ตอนที่
[16] พาหนะประหลาด เมื่อรถจอดสนิทแล้วก็ให้คนทั้งสามที่อยู่ในมิติออกมา รวมถึงเก็บรถเข้าไปในมิติเสร็จเรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยอันใดกันเสียงด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน “ตาเฒ่า ยายเฒ่าฉินมาแล้วรึ” เป็นชายชราและหญิงชราที่รุ่นราวคราวเดียวกับท่านตาท่านยาย ด้านหลังของทั้งคู่คือเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนางเอ่ยถามขึ้นทั้งยังว่าต่อ “พวกข้ารอพวกเจ้าอยู่ตั้งนาน เพราะเป็นห่วง เหตุใดจึงได้เดินทางนานนัก ให้หวงเออร์เวียนมาดูตั้งหลายรอบ เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวค่อยพูดคุยกัน หวงเออร์ เข้าไปจุดไฟในบ้านเร็ว” กล่าวเสร็จ เด็กสาวผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านที่ประตูบ้านมีเพียงเชือกพันไว้ราวกับคุ้นชินโดยที่มือยังถือถาดบางอย่างเอาไว้ ไม่นานบ้านหลังน้อยก็สว่างไสวขึ้นจากไฟตะเกียง “ข้ากลัวว่ากลับมากันแล้วก็คงจะหิว จึงให้หวงเออร์ทำกับข้าวกับหุงข้าวไว้รอ เผื่อพวกเจ้ามาก็จะได้กินทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มาเสียที หลานข้าเลยอุ่นอาหารหลายรอบทีเดียวทั้งยังทำเพิ่มอีกด้วย” “ขอบใจมากนะหวงเออร์ เจ้าเป็นเด็กดีนัก” ผู้เฒ่าฉินยิ้มแย้มทั้งยังหันไปลูบหัวเด็กสาว จากนั้นก็หันไปขอบคุณสหายทั้งสองที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน “ขอบใจพวกเจ้ามากนะ ตาเฒ่า ยายเฒ่าเจียว” นางมองอาหารสี่ห้าอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างล้วนแต่เป็นเมนูผัก ธรรมดาแต่ก็สามารถรู้ได้ว่ามาจากความใส่ใจ ครอบครัวตระกูลเจียวนี้คงมิได้ร่ำรวยเงินทอง แต่ทว่าร่ำรวยน้ำใจนัก นี่เป็นการต้อนรับที่ดีเหลือเกินกับการมาเยือนหมู่บ้านหวงหลิงเป็นครั้งแรกของนาง ความรู้สึกช่างต่างจากหมู่บ้านที่นางจากมานัก ไม่เลว ๆ หลังจากพูดคุยและแนะนำตัวกันเล็กน้อย ก็เป็นช่วงเวลากินอาหารแต่บ้านเจียวนั้นกล่าวว่าไม่อยากรบกวนเวลาครอบครัวที่เพิ่งได้พบหน้ากันเลยจะกลับไปก่อนครอบครัวนางจะได้กินอาหารกันอย่างราบรื่นเพราะมีแต่คนกันเอง แต่พรุ่งนี้จะมาใหม่ นางมองตามหลังเด็กสาวผู้นั้นที่เดินตามท่านปู่ท่านย่าของตนไป เด็กสาวผู้นั้นมีนามว่าเจียวหวง อายุน้อยกว่านางสองปี พ่อแม่ตายไปตั้งแต่อีกฝ่ายยังเด็กเพราะโรคระบาดเมื่อหลายปีก่อน ถามไถ่กันไปก็ได้ความว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ท่านพ่อของเสี่ยวจวนจากไปเช่นกัน นั่นก็เพราะพวกเขาไปทำงานที่เดียวกันนั่นเอง มองเด็กสาวผู้นั้นแล้วก็พบว่ามีส่วนคล้ายเสี่ยวจวนไม่น้อย ในด้านนิสัยที่ขยันขันแข็ง เอาการเอางานและมีความใสซื่อที่หาได้ยากในหมู่คนที่นางได้พานพบในตอนนี้ จู่ ๆ ความคิดของนางตอนนี้ก็อยากทำให้เด็กสาวเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อทดแทนในสิ่งที่พวกนางขาดหายไป