ตอนที่
[6] หมดความอดทน ห้าวันที่ผ่านมา นางแทบอดใจที่จะกระโดดขาคู่ถีบสองแม่ลูกนั่นไม่ไหว ตั้งแต่ได้ยินแผนการเลวทรามนั่นนางก็มักจะคิดถึงน้ำเสียงอันน่าหมั่นไส้ในวันนั้น แต่ก็ยังทำอันใดไม่ได้ ทั้งวันนี้นางยังต้องมาเกี่ยวข้าวอีก เกี่ยวข้าวเพื่อให้คนมาเอาเปรียบ! แล้วถามว่านางเคยเกี่ยวข้าวมาก่อนหรือไม่ นางไม่เคยทำแม้แต่น้อย!! และยิ่งไม่อยากจะทำเมื่อนึกถึงว่าข้าวที่ต้องเกี่ยวเหล่านี้ต้องแบ่งให้คนอื่นจนแทบไม่เหลือนางก็ยิ่งไม่อยากทำ มารดา พี่ใหญ่และจูกุ้ยหยวนคนเก่าทนมาได้อย่างไรตั้งหลายปี ในความทรงจำของนาง ครอบครัวท่านปู่ลุงใหญ่และลุงรอง ไม่เคยมาดูดำดูดีแม้แต่น้อย ยิ่งในวันเก็บเกี่ยวเช่นนี้ แต่วันใดที่เก็บเกี่ยวเสร็จจนได้ข้าวที่สวยงามแล้ว เมื่อนั้นพวกเขาจะมาถามหาส่วนแบ่งหรือที่กล่าวว่าเป็นค่าเช่าที่ทันที แต่หากไม่ทำอันใดเลย สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ เพราะไม่มีอาหารกิน ทั้งไม่มีเงินในการจับจ่ายใช้สอย เพราะผู้เป็นผู้นำครอบครัวนั้นไม่ทำอันใดเลย นางได้แต่ครุ่นคิดว่ามารดาชื่นชอบคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอันใดดีเลยแม้แต่น้อย “หยวนเออร์ นี่เคียวของเจ้า” จูกุ้ยหยางรู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้นเปลี่ยนไปและมีความไม่พอใจอยู่ในใจมากมาย เขาจึงต้องพยายามทำให้น้องสาวใจเย็นมากที่สุด สายตามองไปยังสองแม่ลูกตระกูลเจียงที่แต่งกายมิดชิดและหยิบอุปกรณ์ลงนาไปแล้วด้วยความขยันขันแข็ง ก็รีบหันกลับมามองที่น้องสาว ที่จริงเขาไม่อยากให้นางทำสักนิด แต่ว่านางกล่าวว่าอยากจะแบ่งเบาเขา เพราะที่ผ่านมาก็ช่วยกันมาโดยตลอด เขาจึงต้องตามใจและพยายามดูแลนางให้ดีที่สุด “พี่ใหญ่ รีบลงมือกันเถิด” ด้านจูกุ้ยหยวนถึงจะไม่ชอบใจเพียงใด ก็คงต้องทำไปก่อน อีกทั้งนางเป็นห่วงมารดาที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว ไม่สิยังมีสามพ่อแม่ลูกนั่นอยู่ด้วย แต่เพราะสาเหตุนั้นแหละยิ่งทำให้นางไม่ไว้วางใจ ด้านนางฉินซื่อ ยามนี้นางกำลังกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตนไม่ให้เล็ดลอดออกไป เหตุก็เพราะ..นางได้ยินเสียงแล้วว่าสามีกับสตรีผู้นั้นเพิ่งเข้าบ้านมาด้วยกัน แต่คล้ายว่าบุตรสาวของสตรีผู้นั้นจะไม่ได้มาด้วย ทั้งคู่พูดคุยกันกะหนุงกะหนิง เอาอกเอาใจกัน ช่างดูหวานชื่นยิ่งนัก จากนั้นไม่นานก็พากันเข้าห้องไป ซึ่งห้องนั้นเป็นห้องนอนใหญ่ที่ติดกับห้องนอนของนาง กล่าวคือ เดิมมันคือห้องนอนของนางกับสามีตอนที่แยกบ้านมาจากบ้านหลัก บ้านหลังนี้มีสามห้องนอนหลัก มีห้องของนางและสามี ห้องของบุตรชายและห้องของบุตรสาว มีห้องโถงเล็ก ๆ ไว้กินข้าว ด้านหลังนั้นเป็นห้องอาบน้ำ ห้องที่นางนอนอยู่ในตอนนี้คือห้องของบุตรชาย ส่วนห้องของบุตรสาวสามีได้ยกให้กับบุตรสาวของสตรีผู้นั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนในห้องนั้นจงใจหรือไม่ แต่คล้ายว่าทั้งคู่จะพูดจากันเสียงดังขึ้น จนนางที่นอนอยู่อีกห้องได้ยินเสียงอย่างชัดเจน “ท่านพี่ คิก อย่าเม้มตรงนั้นแรงนักสิเจ้าคะ” พวกเขากำลังจะมีสัมพันธ์กัน.... หลายวันที่ผ่านมา บุตรสาวคล้ายว่าจะคอยกันนางไม่ให้เห็นภาพที่บาดตาบาดใจ นางจึงลดความเจ็บปวดในใจลงไปได้บ้าง แต่วันนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว.... “ท่านพี่ อ๊า ตรงนั้น” จากเสียงหยอกล้อไม่นานก็เปลี่ยนเสียงกระเส่าและเสียงครวญครางดังขึ้นและดังขึ้นอย่างไม่หยุด ดังไปทั่วทั้งบ้าน คงไม่ต้องเดาว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด เสียงกระแทกเป็นจังหวะกระทบกับผนังที่นางนอนอยู่ ยิ่งคล้ายเป็นการตอกย้ำความราวกับเข็มพันเล่มกำลังทิ่มแทงในจิตใจของนางซ้ำ ๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว.... ตอนที่นางได้พบเขา เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว นางดีใจยิ่งนักที่เขาทั้งหล่อเหลาและมีฐานะ ไม่รังเกียจที่นางเป็นเพียงสาวชาวบ้านธรรมดาทั้งยังยากจน แต่เลือกที่จะตบแต่งนางเป็นภรรยาท่ามกลางการคัดค้านจากบิดาและมารดาของเขา สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ เขากล่าวว่าจะทำให้นางมีความสุขที่สุด เพียงเท่านั้น...หลังจากนั้นไม่ว่านางจะพบเจอสิ่งใดนางก็อดทนมาโดยตลอด เพราะเขาเลือกนางและนางก็รักเขา ที่สำคัญเขาไม่เคยมีคนอื่นนอกจากนาง แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเพียงเพราะนางไม่สามารถให้ความสุขให้กับเขาในเรื่องห้องหอได้ เขาก็กลายเป็นเช่นนี้ เขาไม่นึกถึงจิตใจของนางรวมถึงบุตรคนล่าสุดที่สูญเสียไปเลยด้วยซ้ำ นางคงจะทำกรรมมามาก ที่วาระสุดท้ายต้องจากไปด้วยความทรมานทั้งกายและใจเช่นนี้... ทรมานเหลือเกิน ในบ้านกำลังมีคนทุกข์ทรมาน ที่ทุ่งนา...คนผู้หนึ่งก็มีความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจเช่นกัน จูกุ้ยหยวนคนใหม่ นางไม่เคยต้องเกี่ยวข้าวมาก่อน แม้ในความทรงจำจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่พอได้มาทำจริง ๆ มันไม่ง่ายเลย ที่สำคัญคือยามนี้ร่างกายก็กำลังเกิดการระคายเคือง รู้สึกคันยิบ ๆ ไปทั่วร่างกาย ไหนจะเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าและร่างกายมากมายอีก ไหนจะความคิดหลากหลาย ที่ยิ่งคิดยิ่งชวนให้หงุดหงิด คิดไปคิดมา จึงตัดสินใจทิ้งเคียวลงนาข้าวสีเหลืองทองแซมกับต้นหญ้าที่ต้นสูงเกือบจะเท่าอกและตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่ทนแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ทั้งสามคนในเหตุการณ์รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะจูกุ้ยหยางที่กลัวว่าน้องสาวจะเป็นอันใดไป เขารีบวิ่งมาถามไถ่ทันที “หยวนเออร์ เจ้าเป็นอันใด เจ็บป่วยที่ใด หรือไม่สบายตรงที่ใดบอกพี่มา” “พี่ใหญ่ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่ไหวแล้ว เหตุใดเราต้องมาทำงานหนักเช่นนี้ด้วย!” “หยวนเออร์เจ้าใจเย็น ๆ นะ ไปพักก่อนดีหรือไม่ ไป เดี๋ยวพี่พาเจ้าไปกินน้ำ พี่เอาไว้ใต้ต้นไม้ตรงนั้น” เขาชี้แล้วพลางเดินเข้ามาเพื่อที่จะพาน้องสาวไปพัก “พี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าไปพักสักครู่แล้วกัน ท่านไม่ต้องพาข้าไปก็ได้ หรือว่าท่านจะไปพักด้วยกัน” “พี่...” ดูก็รู้ว่าเขายังไม่อยากพัก “เดี๋ยวข้าไปเองท่านทำงานต่อเถิด” นางคิดว่าต้องไปสงบจิตใจสักครู่ ทั้งจะไปเการ่างกายส่วนที่มันคัน เผื่อว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น แต่กว่าจะเดินไปถึงต้นไม้ต้นนั้น ความหงุดหงิดก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพราะอยากให้ถึงจุดหมายเร็ว ๆ “โอ๊ยย” กรรมแท้ ๆ ยิ่งรีบแต่ดันสะดุดล้มหน้าคว่ำลงกับนาข้าว “หยวนเออร์!!” นางได้ยินเสียงพี่ใหญ่เรียกอยู่ไกล ๆ และคิดว่าเขาคงกำลังรีบวิ่งมา บ้าจริง ปวดข้อมือมากเลย เพราะในช่วงจังหวะที่จูกุ้ยหยวนกำลังจะล้มลงไป นางคิดว่าหากไม่ทำอันใดหน้านางคงจะแนบไปกับพื้นและคงต้องเจ็บมากแน่นอน นางจึงใช้มือดันเอาไว้ จึงทำให้ไม่เจ็บที่ใบหน้าแต่เจ็บที่ข้อมือแทน ตอนนี้นางจึงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางป่าข้าวอย่างหมดแรง และกำลังจะใช้มืออีกข้างนวดที่ข้อมือข้างที่เจ็บ “อ๊ะ” แต่ทว่าในจังหวะที่นางแตะไปยังข้อมือของตนก็คล้ายว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เมื่อครู่มันคล้ายกับว่ามีภาพทับซ้อนบางอย่างเกิดขึ้น ไม่สิ มันเหมือนนางกำลังเปลี่ยนไปอยู่อีกที่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเกิดความสงสัยและความไม่แน่ใจนางจึงทำการทดสอบอีกครั้ง โดยแตะไปที่ข้อมือจุดเดิม “เฮ้ยยยยยยยย” คล้ายกับว่านางย้ายตนเองไปอยู่สถานที่แห่งใหม่อย่างรวดเร็ว และสถานที่แห่งนั้นก็ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน ระหว่างที่นางกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอันใดขึ้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง “ยินดีต้อนรับนายหญิงขอรับ”ตอนที่[7]มิติลึกลับเสียงผู้ใดกัน และเมื่อนางหันกลับไปมองก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม“นะ นี่”มะ..หมีขาว...พูดได้! “เสี่ยวหลงรอนายหญิงตั้งนาน กว่านายหญิงจะหาทางเข้ามาได้ ส่งสัญญาณไปก็แล้ว” เขากล่าวอันใด ส่งสัญญาณอันใด ไม่รอให้นางสงสัยสิ่งใด เขาก็พยักพเยิดที่ข้อมือของนาง“นายหญิงไม่รู้สึกว่าช่วงนี้มีอันใดแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ข้อมือหรือ”ข้อมือเช่นนั้นหรือถึงว่า....ช่วงนี้นางรู้สึกตุบ ๆ ที่ข้อมือบ่อย ๆ เป็นเขาที่ส่งสัญญาณหานางหรือ“ว่าแต่เจ้าคือตัวผู้หรือตัว...”“ตัวผู้อันใดขอรับ เสี่ยวหลงเป็นบุรุษขอรับ!” เจ้าหมีขาวทำหน้ามุ่ย นี่มันเกิดเรื่องอัศจรรย์พันลึกอันใดกับนาง มาเจอหมีพูดได้ ทั้งยังถูกหมีงอนอีก ไหนจะมาอยู่ในสถานที่ใหม่ในชั่วพริบตา “ว่าแต่.... ที่นี่คือ.....”แต่เดี๋ยวนะ! นางว่านางรู้จักที่นี่นะ... นะ..นี่มันห้างเวลล์ ที่คานล้มลงมาทับนางจนตายนี่!! คิดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เหตุการณ์ตอนนั้นน่ากลัวไม่น้อย ตอนที่ทุกอย่างกำลังจะพังลงมา... “ที่นี่ปลอดภัยขอรับนายหญิง” ก่อนที่นางจะคิดไปไกลเสียงด้านข้างก็ดังขึ้น “จริงหรือ” นางหันไปมองเขาด้วยสายตาหวาด ๆ “ที่นี่คือมิติวิเศษของนายหญิง ท
ตอนที่[7]มิติลึกลับนางเดินออกไปจุดเดิมไปเพื่อไปยังจุดใหม่ หรือที่เสี่ยวหลงเรียกว่า โซน ‘แพทย์อัจฉริยะ’ ในนั้นมี ‘เครื่องรักษาตน’ ที่เสี่ยวหลงบอกว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ แต่ที่นางเห็นคือมันเป็นคล้ายเครื่องสแกนร่างกายในโลกก่อน แต่ว่าเป็นแบบนั่งและมีกระจกใส ไม่สิมองแล้วเหมือนที่นั่งในยานอวกาศมากกว่า“นายหญิงเข้าไปนั่งได้เลยขอรับ” จู่ ๆ เสี่ยวหลงก็กล่าวขึ้น แม้ว่านางจะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปนั่งลงบนเครื่องรักษาตนที่ว่า ด้วยรู้สึกไว้ใจในสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและห่วงใยของเสี่ยวหลง “จากนั้นก็วางแขนไว้ที่แท่นได้เลยขอรับ” นางมองที่พักแขนแล้วก็วางแขนลงไป จากนั้นกระจกก็ปิดตัวลงทันที แต่ทว่ายังได้ยินเสียงของเสี่ยวหลงที่กำลังพูดที่ด้านนอก“ขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจหาอาการบาดเจ็บหรืออาการเจ็บป่วยแล้วทำการรักษาขอรับ นายหญิงไม่ต้องกลัว จะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น” คล้ายกับว่าเขาจะรู้ว่านางกลัวสิ่งใด เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น จึงได้แต่นั่งเอนไปด้านหลังอย่างสบาย ๆ จนกระทั่งมีแสงวูบวาบเกิดขึ้นเป็นระยะ จากนั้นไม่นานกระจกก็เปิดขึ้น พร้อมกับอาการปวดที่ข้อมือก็
ตอนที่[8]ข้อจำกัดใช่แล้ว! ก่อนนางมาที่นี่ พี่ใหญ่กำลังเดินมาหานาง แล้วนี่นางมาอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว เขาจะตกใจหรือไม่ที่จู่ ๆ นางก็หายไป “นายหญิงไม่ต้องกังวลขอรับ” “หืม เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ในมิติแห่งนี้ สามารถปรับเวลาได้ว่าจะให้เวลาเท่ากันกับโลกภายนอกหรือไม่ หรือจะแตกต่างกันเท่าใด วันนี้ตอนที่นายหญิงเข้ามา เสี่ยวหลงได้ถือวิสาสะปรับเอาไว้แล้ว ไม่ว่านายหญิงจะอยู่ที่นี่นานเพียงใด แต่เวลาด้านนอกจะเป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นขอรับ ไม่ต้องกลัวว่าพี่ใหญ่ของนายหญิงจะตกใจนะขอรับ” “เป็นเช่นนั้นหรือ ค่อยโล่งอกไปที” ถ้าอย่างนั้นนางก็กินหมูกระทะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจสินะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และเริ่มจัดการหมูกระทะตรงหน้าต่ออย่างมีความสุข ทั้งยังคีบให้เสี่ยวหลง คราแรกเขาปฏิเสธทั้งยังกล่าวว่า เขาไม่จำเป็นต้องกินสิ่งใดก็อยู่ได้ แต่เมื่อนางคะยั้นคะยอให้เขากิน เขาก็จำใจต้องกิน คำแรกนั้นดูจำใจ แต่คำต่อไปไม่ต้องกล่าวอันใดเขาก็คีบกินด้วยตัวเอง นางแทบจะหลุดขำออกมา ยามนี้นางกำลังดูหมีกินหมูกระทะ!“นายหญิง นี่ช่างเป็นอาหารที่อร่อยยิ่ง นายหญิงสุดยอดยิ่งนัก” กล่าวแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแ
ตอนที่[8]ข้อจำกัด “แต่หากนายหญิงเข้ามาในนี้ นายหญิงสามารถใช้อุปกรณ์และกินอาหารที่อยู่ในนี้ได้นะขอรับ” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังไม่ดีขึ้น เสี่ยวหลงจึงกล่าวต่อ “และนายหญิงสามารถพาท่านแม่และพี่ใหญ่ของนายหญิงหรือคนอื่น ๆ ที่นายหญิงต้องการ กินเข้ามากินอาหาร หรือมาใช้บริการที่นี่ได้นะขอรับ” จูกุ้ยหยวนหันขวับทันที “จริงหรือ” เมื่อเห็นสีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เสี่ยวหลงก็ยิ้มกว้างและกล่าวต่อไปอีกว่า “สามารถใช้ได้ทุกส่วนเลยขอรับ ทั้งบ้านจำลอง โซนอาหาร แม้กระทั่งใช้เครื่องรักษาตนก็สามารถใช้ได้ เครื่องนั้นแม้จวนจะสิ้นลมก็สามารถรักษาได้”“ดีจริง!” เช่นนั้น ท่านแม่ของนางก็มีโอกาสหายป่วยแล้วสินะ และไม่ว่าผู้ใดเจ็บป่วยก็สามารถพามารักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งจะได้กินอาหารดี ๆ และได้อยู่ที่ดี ๆ เช่นบ้านจำลองด้วย ในระหว่างที่กำลังสร้างฐานะที่โลกของความที่นี่จะเป็นประโยชน์กับนางมาก แม้จะไม่สามารถนำวัตถุดิบหลายอย่างออกไปได้ แต่นางคิดว่าสามารถสร้างขึ้นได้จากโลกภายนอก และวัตถุดิบหลัก ๆ ส่วนมากก็จะเป็นเครื่องปรุงที่น่าจะหายากในโลกข้างนอกนั่นต่างหาก “ว่าแต่ ข้าสามารถเอาเตากับกระทะย่างออกไปได้หรือไม่
ตอนที่[9]เห็นดีเห็นงาม เมื่อเห็นว่าถามมารดาอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาแดงก่ำเช่นนั้น นางจึงส่งกระแสจิตไปถามเสี่ยวหลงที่อยู่ในมิติว่าเกิดอันใดขึ้น และเมื่อได้รับนางคำตอบเลือดก็ขึ้นหน้าทันที บิดาทำเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเป็นสามีที่ชั่วช้านัก! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ และอีกอย่างหากไม่รีบทำอันใด นางก็คงถูกขายออกไปและหลังจากนั้นอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร นางไม่อยากจะคิด แม้พี่ชายนางจะรักท่านแม่ แต่ด้วยความยอมคนเช่นนั้น ก็คงจะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ตลอดไป “ท่านแม่ ท่านคิด จะหย่ากับท่านพ่อบ้างหรือไม่” “ยะ...หยวนเออร์ เหตุใด จึงถามแม่เช่นนั้น...”จูกุ้ยหยวนเอ่ยถามมารดาขณะที่ยามนี้พี่ชายไปทำอาหารอยู่ที่ห้องครัว คำถามนี้ไม่ใช่การลองใจแต่เป็นการอยากรู้ถึงจิตใจว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดถึงเพียงนี้แต่เคยคิดถึงเรื่องหย่าบ้างหรือไม่ นางฉินซื่อมองบุตรสาวที่กำลังมองมาที่ตนอย่างรอคอยคำตอบก็เม้มปากทันที “ข้ารู้ว่าท่านรักท่านพ่อ แต่ยามนี้มันสมควรเพียงพอแล้วมิใช่หรือท่านแม่” “มันไม่ใช่เรื่องง่าย....” ด้วยยามนี้ตนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งหากหย่าแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ดูอย่างสห
ตอนที่[10]เริ่มต้นแผนการนางฉินซื่อรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดเพื่อส่งเสียงออกไป ตนได้ยินทั้งหมดที่พวกเขาพูดคุยกัน บังคับให้บุตรสาวที่เป็นดวงใจของนางตบแต่งไปกับชายอัปลักษณ์ นั่นแค่ส่วนหนึ่งแต่ยามที่ชายผู้นั้นมา ตนมองไปที่ช่องว่างย่อมเห็นลักษณะท่าทางว่าเป็นอย่างไร หยวนเออร์ไม่มีวันมีความสุขแน่หากออกเรือนกับชายผู้นั้น และนางสวีกล้าดีอย่างไรถึงได้คิดจะยกบุตรสาวของตนให้กับคนอื่นโดยที่ไม่ขออนุญาตผู้เป็นมารดาตัวจริงเช่นนาง “ท่านพี่” สวีต้าต่านแสร้งทำสีหน้าสลด พลางเข้าไปใกล้ผู้เป็นสามี “ท่านพี่ ข้าเพียงหวังดีกับหยวนเออร์เท่านั้น ไม่มีใจคิดเป็นอื่น...” เมื่อเห็นใบหน้างามของภรรยาเกิดความไม่สบายใจ จูหมิงยู่ก็คล้ายตัดสินใจได้ “ตกลง ข้าจะให้หยวนเออร์ ออกเรือนกับคนตระกูลหูก็ได้” “จูหมิงยู่เจ้าเป็นบิดาแบบใดกัน!!”เสียงของนางฉินซื่อดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผู้ที่อดรนทนไม่ไหวที่เข้าจะไปต่อว่าไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นนางจงซื่อผู้เป็นแม่สามีอีกฝ่ายที่เดินไปยังห้องนั้นด้วยความโกรธ เดิมทีตนก็ไม่ชอบสะใภ้ยากจนผู้นี้อยู่แล้ว ยิ่งยามนี้อีกฝ่ายกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ทั้งยังกำลังจะขัดขวางผลประโยชน์ที่ตนจะได้รั
