ตอนที่
[8] ข้อจำกัด ใช่แล้ว! ก่อนนางมาที่นี่ พี่ใหญ่กำลังเดินมาหานาง แล้วนี่นางมาอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว เขาจะตกใจหรือไม่ที่จู่ ๆ นางก็หายไป “นายหญิงไม่ต้องกังวลขอรับ” “หืม เจ้าหมายความว่าอย่างไร” “ในมิติแห่งนี้ สามารถปรับเวลาได้ว่าจะให้เวลาเท่ากันกับโลกภายนอกหรือไม่ หรือจะแตกต่างกันเท่าใด วันนี้ตอนที่นายหญิงเข้ามา เสี่ยวหลงได้ถือวิสาสะปรับเอาไว้แล้ว ไม่ว่านายหญิงจะอยู่ที่นี่นานเพียงใด แต่เวลาด้านนอกจะเป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นขอรับ ไม่ต้องกลัวว่าพี่ใหญ่ของนายหญิงจะตกใจนะขอรับ” “เป็นเช่นนั้นหรือ ค่อยโล่งอกไปที” ถ้าอย่างนั้นนางก็กินหมูกระทะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจสินะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และเริ่มจัดการหมูกระทะตรงหน้าต่ออย่างมีความสุข ทั้งยังคีบให้เสี่ยวหลง คราแรกเขาปฏิเสธทั้งยังกล่าวว่า เขาไม่จำเป็นต้องกินสิ่งใดก็อยู่ได้ แต่เมื่อนางคะยั้นคะยอให้เขากิน เขาก็จำใจต้องกิน คำแรกนั้นดูจำใจ แต่คำต่อไปไม่ต้องกล่าวอันใดเขาก็คีบกินด้วยตัวเอง นางแทบจะหลุดขำออกมา ยามนี้นางกำลังดูหมีกินหมูกระทะ! “นายหญิง นี่ช่างเป็นอาหารที่อร่อยยิ่ง นายหญิงสุดยอดยิ่งนัก” กล่าวแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่องขึ้น นางและเสี่ยวหลงช่วยกันจัดการหมูกระทะตรงหน้าจนหมด จากนั้นก็เดินไปเก็บลูกท้อที่ละลานตาเพื่อเป็นการย่อยอย่างสนุกสนาน จากนั้นจึงค่อยมานั่งกินด้วยกัน หวานมาก นางคิดถึงท่านแม่และพี่ใหญ่อีกแล้ว ลูกใหญ่ ๆ หวาน ๆ เช่นนี้หากทั้งคู่ได้กินได้คงจะดีมาก ใช่สิ นางเอาออกไปได้หรือไม่นะ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ก็คล้ายกับว่า นางพบแสงสว่างบางอย่าง นางคิดหัวแทบจะแตกในช่วงก่อนหน้า ว่าจะพาครอบครัวออกจากชีวิตเช่นนั้นได้อย่างไร นางอยากออกไปมีความสุขกันเพียงสามแม่ลูกเท่านั้น แต่ที่โลกนี้นั้นเต็มไปด้วยทางลำบาก เงินถุงเงินถังก็หาได้อย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี แต่เมื่อเข้ามาที่นี่ นางก็คล้ายกับได้รับตัวช่วย นางคิดแล้วจะนางจะทำอันใด นางจะขายหมูกระทะ! เพราะในยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีอาหารชนิดนี้แน่ อีกทั้งนางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบเพราะนางสามารถเอาจากที่นี่ได้ จากนั้นนางก็จะมีแต่ความร่ำรวยและสุขสบาย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว “นายหญิงมีความสุขเรื่องใดหรือขอรับ” เสียงของเสียงหลงดึงความคิดของนางให้กลับมา ก่อนที่จะคิดไปไกล “เสี่ยวหลงข้าจะขายหมูกระทะ ขายลูกท้อด้วย” “เจ้าว่าดีหรือไม่ วัตถุดิบก็มาเอาจากที่นี่ไป จากนั้นข้าก็จะร่ำรวย” “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องพูดคุยกันขอรับ” เสี่ยวหลงแสดงสีหน้าลำบากใจ หรือว่าสิ่งที่นางคิดมันจะไม่สามารถทำได้...... “นายหญิงอย่าเพิ่งคิดไปไกลขอรับ ฟังเสี่ยวหลงก่อน” “นายหญิงสามารถขายหมูกระทะได้ แต่เรื่องนำของออกไปจากที่นี่นั้น... ไม่สามารถทำได้ทั้งหมดขอรับ” ทำไมกัน... “ที่จริงนายหญิงสามารถเอาของออกไปได้เกือบทั้งหมด แต่ทว่ามีเฉพาะส่วนวัตถุดิบเท่านั้นไม่สามารถเอาออกไปได้ เช่น พวกเนื้อสัตว์ ผัก ไม่สามารถเอาออกไปได้ขอรับ แต่...