ตอนที่
[14] ไม่อาจปิดบัง “ท่านแม่ ยินดีต้อนสู่ชีวิตใหม่” “ยะ...หยวนเออร์นี่มันอันใดกัน” นางฉินซื่อหรือยามนี้คือฉินกุ้ยหลิน ตกตะลึงเมื่อพบกับตนเองในกระจกบานยักษ์ที่บุตรสาวชี้ให้ตนดู ยามนี้นอกจากจะอยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาด เมื่อเข้ามานั่งอยู่ในแท่นที่ตนไม่เคยพบเห็นนี้ก็พบว่าร่างกายของตนเปลี่ยนไป และเมื่อขยับขาก็พบว่า... มันขยับได้แล้ว! ทั้งยังไม่เจ็บปวดร่างกายอีกต่อไป “ท่านแม่ ยามนี้ท่านเดินได้แล้ว รีบลุกขึ้นมาเถิด” ฉินกุ้ยหยวนเอ่ยบอกมารดาที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนเครื่องรักษาตน ฉินกุ้ยหลินเมื่อได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น ไม่นานก็ยิ้มร่าออกมา ตนเดินได้แล้วจริง ๆ ไม่พอยังเดินซอยเท้าไปมาได้อีก น้ำตาคลอเอ่อที่ดวงตาคู่งาม ไม่น่าเชื่อว่าตนจะหายจากอาการเจ็บป่วย “หยวนเออร์ หยางเออร์ แม่เดินได้แล้วจริง ๆ” “ท่านแม่ ดียิ่ง ๆ” ฉินกุ้ยหยวนร้องรับมารดา ไม่นานสามแม่ลูกก็กอดกันกลม เมื่อดีใจกันจนเต็มที่แล้ว ฉินกุ้ยหลินก็เริ่มสังเกตเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงพวกตนสามแม่ลูก แต่ยังมี.....หมีขาวตัวยักษ์อีก “ท่านแม่ นี่คือ เสี่ยวหลง ผู้ช่วยของข้าเอง” “หยวนเออร์ เล่าทุกอย่างออกมาให้แม่ฟังโดยละเอียดได้หรือไม่” นอกจากสายตาคาดหวังจากมารดาแล้วยังมีพี่ชายของตนอีก ดีที่สมองอันชาญฉลาดของนางสามารถคิดเรื่องราว (แต่งเรื่อง) ได้อย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ พี่ใหญ่ แท้จริงแล้วข้าเป็นคนที่ตายไปแล้ว” !!! “เจ้าหมายความว่าอย่างไรหยวนเออร์!!” ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยสายตาอันตื่นตระหนก ทว่าก่อนที่นางจะเล่า นางก็สังเกตเห็นเนื้อตัวของพวกนั้นแต่ละคนนั้นแทบดูไม่ได้และยามนี้กำลังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาเป็นระยะ “ข้าว่า พวกเรารีบไปทำความสะอาดเนื้อตัวกันก่อนเถิด เมื่อเสร็จแล้ว ข้าจะออกไปรับท่านตายายมา จะได้ฟังเรื่องราวพร้อมกันทีเดียว หลังจากนั้นจะได้เข้าใจและเริ่มต้นใหม่ด้วยกันเสียที” ฉินกุ้ยหลินไม่คาดคิดว่าจะมีบ้านหลังใหญ่โตแปลกตาทั้งอยู่ในสถานที่ที่กว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ และเมื่อยิ่งก้าวเท้าเข้าไปด้านในตาก็ยิ่งเบิกกว้างยิ่งขึ้น นี่มันเป็นสถานที่อันใดกัน ในบ้านหลังนี้มีสิ่งของที่นางไม่เคยพบเจอเต็มไปหมด “พวกท่านเลือกห้องของพวกท่านเถิด” บ้านจำลองหลังนี้มีทั้งหมดสองชั้น ห้องของนางนั้นอยู่ชั้นสอง ซึ่งชั้นสองนั้นมีถึงสี่ห้องด้วยกัน ซึ่งด้านล่างก็เช่นเดียวกันทั้งด้านล่างยังมีห้องครัว ห้องกินอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องออกกำลังกายและห้องดูหนังอีก เรียกได้ว่าใหญ่โตครบครัน ท่านแม่เลือกห้องที่อยู่ชั้นล่าง คราแรกพี่ใหญ่ก็จะเลือกชั้นล่างเช่นเดียวกัน แต่นางคิดว่าเดี๋ยวท่านตาท่านยายมาก็คงจะอยู่ชั้นล่าง นางก็จะอยู่ชั้นบนเพียงแค่ผู้เดียว จึงได้ให้พี่ใหญ่ไปเลือกห้องที่อยู่ชั้นบนด้วยกัน