนที่ฟู่สือถิงอยากช่วยต้องเป็นผู้หญิงคนที่เขาโหยหาอยู่แน่เธอไม่สามารถอวยพรให้เขา และผู้หญิงคนนั้นได้เธอขับรถไปตามถนน พลางเปิดแอร์แล้วสัมผัสลมเย็น ๆ ที่ออกมาฉินอันอันตัดสินใจจะกลับบ้านและพาลูกทั้งสองออกไปเที่ยวเล่นหลังจากกลับมาที่ประเทศเอ เธอก็ยังไม่ได้พาพวกเขาออกไปซื้อของเลย…… “แม่คะ แม่จะพาหนูกะพี่ไปเล่นที่ไหนคะ?” รุ่ยลาและจือหานนั่งอยู่ในคาร์ซีทเรียงกันเด็กทั้งสองนั่งอย่างเรียบร้อยเชื่อฟังอยู่ที่ด้านหลังฉินอันอันก็ไม่รู้ว่าจะพาพวกเขาไปเล่นที่ไหนลูกทั้งสองของเธอนั้นดูโตกว่าอายุเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน“พวกลูกอยากจะไปที่สวนสนุกไหม? ที่กลางเมืองมีสวนสนุกใหญ่อยู่นะ เหมือนปราสาทเลย” ฉินอันอันพูดอย่างกระตือรือร้นรุ่ยลาถอนใจและพูดเสียงหวานว่า “แม่ อากาศร้อนไป เราหาที่เย็น ๆ อยู่ได้ไหม?”ฉินอันอัน “งั้นเราไปสวนน้ำ แล้วเล่นน้ำกันไหม?”รุ่ยลาก็ยังคงมุ่นคิ้ว “หนูไม่ชอบที่คนตั้งเยอะแยะมาแช่ในสระเดียวกัน… สกปรกจะตาย แม่ค่า ทำไมเราไม่ไปซื้อไอศครีมล่ะคะ?”ฉินอันอัน “...”ข้อสรุปอะไรกันนี่เมื่อเห็นว่าแม่นิ่วหน้
จางเฉวียนปรายตามองกล่องของขวัญและบอกว่า “เย่เฉิน ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะคะ ฉันอยากจะเริ่มสร้างครอบครัวแล้วก็มีลูก”“เฉวียนเฉวียน ผมก็เหมือนกัน ผมเองก็อยากสร้างครอบครัว เราลองคบกันก่อน หากว่าไม่มีปัญหาอะไร เราก็จะแต่งงานและมีลูกด้วยกัน” ฟู่เย่เฉินมองจางเฉวียนอย่างกระตือรือร้นจางเฉวียนหลุบตาลง “พ่อของฉันมีเงื่อนไข หากว่าเราแต่งงานกัน ลูกคนแรกที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต้องใช้นามสกุลจาง”สีหน้าของฟู่เย่เฉินเปลี่ยนไปทันใด“หากว่าคุณรับข้อนี้ไม่ได้ มื้อนี้ก็ไม่ต้องกินกันแล้ว” จางเฉวียนคว้ากระเป๋าและเตรียมเดินออกไปฟู่เย่เฉินรีบคว้าแขนเธอไว้ “เฉวียนเฉวียน ผมไม่มีปัญหา ไม่ว่าลูกจะนามสกุลอะไรพวกเขาก็เป็นลูกของผม แต่ว่าพ่อแม่ของผมอาจจะใส่ใจกับเรื่องนี้… เอาแบบนี้ดีไหม เรื่องนี้จัดการได้ หลังแต่งงานเราก็มีลูกสองคน คนแรกก็ให้ใช้นามสกุลของคุณ ส่วนคนที่สองก็ใช้นามสกุลของผม”จางเฉวียนถอนใจโล่งอกหลังจากได้ยินที่เขาพูด“พ่อแม่คุณจะยอมเหรอคะ?”ฟู่เย่เฉิน “ผมจะคุยกับพวกเขาให้ดี เฉวียนเฉวียนตั้งแต่ที่ได้ใช้เวลาหลายวันนี้กับคุณ ผมก็รู้แล้วว่าผมหลงใหลคุณมาก คุณทั้งสง่างาม มีรสนิยมและ