ครอบครัวนางไม่ได้กินอาหารโดยทันที เพราะนางมองไปโดยรอบแล้ว แม้จะจุดไฟตะเกียงแต่ความสว่างก็ใช่ว่าจะมีมากมายนัก ทั้งตัวบ้านยังมีเพียงห้องโถงหลักเล็ก ๆ และห้องนอนของท่านตาท่านยายที่ก็เล็กพอ ๆ กัน ถัดไปจากนั้นเล็กน้อยก็คงจะเป็นห้องครัวที่คงเรียกว่าห้องไม่ได้เพราะมันยังอยู่ในส่วนเดียวกันกับห้องโถง ส่วนห้องน้ำอยู่ที่ใด นางมองไม่เห็นจริง ๆ และต้องบอกว่าว่านางให้ความสำคัญกับห้องน้ำมากที่สุด สุขอนามัยเป็นเรื่องที่สำคัญ ตอนที่นางอยู่บ้านตระกูลจู นางอดกลั้นเกี่ยวกับการเข้าห้องน้ำไว้หลายครั้ง เพราะมันไม่เหมือนกับที่ที่นางจากมามากเกินไปจริง ๆ ยิ่งกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้าน บ้านหลังนี้เล็กกว่าที่บ้านตระกูลจูทั้งยังดูเรียบง่ายจนแทบไม่มีอะไร สองผู้เฒ่าตระกูลฉินมองไปที่หลานสาวราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใด พร้อมกันนั้นความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นในใจ ผ่านมาหลายปีตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวออกเรือน พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างฐานะของตนให้ดีขึ้นได้ ทั้งยังลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยตนป่วยและยายเฒ่าต่างก็ผลัดกันป่วยด้วยโรคบางอย่าง ทุกวันทำได้เพียงแค่รับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้พอได้ประทังชีวิต เพราะเหตุนี้ เมื่อไม่สามารถสร้างฐานะได้ ทางฝั่งบ้านสามีของบุตรสาวจึงได้ไม่ยำเกรงบ้านเดิมและทำกับบุตรสาวและหลานของพวกเขาเช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา คิดแล้วน่าเจ็บใจนัก “หยวนเออร์ หยางเออร์ ตาขอโทษนะลูกที่บ้านหลังนี้มันคับแคบนัก ตา....” “ท่านตา ไม่ต้องขอโทษอันใดเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจดีในเรื่องราวที่เกิดขึ้น บ้านหลังนี้ยามนี้แม้จะคับแคบ แต่ต่อไปมันจะใหญ่โตยิ่งกว่านี้ ข้าสัญญาว่าจะพาทุกคนไปสู่หนทางแห่งความร่ำรวยอย่างแน่นอน” นางกวาดสายตามองทุกคนไล่ตั้งแต่ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ ก่อนจะจบลงที่ท่านแม่ ซึ่งทุกคนก็ล้วนแต่มีความซึ้งใจตอบกลับมา และมองลึกไปกว่านั้นคือ...ความเชื่อมั่น... “แต่ยามนี้ข้ามีความคิดหนึ่ง” “อันใดหรือหยวนเออร์” คราวนี้เป็นท่านแม่ที่ถามมา “ข้าคิดว่าต่อไปเราทุกคนควรย้ายไปอยู่ในบ้านในมิติวิเศษของข้า ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงหน้าหนาวที่จะมาถึง ไม่สิ อยู่จนกว่าเราจะสร้างบ้านหลังใหญ่ได้ เพราะในนั้นทั้งสะดวกสบาย อบอุ่นและมีครบทุกอย่าง แต่อย่างไรเราก็ต้องออกมาจากใช้ชีวิตที่ด้านนอกด้วย เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย พวกท่านว่าอย่างไร” ท่านตาพยักหน้าก่อนใคร ตามด้วยท่านยาย พวกเขาไม่อยากให้ลูกหลานต้องมาลำบาก