เขาจึงเลือกห้องที่อยู่ถัดจากนางออกไป เมื่อทุกคนได้ห้องที่ตนต้องการแล้ว นางก็แนะนำพวกเขาเกี่ยวกับห้องของแต่ละคนว่ามีอันใดบ้าง โดยเฉพาะอุปกรณ์ภายในห้องน้ำและอ่างอาบน้ำที่จะให้พวกเขาชำระกาย ซึ่งยามนี้อ่างที่ว่ามีควันนุ่มฟูฟ่องลอยเต็มอ่างทั้งยังส่งกลิ่นหอมชวนลงไปชำระกายยิ่ง แน่นอนว่าหากทั้งสองได้ลงไปคงรู้สึกราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์อย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง! เมื่อทั้งฉินกุ้ยหลินและฉินกุ้ยหยางได้ลงไปชำระในอ่างน้ำสีขาวอันแปลกตา ก็รู้สึกว่าไม่อยากลุกขึ้นเลยสักนิด ความรู้สึกไม่สบายกายถูกชำระไปจนหมดสิ้น ทั้งยามนี้กลับรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง พลางคิดว่าเหตุใดจึงมีสถานที่อัศจรรย์เช่นนี้อยู่บนโลกนี้ได้ ทั้งสามคนต่างก็ชำระร่างกายและผ่อนคลายจิตใจอยู่ในห้องของตนเอง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเสร็จเรียบร้อย สามแม่ลูกอยู่ในอาภรณ์ชุดใหม่ที่สวยงามและกลิ่นหอมสะอาด นั่งรวมตัวกันที่ห้องที่เรียกว่าห้องนั่งเล่น “เดี๋ยวข้าจะออกไปรับท่านตาท่านยายสักครู่ พวกท่านรอข้าที่นี่พร้อมเสี่ยวหลงนะ” กล่าวแล้วก็แตะข้อมือด้านซ้ายของตนทันทีตอนที่[15]ทำความรู้จัก “ยะ.... หยวนเออร์ นี่เป็นสถานที่แบบใดกัน แล้วนี่หมีขาวหรือ...” ผู้เฒ่าชราก็มีอาการไม่ต่างกันกับสองคนแรกที่เข้ามา นางจึงพาทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรับฟังเรื่องราวที่นางจะเล่าทันที “วันนั้นที่ข้าล้มจนหัวฟาดกับคันนา แท้จริงข้าได้ตายไปแล้ว....”นางเริ่มเล่าว่าวันนั้นได้เห็นร่างกายตนเองล่องลอยออกจากร่างที่นอนนิ่ง พร้อมเห็นพี่ใหญ่เข้ามาอุ้มนางเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ในจุดนี้ทั้งท่านแม่และพี่ใหญ่ต่างก็จับมือของนางไว้พลางน้ำตาคลอ “ข้าล่องลอยไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับสถานที่แห่งนี้…...”นางเล่าว่าเดิมทีนางคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะพานางไปสู่ภพใหม่ แต่ทว่าเบื้องบนกลับบอกว่าเพื่อตอบแทนที่นางเป็นคนขยันขันแข็งต่อสู้เพื่อคนที่รักมาตลอดจึงอยากมอบสถานที่แห่งนี้ให้ แต่ว่าก่อนที่จะได้รับมิติวิเศษแห่งนี้ นางและครอบครัวจะต้องพบเจอกับเรื่องเจ็บปวดทั้งกายและใจ หากสามารถเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปได้ ต่อไปจึงจะพบแต่เรื่องดี ๆ ซึ่งในข้อนี้สามารถสื่อให้พี่ใหญ่คลายข้อสงสัยในใจว่าเหตุใดจู่ ๆ เขาจึงเจ็บป่วย และท่านแม่เหตุใดจึงต้องพบกับเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดใจเช่นนี้ แต่ว่า
