ตอนที่
[1] ชีวิตที่พลิกผัน “ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร” “ข้าจะทำอันใดก็เรื่องของข้า ส่วนเจ้าเป็นบุตร มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่บิดาเช่นนี้หรือ” “แต่ท่านแม่กำลังป่วย นี่ท่าน....” “ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะแม่เจ้า ทำตัวไร้ประโยชน์เอง จะมาโทษอันใดข้า” ผู้เป็นบิดากล่าวเสร็จก็โอบกอดสตรีอีกนางหนึ่งเพื่อเดินพาไปยังทิศทางของห้องหนึ่งของบ้าน ตามหลังกันนั้นก็มีเด็กสาวที่อายุราวสิบสองหนาวที่เดินตามคนทั้งคู่ไป แต่ไม่วายเด็กสาวผู้นั้นกลับหันกลับมามองเด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนที่อยู่ด้านหลังอย่างมีความนัยบางอย่าง ด้านผู้เป็นบุตรชายกลับมองตามบิดาด้วยสายตาผิดหวัง เขา มารดาและน้องสาวทำงานหนักมาโดยตลอดเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว มารดาที่แม้ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ก็ยังต้องทำงานหนักท้ายที่สุดก็แท้งเสียเลือดมาก จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ดีที่เบื้องบนยังเมตตาแต่ก็ไม่พ้นกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง นอนล้มป่วยตัวซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงมาเป็นเวลากว่าหกเดือนแล้ว น้องสาวก็เช่นกันเมื่อเจ็ดวันก่อนหลังจากที่พวกเขาสองพี่น้องช่วยกันระบายน้ำออกจากนาข้าวจู่ ๆ น้องสาวก็หน้ามืดและล้มลงศีรษะกระแทกกับคันนาอย่างแรงจนสลบไปหลายวัน ท่านหมอบอกว่าเป็นเพราะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอและหักโหมงานหนักจนเกินไป อีกทั้งยังกำชับว่าให้พักผ่อนให้มาก กินอาหารให้เพียงพอและอย่าทำงานหนักในระยะนี้อีก หลังจากที่ท่านหมอกลับไปบิดาก็บ่นไม่หยุดที่เขาใช้เงินสิ้นเปลืองในการรักษาสตรีไร้ค่าสองคน ทั้งที่บิดานั้นไม่ได้เป็นผู้มีส่วนในการหาเงินสักนิด ส่วนเขาในฐานะบุตรชายและพี่ชาย รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ทั้งมารดาและน้องสาวต้องพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้โดยเฉพาะน้องสาว ที่รูปร่างบอบบางแต่ก็ยังต้องมาทำงานหนักกับเขา แต่ทำอย่างไรได้คนที่ต้องทำงานก็มีเพียงพวกเขาสองพี่น้องเท่านั้น ผลผลิตที่ได้ในแต่ละครั้งนอกจากครอบครัวของตนเอง ยังมีครอบครัวใหญ่ที่ประกอบไปด้วยท่านปู่ ท่านย่าครอบครัวของท่านลุงใหญ่และท่านลุงรอง ที่พวกเขาจะต้องแบ่งผลผลิตทางการเกษตรไปให้ ด้วยกล่าวเป็นค่าเช่าที่ดิน แต่ส่วนแบ่งกลับมิใช่ส่วนน้อยแต่เป็นส่วนมาก
ยามนี้บิดาที่ไม่เคยต้องทำงานหนักอันใดยังพาสตรีอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านอีก เขาอ้างว่าเป็นเพราะมารดาป่วยหนักไม่สามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้ เขาจึงต้องหาผู้อื่นที่สามารถทำได้มาทำหน้าที่แทน ที่จริงแล้ว ‘จูกุ้ยหยาง’ คิดว่าไม่ใช่โดยสิ้นเชิงเพราะแม้จะกลับจากทำงานจะเหนื่อยเพียงใดแต่การที่มารดาตั้งครรภ์น้องคนเล็กนั่นก็เป็นเพราะมารดายินยอมให้เขามิใช่หรือ แต่ถึงกระนั้นบิดาก็ยังคงออกไปสานสัมพันธ์นอกบ้านกับแม่หม้ายลูกติดที่เป็นบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้าน เช่น สวีต้าต่านผู้นั้นอยู่ดี ด้าน ‘จูกุ้ยหยวน’ มองเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วกลอกตาอยู่เพียงผู้เดียว นี่นางกำลังอยู่ในละครน้ำเน่าเรื่องใดกัน เหตุใดชีวิตถึงได้รันทดเช่นนี้! แม่ที่ทำงานหนักมาตลอด แท้งบุตรจนล้มป่วยไม่สามารถทำอันใดได้อีก แม้กระทั่งจะลุกลงจากเตียง พ่อจอมขี้เกียจก็ไม่ไยดีหนำซ้ำยังพาเมียน้อยที่มีลูกติดที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับบุตรสาวตนเองมาอยู่ในบ้านด้วยกัน อีกทั้งยังให้ยกห้องของบุตรสาวแท้ ๆ ให้กับลูกติดเมียน้อยและให้บุตรสาวบุตรชายบุตรสาวที่ทำงานหนักเลี้ยงครอบครัวมาตลอดย้ายไปอยู่ห้องเล็ก ๆ ห้องเดียวกันรวมกับมารดาที่ป่วยอีก ทั้งที่บุตรชายบุตรสาวก็อยู่ในวัยเติบใหญ่มิสมควรอยู่ห้องเดียวกันแล้ว แต่เพราะเดิมทีนิสัยของทั้งสามแม่ลูกไม่ได้มีปากเสียงอันใด ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไป แม้แต่โดนครอบครัวบ้านใหญ่เอาเปรียบเรื่องผลผลิต ยังไม่ตอบโต้อันใดได้แต่จำยอมทำเช่นนั้นไม่มีข้อโต้แย้ง ผลผลิตหลังจากที่แบ่งไปแล้วก็เหลือน้อย ต้องกินอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แถมยังต้องทำงานหนักตลอดทั้งปีอีก คำถามคือ...แล้วนางเกี่ยวอันใดด้วย นางไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ ไม่สิ ไม่ใช่คนในโลกนี้ด้วยซ้ำ!! เมื่อสามวันก่อนนางฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกใหม่ ที่ทั้งเล็กและอับ ด้านหน้านางคือบุรุษแปลกหน้าที่หน้าตามอมแมม เต็มไปด้วยโคลน นางสอบถามเขาว่าไปทำอันใดมา จึงได้ความว่าเขาเพิ่งกลับจากทำนาเพียงผู้เดียว และทำมาสองวันแล้วตั้งแต่นางสลบไป สุดท้ายนางก็ต้องไปช่วยเขาระบายน้ำออกจากนาด้วยสภาวะงุนงง และนางไม่เคยจะทำมันมาก่อนด้วยซ้ำ มันเป็นงานที่ทั้งหนักและเหนื่อย แถมยังต้องเนื้อตัวเลอะเทอะ พื้นที่ก็มากมายและต้องทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วเพราะอีกเจ็ดวันก็จะต้องเก็บเกี่ยวแล้ว และผู้ใดคือผู้ที่ต้องเก็บเกี่ยว คำตอบก็คือเขาและนาง กับที่นามากมาย ต้องทำด้วยกันเพียงแค่สองคน!! นี่มีใครกำลังเล่นตลกกับชีวิตของนางกัน ก่อนหน้านี้นางกำลังอยู่โซนเครื่องปรุงในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกซื้อของไปทำน้ำจิ้มหมูกระทะเพื่อฉลองที่ได้เลื่อนตำแหน่งกับเพิ่มเงินเดือนอยู่เลย แต่จู่ ๆ ก็ฟื้นมาในยุคโบราณที่ยากจน ไม่พอยังต้องมาทำนาอีก บอกนางที นี่มันอันใดกัน ย้อนกลับไปก่อนหน้า หลังจากที่เลิกงานและได้รับข่าวดีจากผู้จัดการแล้วว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งและได้เพิ่มเงินเดือน ‘หยก’ ก็ดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่รีบโทรไปหาข้าวปั้น เพื่อนสนิทสาวประเภทสองที่เดิมชื่อว่ากำปั้น แต่พอเข้าเมืองกรุงก็เปลี่ยนเป็นข้าวปั้นให้ดูน่ารักและดูมีชาติตระกูลขึ้นในความคิดของตนเอง “นี่คุณนังข้าวปั้น