อิมิลี่รีบจัดแจงตัวเองด้วยความร้อนรน ความคิดในหัววิ่งพล่านดั่งเปลวไฟที่โหมกระพือ แม้เธอจะปิดประตูห้องของเลโออย่างแผ่วเบา แต่เสียงหัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่อาจสงบลงได้ เมื่อออกจากห้อง เธอเร่งฝีเท้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความกังวลพุ่งทะยานทุกย่างก้าวจนกระทั่งถึงหน้าร้าน The Brushstrok
ภาพตรงหน้าสร้างความตื่นตระหนกในทันที ประตูร้านที่ควรจะปิดกลับเปิดกว้างอย่างผิดปกติ ความเงียบแปลกประหลาดที่แทรกตัวแทนเสียงกระดิ่งต้อนรับที่มักดังเป็นประจำ
ลิน หญิงสาวที่เพิ่งมาช่วยงานได้ไม่กี่วัน ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เมื่ออิมิลี่ปรากฏตัว เธอก็รีบกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ดิฉันเข้ามาทำงานตอนเวลาเปิดร้าน แต่พอถึงร้าน ประตูก็เปิดค้างไว้แบบนี้ค่ะ แล้วพอสำรวจข้าวของ ภาพบางภาพก็หายไปค่ะ" คำพูดของลินเหมือนน้ำหนักก้อนใหญ่ที่กระแทกลงในใจของอิมิลี่เธอยืนอึ้งในความตกใจ ใจของเธอเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น พลางกวาดสายตาไปรอบร้าน ภาพที่เคยประดับเรียงรายกลับหายไปในบางจุด บรรยากาศแห่งความสงบในร้านกลายเป็นความว่างเปล่าที่ชวนให้ใจหล่นวูบ
อิมิลี่ก้าวเข้าไปยังห้องหลังร้านด้วยหัวใจที่เต้นแรง ภาพบางภาพที่เคยตั้งไว้ถูกทำลายอย่างไร้ปรานี แต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบล้มทั้งยืนคือภาพวาดของเลโอ ภาพนั้นที่ยังไม่สมบูรณ์ ภาพที่เธอตั้งใจว่าจะกลับมาวาดต่อจนเสร็จ หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความรู้สึกผิดประดุจคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำเข้าใส่อิมิลี่โดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัว ความประมาทเพียงเล็กน้อยในตอนแรก กลับกลายเป็นต้นเหตุที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ในวันนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เพียงสร้างความเจ็บปวด แต่ยังเหมือนเป็นการซ้ำทุกข์ของซาร่า ความรู้สึกหนักราวกับถูกทับด้วยโลกทั้งใบ"เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ ช่วงนี้" อิมิลี่พึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความสับสน ที่สะท้อนออกมาจากจิตใจที่แตกสลาย เธอทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ความรู้สึกผิดกัดกินจิตใจจนร่างกายแทบจะพยุงตัวเองไว้ไม่ไหว ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ …อิมิลี่พยายามดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง แม้ในใจยังคงสับสนและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่ได้คำตอบ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆแล้ว พยุงตัวลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ที่ลินยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ร้อนราวกับว่าตัวเธอไม่สามารถชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ความรู้สึกของอิมิลี่ผิดยังคงแผ่ซ่านในใจ
เธอเอื้อมมือไปแตะไหล่ของลินเบา ๆ สายตาที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่พยายามปลอบโยนถูกส่งไปเพื่อทำให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้น “ไม่เป็นไร ลิน เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง” คำพูดนั้นไม่ได้เป็นเพียงคำสัญญา แต่เป็นความพยายามแสดงความเข้มแข็งที่อิมิลี่แทบไม่มีเหลือในตัวเองลินเงยหน้าขึ้นมองอิมิลี่ สีหน้าที่เคร่งเครียดค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้เธอมั่นใจขึ้น น้ำเสียงที่นุ่มนวลของอิมิลี่เหมือนเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ที่ฉายเข้ามาในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