เขาอดคิดถึงฉินอันอันไม่ได้แต่ฉินอันอันอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางเป็นเธอหลังจากที่ส่งจางเฉวียนกลับบ้านเย็นนั้น ฟู่เย่เฉินก็กลับไปที่บ้านเดิมของตระกูลฟู่อย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นสีหน้าภูมิใจของลูกชาย แม่ฟู่ก็ยิ้มและถามว่า “วันนี้คืบหน้าไปได้ด้วยดีเหรอ?”“เรียบร้อยแล้วครัย เธอเสนอว่าให้มีลูกสองคนหลังแต่งงาน คนหนึ่งต้องใช้นามสกุลของเธอ แล้วผมก็ตกลง” เมื่อได้เห็นแม่ตนเปลี่ยนสีหน้า ฟู่เย่เฉินก็รีบปลอบ “แม่อย่าห่วงเลย ผมจะให้เธอได้รู้เองหลังแต่งงาน เชื่อผมสิ ผมจะให้เธอมอบทุกอย่างของตระกูลจางให้อย่างเต็มใจ”แม่ฟู่ถอนใจโล่งอก “เย่เฉิน แม่เชื่อมั่นในตัวลูกนะ หากว่าอยากจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ก็ต้องไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย”เย่เฉิน “ผมต้องชนะแน่”สี่ทุ่มโทรศัพท์ของฟู่ฮั่นก็ดังฟู่ฮั่นรับโทรศัพท์และมีเสียงพ่อของจางเฉวียนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ตาแก่ฮั่น ลูกชายนายทำอะไรกัน เขาส่งรูปอะไรไม่รู้มาให้ลูกสาวฉัน ลูกฉันขยะแขยงมากจนร้องไห้เลย การแต่งงานระหว่างสองตระกูลเป็นอันว่ายกเลิก”ฟู่ฮั่นอึ้งไป “ลูกชายฉันส่งรูปอะไรไปให้ลูกสาวนายกัน?”“รูปโป๊น่ะสิ ลูกชายนายผิดปกติอะไรหรือเ
เสี่ยวหานไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีความเชื่อผุดขึ้นในใจ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องน้องสาว แม่แล้วก็ยาย…..วันจันทร์ที่สำนักงานเขตฉินอันอันก็มาเจอกับทนายของฟู่สือถิงหลังผ่านกระบวนการหย่าเสร็จเรียบร้อย ทนายก็บอกกับฉินอันอันว่า “คุณฉิน ผมได้ร่างสัญญาของตึกที่คุณจะซื้อมาให้แล้ว”ฉินอันอันอึ้งไป “เขามอบหมายคุณเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ?”ทนายพยักหน้าแล้วหยิบเอกสารมาจากกระเป๋า ก่อนส่งให้เธอ “คุณดูสัญญาก่อน หลัก ๆ ก็เป็นเรื่องราคา”ฉินอันอันหยิบสัญญามาแล้วเปิดออกดูราคาทันทีสองร้อยห้าสิบล้านนี่เป็นราคาที่ฟู่สือถิงซื้อมาหากว่าเขาขายให้ฉินอันอันราคานี้ก็เท่ากับว่าเขาขาดทุนเพราะว่าสี่ปีที่ผ่านมา แม้จะแค่เอาเงินสองร้อยห้าสิบล้านนี้ฝากธนาคารไว้เฉย ๆ ก็ยังได้ดอกเบี้ยไม่น้อย“เขาหมายความว่ายังไง?” ฉินอันอันสับสนทนายอธิบาย “ผมเดาว่าเขาขายให้คุณราคาเดิมเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคน”“ฉันไม่ต้องการความเห็นใจของเขา ได้ยินมาว่าราคาตลาดของตึกนี้อยู่ที่ห้าร้อยล้าน” ฉินอันอันบอก “ฉันจะไม่ให้เขาเสียเปรียบหรอก ฉันจะให้เขาหกร้อยล้าน”ทนาย “... ผมจะโทรหาคุณฟู่ปรึกษาเขาก่อน”ฉินอันอัน