หากเป็นส่วนเครื่องปรุงและของแห้งเอ่อ...กล่าวคือเฉพาะโซนที่นายหญิงสิ้นใจนั้นสามารถเอาออกไปได้ขอรับ อ้อ แต่ผักชีกับต้นหอมเล็ก ๆ นั่นเอาออกไปได้ด้วย” นั่นมันเป็นส่วนผสมที่นางใส่ในน้ำจิ้มนี่ เพราะเหตุใดกัน “เหตุใดจึงต้องจำกัดเช่นนั้น เอาออกไปได้ทุกอย่างไม่ได้หรือ” “เอ่อ...คือ ไม่ได้ขอรับ” “เสี่ยวหลง ข้ารู้ว่ามันมีเหตุผล เจ้าบอกข้ามาว่าเพราะเหตุใด” “ไว้สักวันเสี่ยวหลงจะบอกขอรับ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่คิดจะบอกนางจึงตัดใจ “สรุปว่าพวกวัตถุดิบ ข้าเอาออกไปได้เฉพาะพวกซอส กับพวกเครื่องปรุงของแห้งเท่านั้น เฮ้ออออ” เมื่อเห็นสีหน้าหมดหวังของผู้เป็นนายเสี่ยวหลงจึงรีบกล่าวขึ้นตอนที่[8]ข้อจำกัด “แต่หากนายหญิงเข้ามาในนี้ นายหญิงสามารถใช้อุปกรณ์และกินอาหารที่อยู่ในนี้ได้นะขอรับ” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังไม่ดีขึ้น เสี่ยวหลงจึงกล่าวต่อ “และนายหญิงสามารถพาท่านแม่และพี่ใหญ่ของนายหญิงหรือคนอื่น ๆ ที่นายหญิงต้องการ กินเข้ามากินอาหาร หรือมาใช้บริการที่นี่ได้นะขอรับ” จูกุ้ยหยวนหันขวับทันที “จริงหรือ” เมื่อเห็นสีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เสี่ยวหลงก็ยิ้มกว้างและกล่าวต่อไปอีกว่า “สามารถใช้ได้ทุกส่วนเลยขอรับ ทั้งบ้านจำลอง โซนอาหาร แม้กระทั่งใช้เครื่องรักษาตนก็สามารถใช้ได้ เครื่องนั้นแม้จวนจะสิ้นลมก็สามารถรักษาได้”“ดีจริง!” เช่นนั้น ท่านแม่ของนางก็มีโอกาสหายป่วยแล้วสินะ และไม่ว่าผู้ใดเจ็บป่วยก็สามารถพามารักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งจะได้กินอาหารดี ๆ และได้อยู่ที่ดี ๆ เช่นบ้านจำลองด้วย ในระหว่างที่กำลังสร้างฐานะที่โลกของความที่นี่จะเป็นประโยชน์กับนางมาก แม้จะไม่สามารถนำวัตถุดิบหลายอย่างออกไปได้ แต่นางคิดว่าสามารถสร้างขึ้นได้จากโลกภายนอก และวัตถุดิบหลัก ๆ ส่วนมากก็จะเป็นเครื่องปรุงที่น่าจะหายากในโลกข้างนอกนั่นต่างหาก “ว่าแต่ ข้าสามารถเอาเตากับกระทะย่างออกไปได้หรือไม่
ตอนที่[9]เห็นดีเห็นงาม เมื่อเห็นว่าถามมารดาอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาแดงก่ำเช่นนั้น นางจึงส่งกระแสจิตไปถามเสี่ยวหลงที่อยู่ในมิติว่าเกิดอันใดขึ้น และเมื่อได้รับนางคำตอบเลือดก็ขึ้นหน้าทันที บิดาทำเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเป็นสามีที่ชั่วช้านัก! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ และอีกอย่างหากไม่รีบทำอันใด นางก็คงถูกขายออกไปและหลังจากนั้นอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร นางไม่อยากจะคิด แม้พี่ชายนางจะรักท่านแม่ แต่ด้วยความยอมคนเช่นนั้น ก็คงจะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ตลอดไป “ท่านแม่ ท่านคิด จะหย่ากับท่านพ่อบ้างหรือไม่” “ยะ...