ตอนที่
[3] ไม่ยินยอม จูหมิงยู่โวยวายขึ้นเมื่อเห็นอาหารที่บุตรสาวเตรียมไว้ให้ ที่ดูแล้วราวกับอาหารหมูก็ไม่ปาน ข้าวต้มที่เป็นปลายข้าวอันประกอบด้วยเม็ดที่แตกหัก ผสมกับผักสับที่ไม่ดูน่ากินสักนิด และที่สำคัญไม่มีเนื้อสัตว์ติดมาแม้แต่น้อย! นอกจากหน้าตาจะแย่แล้ว รสชาติยังแย่ยิ่งกว่า แม้แต่คนยากจนที่สุดในหมู่บ้านก็เห็นทีว่าคงได้กินอาหารที่ดีกว่านี้ อีกทั้งวันนี้เขาพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้าน ไหนจะบุตรสาวคนใหม่อีก นี่ไม่ควรเป็นอาหารที่ใช้ในการต้อนรับเลยสักนิด คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมจะไปสอบถามบุตรสาวว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร แต่เดินออกไปไม่ทันไรก็พบกับจูกุ้ยหยวนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว “เจ้าอยู่ตรงนี้พอดีเลย ไหนบอกข้าว่าเหตุใดจึงทำอาหารเช่นนั้นให้กับข้าและคนอื่น ๆ กิน!” “ท่านพ่อคิดว่าบ้านเราร่ำรวยมากหรือ เดิมทีอาหารก็มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งมีคนเข้ามาเพิ่มอีก จะให้กินดีขึ้นได้อย่างไร” กล่าวจบก็ปรายตามองไปที่สองคนด้านหลังบิดา “หากไม่มีเหตุใดไม่บอกข้า ทำอาหารห่วยแตกเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร” จูหมิงยู่เข่นเขี้ยว “ท่านมีเงินหรือ ท่านมีได้อย่างไร ในเมื่อบ้านนี้มีแต่ข้ากับพี่ใหญ่ที่มีหน้าที่หาเงิน หากท่านมีเหตุใดก่อนหน้าจึงไม่เอาออกมา ปล่อยให้ข้ากับพี่ใหญ่ลำบากหาเงินเช่นนั้นได้อย่างไร เหตุใดจึงเพิ่งจะเอาออกมาใช้ยามนี้!!” “จูกุ้ยหยวน!!” จูหมิงยู่ที่เถียงอันใดบุตรสาวไม่ทันจึงได้แต่ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “ไม่รู้ล่ะ เจ้าทำให้พวกข้าเช่นนี้ ข้าจะไปดูว่าพวกเจ้ากินเช่นนี้ด้วยหรือไม่” ไม่รอช้า เขารีบเดินไปยังทิศทางห้องเล็กของสามแม่ลูกทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าจูกุ้ยหยางกำลังป้อนข้าวต้มให้มารดาอยู่ บุตรชายผงะทันทีเมื่อพบกับใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของบิดา “นี่อย่างไร ข้าวต้มขาว ผัดผักเป็นชิ้นเป็นอัน ไหนจะเนื้อแห้งนั่นอีก” จูหมิงยู่ไม่ได้สนใจภรรยาผู้เจ็บป่วย แต่กลับมองที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ เท่านั้น “พวกข้าทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย อาหารเพียงเท่านี้ยังไม่นับว่าดีด้วยซ้ำ” “นี่มันอันใดกันหยวนเออร์” จูกุ้ยหยางรีบลุกขึ้นมาหาน้องสาวพร้อมถามไถ่ความเป็นมา พลางคิด ‘หรืออาหารที่น้องสาวทำจะมีปัญหา’ “จะอะไรอีก ก็น้องสาวเจ้าทำอาหารที่ไม่ควรให้คนกินไปให้พวกข้าน่ะสิ นางจงใจกลั่นแกล้งพวกข้า!” กล่าวแล้วก็หันขวับมองบุตรสาว “ท่านพ่อ หยวนเออร์มิได้มีเจตนาเช่นนั้น” “ข้าว่านางตั้งใจ! จูกุ้ยหยวน