ตอนที่[16]พาหนะประหลาด ความตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นกับฉินกุ้ยหยางไม่หยุด มือจับกระชับเข้าที่จับของพาหนะที่เขาเพิ่งได้ลองโดยสารเป็นครั้งแรกอย่างเหนียวแน่นด้วยกลัวว่าจะพลาดพลั้งตกลงไป เป็นความหวาดหวั่นทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นไปในคราเดียว ฉินกุ้ยหยวนมองพี่ชายในกระจกที่แม้บรรยากาศรอบด้านจะเริ่มมืดมิด แต่แสงไฟจากด้านหน้าของรถก็ทำให้เห็นอาการของคนที่อยู่ด้านหลังตนได้เป็นอย่างดีด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ท่านอยากลองขับดูบ้างหรือไม่ อ่า ข้าหมายถึงบังคับสิ่งนี้” นางลดความเร็วลงเพื่อที่จะได้พูดคุยกับเขาให้ได้ยินมากขึ้น เพราะเมื่อครู่ด้วยความเร็วทำให้เสียงลมกระทบโสตประสาทไม่น้อย “ดะ...ได้หรือหยวนเออร์” ฉินกุ้ยหยางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อน้องสาวเสนอในสิ่งที่เขาก็คิดอยู่ในใจว่าอยากจะลองทำบ้างเช่นกัน “ได้สิ เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนที่นั่งกัน” นางรีบจอดรถอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอนอยู่ในมิตินางได้บอกเขาบ้างแล้ว ว่ารถแบตเตอรี่คันนี้มีปุ่มดำเนินการอย่างไรบ้าง ยามนี้ก็เน้นย้ำอีกนิดหน่อยก็ดูเหมือนว่าพี่ชายของนางจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แม้คราแรกจะดูทุลักทุเลไปบ้าง แต่ไม่นานรถแบตเตอรี่ไฟฟ้าสองที่นั่งคันนี้
ตอนที่[16]พาหนะประหลาดเมื่อรถจอดสนิทแล้วก็ให้คนทั้งสามที่อยู่ในมิติออกมา รวมถึงเก็บรถเข้าไปในมิติเสร็จเรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยอันใดกันเสียงด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน“ตาเฒ่า ยายเฒ่าฉินมาแล้วรึ” เป็นชายชราและหญิงชราที่รุ่นราวคราวเดียวกับท่านตาท่านยาย ด้านหลังของทั้งคู่คือเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนางเอ่ยถามขึ้นทั้งยังว่าต่อ“พวกข้ารอพวกเจ้าอยู่ตั้งนาน เพราะเป็นห่วง เหตุใดจึงได้เดินทางนานนัก ให้หวงเออร์เวียนมาดูตั้งหลายรอบ เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวค่อยพูดคุยกัน หวงเออร์ เข้าไปจุดไฟในบ้านเร็ว” กล่าวเสร็จ เด็กสาวผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านที่ประตูบ้านมีเพียงเชือกพันไว้ราวกับคุ้นชินโดยที่มือยังถือถาดบางอย่างเอาไว้ ไม่นานบ้านหลังน้อยก็สว่างไสวขึ้นจากไฟตะเกียง“ข้ากลัวว่ากลับมากันแล้วก็คงจะหิว จึงให้หวงเออร์ทำกับข้าวกับหุงข้าวไว้รอ เผื่อพวกเจ้ามาก็จะได้กินทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มาเสียที หลานข้าเลยอุ่นอาหารหลายรอบทีเดียวทั้งยังทำเพิ่มอีกด้วย” “ขอบใจมากนะหวงเออร์ เจ้าเป็นเด็กดีนัก” ผู้เฒ่าฉินยิ้มแย้มทั้งยังหันไปลูบหัวเด็กสาว จากนั้นก็หันไปขอบคุณสหายทั้งสองที่ไม่เคยทอดทิ้
ตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางก็พาทุกคนออกมา ด้วยรู้ว่าบ้านเจียวต้องมาถามไถ่เรื่องราวอย่างแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเห็นผู้เฒ่าสองคนเดินมาพร้อมรอยยิ้ม แต่วันนี้เจียวหวงไม่ได้มาด้วย ผู้เฒ่าเจียวมองบ้านฉินด้วยความแปลกใจ ด้วยเมื่อคืนมืดค่ำและยังมองอะไรไม่ชัดเจนนัก เท่าที่เขาจำได้ สองผู้เฒ่าบ้านฉินเดินทางออกไปกลางดึกพร้อมรถเข็นลากแต่เมื่อคืนคล้ายว่าไม่เห็นรถเข็นลากคันนั้นเลยสักนิด และเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของสหายและผู้มาใหม่ กลับไม่คล้ายกับชาวบ้านทั่วไป