ตอนที่[22]พบอันธพาล “บอกสิ่งที่เจ้าต้องการที่แท้จริงมาเถิด” หลิวหลี่จิ้งขยับกายนั่งสบาย ๆ ยิ่งขึ้นพร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่งลงตรงหน้าตนอีกด้วย “ข้ามีผักดองตระกูลฉินมาราว ๆ หนึ่งร้อยกว่าขวดโหลท่านจะรับซื้อไว้หรือไม่เจ้าคะ” “แน่นอนว่าข้าจะซื้อไว้ทั้งหมด” ตกลงง่ายเช่นนี้เชียว แต่ก็ไม่เกินที่นางคาดคิดเอาไว้ ด้านหลิวหลี่จิ้งก็คิดในใจว่า ของดีเช่นนี้จะปล่อยได้อย่างไร นางกล่าวว่ามีเพียงหนึ่งในแคว้นนั่นหมายความว่ายังไม่ได้ไปขายให้กับผู้ใดมาก่อน การเป็นคนแรกนั้นดีมาก และจะดีมากยิ่งขึ้นหากเป็นเพียงคนเดียว... “ท่านสามารถใช้ผักดองเหล่านี้ในการประกอบอาหารหรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องเคียงเพื่อกินกับข้าวหรืออาหารอื่น ๆ ได้ แต่ข้าคิดว่าผักดองของข้ามันคงจะไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้ เช่นนั้นเอาเป็นว่าวันนี้ท่านลองเริ่มใช้มันประกอบอาหารและขายให้กับลูกค้าในโรงเตี๊ยมได้เลย รวมถึงแบ่งส่วนหนึ่งเอาไว้ขายที่หน้าโรงเตี๊ยมให้คนซื้อหาได้กลับไปลองกินที่บ้าน หากผ่านวันนี้ไป มีอันใดเราค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง” สุดท้ายก็ไม่กล่าวความต้องการที่แท้จริงออกมาสินะ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไท่เฉิงมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาเ
ตอนที่[22]พบอันธพาล“จริงหรือหยวนเออร์ ดี ๆ พี่อยากเรียน” ว่าแล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์นัก ตั้งแต่มาที่นี่นางสามารถเข้าใจในภาษาที่แปลกใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องเรียน อ่านออกเขียนได้ได้อย่างสบาย แต่สำหรับพี่ชายของนางนั้นคงจะรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาสองพี่น้องไม่ได้เรียนหนังสือ มีแต่ทำงานกันมาโดยตลอด จากความทรงจำจะมีก็เพียงไปแอบฟังยามมีอาจารย์ที่บ้านเศรษฐีฟ่างจ้างมาสอนบุตรหลานของพวกเขาบ้าง แต่ก็ไม่ปะติดปะต่อนักเพราะต้องรีบไปทำงาน สุดท้ายก็กลายเป็นคนไม่รู้หนังสือไปเลยทั้งพี่ทั้งน้อง เมื่อรวมกับความที่ไม่มีปากเสียงใด ๆ เลยถูกเอาเปรียบอย่างเต็มขั้น คิดแล้วก็น่าเจ็บใจไม่น้อยนางและพี่ใหญ่เข็นรถลากกลับไปยังจุดอับอีกครั้ง ในจังหวะที่จะเอารถลากเข้าไปในมิติ เสียงอันไม่น่าไว้วางใจก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง “พวกเจ้าไปทำการค้ากับโรงเตี๊ยมไท่เฉิงมาหรือ”เมื่อหันกลับไปก็พบกับบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สามคน แต่งกายซอมซ่อ หน้าตาไม่เป็นมิตร โดยรวมแล้วเหมือนกับพวกอันธพาลไม่มีผิด “ทำหรือไม่ทำมันเกี่ยวกันใดกับพวกเจ้า”เมื่อนางหันกลับไปตอบก็พบกับสายตาที่บ่งบอกว่าพวกเขาได้พบเจอสิ่งที่ถูกใจแล้วก่อนที่สายตานั้นจะแ