ตระกูลฟู่ที่ห้องหนังสือฟู่สือถิงส่งบันทึกการรักษาของน้องสาวให้เสิ่นอวี๋“นอกจากระดับสติปัญญาที่ต่ำแล้วก็ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติแล้ว เธอก็ไม่มีอาการอะไรอีก” ฟู่สือถิงบอก “ผมแค่หวังว่าระดับสติปัญญาของเธอจะพัฒนาขึ้นได้บ้าง แม้ว่าจะสักเล็กน้อยก็ตาม เพื่อที่เธอจะได้สัมผัสโลกนี้ได้ดียิ่งขึ้น”เสิ่นอวี๋อ่านบันทึกการรักษาของฟู่สืออิ๋น“คุณฟู่คะ น้องสาวคุณอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติแองเจลาเหรอคะ?”ฟู่สือถิง “ครับ”“ฉันไปพบเธอได้ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋ถาม “ฉันต้องการคุยกับเธอแล้วก็ทดสอบการรับรู้เข้าใจของเธอ”ฟู่สือถิงพยักหน้า “ได้ครับ”เสิ่นอวี๋ชำเลืองมองเวลา “ถ้างั้นก็ไปกันเลย”ฟู่สือถิง “หมอเสิ่น เรามาคุยเรื่องค่ารักษากันก่อน”หลังจากที่ประธานถังพาเสิ่นอวี๋มา พวกเขาก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลยเสิ่นอวี๋ยิ้มและบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่ต้องคุยเรื่องค่ารักษาหรอกค่ะ หากว่าฉันรักษาน้องสาวคุณไม่ได้ ฉันก็จะไม่รับเงินสักแดงเดียว หากว่าฉันรักษาได้ ตอนนั้นก็ค่อยมาคุยกัน”ฟู่สือถิงเข้าใจว่าราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงมากแน่นอนเขาอยากที่จะรู้ราคาไว้ก่อน“ประธานถังบอกคุณไว้ว่ายังไง? การที่คุณกลับมาจีนคราวนี้ต้
พี่เลี้ยงพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย “ฉันจะไปหาเธอ”ครึ่งชั่วโมงต่อมารถคันหรูของฟู่สือถิงก็เข้ามาที่โรงเรียนนานาชาติแองเจลาหลังจากจอดรถที่ลานจอด ฟู่สือถิงก็พาเสิ่นอวี๋เดินไปที่ตึกสีชมพูที่ฟู่สืออิ๋นอยู่ฟู่สืออิ๋นอยู่คนเดียวในตึกนี้มีคนที่คอยดูแลเธอในเรื่องชีวิตประจำวัน การเรียน และเรื่องสุขภาพฟู่สือถิงเปิดประตูเข้าไป และห้องนั้นก็เงียบจนแทบได้ยินเสียงเข็มตกคิ้วได้รูปของเขาขมวดแน่นพี่เลี้ยงเมื่อได้รู้ว่าเขามาก็รีบวิ่งมาทันที“คุณฟู่คะ คุณอิ๋นอิ๋นหายไปค่ะ” พี่เลี้ยงร้องไห้จนตาแดงก่ำ “เราหาไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้วแต่ก็หาเธอไม่เจอ กล้องวงจรปิดก็เสียอีก ฉันไม่รู้ว่าเธอไปไหน… คุณอิ๋นอิ๋นของดิฉัน… ดิฉันตะโกนจนเสียงแหบแล้ว หากว่าเธอได้ยินเสียงดิฉันเธอต้องออกมาแน่”ร่างของฟู่สือถิงแข็งทื่อทันทีและเขาก็กำมือเป็นหมัดแน่น“เมื่อคืนฉันบอกเธอว่าคุณเจอหมอที่เก่งมาก และตราบใดที่การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเธอก็จะหายได้… เธอถามว่าการผ่าตัดเป็นยังไง… ดิฉันไม่น่าบอกความจริงเธอเลย คำตอบคงทำให้เธอกลัวแล้วเมื่อคืนเธอก็ฝันร้ายจนร้องไห้ ดิฉันเดาว่าเธอคงไปซ่อนเพราะว่ากลัว” พี่เลี้ยงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสำ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง