ตอนที่
[13] หย่าขาด ด้านหัวหน้าผู้บ้านอย่างสวีหุ่ย เมื่อเห็นว่าหญิงชรายากจนจากตระกูลฉินกำลังจะลากบุตรสาวของตนเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รีบเอ่ยขึ้น “หากจะหย่าก็รีบเถิด ข้ามีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ” “นั่นสิ จะหย่าก็รีบหย่าเถิด ไร้ประโยชน์เช่นนั้น จะอยู่ให้เป็นภาระของสามีเพื่ออันใด” หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยขึ้น จากนั้นก็มีการกล่าวขึ้นตาม ๆ กัน ที่พวกเขาทำเช่นนี้นั่นก็เพราะต้องการเอาใจหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง ระหว่างนั้นจูกุ้ยหยวนค่อย ๆ กวาดสายตามองหน้าทุก ๆ คนแล้วจดจำเอาไว้ หมู่บ้านเถียนเกาไม่มีดีเลยสักคน!! ด้านสองผู้เฒ่าตระกูลจูได้ยินดังนั้นก็หันไปมองบุตรชาย เขาก็รีบหันไปมองสวีต้าต่านให้รีบเอาหนังสือหย่าที่เตรียมไว้สองฉบับออกมา ทั้งยังมีจดหมายที่กล่าวว่า ‘จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก’ มาด้วย กว่าวคือนั่นเรียกว่า ‘หนังสือตัดขาด’ ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะนางจงซื่อและสามีกลัวว่าสองผู้เฒ่าตระกูลฉินอาจจะหวนกลับมาหาพวกเขาเพื่อเรียกร้องเอาค่ารักษาของสามแม่ลูกนั่นอีกด้วยก็รู้ว่าอาการของทั้งสามเป็นอย่างไร นี่จึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม “ประทับลายมือไปลงไปเสียสิ” นางจงซื่อกล่าวบอกผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสะใภ้ให้รีบประทับลายมือลงไปเสีย ตนไม่ได้นำหนังสือหย่าและจดหมายตัดขาดมาให้อีกฝ่าย ด้วยเพราะรังเกียจ จึงให้ผู้อื่นนำไปยื่นให้อีกฝ่ายแทน นางฉินซื่อพยายามลุกขึ้นนั่งท่ามกลางการประคองของมารดา ก่อนจะประทับลายนิ้วมือลงไปกระดาษทั้งสี่ใบ สายตาก็ได้แต่มองไปที่สามีที่ตนเคยรักใคร่ยิ่งกว่าสิ่งใดด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชาแทน จูหมิงยู่รู้สึกแปลก ๆ ในใจไม่น้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น “จูหมิงยู่ เราอย่าได้พบเจอกันอีกเลย” กล่าวแล้วก็ประทับนิ้วมือลงบนกระดาษทันที จบสิ้นกันเสียทีกับความรักอันเจ็บปวด แม้ต้องตายก็ดีกว่าต้องอยู่กับบุรุษใจร้ายเช่นนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย กระดาษสองใบก็ถูกส่งให้ตระกูลจู อีกสองใบตระกูลฉินเก็บเอาไว้ “อย่าลืมในสัญญาเล่า ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร อย่าได้มาเกี่ยวข้องกับพวกข้าอีก อ้อนี่ หนังสือที่บอกว่าเด็กทั้งสองถูกตัดออกจากตระกูลจูแล้ว” ครานี้ผู้เฒ่าจูกล่าวขึ้น กระดาษอีกใบถูกส่งไปอีกครั้ง ผู้เฒ่าฉินยื่นมือออกไปรับด้วยความโกรธแค้น แม้แต่หลานแท้ ๆ ยังตัดออกจากตระกูลได้อย่างหน้าตาเฉย ตระกูลจูช่างไร้หัวใจนัก ท่ามกลางความเสียใจและความโกรธแค้น หนึ่งในนั้นยังมีคนที่ดีใจราวกับจะกระโดดโลดเต้น ณ เดี๋ยวนั้นเลย เห็นทีจะเป็นคือจูกุ้ยหยวนหรือต่อไปจะกลายเป็นฉินกุ้ยหยวน ด้วยยามนี้ตนไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจูแล้ว ช่างดียิ่งนัก ต่อไปจะได้ทำอะไรง่ายยิ่งขึ้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น กลุ่มคนก็มองตระกูลฉินด้วยความเหยียดหยามอีกครั้ง