ตอนที่[23]ความวุ่นวายอันร่ำรวย หลิวหลี่จิ้งหลังจากเขาสั่งการให้จงเข่อไปจัดการตามที่แม่นางน้อยตระกูลฉินบอก หลังจากนั้นเพียงแค่ประกาศออกไปว่าวันนี้โรงเตี๊ยมของเขามีอาหารที่ทำจากผักดองเลิศรสที่หาที่ใดไม่ได้ในแคว้นนี้สามารถลิ้มลองได้วันนี้เป็นวันแรก ทั้งหากว่าติดใจในรสชาติก็สามารถซื้อหากลับไปที่บ้านได้ ที่สำคัญผักดองนี้เก็บไว้ได้นานมาก นอกจากนี้ในใบสูตรอาหารของฉินกุ้ยหยวนยังบอกอีกว่า ระดับที่เปรี้ยวที่สุดคือสำหรับทำซุปก็จริงแต่ทว่ามันจะไม่เปรี้ยวไปยิ่งกว่านั้น เขาก็ไม่รู้ว่านางมีเคล็ดลับอันใดที่สามารถควบคุมความเปรี้ยวได้ แต่มันก็ช่างวิเศษนัก ดังนั้นไม่ว่ามันมีความพิเศษอันใด เขาก็ให้คนของเขาป่าวประกาศออกไปจนหมด ทำให้เมื่อประกาศออกไปแล้วก็มีลูกค้าหลั่งไหลกันเข้ามาด้วยความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้หน้าโรงเตี๊ยมจะมีป้ายติดไว้ว่า ‘ผักดองตระกูลฉิน’ ที่ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเหตุใดจึงมิใช่ผักดองของโรงเตี๊ยมไท่เฉิง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตบท้ายกันเข้ามาลิ้มรสอาหารที่ทำจากวัตถุดิบรสเด็ดที่ว่ากันมากมาย โดยส่วนมากก็มักจะเป็นคนมีฐานะในอำเภอเสิ่งซีแห่งนี้ และเมื่อพวกเขาได้ลิ้มลองคำหนึ่งก็ขึ้นมาในหัวยามที่ได้ยินคน
ตอนที่[24]ทำสัญญาโรงเตี๊ยมไท่เฉิงเบื้องหน้านางยามนี้นั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หากให้เดาต้องมาจากสิ่งที่นางหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้เป็นแน่ คิดแล้วมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นทันทีไม่รวยวันนี้จะไปรวยวันไหนแม้ว่าคราแรกจะกล่าวว่าไม่ได้จริงจังอันใด แต่ทว่าหากมันสามารถสร้างเงินได้นางได้ อย่างไรต้องคว้าไว้ นางยังต้องเก็บเงินเพื่อทำร้านหมูกระทะและยังต้องลงทุนในด้านอื่น ๆ อีกกลับมาที่ยามนี้ที่ไม่ทันที่นางจะได้ทำอันใด คล้ายว่าท่านลุงจงเข่อนั้นเฝ้ารอการมาของนางและพี่ใหญ่อยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นนางเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมพาไปที่ชั้นสองทันที “แม่หนูฉิน เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ผักดองของเจ้าสร้างความปั่นป่วนแล้ว” ท่านลุงจงเข่อกล่าวด้วยความรีบร้อน วันนี้คล้ายว่าเขาจะมอบให้ความเป็นกันเองกับพวกนางมากขึ้น ต่างจากเมื่อวานที่ยังคงสังเกตท่าที “ขายดีมากเลยหรือเจ้าคะ”“ดีมาก ขอใช้คำว่ามาก แทบจะลงไม้ลงมือกันเลยด้วยซ้ำ” นางหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถึงขั้นนั้นเชียวหรือ ด้านฉินกุ้ยหยางนั้นคราแรกแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ผักดองนั่นเป็นที่ต้องการถึงเพียงนี้เลยหรือ แต่คิดแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใด รสชาติผักดองกับหมูสามช