“เดี๋ยวพี่ออกซื้อกาแฟให้จ๊ะ” อิมิลี่ยิ้มบาง ๆ แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะยังแฝงด้วยความกังวลในใจของเธอเอง แต่เธอก็พยายามทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเบาขึ้น
“ขอบคุณค่ะ” ลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ดวงตาของเธอเริ่มมีประกายแห่งความสบายใจ ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความร้อนรนกลับดูผ่อนคลายลง ความจริงใจของอิมิลี่แม้จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในทันที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สถานการณ์ตรงหน้าไม่ตึงเครียดจนเกินไป
ในขณะเวลาที่รอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและสอบปากคำ
อิมิลี่ตรงออกไปซื้อกาแฟ ที่คาเฟ่ข้างๆร้านภาพ ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบของคาเฟ่ เธอรอคิวอย่างใจเย็น แม้ว่าภายในใจจะยังคงว้าวุ่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านภาพ เสียงข่าวยามเช้าสลับกับโฆษณาที่เล่นเบา ๆ บนหน้าจอมุมร้านดูเหมือนจะเป็นเพียงฉากหลังที่เธอไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่เนื้อหาบางส่วนกลับแทรกผ่านเข้ามาในโสตประสาทโดยไม่ตั้งใจ"คาปูชิโน่ร้อน 2 แก้ว และแฮมชีส 2 ชิ้นค่ะ" อิมิลี่สั่งเครื่องดื่มและอาหาร พลางพยักหน้าตอบรับพนักงานที่บอกให้เธอไปรอนั่งที่โต๊ะ เธอเลือกที่นั่งริมมุมสงบ ห่างจากคนอื่นเล็กน้อย วางกระเป๋าลงข้างตัวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อรอ..
เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้นถี่รัว เสียง "ติ้ง ติ้ง ติ้ง" ของแอปฯ เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ชัดเจนพอที่จะดึงดูดความสนใจ แต่เธอกลับเลือกที่จะไม่หยิบมือถือขึ้นมาอ่าน ความคิดของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับความกังวลที่แบกรับไว้
ขณะที่สายตาของเธอกวาดมองรอบร้าน เสียงพิธีกรหญิงอ่านข่าวดึงความสนใจเธอโดยไม่ตั้งใจ
"อดีตนางแบบเพลย์บอยด์แอบสวีทกับทนายชื่อดังที่เกาะหัวหิน" เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้อิมิลี่หันหน้ามองจอภาพทันที หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ความคุ้นเคยบางอย่างในเนื้อข่าวเริ่มกระตุ้นความสนใจของเธอ"ทนายชื่อดังของวงการ มีเมียแล้วแอบแซ่บเลขาส่วนตัวเจ้าของอสังหาริมทรัพย์" พิธีกรยังคงอ่านเนื้อข่าวที่ยิ่งเพิ่มความคลุมเครือและน่าสงสัย ราวกับมีบางอย่างซ่อนอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้น คำว่า "ทนายแต่งงานแล้ว" ยิ่งกดดันหัวใจเธอ ความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นในอกเหมือนถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ยังคงดังต่อเนื่อง แต่เธอยังไม่สนใจ หูฟังเสียงข่าว ตาจ้องหน้าจอ ดวงใจเหมือนจะหลุดลอยไปกับคำถามที่ผุดขึ้นในหัว
"คิวที่ 35" เสียงพนักงานเรียกคิวดึงเธอกลับมาสู่ความจริง อิมิลี่ก้มมองกระดาษคิวในมือ แล้วลุกขึ้นตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อรับเครื่องดื่มและอาหารของเธอ ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนมือถือที่ยังดังอยู่ในกระเป๋า
บรรยากาศในร้านภาพเงียบและอึดอัด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินตรงมาหาอิมิลี่หลังจากสอบปากคำลินเสร็จ เสียงฝีเท้าของพวกเขาและเอกสารในมือที่ถูกพลิกดูเป็นระยะทำให้ความตึงเครียดในใจของอิมิลี่เพิ่มขึ้น“สวัสดีครับ คุณอิมิลี่ ผมขอสอบถามคุณหน่อย คุณออกจากร้านประมาณกี่โมงครับ” หนึ่งในตำรวจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ประมาณอีก 15 นาทีจะ 6 โมงค่ะ” อิมิลี่ตอบเสียงเบา ความรู้สึกกดดันสะท้อนอยู่ในสายตาที่พยายามหลบเลี่ยงการสบตากับตำรวจ
“แต่คุณแจ้งพนักงานว่าไม่ต้องล็อกร้านใช่ไหมครับ” อีกคำถามจากเจ้าหน้าที่เหมือนแรงกดดันที่เพิ่มเข้ามา อิมิลี่สูดลมหายใจลึกก่อนจะตอบ “ใช่ค่ะ” เสียงของเธอเบาลงยิ่งกว่าเดิม
ตำรวจพยักหน้าหลังจดบันทึกข้อมูล “โอเค เดี๋ยวผมเก็บหลักฐานแล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” อิมิลี่ตอบกลับ พลางมองตามตำรวจที่เดินออกไป พร้อมๆลินที่ขยับมาข้างเธอใบหน้าของทั้งสองคนแสดงออกถึงความหมดหวัง ความรู้สึกเหมือนโอกาสที่จะตามตัวคนร้ายยิ่งเลือนลางลงทุกที
ความเงียบถูกทำลายด้วยเสียง "ติ้ง ติ้ง ติ้ง" จากโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงแจ้งเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับพยายามเรียกร้องความสนใจจากอิมิลี่ ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจยาว ยอมจำนนต่อเสียงที่ดังกวนใจ…
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไปภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้นคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที
ช่วงเวลานี้เจมส์กำลังพยายามที่จะพยุงสถานะของคำว่า "สามีที่ดี" ให้มั่นคงขึ้น เขาจับมืออิมิลี่อย่างนุ่มนวลเป็นระยะๆระหว่างขับรถเพื่อจะไปร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่เขาตั้งใจเลือกมาเพื่อปรับความสัมพันธ์ บรรยากาศภายในอบอุ่นด้วยแสงไฟโทนสีทอง โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันมีผ้าเช็ดปากสีขาวสะอาดและจานอาหารที่วางอย่างลงตัว มันดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวจากเจมส์ที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุด แต่สำหรับอิมิลี่ บางทีสิ่งนี้อาจยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเธอเมื่ออาหารถูกรินราดด้วยซอสและจัดเสิร์ฟลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมเย้ายวนจากเมนูหลากหลายชนิดกระจายไปทั่วบริเวณ ภายในร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยแสงไฟสีอ่อนชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก่อนที่เจมส์จะได้สัมผัสส้อมหรือลองชิมรสชาติของอาหาร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นแทรกความเงียบเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ "แอลซ่า" เขาเอ่ยชื่อเธอในลำคอเจมส์เหลือบมองอิมิลี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม เธอก้มหน้ามองจานของตัวเอง ราวกับพยายามแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่เจมส์สังเกตเห็นรอยหม่นในดวงตาของเธอเขาลังเลเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ “อิมิลี่ เดี๋ย
แกรก ! เสียงของประตูเสื้อผ้าเปิดออกเบาๆ ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดยามรุ่งสาง เจมส์ยืนอยู่หน้า ตู้เสื้อผ้าที่แง้มออก ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเขาอยู่ในเงามืด ดวงตาเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความลังเล มือของเขาหยิบเสื้อแจ็กเก็ตออกมาพร้อมกับกางเกงที่พับไว้อย่างเรียบร้อยแสงไฟที่ลอดมาจากหน้าต่างเผยให้เห็นเงาร่างของอิมิลี่ที่พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้าง เธอสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนั้นปลุกเธอให้หลุดจากความหลับใหล“เจมส์... คุณกำลังจะไปไหนแต่เช้า” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ผมมีประชุมเช้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ก็ฟังดูเหนื่อยล้า “งานสำคัญ... คดีใหญ่ ผมต้องรีบไป อิมิลี่”ขณะที่เขากำลังติดกระดุมเสื้อและดวงตาเขาจับจ้องไปยังเสื้อแจ็กเก็ตที่แขวนอยู่ในมือคำพูดนั้นตรงไปตรงมา แต่กลับทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ในอากาศ เสียงกุกกักของเข็มขัดที่เขารัดเอวเพิ่มความอึดอัดให้กับห้อง อิมิลี่มองตามเขา ดวงตาของเธอแสดงความลังเล แต่คำถามที่อยากเอ่ยกลับติดอยู่ในลำคอ“มันด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอถามเบาๆ น้ำเสียงที่แฝงความกังวลและไม่เข้าใจ เจมส์หยุดมือชั่วขณะ ก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตมาสวม ขยับไหล่เล็กน้อยให้เข้
บนตึกสูงที่ผนังกระจกใสรอบด้านเผยให้เห็นวิวทะเลอันกว้างไกล ซึ่งห่างจากเมืองหลวง ประมาณ 3 ชั่วโมงเจมส์นั่งร่วมประชุม ท่าทางสุขุมและจริงจังในฐานะทนายของบริษัทซึ่งกำลังหารือประเด็นสำคัญร่วมกับทีมผู้บริหารและฝ่ายกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่ง …. “ตอนนี้บริษัท ของเราเสียหายอย่างหนัก ลูกค้ามากว่าครึ่งต้องการเงินคืน จากการผิดนัดการส่งมอบบ้านตามกำหนด และกำลังเป็นวงกว้าง เมื่อบ้านที่สร้างใช้วัสดุ ต่ำกว่ามาตรฐาน จนทำให้มีการพังถล่มลงมา จากพายุ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน” หนึ่งในกรรมการของบริษัทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวล พลางเคาะนิ้วลงบนเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ประกอบกับถาพถ่ายของบ้านที่พังถล่มลงมา ……... เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง บรรยากาศเคร่งเครียดในห้องเริ่มผ่อนคลาย แอลซ่า เลขานุการของบริษัท เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอกสารในมือ เธอวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวลเล็กน้อย“ คุณเจมส์ คะ นี่คือข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเด็นค่ะและ ฉันคิดว่าคุณเจมส์ควรไปดูสถานที่จริง เพื่อเข้าใจปัญหาให้ละเอียดขึ้น” แอลซ่าพูดด้วยน้ำเสียงสุภา
อิมิลี่รีบจัดแจงตัวเองด้วยความร้อนรน ความคิดในหัววิ่งพล่านดั่งเปลวไฟที่โหมกระพือ แม้เธอจะปิดประตูห้องของเลโออย่างแผ่วเบา แต่เสียงหัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่อาจสงบลงได้ เมื่อออกจากห้อง เธอเร่งฝีเท้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความกังวลพุ่งทะยานทุกย่างก้าวจนกระทั่งถึงหน้าร้าน The Brushstrokภาพตรงหน้าสร้างความตื่นตระหนกในทันที ประตูร้านที่ควรจะปิดกลับเปิดกว้างอย่างผิดปกติ ความเงียบแปลกประหลาดที่แทรกตัวแทนเสียงกระดิ่งต้อนรับที่มักดังเป็นประจำลิน หญิงสาวที่เพิ่งมาช่วยงานได้ไม่กี่วัน ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เมื่ออิมิลี่ปรากฏตัว เธอก็รีบกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ดิฉันเข้ามาทำงานตอนเวลาเปิดร้าน แต่พอถึงร้าน ประตูก็เปิดค้างไว้แบบนี้ค่ะ แล้วพอสำรวจข้าวของ ภาพบางภาพก็หายไปค่ะ" คำพูดของลินเหมือนน้ำหนักก้อนใหญ่ที่กระแทกลงในใจของอิมิลี่เธอยืนอึ้งในความตกใจ ใจของเธอเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น พลางกวาดสายตาไปรอบร้าน ภาพที่เคยประดับเรียงรายกลับหายไปในบางจุด บรรยากาศแห่งความสงบในร้านกลายเป็นความว่างเปล่าที่ชวนให้ใจหล่นวูบอิมิลี่ก้าวเข้าไปยังห้องหลังร้านด้วยหัวใจที่เต้นแรง ภาพบางภาพที่เคย
เช้าตรู่ในห้องประชุมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ หัวหิน บรรยากาศตึงเครียดจากปัญหาที่กำลังเผชิญ เสียง "โป๊ะ" ของหนังสือพิมพ์ที่ถูกวางลงบนโต๊ะประชุมด้วยความหงุดหงิดของผู้บริหารพลางชี้นิ้วไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว “ผู้ชายคนนี้คือใคร?”