ฉันจะได้เลื่อนขั้นกับเพิ่มเงินเดือนเว้ย ดีใจโคตร ๆ วันนี้แกมาห้องฉันเลย เดี๋ยวทำหมูกระทะให้กิน” “เอ้อ ดีใจด้วยนะแก” ปลายสายเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับมา หยกที่มัวแต่ดีใจจึงไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของเพื่อนสนิทแม้แต่น้อยว่าไม่ร่าเริงเช่นเดิม “งั้นก็รีบมา วันนี้แกห้ามพลาดหมูกระทะสูตรเจ๊หยกคนสวยเด็ดขาด ตอนนี้ฉันเพิ่งเลิกงาน เดี๋ยวฉันไปซื้อวัตถุดิบก่อน ได้ข่าวว่าห้างเวลล์จัดโพรโมชันลดราคาหมูกับพวกเครื่องปรุงพอดี ใช่สิ ต้องรีบแล้วเดี๋ยวไม่ทันโพร แค่นี้ก่อนนะแก” ถึงแม้ว่าที่ทำงานจะอยู่ใกล้กับห้างแต่เธอต้องรีบ เพราะเวลามีโพรโมชันคนจะรีบไปแย่งชิงกัน เพราะมีแต่ของดี ๆ ข้าวปั้นที่เพิ่งได้สติว่าเพื่อนกำลังจะไปที่ใดก็รีบพูดขึ้น “หยกอย่าไปห้างเวลล์ช่วงนี้...” ตู้ด ตู้ด ตู้ด แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหยกวางสายไปแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงรีบโทรกลับไปทันที แต่ก็ไร้วี่แววการรับสายจากเพื่อนสาวคนสนิท เขาจึงรีบหยิบกุญแจรถแล้วไปหาเพื่อนสนิททันที พร้อมทั้งภาวนาว่าขอให้อย่าเพิ่งเกิดอะไรในวันนี้เลย... แต่เหมือนว่าข้าวปั้นจะช้าไป....เพราะเพียงแค่สิบห้านาทีหลังจากวางสาย ก็เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้นและไม่นานข่าวจากสำนักข่าวช่องต่าง ๆ ก็เริ่มรายงานข่าวกันอย่างถ้วนหน้า และโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นไม่หยุดเช่นกัน “รายงานข่าวด่วน เกิดเหตุห้างถล่มที่ห้างเวลล์ห้างใหม่ทันสมัยใจกลางกรุง ที่ถูกสร้างเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น จู่ ๆ ในช่วงเย็นของวันนี้ก็เกิดการทรุดตัวของอาคารอย่างกะทันหัน มีสายข่าววงในกล่าวว่าสาเหตุเกิดจากโครงสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานและมีการทุจริตที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างทำให้มีเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตอนนี้ความเสียหายเริ่มขยายขึ้นเป็นวงกว้าง แต่ที่ชัดเจนที่ดูจะเสียหายมากที่สุดก็จะเป็นโซนซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะแผนกเครื่องปรุงและวัตถุดิบ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเคลียร์พื้นที่และทำการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ภายในอย่างเร่งด่วน รวมถึงมีการประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากจากพื้นที่โดยเร็ว.....” มือของข้าวปั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขารีบตัดสายจากคนที่โทรมา ‘ทีมวิศวกรจีโอ’ และรีบต่อสายหาเพื่อนสนิทอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย จวบจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง..... ข่าวจึงรายงานว่า.... “ขณะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ผู้ภายในออกมาได้เกือบทั้งหมด แต่ก็เรื่องน่าเศร้าสลดเกิดขึ้นเพราะพบร่างผู้เสียชีวิตหนึ่งราย ระบุตัวตนได้ว่าเป็น นางสาวหยก หยกมณี ตรีรักษ์...” สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ร่วงลงจากมือ พร้อมทั้งเสียงร่ำไห้อย่างสะอึกสะอื้นอย่างไม่อายใครของข้าวปั้นวิศวกรหนุ่มอนาคตไกล เป็นเพราะเขาเอง หากเขาเตือนเพื่อนให้เร็วกว่านี้ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขามัวแต่ช็อกเพราะเพิ่งรู้ว่าโครงการที่ตนได้เป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างนั้นถูกหัวหน้าทีมและเพื่อนร่วมงานอีกสองคน รวมหัวกันยักยอกงบประมาณและทำการสับเปลี่ยนวัสดุในการก่อสร้างให้เป็นสินค้าที่ด้อยคุณภาพลง ที่จริงเขายังได้รู้อีกว่ายังมีผู้ที่ตำแหน่งใหญ่กว่าหัวหน้ามีส่วนรู้เห็นในการทุจริตครั้งนี้อีกด้วย เขามัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไร จะเปิดโปงแล้วชีวิตเขาหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เขาเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะสู้กับคนที่มีอำนาจมากกว่าได้อย่างไร ในระหว่างที่ทั้งสับสนและวุ่นวายใจอยู่นั้น สิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้และรู้สึกกลัวมากที่สุดนั่นก็คือหากมันพังลงมาจะเกิดอะไรขึ้น... สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ “ฉันขอโทษนะหยก ฮือ ๆ” ในค่ำคืนนั้นจูกุ้ยหยวนก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ในฝันเช่นกันตอนที่[2]เหตุใดจึงยอมสรุปแล้วนางคือคนที่ซวยมาก ๆ คนหนึ่ง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไปเดินห้างในวันนั้น กลับมีนางผู้เดียวที่ตายอย่างอนาถในขณะที่คนอื่นนั้นรอดกันหมด หากไม่เรียกว่าซวยมาก นี่จะเรียกว่าอย่างไร หมูกระทะก็ไม่ได้กินดันมาตายอีก!นางไม่อยากโทษสหายสนิทอย่างเช่นข้าวปั้นหรอก เพราะหากเป็นนาง นางก็คงจะลำบากใจเช่นกัน ชีวิตกำลังไปได้ดีแท้ ๆ แต่ก็อาจจะรู้สึกขัด ๆ ในใจเล็กน้อย เพราะในกึ่งความฝันนั้น ข้าวปั้นได้บอกว่าขอให้นางไปสู่ภูมิที่ดี มีแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทองและอย่าได้พบอุปสรรคหรือเรื่องอนาถใจเฉกเช่นชาตินี้อีก แต่ทว่า.....ดูนางยามนี้สิ นี่มันพบกับอุปสรรคและลำบากยิ่งกว่าชาติที่แล้วเสียอีก!! จูกุ้ยหยวนสตรีไม่มีปากมีเสียง เอาแต่ทำงานหนักและไม่ตอบโต้แม้ถูกคนรังแกและเอาเปรียบ นี่มันชีวิตดาวพระศุกร์ชัด ๆ เอาอันใดมาสบายและไร้อุปสรรคกัน เมื่อคืนนอกจากจะเห็นเรื่องราวในโลกก่อนแล้ว นางยังเห็นเรื่องราวของจูกุ้ยหยวนหรือก็คือคนที่ตนกำลังเป็นอีกฝ่ายในยามนี้ทั้งหมด เรียกได้ว่า การตบตีกับงานในโลกก่อนของนาง ยังดูสบายกว่าการสู้ชีวิตของจูกุ้ยหยวน พร้อมกับพี่ชายและมารดาในโลกนี้เสีย