ทั้งผิวพรรณและการแต่งกายล้วนคล้ายคนมีฐานะ และดูสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดียิ่ง มิใช่ว่าบุตรสาวและหลานทั้งสองของสหายเจ็บป่วยมิใช่หรือ สหายทั้งสองของเขาก็เช่นกัน เหตุใดในชั่วข้ามคืน.... ฉินกุ้ยหยวนรับรู้ถึงสายตาของความสงสัยต่าง ๆ แต่นางไม่ได้อยากสนใจมากนักให้ท่านตาท่านยายตอบคำถามไปก่อน ที่จริงแล้วเมื่อวานหลังจากเข้าไปในมิตินางก็ให้ท่านตาและท่านยายเข้าไปนั่งในเครื่องรักษาตนก็พบว่าทั้งสองเลือดลมติดขัด เพราะเหตุนี้จึงทำให้สุขภาพไม่ดีมาตลอด แต่ตั้งแต่เมื่อได้รับการรักษาจากเครื่องอัจฉร
ตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน ด้านเจียวหวงนั้นรู้สึกว่าตนเกรงใจมาก จะให้พี่สาวพี่ชายคนงามมาทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว เพราะทั้งคู่เริ่มลงมือกันแล้ว และทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วเสียด้วย การช่วยเหลือเจียวหวงในการเก็บผักตากแห้งนั้นใช้เวลาไม่นานเพราะมันเหลือที่เก็บได้ไม่มากจริง ๆ จากนั้นเจ้าบ้านก็พาพวกนางเดินต่อเข้าไปในหมู่บ้านทันที เมื่อพบกับชาวบ้านคนอื่น ๆ พวกเขาต่างมองที่นางและพี่ใหญ่ด้วยความแปลกใจและแฝงไปด้วยความสนใจ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นความแตกต่างของชาวบ้านหมู่บ้านหวงหลิงและหมู่บ้านเถียนเกา นั่นก็คือ แววตา ชาวบ้านที่นี่มีแววตาที่ใสซื่อและดูเป็นมิตร ไม่มีพิษมีภัย หาใช่สายตาเจ้าเล่ห์และไม่เป็นมิตรเช่นคนหมู่บ้านเถียนเกา “ตรงนี้เป็นบ้านผู้นำหมู่บ้านเจ้าค่ะ ด้านข้างนั้นจะเป็นลานประจำหมู่บ้าน ที่ยามเรียกรวมตัวคนเพื่อประกาศบางอย่างก็จะไปรวมตัวกันที่นั่น” นางมองตามไปยังจุดที่เจียวหวงแนะนำและมองเลยไปยังจุดอื่น ๆ สิ่งที่นางสังเกตเห็นคือ ในหลาย ๆ บ้านตอนนี้เริ่มเตรียมตัวเก็บเกี่ยวผลผลิตนั่นก็คือกะหล่ำปลีและผักกาดขาว ที่ดูเหมือนว่าจะปลูกกันไว้ทุกบ้าน แม้กระทั่งบ้านของผ
ตอนที่[18]พบช่องทาง หมู่บ้านเฮยจูโหยว หรือก็แปลตรงตัวว่า หมู่บ้านหมูดำ เรื่องที่ได้ยินนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ก็ช่างน่าตลกร้าย หมู่บ้านหวงหลิงอยู่ท่ามกลางบ้านเมืองที่เจริญแล้วทั้งนั้น ทางด้านทิศตะวันออกคือหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าขายหมูดำพันธุ์พิเศษที่สร้างชื่อเสียงแก่หมู่บ้านตลอดจนอำเภอจางเย่ให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เศรษฐกิจล้วนแต่ถูกกระตุ้นจนมีแต่คนร่ำรวย ด้านอำเภอเสิ่งซีที่นางอยู่แม้ว่าจะไม่มีอันใดโดดเด่นแต่ก็คล้ายเป็นจุดพักของนักเดินทางหรือเหล่าพ่อค้าเพื่อที่จะนำสินค้าส่งต่อไปที่เมืองอันหนิงจึงทำให้ค่อนข้างคึกคักยามที่มีคณะเดินทางมาพัก ร้านรวงต่าง ๆ ที่มีการค้าขายก็มักจะขายดีอยู่ไม่น้อย ส่วนหมู่บ้านเถียนเกาแม้จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลอำเภอแต่ก็ยังมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่นี่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเสี่ยวหลงที่บอกนางมาผ่านมาพูดคุยทางกระแสจิต และต่อไปหากมีอันใดที่สงสัยอยากรู้ นางจะถามเขาดีกว่าจะได้ไม่ถูกมองว่าแปลกดังเช่นที่พี่ใหญ่ของนางกำลังสงสัย “พี่ใหญ่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่ามันที่ข้าสลบไป ความจำของข้า...” เมื่อกล่าวเพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนว่าสีหน้าของตนตรงหน้าจะเปล