บนหน้า1ของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดังปรากฏภาพของ ลูคัส ชายหนุ่มใบหน้า คมเข้ม “เขาคือหนึ่งในแกนนำผู้ประท้วงที่กำลังเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท ครับ” เสียงของกรรมการบริษัทคนหนึ่งที่นั่งร่วมบนโต๊ะกล่าวขึ้น แต่ภาพนั้นไม่ได้หยุดแค่เขา สายตาของทุกคนในห้องประชุมกลับเหลือบไปมองอีกมุมของหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพ แอลซ่า เลขาคนสนิทของเจ้าของบริษัท เธอกำลังคล้อง แขน ทนายเจมส์ไว้แน่น ชายหนุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย แต่สิ่งที่สะดุดตากว่านั้นคือการยืนใกล้ชิดกันอย่างน่าสงสัย หน้าอกของแอลซ่าดูเหมือนแทบจะแนบชิดกับแขนของเจมส์จนปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนี้ต้องการสร้างกระแสอะไรบางอย่าง และเหนือภาพนั้นคือพาดหัวข่าวที่หนาและใหญ่จนแทบจะทะลุออกมาจากกระดาษ"ทนายชื่อดังควงอดีตนางแบบเพลย์บอย! เลขาสาวที่หันหลังให้วงการเพื่อเข้าสู่
คอนโดหรูใจกลางเมืองตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสีแห่งค่ำคืน ลิฟท์แก้วโปร่งใสค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างนุ่มนวล อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา หัวใจเต้นเบาๆ กับความงดงาม ภาพเมืองกรุงเทพฯ ที่เปล่งประกายด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและแสงไฟสีส้มของท้องถนนด้านล่างที่พาดไปมาติ้ง ! ประตูลิฟท์เปิดออกสู่รูฟท็อป ลมเย็นจากที่สูงพัดสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอก้าวออกมาพลางทอดสายตาไปรอบๆชื่นชมภาพเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสูงและแสงไฟเมื่อมองจากมุมนี้ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนภาพในฝันเลโอที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เป็นไง ชอบไหมครับบนนี้” น้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เผลอยิ้มบางๆ ก่อนตอบว่า “บรรยากาศดีมากค่ะ” เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบพอที่จะได้ยินเสียงลมและหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ อิมิลี่หันมามองเลโอด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนในค่ำนี้” น้ำเสียงของเธอนั้นราวกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ เลโอยกยิ้มมุมปาก พลางพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยินดีครับ” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมายบนรูฟท็อบที่เต็มไปด้วย
17.45 PM.ที่ร้านภาพ The Brushstrokeภายในร้านที่เงียบสงบ อิมิลี่ก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ เวลานัดกับเลโอกำลังใกล้เข้ามา เธอถอนหายใจเบาๆ พลางพยายามรวบรวมสมาธิ ก่อนจะหยิบกระจกขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อเช็กใบหน้าอย่างรวดเร็วเธอจัดปอยผมที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ ไล้มือปรับเสื้อผ้าและเสื้อคลุมให้เรียบร้อย จนมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนหมุนตัวแหวกม่านหลังร้านออกมา ก้าวเดินเป็นจังหวะ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นดังเบาๆ แล้วหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์“ไม่ต้องล็อกร้านนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมาทำงานต่อ” อิมิลี่พูดกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นกันเอง“และถ้าถึงเวลากลับ ก็ออกไปได้เลยค่ะ แค่นำป้ายปิดติดไว้หน้าประตูก็พอ” เธอพูดพลางยิ้มอ่อนโยน ส่งผ่านความใส่ใจพนักงานสาวพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม “ได้ค่ะ คุณอิมิลี่”อิมิลี่ยิ้มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้าน เสียงระฆังเล็กๆ บนประตูดังขึ้นแผ่วเบาขณะที่เธอก้าวออกไป ท่ามกลางแสงไฟพลบค่ำที่ส่องประกายอ่อนๆ ทั่วถนน ลมเย็นพัดผ่านตัวเธอเบาๆ ทำให้เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศเงียบสงบของพลบค่ำ เธอเดินต่
ที่หน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใน หัวหินบ่ายนี้อากาศอบอ้าวจนเหงื่อไหลซึมตามใบหน้า แต่ความร้อนกลับไม่ได้มาจากอุณหภูมิของอากาศ แต่เพราะกลุ่มลูกบ้านนับร้อยที่ยืนถือป้ายประท้วงแน่นขนัด สร้างแรงกดดันและพลังแห่งความไม่พอใจที่แผ่ซ่านไปทั่วหน้าอาคารกระจกสูงเสียงโห่ร้องและคำพูดเรียกร้องดังก้องบริเวณ"คืนเงินพวกเรามา!" “แสดงความรับผิดชอบ!”ลูคัส ชายหนุ่มวัย 35 ปี ยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม เขาสวมเสื้อลายสก็อตที่พอดีกับร่างกายแข็งแรงและกางเกงยีนสีซีดที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายในแบบของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ฉายแววเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงของกลุ่มผู้ประท้วง และทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาราวกับรอคำพูดที่จะปลุกเร้าพลังลูคัสยกเอกสารในมือขึ้นเหนือศีรษะ ท่าทางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปล่งเสียงพูดที่ดังกังวาน"พวกเราจะไม่ยอมให้พวกเขาเลื่อนอีกต่อไป!"น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจนทำให้เสียงของฝูงชนเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนเงี่ยหูฟังคำพูดของเขาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง"เราเดือดร้อนกันมากพอแล้ว ค่าเสียหายนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเขาต้องรับผิดชอบ!"เสียงปรบมือและโห่ร้อ
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมซาร่าที่โรงพยาบาล อีมิลี่ก็เดินทางมายังงร้านภาพ The Brushstroke ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แม้ภายนอกร้านจะดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีทองที่ส่องออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่ แต่สำหรับเธอ มันแทบไม่อาจทำให้ความรู้สึกหนักในใจนั้นเบาบางลง มือเรียวของเธอผลักประตูไม้เก่าที่แฝงเสน่ห์อย่างมีศิลป์ สียงกระดิ่งเล็ก ๆ บนประตูดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะต้อนรับการมาถึงของเธอ เมื่อเธอก้าวเข้ามาในร้าน หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อสายตาแรกจับจ้องไปที่ผู้หญิงสวมชุดผ้าไหมสีน้ำทะเลช่างเปล่งออร่าอันสง่างามเกินเอื้อม พลางเอ่ยชื่อเบาๆในลำคอ “คุณหญิง อลิซซาเบธ”ชุดผ้าไหมทีหรูหราที่ท่านผู้หญิงสวมนั้น เนื้อผ้าเรียบลื่นจับจีบอย่างประณีต ผมของเธอถูกจัดแต่งอย่างไร้ที่ติเธอยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน ทว่าดวงตาคมกริบกลับจ้องไปที่อิมิลี่เพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและมั่นใจ สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของผู้หญิงที่รู้ในสิ่งที่ต้องการและไม่ลังเลที่จะเรียกร้องมันอิมิลี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ซ่านในอากาศ การปรากฏตัวของคุณหญิงอลิซาเบธไม่ได้เปลี่ยนเพียงบรรยากาศในร้าน แต่ยังเหมือนเป็นสัญญาณว่า มีบางส
ในห้องที่เงียบสงัด อิมิลี่ก้าวออกมาจากห้องอาบพร้อมผ้าขนหนูพันกาย เส้นผมชุ่ม หยดน้ำไหลลู่ลงมาปลายเส้นผมราวกับสายฝนที่เกาะปลายใบหญ้า ในมือของเธอถือนิตยสารเพลย์บอยของเจมส์ไว้ สายตาที่มองมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง เธอยกมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโยนลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่มุมห้อง เสียงกระดาษกระทบกับถังโลหะ ดัง แกรก !