หยวนเออร์ เหตุใด จึงถามแม่เช่นนั้น...”จูกุ้ยหยวนเอ่ยถามมารดาขณะที่ยามนี้พี่ชายไปทำอาหารอยู่ที่ห้องครัว คำถามนี้ไม่ใช่การลองใจแต่เป็นการอยากรู้ถึงจิตใจว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดถึงเพียงนี้แต่เคยคิดถึงเรื่องหย่าบ้างหรือไม่ นางฉินซื่อมองบุตรสาวที่กำลังมองมาที่ตนอย่างรอคอยคำตอบก็เม้มปากทันที “ข้ารู้ว่าท่านรักท่านพ่อ แต่ยามนี้มันสมควรเพียงพอแล้วมิใช่หรือท่านแม่” “มันไม่ใช่เรื่องง่าย....” ด้วยยามนี้ตนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งหากหย่าแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ดูอย่างสห
ตอนที่[10]เริ่มต้นแผนการนางฉินซื่อรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดเพื่อส่งเสียงออกไป ตนได้ยินทั้งหมดที่พวกเขาพูดคุยกัน บังคับให้บุตรสาวที่เป็นดวงใจของนางตบแต่งไปกับชายอัปลักษณ์ นั่นแค่ส่วนหนึ่งแต่ยามที่ชายผู้นั้นมา ตนมองไปที่ช่องว่างย่อมเห็นลักษณะท่าทางว่าเป็นอย่างไร หยวนเออร์ไม่มีวันมีความสุขแน่หากออกเรือนกับชายผู้นั้น และนางสวีกล้าดีอย่างไรถึงได้คิดจะยกบุตรสาวของตนให้กับคนอื่นโดยที่ไม่ขออนุญาตผู้เป็นมารดาตัวจริงเช่นนาง “ท่านพี่” สวีต้าต่านแสร้งทำสีหน้าสลด พลางเข้าไปใกล้ผู้เป็นสามี “ท่านพี่ ข้าเพียงหวังดีกับหยวนเออร์เท่านั้น ไม่มีใจคิดเป็นอื่น...” เมื่อเห็นใบหน้างามของภรรยาเกิดความไม่สบายใจ จูหมิงยู่ก็คล้ายตัดสินใจได้ “ตกลง ข้าจะให้หยวนเออร์ ออกเรือนกับคนตระกูลหูก็ได้” “จูหมิงยู่เจ้าเป็นบิดาแบบใดกัน!!”เสียงของนางฉินซื่อดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผู้ที่อดรนทนไม่ไหวที่เข้าจะไปต่อว่าไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นนางจงซื่อผู้เป็นแม่สามีอีกฝ่ายที่เดินไปยังห้องนั้นด้วยความโกรธ เดิมทีตนก็ไม่ชอบสะใภ้ยากจนผู้นี้อยู่แล้ว ยิ่งยามนี้อีกฝ่ายกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ทั้งยังกำลังจะขัดขวางผลประโยชน์ที่ตนจะได้รั
ตอนที่[13]หย่าขาดจากที่กล่าวว่าหากหย่ากันจะให้บุตรชายไปส่งสามแม่ลูกที่บ้านเดิม แต่นางจงซื่อที่โมโหที่ตนเสียเงินไปมากจึงล้มเลิกความคิดนั้นแล้วให้บิดามารดาของสะใภ้ที่ตนไม่ชื่นชอบมารับตัวทั้งสามกลับไปเอง ทันทีที่ท่านหมอกลับไปพวกเขาก็รีบไปให้คนส่งข่าวให้บิดามารดาของนางฉินซื่อที่หมู่บ้านหวงหลิงทันที ถึงแม้ว่าการใช้เกวียนเดินทางเพื่อไปส่งข่าวจะใช้เวลาราวสองชั่วยาม ระยะทางเท่ากับไปอำเภอเสิ่งซีเลยทีเดียว เมื่อไปถึงที่บ้านตระกูลฉินก็ราวยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) นางจงซื่อกลับไม่ได้ให้คนส่งข่าวรับสองผู้เฒ่านั้นมาด้วย แต่ให้ทั้งคู่เตรียมเกวียนมาเอง สองผู้เฒ่าเมื่อรู้ข่าวคราแรกคิดว่าใกล้เวลามืดค่ำแล้วจึงเตรียมจะเดินทางรุ่งเช้าของอีกวัน แต่ทว่าความร้อนใจที่เป็นห่วงบุตรสาวมันรู้สึกร้อนรุ่มในอก ในช่วงต้นยามจื่อ (ราว ๆ ห้าทุ่ม) ก็เดินทางออกจากบ้าน กว่าจะถึงหมู่บ้านเถียนเกา ก็เป็นยามเช้าของอีกวัน ด้วยเพราะความชราของทั้งคู่กอรปกับเดินทางในตอนกลางคืนยิ่งทำให้การเดินทางล่าช้าออกไปอีกสายตาดูแคลนของคนตระกูลจูเกิดขึ้นพร้อมกันโดยทันที เมื่อสองผู้เฒ่าตระกูลฉินไม่มีแม้แต่เกวียนลากใด ๆ มา แต่กลับเป็นรถเข็น