ตอนที่[3]ไม่ยินยอมจูหมิงยู่โวยวายขึ้นเมื่อเห็นอาหารที่บุตรสาวเตรียมไว้ให้ ที่ดูแล้วราวกับอาหารหมูก็ไม่ปาน ข้าวต้มที่เป็นปลายข้าวอันประกอบด้วยเม็ดที่แตกหัก ผสมกับผักสับที่ไม่ดูน่ากินสักนิด และที่สำคัญไม่มีเนื้อสัตว์ติดมาแม้แต่น้อย! นอกจากหน้าตาจะแย่แล้ว รสชาติยังแย่ยิ่งกว่า แม้แต่คนยากจนที่สุดในหมู่บ้านก็เห็นทีว่าคงได้กินอาหารที่ดีกว่านี้ อีกทั้งวันนี้เขาพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้าน ไหนจะบุตรสาวคนใหม่อีก นี่ไม่ควรเป็นอาหารที่ใช้ในการต้อนรับเลยสักนิด คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมจะไปสอบถามบุตรสาวว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร แต่เดินออกไปไม่ทันไรก็พบกับจูกุ้ยหยวนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว “เจ้าอยู่ตรงนี้พอดีเลย ไหนบอกข้าว่าเหตุใดจึงทำอาหารเช่นนั้นให้กับข้าและคนอื่น ๆ กิน!”“ท่านพ่อคิดว่าบ้านเราร่ำรวยมากหรือ เดิมทีอาหารก็มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งมีคนเข้ามาเพิ่มอีก จะให้กินดีขึ้นได้อย่างไร” กล่าวจบก็ปรายตามองไปที่สองคนด้านหลังบิดา “หากไม่มีเหตุใดไม่บอกข้า ทำอาหารห่วยแตกเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร” จูหมิงยู่เข่นเขี้ยว “ท่านมีเงินหรือ ท่านมีได้อย่างไร ในเมื่อบ้านนี้มีแต่ข้ากับพี่ใหญ่ที่มีหน้
ตอนที่[4]สอบถามข้อมูลผู้ใดกัน เป็นเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับร่างนี้ รูปร่างผอมบางออกไปทางผอมมาก เช่นเดียวกับจูกุ้ยหยวนในยามนี้เช่นกัน สวมอาภรณ์ซีดเซียว ผิวพรรณไม่เกลี้ยงเกลาเท่าใดนัก หน้าตาท่าทางดูใสซื่อออกไปทางซื่อบื้อชวนน่ารังแกมาก กล่าวคือเป็นเด็กสาวชาวบ้าน ระหว่างที่นางกำลังคิดว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด ในสมองก็คล้ายก็มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นทันที เสี่ยวจวนที่แท้เด็กสาวผู้นี้ก็คือสหายเพียงผู้เดียวของจูกุ้ยหยวน คู่หูซื่อบื้อที่ไม่สู้คน เก่งแต่เรื่องทำงานหนักทั้งยังถูกคนเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เสี่ยวจวนอยู่กับมารดาเพียงสองคนเพราะบิดานั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ชีวิตแม่หม้ายลูกติดนั้นไม่ง่าย ยิ่งแม่หม้ายผัวตายยิ่งถูกชาวบ้านว่าร้ายไปต่าง ๆ นานา มารดาของเสี่ยวจวนหรือนางเจิงซื่อ ซึ่งจูกุ้ยหยวนมักจะเรียกอีกฝ่ายว่าท่านน้าเจิงซื่อ แท้จริงแล้วท่านน้าเจิงซื่อก็เป็นสหายของมารดาของนาง ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ แต่เพราะว่าบิดานางกล่าวว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายมาที่บ้านเท่าใดนัก เพราะฉายาของอีกฝ่ายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็นสตรีกินผัวหากมาบ่อยเกรงว่าจะเป็นกาลกิณีต่อครอบครัว ซึ่งนางคิดว่าเรื่องนี้เป็นเร
ตอนที่[5]แผนการชั่วร้าย เสี่ยวจวนก็คือเสี่ยวจวนสงสัยแต่ก็ไม่ได้สอบถามอันใด ทั้งยังว่าง่าย บอกให้พาไปที่ใดก็ไป ที่นางอยากไปบ้านของผู้นำหมู่บ้าน นางเพียงมีลางสังหรณ์ว่านางจะได้รู้อะไรบางอย่างที่นั่น เมื่อไปถึงจูกุ้ยหยวนก็ลอบมองอยู่ด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าสวีต้าต่านและสวีอ้ายเหมยอยู่ที่นั่น นางจึงพาเสี่ยวจวน ลอบไปแอบฟังอยู่บริเวณที่ใกล้กับสองคนนั้นให้มากที่สุด เมื่อได้ที่เหมาะ ๆ แล้ว นางจึงเอานิ้วมาจุ๊ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกเสี่ยวจวนว่าให้เงียบที่สุด