อยู่ในที่วิเศษแห่งนั้นเรียกได้ว่าดีพร้อมและครบครันมากจริง ๆ ในชีวิตไม่เคยพานพบที่ใดที่วิเศษเช่นนั้นมาก่อน ด้านมารดาและบุตรชาย ยามนี้ไม่ว่าอะไรก็เชื่อฟังบุตรสาวและน้องสาวคนเล็กไปเสียหมด นางว่าอย่างไรก็ว่าเช่นนั้น “ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปกินข้าวในมิติกันเถิด จากนั้นจะได้พักผ่อนกัน พรุ่งนี้ข้ามีเรื่องที่จะพูดคุยกับพวกท่านด้วย” ว่าแล้วนางก็ให้ทุกคนเข้ามาจับที่ตัวนาง ก่อนที่จะนางจะส่งลมไปเป่าดับไฟตะเกียงที่อยู่ไม่ไกลให้ดับลงแล้วจากนั้นทั้งห้าก็หายไปจากบ้านหลังน้อยทันทีตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางก็พาทุกคนออกมา ด้วยรู้ว่าบ้านเจียวต้องมาถามไถ่เรื่องราวอย่างแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเห็นผู้เฒ่าสองคนเดินมาพร้อมรอยยิ้ม แต่วันนี้เจียวหวงไม่ได้มาด้วย ผู้เฒ่าเจียวมองบ้านฉินด้วยความแปลกใจ ด้วยเมื่อคืนมืดค่ำและยังมองอะไรไม่ชัดเจนนัก เท่าที่เขาจำได้ สองผู้เฒ่าบ้านฉินเดินทางออกไปกลางดึกพร้อมรถเข็นลากแต่เมื่อคืนคล้ายว่าไม่เห็นรถเข็นลากคันนั้นเลยสักนิด และเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของสหายและผู้มาใหม่ กลับไม่คล้ายกับชาวบ้านทั่วไป ทั้งผิวพรรณและการแต่งกายล้วนคล้ายคนมีฐานะ และดูสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดียิ่ง มิใช่ว่าบุตรสาวและหลานทั้งสองของสหายเจ็บป่วยมิใช่หรือ สหายทั้งสองของเขาก็เช่นกัน เหตุใดในชั่วข้ามคืน.... ฉินกุ้ยหยวนรับรู้ถึงสายตาของความสงสัยต่าง ๆ แต่นางไม่ได้อยากสนใจมากนักให้ท่านตาท่านยายตอบคำถามไปก่อน ที่จริงแล้วเมื่อวานหลังจากเข้าไปในมิตินางก็ให้ท่านตาและท่านยายเข้าไปนั่งในเครื่องรักษาตนก็พบว่าทั้งสองเลือดลมติดขัด เพราะเหตุนี้จึงทำให้สุขภาพไม่ดีมาตลอด แต่ตั้งแต่เมื่อได้รับการรักษาจากเครื่องอัจฉร
ตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน ด้านเจียวหวงนั้นรู้สึกว่าตนเกรงใจมาก จะให้พี่สาวพี่ชายคนงามมาทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว เพราะทั้งคู่เริ่มลงมือกันแล้ว และทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วเสียด้วย การช่วยเหลือเจียวหวงในการเก็บผักตากแห้งนั้นใช้เวลาไม่นานเพราะมันเหลือที่เก็บได้ไม่มากจริง ๆ จากนั้นเจ้าบ้านก็พาพวกนางเดินต่อเข้าไปในหมู่บ้านทันที เมื่อพบกับชาวบ้านคนอื่น ๆ พวกเขาต่างมองที่นางและพี่ใหญ่ด้วยความแปลกใจและแฝงไปด้วยความสนใจ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นความแตกต่างของชาวบ้านหมู่บ้านหวงหลิงและหมู่บ้านเถียนเกา นั่นก็คือ แววตา ชาวบ้านที่นี่มีแววตาที่ใสซื่อและดูเป็นมิตร ไม่มีพิษมีภัย หาใช่สายตาเจ้าเล่ห์และไม่เป็นมิตรเช่นคนหมู่บ้านเถียนเกา “ตรงนี้เป็นบ้านผู้นำหมู่บ้านเจ้าค่ะ ด้านข้างนั้นจะเป็นลานประจำหมู่บ้าน ที่ยามเรียกรวมตัวคนเพื่อประกาศบางอย่างก็จะไปรวมตัวกันที่นั่น” นางมองตามไปยังจุดที่เจียวหวงแนะนำและมองเลยไปยังจุดอื่น ๆ สิ่งที่นางสังเกตเห็นคือ ในหลาย ๆ บ้านตอนนี้เริ่มเตรียมตัวเก็บเกี่ยวผลผลิตนั่นก็คือกะหล่ำปลีและผักกาดขาว ที่ดูเหมือนว่าจะปลูกกันไว้ทุกบ้าน แม้กระทั่งบ้านของผ