ตอนที่[13]หย่าขาดด้านหัวหน้าผู้บ้านอย่างสวีหุ่ย เมื่อเห็นว่าหญิงชรายากจนจากตระกูลฉินกำลังจะลากบุตรสาวของตนเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รีบเอ่ยขึ้น “หากจะหย่าก็รีบเถิด ข้ามีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ” “นั่นสิ จะหย่าก็รีบหย่าเถิด ไร้ประโยชน์เช่นนั้น จะอยู่ให้เป็นภาระของสามีเพื่ออันใด” หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยขึ้น จากนั้นก็มีการกล่าวขึ้นตาม ๆ กัน ที่พวกเขาทำเช่นนี้นั่นก็เพราะต้องการเอาใจหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง ระหว่างนั้นจูกุ้ยหยวนค่อย ๆ กวาดสายตามองหน้าทุก ๆ คนแล้วจดจำเอาไว้ หมู่บ้านเถียนเกาไม่มีดีเลยสักคน!!ด้านสองผู้เฒ่าตระกูลจูได้ยินดังนั้นก็หันไปมองบุตรชาย เขาก็รีบหันไปมองสวีต้าต่านให้รีบเอาหนังสือหย่าที่เตรียมไว้สองฉบับออกมา ทั้งยังมีจดหมายที่กล่าวว่า ‘จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก’ มาด้วย กว่าวคือนั่นเรียกว่า ‘หนังสือตัดขาด’ ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะนางจงซื่อและสามีกลัวว่าสองผู้เฒ่าตระกูลฉินอาจจะหวนกลับมาหาพวกเขาเพื่อเรียกร้องเอาค่ารักษาของสามแม่ลูกนั่นอีกด้วยก็รู้ว่าอาการของทั้งสามเป็นอย่างไร นี่จึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม “ประทับลายมือไปลงไปเสียสิ” นางจงซื่อกล่าวบอกผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสะใภ้ให้รีบปร
ตอนที่[14]ไม่อาจปิดบัง นางคิดว่าการเดินจากออกจากหมู่บ้านเถียนเกาไปที่หมู่บ้านหวงหลิงของท่านตาท่านยายจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่ทว่า...เดินทางผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง) ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถึงเสียที ท่านแม่กล่าวด้วยความอ่อนแรงเป็นระยะ ๆ ว่าให้ท่านตาท่านยายหยุดการเดินทางเพื่อพักสักหน่อย อีกทั้งนางได้ส่งกระแสจิตสอบถามเสี่ยวหลงเกี่ยวกับเส้นทางแล้ว จึงพบว่าหมู่บ้านเถียนเกากับหมู่บ้านหวงหลิง หากเดินเท้าแบบคนหนุ่มทั่วไปจะใช้เวลาเดินไป-กลับราวสี่ถึงห้าชั่วยาม (แปดถึงสิบชั่วโมง) ยิ่งท่านตาท่านยายที่มีอายุมากกอรปกับการเดินทางช่วงกลางคืนก็ยิ่งเพิ่มระยะเวลาไปอีก กว่าจะถึงหมู่บ้านเถียนเกาก็เป็นเวลาเช้าทั้งยังไม่ได้กินอะไรก็ต้องลากรถลากที่มีพวกนางสามแม่ลูกกลับหมู่บ้านโดยที่ยังไม่ได้พักอันใดอีก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ เดิมทีนางคิดว่าจะเปิดเผยทุกอย่างในภายหลัง แต่ยามนี้นางไม่สามารถให้ผู้เฒ่าทั้งสองต้องลำบากลากพวกนางกลับหมู่บ้านหลายชั่วยามลำพังสองคนได้แล้ว ‘เสี่ยวหลงตั้งเวลาภายในมิติกับด้านนอกราวกับพริบตาเดียวเช่นครั้งก่อน’ นางส่งกระแสจิตบอกเสี่ยวหลงก่อนที่จะนำมือทั้งสองข้างไปดึงมื