ตอนที่[24]ทำสัญญา “นั่นจะได้อย่างไร เอาเปรียบเจ้าเกินไป เช่นนั้นเจ็ดสิบสามสิบแล้วกัน” “หมายความว่าท่านลุงหลิวตกลงแล้วหรือเจ้าคะ” “แน่นอน ลุงมองแล้วว่าในอนาคตผักดองของเจ้าต้องสร้างรายได้ให้อย่างมากแน่ โดยเฉพาะใกล้ ๆ นี้ อีกอย่างหากเจ้าสามารถไปส่งของยังสาขาอื่นของโรงเตี๊ยมได้ในยามที่การสัญจรลำบากนั่นก็จะยิ่งดี ลุงจะจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้เจ้าเพิ่มไปอีก” “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้เจ้าค่ะ ข้าพร้อมทำสัญญากับท่านลุงหลิว” นางมอบรอยยิ้มงดงามให้อีกฝ่ายไป แต่หลิวหลี่จิ้งกลับส่ายหัวอยู่ในใจ ‘จิ้งจอกน้อย’ ฉินกุ้ยหยวนรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงรู้เท่าทันนางเพียงแต่ไม่อยากเปิดโปง ยามที่นางเสนอผลตอบแทนไปคนละครึ่งนั่น ที่จริงแล้วไม่สมควรด้วยซ้ำ เขามีหน้าที่ขายเท่านั้น ในขณะที่นางลงทั้งทุนทั้งแรง หากคนที่มีคุณธรรมคงจะไม่ยอมเอาเปรียบแม่นางน้อยหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้แบบนี้แน่ แต่โชคดีที่คนตรงหน้านางมีคุณธรรม ทั้งยังใจดีมาก จึงเอ่ยในสิ่งที่นางพึงพอใจ แต่อย่างไรถึงเขาจะได้เพียงสามสิบ แต่รับรองว่านั่นก็สร้างรายได้ให้เขาได้อย่างมหาศาลแล้ว หลังจากที่นางอ่านสัญญาและลงนามเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มถามอีกฝ่ายเพิ่มเติม
ตอนที่[25]สร้างความตื่นตะลึง ในยามนี้ไม่ได้มีเพียงนางและท่านตา ท่านยาย ท่านแม่และพี่ใหญ่ก็เดินมาด้วยกัน คล้ายทุกคนอยากจะมีส่วนร่วมกับนางและหากช่วยเหลืออันใดได้ก็ยินดีจะช่วยกัน ยามนี้พวกนางทั้งห้าคนก็เลยมาที่บ้านของท่านลุงกังอย่างพร้อมเพรียงกัน จะเห็นได้ว่าท่านตาท่ายยายตระกูลเจียวก็อยู่ที่นี่ด้วยกันครบพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดี นี่มันเกิดอะไรขึ้น “หากพวกท่านกดราคาพวกเราต่ำไปมากกว่านี้ นั่นไม่เท่ากับว่าที่พวกเราทำมาเท่ากับว่าสูญเปล่าหรือ” “หากพวกเจ้าไม่เอา ข้าก็ไม่ซื้อ” ผู้พูดเผยสีหน้าเป็นต่อทั้งเย้ยหยัน “แต่...แต่ นั่นมันราคาต่ำเกินไป พวกเราแย่แน่” ผู้ที่เจรจายามนี้คือท่านลุงกัง เขาพยายามต่อรองแกมอ้อนวอนเพื่อทุกคนอย่างเต็มที่ “เพ้ย พวกเจ้าไม่ควรต่อรองและควรจะสำนึกบุญคุณข้าเสียด้วยซ้ำ หากข้าไม่มาจากอำเภอเพื่อมารับซื้อผักของพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะเอาไปขายที่ใด” นางพอจะรู้แล้วว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอันใดกัน ในขณะที่ทุกคนกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่นั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ไม่ยักรู้ว่าการซื้อมาขายไปก็ถือว่าเป็นบุญคุณกันด้วย มิเช่นนั้นเหล่าคนค้าขายกับเหล่าลูกค้าก็คงจะเป็นบุญคุณกัน