อย่าพูดอันใด อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ดูเหมือนว่าในห้องนี้จะไม่ได้มีแค่สองแม่ลูก ยังมีผู้นำหมู่บ้านเช่นผู้เฒ่าสวี และนางกัวซื่อ บิดามารดาของสวีต้าต่าน “ข้าคงห้ามปรามเรื่องเจ้ากับบุรุษไม่เอาไหนผู้นั้นไม่ได้แล้ว ได้ข่าวว่าเมื่อคืน เจ้าไม่ได้นอนที่บ้านหลังนั้นหรือ” เสียงผู้เฒ่าสวีเอ่ยขึ้น“ไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้กิน ต้องไปกินข้าวที่อื่น”“เพราะเหตุใดกัน” ครานี้นางกัวซื่อเอ่ยถามบุตรสาว “จะอย่างไร ก็เพราะนังเด็กเวรนั่นน่ะสิ ร้ายนัก ทำอาหารหมูมาให้ข้ากับเหมยเออร์กิน”“เจ้าหมายถึงบุตรสาวคนเล็กของจูหมิงยู่น่ะหรือ เด็กคนนั้น มิ
ตอนที่[6]หมดความอดทนห้าวันที่ผ่านมา นางแทบอดใจที่จะกระโดดขาคู่ถีบสองแม่ลูกนั่นไม่ไหว ตั้งแต่ได้ยินแผนการเลวทรามนั่นนางก็มักจะคิดถึงน้ำเสียงอันน่าหมั่นไส้ในวันนั้น แต่ก็ยังทำอันใดไม่ได้ ทั้งวันนี้นางยังต้องมาเกี่ยวข้าวอีก เกี่ยวข้าวเพื่อให้คนมาเอาเปรียบ! แล้วถามว่านางเคยเกี่ยวข้าวมาก่อนหรือไม่ นางไม่เคยทำแม้แต่น้อย!!และยิ่งไม่อยากจะทำเมื่อนึกถึงว่าข้าวที่ต้องเกี่ยวเหล่านี้ต้องแบ่งให้คนอื่นจนแทบไม่เหลือนางก็ยิ่งไม่อยากทำ มารดา พี่ใหญ่และจูกุ้ยหยวนคนเก่าทนมาได้อย่างไรตั้งหลายปี ในความทรงจำของนาง ครอบครัวท่านปู่ลุงใหญ่และลุงรอง ไม่เคยมาดูดำดูดีแม้แต่น้อย ยิ่งในวันเก็บเกี่ยวเช่นนี้ แต่วันใดที่เก็บเกี่ยวเสร็จจนได้ข้าวที่สวยงามแล้ว เมื่อนั้นพวกเขาจะมาถามหาส่วนแบ่งหรือที่กล่าวว่าเป็นค่าเช่าที่ทันที แต่หากไม่ทำอันใดเลย สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ เพราะไม่มีอาหารกิน ทั้งไม่มีเงินในการจับจ่ายใช้สอย เพราะผู้เป็นผู้นำครอบครัวนั้นไม่ทำอันใดเลย นางได้แต่ครุ่นคิดว่ามารดาชื่นชอบคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอันใดดีเลยแม้แต่น้อย “หยวนเออร์ นี่เคียวของเจ้า” จูกุ้ยหยางรู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้น
ตอนที่[7]มิติลึกลับเสียงผู้ใดกัน และเมื่อนางหันกลับไปมองก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม“นะ นี่”มะ..หมีขาว...พูดได้! “เสี่ยวหลงรอนายหญิงตั้งนาน กว่านายหญิงจะหาทางเข้ามาได้ ส่งสัญญาณไปก็แล้ว” เขากล่าวอันใด ส่งสัญญาณอันใด ไม่รอให้นางสงสัยสิ่งใด เขาก็พยักพเยิดที่ข้อมือของนาง“นายหญิงไม่รู้สึกว่าช่วงนี้มีอันใดแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ข้อมือหรือ”ข้อมือเช่นนั้นหรือถึงว่า....ช่วงนี้นางรู้สึกตุบ ๆ ที่ข้อมือบ่อย ๆ เป็นเขาที่ส่งสัญญาณหานางหรือ“ว่าแต่เจ้าคือตัวผู้หรือตัว...”“ตัวผู้อันใดขอรับ เสี่ยวหลงเป็นบุรุษขอรับ!” เจ้าหมีขาวทำหน้ามุ่ย นี่มันเกิดเรื่องอัศจรรย์พันลึกอันใดกับนาง มาเจอหมีพูดได้ ทั้งยังถูกหมีงอนอีก ไหนจะมาอยู่ในสถานที่ใหม่ในชั่วพริบตา “ว่าแต่.... ที่นี่คือ.....”แต่เดี๋ยวนะ! นางว่านางรู้จักที่นี่นะ... นะ..นี่มันห้างเวลล์ ที่คานล้มลงมาทับนางจนตายนี่!! คิดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เหตุการณ์ตอนนั้นน่ากลัวไม่น้อย ตอนที่ทุกอย่างกำลังจะพังลงมา... “ที่นี่ปลอดภัยขอรับนายหญิง” ก่อนที่นางจะคิดไปไกลเสียงด้านข้างก็ดังขึ้น “จริงหรือ” นางหันไปมองเขาด้วยสายตาหวาด ๆ “ที่นี่คือมิติวิเศษของนายหญิง ท