ตอนที่[18]พบช่องทาง หมู่บ้านเฮยจูโหยว หรือก็แปลตรงตัวว่า หมู่บ้านหมูดำ เรื่องที่ได้ยินนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ก็ช่างน่าตลกร้าย หมู่บ้านหวงหลิงอยู่ท่ามกลางบ้านเมืองที่เจริญแล้วทั้งนั้น ทางด้านทิศตะวันออกคือหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าขายหมูดำพันธุ์พิเศษที่สร้างชื่อเสียงแก่หมู่บ้านตลอดจนอำเภอจางเย่ให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เศรษฐกิจล้วนแต่ถูกกระตุ้นจนมีแต่คนร่ำรวย ด้านอำเภอเสิ่งซีที่นางอยู่แม้ว่าจะไม่มีอันใดโดดเด่นแต่ก็คล้ายเป็นจุดพักของนักเดินทางหรือเหล่าพ่อค้าเพื่อที่จะนำสินค้าส่งต่อไปที่เมืองอันหนิงจึงทำให้ค่อนข้างคึกคักยามที่มีคณะเดินทางมาพัก ร้านรวงต่าง ๆ ที่มีการค้าขายก็มักจะขายดีอยู่ไม่น้อย ส่วนหมู่บ้านเถียนเกาแม้จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลอำเภอแต่ก็ยังมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่นี่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเสี่ยวหลงที่บอกนางมาผ่านมาพูดคุยทางกระแสจิต และต่อไปหากมีอันใดที่สงสัยอยากรู้ นางจะถามเขาดีกว่าจะได้ไม่ถูกมองว่าแปลกดังเช่นที่พี่ใหญ่ของนางกำลังสงสัย “พี่ใหญ่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่ามันที่ข้าสลบไป ความจำของข้า...” เมื่อกล่าวเพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนว่าสีหน้าของตนตรงหน้าจะเปล
ตอนที่[18]พบช่องทาง จากนั้นเมื่อหลังจากที่พวกเขากลับไป นางจึงตั้งใจในงานเลี้ยงในวันนี้ค่อนข้างมาก นางพาทุกคนรวมถึงของที่ชาวบ้านนำมามอบให้เข้าไปในมิติเพื่อดูว่าจะทำอะไรบ้าง น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ในมิติออกไปได้ แต่ยังดีที่ยังมีไก่ที่ชาวบ้านนำมาให้ราว ๆ สามสี่ตัว ไหนจะไข่และผักอีกมากมาย ดังนั้นเมนูอาหารที่นางจะทำในวันนี้ก็มีต้มจับฉ่ายที่จะตุ๋นให้เปื่อยนุ่มทั้งไก่และผักต่าง ๆ ที่มีรับรองว่าอร่อยละมุนลิ้นแน่นอนและที่ทำเมนูนี้เพราะสามารถทำออกมาได้เป็นหม้อใหญ่ ทำให้กินได้หลายคน ต่อมาก็เป็นเมนูผัดผักใส่ไข่ นี่ก็เป็นน้ำใจอีกอย่างของชาวบ้าน นางเพิ่งรู้ว่าไข่ที่นี่ไม่ได้กินกันได้บ่อย ๆ แต่พวกเขาก็นำมาให้แต่ด้วยมีจำนวนไม่มาก นางจึงคิดว่าผัดใส่ผักจะทำให้ปริมาณมากขึ้นได้ เมนูต่อมาคือกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา พืชที่ทำรายได้ให้กับหมู่บ้านหวงหลิงแห่งนี้ หากพวกเขาได้รับรู้ว่าผักชนิดนี้สามารถทำอาหารได้อร่อยคงจะรู้สึกทึ่งไม่น้อย และเมนูสุดท้ายที่นางไม่คิดว่าจะทำและนำออกมาได้คือแป้งทอดกรอบ แต่เมื่อเห็นว่ามันอยู่แถวเดียวกันกับโซนเครื่องปรุงก็รู้สึกดีใจว่า หากมีอันใดที่อยู่โซนนี้ก็สามารถที่จ