สองผู้เฒ่าช่วยนำตัวบุตรสาวและหลานทั้งสองขึ้นรถลากด้วยความยากลำบากไม่มีผู้ใดเสนอตัวมาช่วยเลยสักคน แต่เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รีบลากรถลากออกไปทันที ด้วยไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่เสี้ยวเวลา คล้อยหลังกันนั้นสวีต้าต่านและสวีอ้ายเหมยลอบสบสายตากันอย่างสาแก่ใจที่แผนการของตนสำเร็จ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตนจะต้องแทบกระอักเลือดเพียงใดกับการกระทำของตนในวันนี้ ก่อนที่รถลากของผู้เฒ่าจะออกจากหมู่บ้าน พวกเขาก็พบกับสองแม่ลูกตระกูลเจียงที่วิ่งมาด้วยสภาพน้ำตานองหน้า ทั้งสองเพิ่งรู้ข่าวก็รีบวิ่งมาทันที กุ้ยหยวนมองสหายที่เพิ่งพบกันไม่นานอย่างเสี่ยวจวน พร้อมยิ้มให้กับอีกฝ่ายเบา ๆ นางไม่คิดจะทิ้งเสี่ยวจวนไว้ที่นี่และคิดว่าเสี่ยวจวนและท่านน้าเจิงซื่อ...ก็ไม่เหมาะที่จะอยู่หมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน จึงได้ขยับปากกับเสี่ยวจวนว่า ‘แล้วพบกันใหม่’ ด้านนางฉินซื่อก็กล่าวกับสหายเช่นกันว่า “ดูแลตนเองให้ดีนะ ...” ยามนี้นางนอนหงายมองท้องฟ้าในขณะที่รถลากของท่านตาท่านยายพาออกจากเขตของหมู่บ้านเถียนเกาแล้ว รอยยิ้มปริศนาปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดแผนการของนางก็สำเร็จ! แม้จะต้องทนสกปรกสักหน่อย รวมถึงท่านแม่และพี่ใหญ่จะต้องเจ็บปวดใจไม่น้อย แต่มันก็คุ้มค่า นางสัญญาว่าจะชดเชยความสุขคืนให้กับท่านแม่อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ให้เรียกว่าต้องสำลักความสุขเลยก็ว่าได้ ทุกคนจะต้องไม่เหนื่อยเปล่าอีกต่อไป ชีวิตต่อไปนี้จะต้องมีแต่สิ่งดี ๆ แต่สิ่งที่นางไม่ลืมที่จะจัดการเลยนั้น คือ ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้จะต้องได้รับบทเรียนในการกระทำของตน โดยเฉพาะคนตระกูลจูและตระกูลสวีนั่น.... และที่สำคัญที่สุดคือเส้นทางร่ำรวยและเรืองอำนาจของนางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วตอนที่[14]ไม่อาจปิดบัง นางคิดว่าการเดินจากออกจากหมู่บ้านเถียนเกาไปที่หมู่บ้านหวงหลิงของท่านตาท่านยายจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่ทว่า...เดินทางผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง) ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถึงเสียที ท่านแม่กล่าวด้วยความอ่อนแรงเป็นระยะ ๆ ว่าให้ท่านตาท่านยายหยุดการเดินทางเพื่อพักสักหน่อย อีกทั้งนางได้ส่งกระแสจิตสอบถามเสี่ยวหลงเกี่ยวกับเส้นทางแล้ว จึงพบว่าหมู่บ้านเถียนเกากับหมู่บ้านหวงหลิง หากเดินเท้าแบบคนหนุ่มทั่วไปจะใช้เวลาเดินไป-กลับราวสี่ถึงห้าชั่วยาม (แปดถึงสิบชั่วโมง) ยิ่งท่านตาท่านยายที่มีอายุมากกอรปกับการเดินทางช่วงกลางคืนก็ยิ่งเพิ่มระยะเวลาไปอีก กว่าจะถึงหมู่บ้านเถียนเกาก็เป็นเวลาเช้าทั้งยังไม่ได้กินอะไรก็ต้องลากรถลากที่มีพวกนางสามแม่ลูกกลับหมู่บ้านโดยที่ยังไม่ได้พักอันใดอีก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ เดิมทีนางคิดว่าจะเปิดเผยทุกอย่างในภายหลัง แต่ยามนี้นางไม่สามารถให้ผู้เฒ่าทั้งสองต้องลำบากลากพวกนางกลับหมู่บ้านหลายชั่วยามลำพังสองคนได้แล้ว ‘เสี่ยวหลงตั้งเวลาภายในมิติกับด้านนอกราวกับพริบตาเดียวเช่นครั้งก่อน’ นางส่งกระแสจิตบอกเสี่ยวหลงก่อนที่จะนำมือทั้งสองข้างไปดึงมื
ตอนที่[14]ไม่อาจปิดบัง“ท่านแม่ ยินดีต้อนสู่ชีวิตใหม่” “ยะ...หยวนเออร์นี่มันอันใดกัน” นางฉินซื่อหรือยามนี้คือฉินกุ้ยหลิน ตกตะลึงเมื่อพบกับตนเองในกระจกบานยักษ์ที่บุตรสาวชี้ให้ตนดู ยามนี้นอกจากจะอยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาด เมื่อเข้ามานั่งอยู่ในแท่นที่ตนไม่เคยพบเห็นนี้ก็พบว่าร่างกายของตนเปลี่ยนไป และเมื่อขยับขาก็พบว่า...มันขยับได้แล้ว!ทั้งยังไม่เจ็บปวดร่างกายอีกต่อไป“ท่านแม่ ยามนี้ท่านเดินได้แล้ว รีบลุกขึ้นมาเถิด” ฉินกุ้ยหยวนเอ่ยบอกมารดาที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนเครื่องรักษาตนฉินกุ้ยหลินเมื่อได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น ไม่นานก็ยิ้มร่าออกมา ตนเดินได้แล้วจริง ๆ ไม่พอยังเดินซอยเท้าไปมาได้อีก น้ำตาคลอเอ่อที่ดวงตาคู่งาม ไม่น่าเชื่อว่าตนจะหายจากอาการเจ็บป่วย “หยวนเออร์ หยางเออร์ แม่เดินได้แล้วจริง ๆ” “ท่านแม่ ดียิ่ง ๆ” ฉินกุ้ยหยวนร้องรับมารดา ไม่นานสามแม่ลูกก็กอดกันกลม เมื่อดีใจกันจนเต็มที่แล้ว ฉินกุ้ยหลินก็เริ่มสังเกตเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงพวกตนสามแม่ลูก แต่ยังมี.....หมีขาวตัวยักษ์อีก “ท่านแม่ นี่คือ เสี่ยวหลง ผู้ช่วยของข้าเอง”“หยวนเออร์ เล่าทุกอย่างออกมาให้
ตอนที่[15]ทำความรู้จัก “ยะ.... หยวนเออร์ นี่เป็นสถานที่แบบใดกัน แล้วนี่หมีขาวหรือ...” ผู้เฒ่าชราก็มีอาการไม่ต่างกันกับสองคนแรกที่เข้ามา นางจึงพาทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรับฟังเรื่องราวที่นางจะเล่าทันที “วันนั้นที่ข้าล้มจนหัวฟาดกับคันนา แท้จริงข้าได้ตายไปแล้ว....”นางเริ่มเล่าว่าวันนั้นได้เห็นร่างกายตนเองล่องลอยออกจากร่างที่นอนนิ่ง พร้อมเห็นพี่ใหญ่เข้ามาอุ้มนางเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ในจุดนี้ทั้งท่านแม่และพี่ใหญ่ต่างก็จับมือของนางไว้พลางน้ำตาคลอ “ข้าล่องลอยไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับสถานที่แห่งนี้…...”นางเล่าว่าเดิมทีนางคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะพานางไปสู่ภพใหม่ แต่ทว่าเบื้องบนกลับบอกว่าเพื่อตอบแทนที่นางเป็นคนขยันขันแข็งต่อสู้เพื่อคนที่รักมาตลอดจึงอยากมอบสถานที่แห่งนี้ให้ แต่ว่าก่อนที่จะได้รับมิติวิเศษแห่งนี้ นางและครอบครัวจะต้องพบเจอกับเรื่องเจ็บปวดทั้งกายและใจ หากสามารถเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปได้ ต่อไปจึงจะพบแต่เรื่องดี ๆ ซึ่งในข้อนี้สามารถสื่อให้พี่ใหญ่คลายข้อสงสัยในใจว่าเหตุใดจู่ ๆ เขาจึงเจ็บป่วย และท่านแม่เหตุใดจึงต้องพบกับเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดใจเช่นนี้ แต่ว่า