ตอนที่[13]หย่าขาดจากที่กล่าวว่าหากหย่ากันจะให้บุตรชายไปส่งสามแม่ลูกที่บ้านเดิม แต่นางจงซื่อที่โมโหที่ตนเสียเงินไปมากจึงล้มเลิกความคิดนั้นแล้วให้บิดามารดาของสะใภ้ที่ตนไม่ชื่นชอบมารับตัวทั้งสามกลับไปเอง ทันทีที่ท่านหมอกลับไปพวกเขาก็รีบไปให้คนส่งข่าวให้บิดามารดาของนางฉินซื่อที่หมู่บ้านหวงหลิงทันที ถึงแม้ว่าการใช้เกวียนเดินทางเพื่อไปส่งข่าวจะใช้เวลาราวสองชั่วยาม ระยะทางเท่ากับไปอำเภอเสิ่งซีเลยทีเดียว เมื่อไปถึงที่บ้านตระกูลฉินก็ราวยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) นางจงซื่อกลับไม่ได้ให้คนส่งข่าวรับสองผู้เฒ่านั้นมาด้วย แต่ให้ทั้งคู่เตรียมเกวียนมาเอง สองผู้เฒ่าเมื่อรู้ข่าวคราแรกคิดว่าใกล้เวลามืดค่ำแล้วจึงเตรียมจะเดินทางรุ่งเช้าของอีกวัน แต่ทว่าความร้อนใจที่เป็นห่วงบุตรสาวมันรู้สึกร้อนรุ่มในอก ในช่วงต้นยามจื่อ (ราว ๆ ห้าทุ่ม) ก็เดินทางออกจากบ้าน กว่าจะถึงหมู่บ้านเถียนเกา ก็เป็นยามเช้าของอีกวัน ด้วยเพราะความชราของทั้งคู่กอรปกับเดินทางในตอนกลางคืนยิ่งทำให้การเดินทางล่าช้าออกไปอีกสายตาดูแคลนของคนตระกูลจูเกิดขึ้นพร้อมกันโดยทันที เมื่อสองผู้เฒ่าตระกูลฉินไม่มีแม้แต่เกวียนลากใด ๆ มา แต่กลับเป็นรถเข็น
ตอนที่[13]หย่าขาดด้านหัวหน้าผู้บ้านอย่างสวีหุ่ย เมื่อเห็นว่าหญิงชรายากจนจากตระกูลฉินกำลังจะลากบุตรสาวของตนเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รีบเอ่ยขึ้น “หากจะหย่าก็รีบเถิด ข้ามีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ” “นั่นสิ จะหย่าก็รีบหย่าเถิด ไร้ประโยชน์เช่นนั้น จะอยู่ให้เป็นภาระของสามีเพื่ออันใด” หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยขึ้น จากนั้นก็มีการกล่าวขึ้นตาม ๆ กัน ที่พวกเขาทำเช่นนี้นั่นก็เพราะต้องการเอาใจหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง ระหว่างนั้นจูกุ้ยหยวนค่อย ๆ กวาดสายตามองหน้าทุก ๆ คนแล้วจดจำเอาไว้ หมู่บ้านเถียนเกาไม่มีดีเลยสักคน!!ด้านสองผู้เฒ่าตระกูลจูได้ยินดังนั้นก็หันไปมองบุตรชาย เขาก็รีบหันไปมองสวีต้าต่านให้รีบเอาหนังสือหย่าที่เตรียมไว้สองฉบับออกมา ทั้งยังมีจดหมายที่กล่าวว่า ‘จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก’ มาด้วย กว่าวคือนั่นเรียกว่า ‘หนังสือตัดขาด’ ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะนางจงซื่อและสามีกลัวว่าสองผู้เฒ่าตระกูลฉินอาจจะหวนกลับมาหาพวกเขาเพื่อเรียกร้องเอาค่ารักษาของสามแม่ลูกนั่นอีกด้วยก็รู้ว่าอาการของทั้งสามเป็นอย่างไร นี่จึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม “ประทับลายมือไปลงไปเสียสิ” นางจงซื่อกล่าวบอกผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสะใภ้ให้รีบปร
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