ตอนที่[19]งานเลี้ยงพบปะ ในราวปลายยามเซินก่อนเข้ายามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ชาวบ้านหมู่บ้านหวงหลิงก็เริ่มทยอยมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แม้จะกล่าวว่ามาร่วมงานเลี้ยงก็ไม่วายมีของติดไม้ติดมือมาด้วย ช่างมีน้ำใจนัก จากนั้นก็พบว่าพวกเขาต่างก็ล้วนตื่นตาตื่นใจกับการจัดสถานที่ที่ไม่เคยพบเห็นมาจากที่ใดมาก่อน วัตถุแปลกประหลาดและหลากสีสันนี้ไม่รู้ว่าบ้านฉินหามาจากที่ใด แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ดูท่าจะสนใจเป็นพิเศษนั่นก็คือเหล่าลูกโป่งตกแต่งทั้งที่ตกแต่งติดตามมุมต่าง ๆ บ้างก็นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น นางจึงเข้าไปบอกพวกเขาและสามารถเล่นได้ แต่มันสามารถแตกได้ง่าย ต้องระวัง มิใช่กลัวว่ามันจะเสียหายเพราะนางมิได้เสียดาย ในมิติยังมีอีกเยอะ แต่แค่ระวังเพราะกลัวว่าพวกเขาจะตกใจก็เท่านั้น เด็ก ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีดีใจ จากนั้นต่างเล่นลูกโป่งกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้นางมีฉายาใหม่เสียแล้ว ‘พี่สาวเทพธิดาใจดี’ ฉายายาวพร้อมบอกมุมมองที่เด็ก ๆ มีต่อนางอย่างเสร็จสรรพ ด้านชาวบ้านก็เห็นสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปเลยสักนิด ล้วนแต่งดงามเกลี้ยงเกลา แต่งกายดี คล้ายผู้มีฐานะในเมืองเสียมากกว
ตอนที่[20]ผักดองรสเด็ดวันรุ่งขึ้นหลังกินข้าวเช้าเสร็จ นางก็รีบดำเนินการตามแผนการที่คิดเอาไว้ทันที โดยการไปตัดกะหล่ำปลีและผักกาดขาวจากพื้นที่หลังบ้านที่ท่านตาท่านยายปลูกไว้ แน่นอนว่าทุกคนในครอบครัวนั้นร่วมด้วยช่วยกันเป็นอย่างมาก ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วยามก็เสร็จสิ้น ด้วยว่าพื้นที่เพาะปลูกนั้นมีไม่มากและทั้งสองก็ปลูกตามแรงและเงินทุนของตนที่มี เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็ขนใส่ไว้ในรถลากที่มี ทุกคนช่วยกันเข็นเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางก็พาทั้งผักทั้งคนเข้าไปในมิติทันที เพื่อที่จะไปทำความสะอาดแล้วจะได้เริ่มต้นทำกิมจิในขั้นตอนถัดไป เมื่อผักทั้งสองถูกล้างเศษดินออกเรียบร้อย นางก็สอนให้ทุกคนหั่นผักกะหล่ำและฉีกผักกาดขาวแบบที่สูตรที่นางเคยทำ ทุกคนประจำจุดและช่วยกันตามอย่างไม่มีอิดออด จากตอนแรกที่นางคิดว่าคงไม่มากมายเท่าใด กลับกลายเป็นว่าตรงหน้ามีผักเป็นกองพะเนินขึ้นมา จากนั้นจึงเอาผักใส่ภาชนะที่เป็นกะละมังใหญ่แล้วโรยเกลือลงไป เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็รอให้ผักสลบลง ช่วงเวลานี้จะเป็นเวลาที่ทุกคนได้พักผ่อนจากความเมื่อยล้า และก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดีนางจึงเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากรสชาติออกมาให้ทุกคนเลือกรสชาติ