ตอนที่[16]พาหนะประหลาด ความตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นกับฉินกุ้ยหยางไม่หยุด มือจับกระชับเข้าที่จับของพาหนะที่เขาเพิ่งได้ลองโดยสารเป็นครั้งแรกอย่างเหนียวแน่นด้วยกลัวว่าจะพลาดพลั้งตกลงไป เป็นความหวาดหวั่นทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นไปในคราเดียว ฉินกุ้ยหยวนมองพี่ชายในกระจกที่แม้บรรยากาศรอบด้านจะเริ่มมืดมิด แต่แสงไฟจากด้านหน้าของรถก็ทำให้เห็นอาการของคนที่อยู่ด้านหลังตนได้เป็นอย่างดีด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ท่านอยากลองขับดูบ้างหรือไม่ อ่า ข้าหมายถึงบังคับสิ่งนี้” นางลดความเร็วลงเพื่อที่จะได้พูดคุยกับเขาให้ได้ยินมากขึ้น เพราะเมื่อครู่ด้วยความเร็วทำให้เสียงลมกระทบโสตประสาทไม่น้อย “ดะ...ได้หรือหยวนเออร์” ฉินกุ้ยหยางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อน้องสาวเสนอในสิ่งที่เขาก็คิดอยู่ในใจว่าอยากจะลองทำบ้างเช่นกัน “ได้สิ เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนที่นั่งกัน” นางรีบจอดรถอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอนอยู่ในมิตินางได้บอกเขาบ้างแล้ว ว่ารถแบตเตอรี่คันนี้มีปุ่มดำเนินการอย่างไรบ้าง ยามนี้ก็เน้นย้ำอีกนิดหน่อยก็ดูเหมือนว่าพี่ชายของนางจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แม้คราแรกจะดูทุลักทุเลไปบ้าง แต่ไม่นานรถแบตเตอรี่ไฟฟ้าสองที่นั่งคันนี้
ตอนที่[16]พาหนะประหลาดเมื่อรถจอดสนิทแล้วก็ให้คนทั้งสามที่อยู่ในมิติออกมา รวมถึงเก็บรถเข้าไปในมิติเสร็จเรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยอันใดกันเสียงด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน“ตาเฒ่า ยายเฒ่าฉินมาแล้วรึ” เป็นชายชราและหญิงชราที่รุ่นราวคราวเดียวกับท่านตาท่านยาย ด้านหลังของทั้งคู่คือเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนางเอ่ยถามขึ้นทั้งยังว่าต่อ“พวกข้ารอพวกเจ้าอยู่ตั้งนาน เพราะเป็นห่วง เหตุใดจึงได้เดินทางนานนัก ให้หวงเออร์เวียนมาดูตั้งหลายรอบ เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวค่อยพูดคุยกัน หวงเออร์ เข้าไปจุดไฟในบ้านเร็ว” กล่าวเสร็จ เด็กสาวผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านที่ประตูบ้านมีเพียงเชือกพันไว้ราวกับคุ้นชินโดยที่มือยังถือถาดบางอย่างเอาไว้ ไม่นานบ้านหลังน้อยก็สว่างไสวขึ้นจากไฟตะเกียง“ข้ากลัวว่ากลับมากันแล้วก็คงจะหิว จึงให้หวงเออร์ทำกับข้าวกับหุงข้าวไว้รอ เผื่อพวกเจ้ามาก็จะได้กินทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มาเสียที หลานข้าเลยอุ่นอาหารหลายรอบทีเดียวทั้งยังทำเพิ่มอีกด้วย” “ขอบใจมากนะหวงเออร์ เจ้าเป็นเด็กดีนัก” ผู้เฒ่าฉินยิ้มแย้มทั้งยังหันไปลูบหัวเด็กสาว จากนั้นก็หันไปขอบคุณสหายทั้งสองที่ไม่เคยทอดทิ้
ตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางก็พาทุกคนออกมา ด้วยรู้ว่าบ้านเจียวต้องมาถามไถ่เรื่องราวอย่างแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเห็นผู้เฒ่าสองคนเดินมาพร้อมรอยยิ้ม แต่วันนี้เจียวหวงไม่ได้มาด้วย ผู้เฒ่าเจียวมองบ้านฉินด้วยความแปลกใจ ด้วยเมื่อคืนมืดค่ำและยังมองอะไรไม่ชัดเจนนัก เท่าที่เขาจำได้ สองผู้เฒ่าบ้านฉินเดินทางออกไปกลางดึกพร้อมรถเข็นลากแต่เมื่อคืนคล้ายว่าไม่เห็นรถเข็นลากคันนั้นเลยสักนิด และเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของสหายและผู้มาใหม่ กลับไม่คล้ายกับชาวบ้านทั่วไป ทั้งผิวพรรณและการแต่งกายล้วนคล้ายคนมีฐานะ และดูสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดียิ่ง มิใช่ว่าบุตรสาวและหลานทั้งสองของสหายเจ็บป่วยมิใช่หรือ สหายทั้งสองของเขาก็เช่นกัน เหตุใดในชั่วข้ามคืน.... ฉินกุ้ยหยวนรับรู้ถึงสายตาของความสงสัยต่าง ๆ แต่นางไม่ได้อยากสนใจมากนักให้ท่านตาท่านยายตอบคำถามไปก่อน ที่จริงแล้วเมื่อวานหลังจากเข้าไปในมิตินางก็ให้ท่านตาและท่านยายเข้าไปนั่งในเครื่องรักษาตนก็พบว่าทั้งสองเลือดลมติดขัด เพราะเหตุนี้จึงทำให้สุขภาพไม่ดีมาตลอด แต่ตั้งแต่เมื่อได้รับการรักษาจากเครื่องอัจฉร