ตอนที่[26]สร้างงานสร้างอาชีพนางใช้เวลาจัดการพวกเขาเพียงไม่นาน ผู้เป็นนายก็ก้มหัวขอโทษนางราวกับไก่จิก จากนั้นก็พาร่างกายอันสะบักสะบอมของตนและลูกน้องจากไปด้วยความรวดเร็วหลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญผ่านไปจากนั้นเสียงปรบมือด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน นางหันกลับไปก็พบกับสายตาชื่นชมจากทุกคน “หยวนเออร์ นี่เจ้า...” เป็นพี่ใหญ่ที่เข้ามาหานางก่อน เรื่องที่นางกับเสี่ยวหลงผนวกกำลังกัน ในครอบครัวนางไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งนางก็เพิ่งได้รู้วันนี้เช่นกันว่ามันสามารถทำได้ เมื่อวานเพิ่งวิ่งหนีพวกอันธพาลด้วยกัน แต่วันนี้กลับลงมือต่อสู้กับบุรุษร่างยักษ์ด้วยตนเองเพียงคนเดียว ไม่ตกใจก็บ้าแล้ว แต่ในยามนี้นอกจากเรื่องหาเงินแล้ว นางก็คิดจะให้เสี่ยวหลงสอนนางและพี่ใหญ่เกี่ยวกับการต่อสู้ด้วย เพราะหากเกิดเหตุคับขันเช่นนี้ขึ้นมาอีก จะได้ไม่เสียเปรียบผู้ใด “แม่หนูหยวนเจ้าช่างเก่งกาจนัก ไม่คิดว่าสตรีร่างบอบบางเช่นเจ้าจะมีพละกำลังมากเช่นนี้” ท่านลุงกังเข้ามาเอ่ยกับนางเป็นคนที่สอง “ข้าพอต่อสู้ได้เจ้าค่ะ” นางกล่าวอย่างถ่อมตัว แต่หากสายตาของทุกคนในที่แห่งนี้อยากจะกล่าวว่า นั่นไม่เรียกเรียกว่าพอสู้ได้กระมัง “หย
ตอนที่[26]สร้างงานสร้างอาชีพชาวบ้านหวงหลิงช่างกระตือรือร้นยิ่งนัก เพียงแค่แยกกันไม่นานพวกเขาก็มารวมตัวกันที่บ้านนางกันอย่างครบถ้วน นางจึงเร่งให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างเพิงสำหรับทำงานเป็นการชั่วคราว เมื่อทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ไม่นานเพิงที่ทอดตัวเป็นทางยาวก็เสร็จสิ้น นางเอาผ้ายางพลางสติกจากในมิติออกมาปูเป็นทางยาวเช่นกัน จากนั้นก็นำมีด เขียงและอุปกรณ์ที่จำเป็นออกมาเรียง ทั้งยังมีกะละมังขนาดใหญ่ที่วางไว้เป็นจุด ๆ ชาวบ้านหวงหลิงมีราวแปดสิบคน แต่ที่ทำงานได้จริง ๆ มีราว ๆ ห้าสิบคนที่เหลือเป็นเด็ก นางจึงแบ่งไว้ทำงานในส่วนของผักดองสี่สิบคน ส่วนอีกสิบคนนางจะให้แผ้วถางหญ้าในพื้นที่ที่นางจะซื้อ ใช่แล้ว! นางจะซื้อที่ดินเพิ่มเติม ได้เวลาเริ่มต้นและขยายกิจการแล้ว “ท่านลุงกังเจ้าคะ ข้าต้องการซื้อที่ดินเพิ่มเจ้าค่ะ” “เจ้าต้องการซื้อที่ใด” “ข้าต้องการซื้อที่ดินจากบ้านของข้ายาวไปจนถึงถนนใหญ่เจ้าค่ะ” นางชี้นิ้วและวาดออกไป “นะ...นั่น ซื้อมากถึงเพียงนั้นเชียว” “เจ้าค่ะ ในเร็ว ๆ นี้ข้าต้องการทำกิจการอีกหลายอย่าง ต้องการใช้พื้นที่อย่างมาก ไม่ทราบว่าที่ที่ข้าต้องการว่างหรือไม่เจ้าคะ” กังฉางปรับควา
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