เจ้าบอกข้ามา ว่าทำเช่นนี้เพราะเหตุใด!” จูกุ้ยหยวนยังไม่ได้ทันได้ตอบอันใด ด้านหลังของบิดาก็มีเสียงสะอึกสะอื้นเกิดขึ้น “ต่านเออร์ เจ้าเป็นอันใดกัน” จูหมิงยู่ที่เมื่อครู่มีใบหน้าถมึงทึงรีบเปลี่ยนอากัปกิริยาเพื่อไปปลอบใจภรรยาคนใหม่ของตนทันที “ท่านพี่ หยวนเออร์คงไม่ชอบข้า นางเลยทำเช่นนี้ ฮึก” กล่าวแล้วก็ซบลงที่อกของสามีของตนอย่างน่าสงสาร พลางดึงบุตรสาวของตนเข้ามาร่วมวงด้วยกัน ดูแล้วดูเป็นครอบครัวที่น่าอบอุ่นยิ่ง จูกุ้ยหยวนเบ้หน้า ในขณะที่นางฉินซื่อกำหมัดแน่นทั้งน้ำตาคลอที่เห็นภาพบาดตาบาดใจ เมื่อปลอยภรรยาให้สงบแล้ว จูหมิงยู่จึงหันไปกล่าวกับจูกุ้ยหยวน “เจ้ารีบขอโทษท่านน้าสวีเสีย หากเจ้าไม่ได้ไม่ชอบนาง ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ” “เหตุใดข้าต้องขอโทษนางด้วย เพราะข้าไม่ชอบนางจริง ๆ” แต่บุตรสาวกลับโต้กลับอย่างไม่ยินยอม “นี่เจ้า...” เมื่อเถียงอันใดไม่ได้จึงหันไปกล่าวกับภรรยาและบุตรสาวคนใหม่ “ต่านเออร์ เหมยเออร์ เราไปกินอาหารดี ๆ ที่อื่นดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปจูกุ้ยหยวนจึงกล่าวขึ้นอีกประโยค “อ้อ และครั้งหน้าหากอยากกินอาหารดี ๆ ก็ไปซื้อมาเองและจะดีมากหากทำกินเองด้วย เพราะข้าและพี่ใหญ่ไม่ใช่คนรับใช้ของใคร!” “นี่เจ้า...นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” จูหมิงยู่ทนไม่ไหวผรุสวาทออกมาอีกรอบ “แล้วท่านไม่ใช่พ่อข้าหรือ!” แต่มิหรือนางจะยอม นางตอบกลับทันควันเช่นกัน “ฮึ่ม!!” ด้านผู้เป็นบิดาเมื่อทำอันใดไม่ได้ก็รีบพาภรรยาและบุตรสาวคนใหม่กระทืบเท้าเดินออกไปทันที “หยวนเออร์ เหตุใดจึงทำเช่นนั้น....” “หากท่านจะว่าอันใดข้า รีบไปปลอบใจท่านแม่จะดีกว่า ว่าอย่าเสียน้ำตาให้กับคนเช่นนั้นมากเกินไป” จูกุ้ยหยางคราแรกจะสอบถามน้องสาว แต่ทว่าสุดท้ายก็หันไปตามคำกล่าวของอีกฝ่าย แล้วก็พบกับมารดาที่นอนนิ่งพร้อมกับที่ดวงตาแดงก่ำ ด้านจูกุ้ยหยวนนางไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว จึงได้แต่ออกไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่หน้าบ้าน ที่จริงการทะลุมิติมาอยู่ต่างโลกเช่นนี้ หากอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี มันก็ไม่มีปัญหา แต่นี่ทั้งครอบครัวมีปัญหา การเป็นอยู่ที่ลำบาก มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก นางเคยอ่านพวกนิยายทะลุมิติ นางเอกล้วนแต่มีตัวช่วยกันทั้งนั้น แต่นี่นางอยู่มาหลายวันไม่เห็นมีอันใดเลย ยิ่งมองมือตนเองที่ยามนี้หยาบกร้านเพราะทำงานหนักก็ยิ่งถอนหายใจ หนทางการจะพามารดาและพี่ชายออกไปจากชีวิตเช่นนี้เห็นทีจะยากเหลือเกิน ยิ่งนางเป็นสตรีเช่นนี้อีก.... เมื่อครู่นางเห็นสายตาสตรีผู้นั้นกับบุตรสาวของนาง นับว่าไม่ธรรมดาเลยสักนิด ราวกับมีแผนการบางอย่าง แน่นอนว่าหลังจากที่เมื่อวานทั้งสามออกจากบ้านไปก็ไม่ได้กลับบ้านเลยทั้งคืน นางเองก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะไปที่ใด ดีเสียอีกจะได้นอนพักผ่อน ไม่มีคนอยู่ให้รำคาญใจ สงสารก็แต่มารดาที่นอนไม่หลับทั้งคืน ด้วยรอคอยบิดาผู้ที่ออกไปเสวยสุขกับเมียน้อยอยู่ที่อื่น หลังจากที่กินอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว นางก็ออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้าน บ้านหลังนี้ดีหน่อยที่มีต้นไม้อยู่หนึ่งต้นพอให้ได้มีร่มเงา ส่วนพี่ใหญ่เขาไม่เคยหยุดนิ่งสักวัน แม้ยังไม่ถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิตเขาก็ยังออกไปดูนาข้าวอยู่ทุกวัน วันนี้นางจึงอยู่กับมารดาสองคน ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิดถึงการดำเนินชีวิตในอนาคตข้างหน้า ที่หน้าบ้านก็ปรากฏร่างหนึ่งที่กำลังยืนส่งรอยยิ้มอย่างใสซื่อมาให้นาง ทั้งยังเอ่ยเรียกอีก “อาหยวน”ตอนที่[4]สอบถามข้อมูลผู้ใดกัน เป็นเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับร่างนี้ รูปร่างผอมบางออกไปทางผอมมาก เช่นเดียวกับจูกุ้ยหยวนในยามนี้เช่นกัน สวมอาภรณ์ซีดเซียว ผิวพรรณไม่เกลี้ยงเกลาเท่าใดนัก หน้าตาท่าทางดูใสซื่อออกไปทางซื่อบื้อชวนน่ารังแกมาก กล่าวคือเป็นเด็กสาวชาวบ้าน ระหว่างที่นางกำลังคิดว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด ในสมองก็คล้ายก็มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นทันที เสี่ยวจวนที่แท้เด็กสาวผู้นี้ก็คือสหายเพียงผู้เดียวของจูกุ้ยหยวน คู่หูซื่อบื้อที่ไม่สู้คน เก่งแต่เรื่องทำงานหนักทั้งยังถูกคนเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เสี่ยวจวนอยู่กับมารดาเพียงสองคนเพราะบิดานั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ชีวิตแม่หม้ายลูกติดนั้นไม่ง่าย ยิ่งแม่หม้ายผัวตายยิ่งถูกชาวบ้านว่าร้ายไปต่าง ๆ นานา มารดาของเสี่ยวจวนหรือนางเจิงซื่อ ซึ่งจูกุ้ยหยวนมักจะเรียกอีกฝ่ายว่าท่านน้าเจิงซื่อ แท้จริงแล้วท่านน้าเจิงซื่อก็เป็นสหายของมารดาของนาง ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ แต่เพราะว่าบิดานางกล่าวว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายมาที่บ้านเท่าใดนัก เพราะฉายาของอีกฝ่ายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็นสตรีกินผัวหากมาบ่อยเกรงว่าจะเป็นกาลกิณีต่อครอบครัว ซึ่งนางคิดว่าเรื่องนี้เป็นเร
ตอนที่[5]แผนการชั่วร้าย เสี่ยวจวนก็คือเสี่ยวจวนสงสัยแต่ก็ไม่ได้สอบถามอันใด ทั้งยังว่าง่าย บอกให้พาไปที่ใดก็ไป ที่นางอยากไปบ้านของผู้นำหมู่บ้าน นางเพียงมีลางสังหรณ์ว่านางจะได้รู้อะไรบางอย่างที่นั่น เมื่อไปถึงจูกุ้ยหยวนก็ลอบมองอยู่ด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าสวีต้าต่านและสวีอ้ายเหมยอยู่ที่นั่น นางจึงพาเสี่ยวจวน ลอบไปแอบฟังอยู่บริเวณที่ใกล้กับสองคนนั้นให้มากที่สุด เมื่อได้ที่เหมาะ ๆ แล้ว นางจึงเอานิ้วมาจุ๊ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกเสี่ยวจวนว่าให้เงียบที่สุด อย่าพูดอันใด อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ดูเหมือนว่าในห้องนี้จะไม่ได้มีแค่สองแม่ลูก ยังมีผู้นำหมู่บ้านเช่นผู้เฒ่าสวี และนางกัวซื่อ บิดามารดาของสวีต้าต่าน “ข้าคงห้ามปรามเรื่องเจ้ากับบุรุษไม่เอาไหนผู้นั้นไม่ได้แล้ว ได้ข่าวว่าเมื่อคืน เจ้าไม่ได้นอนที่บ้านหลังนั้นหรือ” เสียงผู้เฒ่าสวีเอ่ยขึ้น“ไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้กิน ต้องไปกินข้าวที่อื่น”“เพราะเหตุใดกัน” ครานี้นางกัวซื่อเอ่ยถามบุตรสาว “จะอย่างไร ก็เพราะนังเด็กเวรนั่นน่ะสิ ร้ายนัก ทำอาหารหมูมาให้ข้ากับเหมยเออร์กิน”“เจ้าหมายถึงบุตรสาวคนเล็กของจูหมิงยู่น่ะหรือ เด็กคนนั้น มิ
ตอนที่[6]หมดความอดทนห้าวันที่ผ่านมา นางแทบอดใจที่จะกระโดดขาคู่ถีบสองแม่ลูกนั่นไม่ไหว ตั้งแต่ได้ยินแผนการเลวทรามนั่นนางก็มักจะคิดถึงน้ำเสียงอันน่าหมั่นไส้ในวันนั้น แต่ก็ยังทำอันใดไม่ได้ ทั้งวันนี้นางยังต้องมาเกี่ยวข้าวอีก เกี่ยวข้าวเพื่อให้คนมาเอาเปรียบ! แล้วถามว่านางเคยเกี่ยวข้าวมาก่อนหรือไม่ นางไม่เคยทำแม้แต่น้อย!!และยิ่งไม่อยากจะทำเมื่อนึกถึงว่าข้าวที่ต้องเกี่ยวเหล่านี้ต้องแบ่งให้คนอื่นจนแทบไม่เหลือนางก็ยิ่งไม่อยากทำ มารดา พี่ใหญ่และจูกุ้ยหยวนคนเก่าทนมาได้อย่างไรตั้งหลายปี ในความทรงจำของนาง ครอบครัวท่านปู่ลุงใหญ่และลุงรอง ไม่เคยมาดูดำดูดีแม้แต่น้อย ยิ่งในวันเก็บเกี่ยวเช่นนี้ แต่วันใดที่เก็บเกี่ยวเสร็จจนได้ข้าวที่สวยงามแล้ว เมื่อนั้นพวกเขาจะมาถามหาส่วนแบ่งหรือที่กล่าวว่าเป็นค่าเช่าที่ทันที แต่หากไม่ทำอันใดเลย สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ เพราะไม่มีอาหารกิน ทั้งไม่มีเงินในการจับจ่ายใช้สอย เพราะผู้เป็นผู้นำครอบครัวนั้นไม่ทำอันใดเลย นางได้แต่ครุ่นคิดว่ามารดาชื่นชอบคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอันใดดีเลยแม้แต่น้อย “หยวนเออร์ นี่เคียวของเจ้า” จูกุ้ยหยางรู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้น
ตอนที่[7]มิติลึกลับเสียงผู้ใดกัน และเมื่อนางหันกลับไปมองก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม“นะ นี่”มะ..หมีขาว...พูดได้! “เสี่ยวหลงรอนายหญิงตั้งนาน กว่านายหญิงจะหาทางเข้ามาได้ ส่งสัญญาณไปก็แล้ว” เขากล่าวอันใด ส่งสัญญาณอันใด ไม่รอให้นางสงสัยสิ่งใด เขาก็พยักพเยิดที่ข้อมือของนาง“นายหญิงไม่รู้สึกว่าช่วงนี้มีอันใดแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ข้อมือหรือ”ข้อมือเช่นนั้นหรือถึงว่า....