ตอนที่[17]เที่ยวชมหมู่บ้าน ด้านเจียวหวงนั้นรู้สึกว่าตนเกรงใจมาก จะให้พี่สาวพี่ชายคนงามมาทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว เพราะทั้งคู่เริ่มลงมือกันแล้ว และทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วเสียด้วย การช่วยเหลือเจียวหวงในการเก็บผักตากแห้งนั้นใช้เวลาไม่นานเพราะมันเหลือที่เก็บได้ไม่มากจริง ๆ จากนั้นเจ้าบ้านก็พาพวกนางเดินต่อเข้าไปในหมู่บ้านทันที เมื่อพบกับชาวบ้านคนอื่น ๆ พวกเขาต่างมองที่นางและพี่ใหญ่ด้วยความแปลกใจและแฝงไปด้วยความสนใจ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นความแตกต่างของชาวบ้านหมู่บ้านหวงหลิงและหมู่บ้านเถียนเกา นั่นก็คือ แววตา ชาวบ้านที่นี่มีแววตาที่ใสซื่อและดูเป็นมิตร ไม่มีพิษมีภัย หาใช่สายตาเจ้าเล่ห์และไม่เป็นมิตรเช่นคนหมู่บ้านเถียนเกา “ตรงนี้เป็นบ้านผู้นำหมู่บ้านเจ้าค่ะ ด้านข้างนั้นจะเป็นลานประจำหมู่บ้าน ที่ยามเรียกรวมตัวคนเพื่อประกาศบางอย่างก็จะไปรวมตัวกันที่นั่น” นางมองตามไปยังจุดที่เจียวหวงแนะนำและมองเลยไปยังจุดอื่น ๆ สิ่งที่นางสังเกตเห็นคือ ในหลาย ๆ บ้านตอนนี้เริ่มเตรียมตัวเก็บเกี่ยวผลผลิตนั่นก็คือกะหล่ำปลีและผักกาดขาว ที่ดูเหมือนว่าจะปลูกกันไว้ทุกบ้าน แม้กระทั่งบ้านของผ
ตอนที่[18]พบช่องทาง หมู่บ้านเฮยจูโหยว หรือก็แปลตรงตัวว่า หมู่บ้านหมูดำ เรื่องที่ได้ยินนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ก็ช่างน่าตลกร้าย หมู่บ้านหวงหลิงอยู่ท่ามกลางบ้านเมืองที่เจริญแล้วทั้งนั้น ทางด้านทิศตะวันออกคือหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าขายหมูดำพันธุ์พิเศษที่สร้างชื่อเสียงแก่หมู่บ้านตลอดจนอำเภอจางเย่ให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เศรษฐกิจล้วนแต่ถูกกระตุ้นจนมีแต่คนร่ำรวย ด้านอำเภอเสิ่งซีที่นางอยู่แม้ว่าจะไม่มีอันใดโดดเด่นแต่ก็คล้ายเป็นจุดพักของนักเดินทางหรือเหล่าพ่อค้าเพื่อที่จะนำสินค้าส่งต่อไปที่เมืองอันหนิงจึงทำให้ค่อนข้างคึกคักยามที่มีคณะเดินทางมาพัก ร้านรวงต่าง ๆ ที่มีการค้าขายก็มักจะขายดีอยู่ไม่น้อย ส่วนหมู่บ้านเถียนเกาแม้จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลอำเภอแต่ก็ยังมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่นี่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเสี่ยวหลงที่บอกนางมาผ่านมาพูดคุยทางกระแสจิต และต่อไปหากมีอันใดที่สงสัยอยากรู้ นางจะถามเขาดีกว่าจะได้ไม่ถูกมองว่าแปลกดังเช่นที่พี่ใหญ่ของนางกำลังสงสัย “พี่ใหญ่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่ามันที่ข้าสลบไป ความจำของข้า...” เมื่อกล่าวเพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนว่าสีหน้าของตนตรงหน้าจะเปล
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