ตอนที่[18]พบช่องทาง จากนั้นเมื่อหลังจากที่พวกเขากลับไป นางจึงตั้งใจในงานเลี้ยงในวันนี้ค่อนข้างมาก นางพาทุกคนรวมถึงของที่ชาวบ้านนำมามอบให้เข้าไปในมิติเพื่อดูว่าจะทำอะไรบ้าง น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ในมิติออกไปได้ แต่ยังดีที่ยังมีไก่ที่ชาวบ้านนำมาให้ราว ๆ สามสี่ตัว ไหนจะไข่และผักอีกมากมาย ดังนั้นเมนูอาหารที่นางจะทำในวันนี้ก็มีต้มจับฉ่ายที่จะตุ๋นให้เปื่อยนุ่มทั้งไก่และผักต่าง ๆ ที่มีรับรองว่าอร่อยละมุนลิ้นแน่นอนและที่ทำเมนูนี้เพราะสามารถทำออกมาได้เป็นหม้อใหญ่ ทำให้กินได้หลายคน ต่อมาก็เป็นเมนูผัดผักใส่ไข่ นี่ก็เป็นน้ำใจอีกอย่างของชาวบ้าน นางเพิ่งรู้ว่าไข่ที่นี่ไม่ได้กินกันได้บ่อย ๆ แต่พวกเขาก็นำมาให้แต่ด้วยมีจำนวนไม่มาก นางจึงคิดว่าผัดใส่ผักจะทำให้ปริมาณมากขึ้นได้ เมนูต่อมาคือกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา พืชที่ทำรายได้ให้กับหมู่บ้านหวงหลิงแห่งนี้ หากพวกเขาได้รับรู้ว่าผักชนิดนี้สามารถทำอาหารได้อร่อยคงจะรู้สึกทึ่งไม่น้อย และเมนูสุดท้ายที่นางไม่คิดว่าจะทำและนำออกมาได้คือแป้งทอดกรอบ แต่เมื่อเห็นว่ามันอยู่แถวเดียวกันกับโซนเครื่องปรุงก็รู้สึกดีใจว่า หากมีอันใดที่อยู่โซนนี้ก็สามารถที่จ
ตอนที่[19]งานเลี้ยงพบปะ ในราวปลายยามเซินก่อนเข้ายามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ชาวบ้านหมู่บ้านหวงหลิงก็เริ่มทยอยมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แม้จะกล่าวว่ามาร่วมงานเลี้ยงก็ไม่วายมีของติดไม้ติดมือมาด้วย ช่างมีน้ำใจนัก จากนั้นก็พบว่าพวกเขาต่างก็ล้วนตื่นตาตื่นใจกับการจัดสถานที่ที่ไม่เคยพบเห็นมาจากที่ใดมาก่อน วัตถุแปลกประหลาดและหลากสีสันนี้ไม่รู้ว่าบ้านฉินหามาจากที่ใด แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ดูท่าจะสนใจเป็นพิเศษนั่นก็คือเหล่าลูกโป่งตกแต่งทั้งที่ตกแต่งติดตามมุมต่าง ๆ บ้างก็นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น นางจึงเข้าไปบอกพวกเขาและสามารถเล่นได้ แต่มันสามารถแตกได้ง่าย ต้องระวัง มิใช่กลัวว่ามันจะเสียหายเพราะนางมิได้เสียดาย ในมิติยังมีอีกเยอะ แต่แค่ระวังเพราะกลัวว่าพวกเขาจะตกใจก็เท่านั้น เด็ก ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีดีใจ จากนั้นต่างเล่นลูกโป่งกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้นางมีฉายาใหม่เสียแล้ว ‘พี่สาวเทพธิดาใจดี’ ฉายายาวพร้อมบอกมุมมองที่เด็ก ๆ มีต่อนางอย่างเสร็จสรรพ ด้านชาวบ้านก็เห็นสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปเลยสักนิด ล้วนแต่งดงามเกลี้ยงเกลา แต่งกายดี คล้ายผู้มีฐานะในเมืองเสียมากกว
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