ตอนที่[21]เจรจาการค้า วันรุ่งขึ้นครอบครัวฉินตื่นกันตั้งแต่เช้า ระหว่างที่กินอาหารอยู่นั้นนางก็เอ่ยถามท่านตาท่านยายเกี่ยวกับอำเภอเสิ่งซีแห่งนี้ เรื่องนี้นางสามารถสอบถามได้ เพราะนางไม่เคยมา พี่ใหญ่ก็ไม่เคยมา แต่ท่านแม่เคยมาหนึ่งครั้ง กล่าวว่าท่านย่าให้ท่านพ่อมาซื้อยาบำรุงครรภ์ให้ป้าสะใภ้และแวะพากันแวะกินบะหมี่หนึ่งชาม แต่เมื่อเห็นท่านแม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเมื่อกล่าวถึงบิดาผู้นั้น นางจึงไม่อยากถามอีกฝ่ายมากนัก แต่หันไปถามท่านถามท่านตาแทน ทั้งคู่กล่าวว่าเคยมาเมื่อราว ๆ สามสิบปีก่อน ในตอนที่ท่านแม่ยังอายุเพียงแค่ห้าหนาวเท่านั้น ได้เข็นผักมาขายกันสามพ่อแม่ลูก ยามนั้นตลาดกลางอำเภอ เปิดให้ขายฟรี ไม่เก็บค่าเช่าแผง แต่สุดท้ายแม้จะขายผักหมด แต่หักแล้วก็ไม่คุ้มค่ากับการเดินทางสักนิด ไหนจะตอนนั้นที่มีกลุ่มโจรชุกชุมกว่าตอนนี้คิดแล้วเลยไม่อยากเสี่ยงชีวิตอีก จากนั้นทั้งคู่จึงไม่นำผักมาขายอีกเลย และรอพ่อค้าไปรับเอาที่หมู่บ้านแทนดังเช่นชาวบ้านคนอื่น ๆ “ผ่านมาสามสิบปี ไม่รู้ว่าแผงตลาดจะยังเป็นเช่นเดิมหรือไม่” ผู้เฒ่าฉินกล่าวแล้วลูบคางตนเองไปด้วย “ท่านตาไม่ต้องคิดมากอันใดเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้จะเอาไปขาย
ตอนที่[21]เจรจาการค้านางตัดสินใจทำเมนูที่ใช้กิมจิหรือที่บอกพวกเขาว่าผักดองเป็นวัตถุดิบหลัก ทำอาหารออกมาสามสี่อย่าง ทั้งข้าวผัดกิมจิ แกงกิมจิ ผัดกิมจิใส่ไข่ และยังมีหมูต้มอีก หากพวกเขาจะคิดค่าเสียหายจากการที่นางใช้วัตถุดิบนางก็ยินดีจะให้พวกเขาหักจากค่ากิมจิที่จะขายได้ ไม่นานห้องครัวในโรงเตี๊ยมไท่เฉิง ก็เต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยวของของหมักดอง แต่ทว่าไม่นานก็หอมหวนจนชวนน้ำลายสอ “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ พวกเราช่วยกันยกทั้งหมดนี่ไปให้เถ้าแก่ลองชิมดูดีกว่า” นางว่าพลางเช็ดขอบจานอีกเล็กน้อยเถ้าแก่โรงเตี๊ยมไท่เฉิงเป็นบุรุษท่าทางใจดีอายุราวห้าสิบปี เมื่อพบกันเขาเป็นฝ่ายส่งรอยยิ้มมาให้นางก่อน ก่อนจะกล่าวขึ้น “เห็นว่าจงเข่อบอกว่าเจ้ามีผักดองรสเด็ดมาเสนอขายให้กับข้าเช่นนั้นหรือ” นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ แวบหนึ่งเพราะยามนี้อยู่ในห้องทำงานของเขาที่ชั้นสองก่อนจะตอบ“เจ้าค่ะ รสเด็ดมากและข้าได้ทำอาหารจากผักดองชนิดนี้มาสองสามอย่าง ทั้งยังมีหมูต้มที่เมื่อกินกับผักดองรสเด็ดนี้ก็ชวนให้เจริญอาหารไม่แพ้กัน จึงอยากให้ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ”“ก่อนที่ข้าจะกินอาหารตรงหน้านี้ ข้าขอถามชื่อเสียงเรียงนามของพวกเจ้าได้หรือไม่ และพ
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