ตอนที่[7]มิติลึกลับนางเดินออกไปจุดเดิมไปเพื่อไปยังจุดใหม่ หรือที่เสี่ยวหลงเรียกว่า โซน ‘แพทย์อัจฉริยะ’ ในนั้นมี ‘เครื่องรักษาตน’ ที่เสี่ยวหลงบอกว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ แต่ที่นางเห็นคือมันเป็นคล้ายเครื่องสแกนร่างกายในโลกก่อน แต่ว่าเป็นแบบนั่งและมีกระจกใส ไม่สิมองแล้วเหมือนที่นั่งในยานอวกาศมากกว่า“นายหญิงเข้าไปนั่งได้เลยขอรับ” จู่ ๆ เสี่ยวหลงก็กล่าวขึ้น แม้ว่านางจะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปนั่งลงบนเครื่องรักษาตนที่ว่า ด้วยรู้สึกไว้ใจในสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและห่วงใยของเสี่ยวหลง “จากนั้นก็วางแขนไว้ที่แท่นได้เลยขอรับ” นางมองที่พักแขนแล้วก็วางแขนลงไป จากนั้นกระจกก็ปิดตัวลงทันที แต่ทว่ายังได้ยินเสียงของเสี่ยวหลงที่กำลังพูดที่ด้านนอก“ขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจหาอาการบาดเจ็บหรืออาการเจ็บป่วยแล้วทำการรักษาขอรับ นายหญิงไม่ต้องกลัว จะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น” คล้ายกับว่าเขาจะรู้ว่านางกลัวสิ่งใด เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น จึงได้แต่นั่งเอนไปด้านหลังอย่างสบาย ๆ จนกระทั่งมีแสงวูบวาบเกิดขึ้นเป็นระยะ จากนั้นไม่นานกระจกก็เปิดขึ้น พร้อมกับอาการปวดที่ข้อมือก็
ตอนที่[8]ข้อจำกัดใช่แล้ว! ก่อนนางมาที่นี่ พี่ใหญ่กำลังเดินมาหานาง แล้วนี่นางมาอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว เขาจะตกใจหรือไม่ที่จู่ ๆ นางก็หายไป “นายหญิงไม่ต้องกังวลขอรับ” “หืม เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ในมิติแห่งนี้ สามารถปรับเวลาได้ว่าจะให้เวลาเท่ากันกับโลกภายนอกหรือไม่ หรือจะแตกต่างกันเท่าใด วันนี้ตอนที่นายหญิงเข้ามา เสี่ยวหลงได้ถือวิสาสะปรับเอาไว้แล้ว ไม่ว่านายหญิงจะอยู่ที่นี่นานเพียงใด แต่เวลาด้านนอกจะเป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นขอรับ ไม่ต้องกลัวว่าพี่ใหญ่ของนายหญิงจะตกใจนะขอรับ” “เป็นเช่นนั้นหรือ ค่อยโล่งอกไปที” ถ้าอย่างนั้นนางก็กินหมูกระทะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจสินะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และเริ่มจัดการหมูกระทะตรงหน้าต่ออย่างมีความสุข ทั้งยังคีบให้เสี่ยวหลง คราแรกเขาปฏิเสธทั้งยังกล่าวว่า เขาไม่จำเป็นต้องกินสิ่งใดก็อยู่ได้ แต่เมื่อนางคะยั้นคะยอให้เขากิน เขาก็จำใจต้องกิน คำแรกนั้นดูจำใจ แต่คำต่อไปไม่ต้องกล่าวอันใดเขาก็คีบกินด้วยตัวเอง นางแทบจะหลุดขำออกมา ยามนี้นางกำลังดูหมีกินหมูกระทะ!“นายหญิง นี่ช่างเป็นอาหารที่อร่อยยิ่ง นายหญิงสุดยอดยิ่งนัก” กล่าวแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแ
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