ตอนที่[14]ไม่อาจปิดบัง“ท่านแม่ ยินดีต้อนสู่ชีวิตใหม่” “ยะ...หยวนเออร์นี่มันอันใดกัน” นางฉินซื่อหรือยามนี้คือฉินกุ้ยหลิน ตกตะลึงเมื่อพบกับตนเองในกระจกบานยักษ์ที่บุตรสาวชี้ให้ตนดู ยามนี้นอกจากจะอยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาด เมื่อเข้ามานั่งอยู่ในแท่นที่ตนไม่เคยพบเห็นนี้ก็พบว่าร่างกายของตนเปลี่ยนไป และเมื่อขยับขาก็พบว่า...มันขยับได้แล้ว!ทั้งยังไม่เจ็บปวดร่างกายอีกต่อไป“ท่านแม่ ยามนี้ท่านเดินได้แล้ว รีบลุกขึ้นมาเถิด” ฉินกุ้ยหยวนเอ่ยบอกมารดาที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนเครื่องรักษาตนฉินกุ้ยหลินเมื่อได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น ไม่นานก็ยิ้มร่าออกมา ตนเดินได้แล้วจริง ๆ ไม่พอยังเดินซอยเท้าไปมาได้อีก น้ำตาคลอเอ่อที่ดวงตาคู่งาม ไม่น่าเชื่อว่าตนจะหายจากอาการเจ็บป่วย “หยวนเออร์ หยางเออร์ แม่เดินได้แล้วจริง ๆ” “ท่านแม่ ดียิ่ง ๆ” ฉินกุ้ยหยวนร้องรับมารดา ไม่นานสามแม่ลูกก็กอดกันกลม เมื่อดีใจกันจนเต็มที่แล้ว ฉินกุ้ยหลินก็เริ่มสังเกตเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงพวกตนสามแม่ลูก แต่ยังมี.....หมีขาวตัวยักษ์อีก “ท่านแม่ นี่คือ เสี่ยวหลง ผู้ช่วยของข้าเอง”“หยวนเออร์ เล่าทุกอย่างออกมาให้
ตอนที่[15]ทำความรู้จัก “ยะ.... หยวนเออร์ นี่เป็นสถานที่แบบใดกัน แล้วนี่หมีขาวหรือ...” ผู้เฒ่าชราก็มีอาการไม่ต่างกันกับสองคนแรกที่เข้ามา นางจึงพาทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรับฟังเรื่องราวที่นางจะเล่าทันที “วันนั้นที่ข้าล้มจนหัวฟาดกับคันนา แท้จริงข้าได้ตายไปแล้ว....”นางเริ่มเล่าว่าวันนั้นได้เห็นร่างกายตนเองล่องลอยออกจากร่างที่นอนนิ่ง พร้อมเห็นพี่ใหญ่เข้ามาอุ้มนางเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ในจุดนี้ทั้งท่านแม่และพี่ใหญ่ต่างก็จับมือของนางไว้พลางน้ำตาคลอ “ข้าล่องลอยไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับสถานที่แห่งนี้…...”นางเล่าว่าเดิมทีนางคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะพานางไปสู่ภพใหม่ แต่ทว่าเบื้องบนกลับบอกว่าเพื่อตอบแทนที่นางเป็นคนขยันขันแข็งต่อสู้เพื่อคนที่รักมาตลอดจึงอยากมอบสถานที่แห่งนี้ให้ แต่ว่าก่อนที่จะได้รับมิติวิเศษแห่งนี้ นางและครอบครัวจะต้องพบเจอกับเรื่องเจ็บปวดทั้งกายและใจ หากสามารถเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปได้ ต่อไปจึงจะพบแต่เรื่องดี ๆ ซึ่งในข้อนี้สามารถสื่อให้พี่ใหญ่คลายข้อสงสัยในใจว่าเหตุใดจู่ ๆ เขาจึงเจ็บป่วย และท่านแม่เหตุใดจึงต้องพบกับเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดใจเช่นนี้ แต่ว่า
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