เบาๆ แต่กลับดังก้องสะท้อนในห้องอันเงียบงันเธอหายใจออกแรงๆ คล้ายพยายามระบายความหงุดหงิด แล้วก้าวตรงไปยังโต๊ะที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น“ตริ้ง ตริ้ง ตริ้ง…” อิมิลี่หยิบมือถือขึ้นมาดู เบอร์แปลกตาปรากฏบนหน้าจอ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ“หนูแอนค่ะ น้องสาวซ่าร่า… พี่อิมิลี่ใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงของเด็กสาวสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยความเร่งรีบ“ซ่าร่าอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ค่ะ! เธอถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อคืนก่อน ยังไม่ได้สติเลยค่ะ พี่จะมาเยี่ยมเธอได้ไหม?”คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย“ว่าไงนะ ซ่าร่า...” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่รีบรว
“แอลซ่า” เจมส์เอ่ยชื่อเธอเบา ๆ ราวกับกลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความปรารถนาแอลซ่าหันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาที่เป็นประกายของเธอจับจ้องเขา ราวกับรอฟังคำพูดต่อไป“ผมชอบคุณนะ แอลซ่า” เจมส์พูดออกมาแต่เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นก่อนที่เธอจะตอบอะไร ริมฝีปากของเขาก็บดเบียดเข้ากับริมฝีปากบางของเธออย่างดูดดื่ม ความอ่อนโยนและความร้อนแรงผสมผสานกันในจุมพิตนั้น แอลซ่าหลับตาลง มือเลื่อนขึ้นมาวางบนบ่าของเจมส์ ก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้ เธอดันลิ้นอุ่นแลกรสให้เจมส์ได้สัมผัสราวกับการตอบรับว่า เธอ ชอบเขาด้วยเช่นกันแอลซ่าค่อย ๆ เลื่อนมืออีกข้างไปจับแขนของเขา ดึงร่างเจมส์เคลื่อนเข้ามาในบ้าน เสียงประตู ปิดลง ปัง!แสงไฟจากโคมไฟหน้ารถ ส่องลอดเข้าผ่านม่านให้เห็นเพียงเงาลางๆแอลซ่าเลื่อนนิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อที่รัดให้ผ่อนคลายเผยเนินอกทีเต่งตูมในบราลูกไม้สีแดงนันย์ตาที่เร่าร้อนแห่งไฟราคะราวจะเขมือบชายหนุ่มที่ยืนสองขาอยู่เบื้องหน้า หัวใจของเจมส์เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เมื่อนิ้วเรียวไถลเคลื่อนต่ำลูบท่อนเอ็นขึ้นลง เขาไม่เคยสัมผัส อารมณ์ความร้อนแรงแบบนี้ท่อนรักของเจมส์จา
พลบค่ำในบาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆร้านภาพวาดบรรยากาศที่อบอุ่น เสียงเพลงแจ๊สบรรเลงเบา ๆ จากมุมเวทีเติมเต็มบรรยากาศอันสบายใจ โต๊ะอาหารที่อิมิลี่และเลโอนั่งอยู่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ แสงไฟอุ่น ๆ ส่องกระทบแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเลโอนั่งฝั่งตรงข้ามของอิมิลี่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สายตาของเขาสำรวจบรรยากาศรอบตัว ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่หญิงสาวตรงหน้า“ฉันว่าเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่งนะ” อิมิลี่พูดขึ้น หลังจากรออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเลโอเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มบาง “อาจจะใช่ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาที่เขาจ้องมองเธอแฝงไปด้วยความลึกลับ ราวกับเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างไว้อิมิลี่จ้องนัยน์ตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับพยายามอ่านความหมายในคำพูดของเขา แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ “แต่ยังไงก็ช่างเถอะ”เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาชู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการมานั่งเป็นเพื่อนทานอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ”เลโอยิ้มยิ้มมุมปาก สายตาของเขามีแววขี้เล่นเล็กน้อย เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและชนกับแก้วของเธอเบา ๆ เสียงแก้วกระทบกันดังกังวานแผ่วเบา เขากล่า