ช่วงนี้นางรู้สึกตุบ ๆ ที่ข้อมือบ่อย ๆ เป็นเขาที่ส่งสัญญาณหานางหรือ“ว่าแต่เจ้าคือตัวผู้หรือตัว...”“ตัวผู้อันใดขอรับ เสี่ยวหลงเป็นบุรุษขอรับ!” เจ้าหมีขาวทำหน้ามุ่ย นี่มันเกิดเรื่องอัศจรรย์พันลึกอันใดกับนาง มาเจอหมีพูดได้ ทั้งยังถูกหมีงอนอีก ไหนจะมาอยู่ในสถานที่ใหม่ในชั่วพริบตา “ว่าแต่.... ที่นี่คือ.....”แต่เดี๋ยวนะ! นางว่านางรู้จักที่นี่นะ... นะ..นี่มันห้างเวลล์ ที่คานล้มลงมาทับนางจนตายนี่!! คิดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เหตุการณ์ตอนนั้นน่ากลัวไม่น้อย ตอนที่ทุกอย่างกำลังจะพังลงมา... “ที่นี่ปลอดภัยขอรับนายหญิง” ก่อนที่นางจะคิดไปไกลเสียงด้านข้างก็ดังขึ้น “จริงหรือ” นางหันไปมองเขาด้วยสายตาหวาด ๆ “ที่นี่คือมิติวิเศษของนายหญิง ท
ตอนที่[7]มิติลึกลับนางเดินออกไปจุดเดิมไปเพื่อไปยังจุดใหม่ หรือที่เสี่ยวหลงเรียกว่า โซน ‘แพทย์อัจฉริยะ’ ในนั้นมี ‘เครื่องรักษาตน’ ที่เสี่ยวหลงบอกว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ แต่ที่นางเห็นคือมันเป็นคล้ายเครื่องสแกนร่างกายในโลกก่อน แต่ว่าเป็นแบบนั่งและมีกระจกใส ไม่สิมองแล้วเหมือนที่นั่งในยานอวกาศมากกว่า“นายหญิงเข้าไปนั่งได้เลยขอรับ” จู่ ๆ เสี่ยวหลงก็กล่าวขึ้น แม้ว่านางจะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปนั่งลงบนเครื่องรักษาตนที่ว่า ด้วยรู้สึกไว้ใจในสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและห่วงใยของเสี่ยวหลง “จากนั้นก็วางแขนไว้ที่แท่นได้เลยขอรับ” นางมองที่พักแขนแล้วก็วางแขนลงไป จากนั้นกระจกก็ปิดตัวลงทันที แต่ทว่ายังได้ยินเสียงของเสี่ยวหลงที่กำลังพูดที่ด้านนอก“ขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจหาอาการบาดเจ็บหรืออาการเจ็บป่วยแล้วทำการรักษาขอรับ นายหญิงไม่ต้องกลัว จะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น” คล้ายกับว่าเขาจะรู้ว่านางกลัวสิ่งใด เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น จึงได้แต่นั่งเอนไปด้านหลังอย่างสบาย ๆ จนกระทั่งมีแสงวูบวาบเกิดขึ้นเป็นระยะ จากนั้นไม่นานกระจกก็เปิดขึ้น พร้อมกับอาการปวดที่ข้อมือก็
ตอนที่[8]ข้อจำกัดใช่แล้ว! ก่อนนางมาที่นี่ พี่ใหญ่กำลังเดินมาหานาง แล้วนี่นางมาอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว เขาจะตกใจหรือไม่ที่จู่ ๆ นางก็หายไป “นายหญิงไม่ต้องกังวลขอรับ” “หืม เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ในมิติแห่งนี้ สามารถปรับเวลาได้ว่าจะให้เวลาเท่ากันกับโลกภายนอกหรือไม่ หรือจะแตกต่างกันเท่าใด วันนี้ตอนที่นายหญิงเข้ามา เสี่ยวหลงได้ถือวิสาสะปรับเอาไว้แล้ว ไม่ว่านายหญิงจะอยู่ที่นี่นานเพียงใด แต่เวลาด้านนอกจะเป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นขอรับ ไม่ต้องกลัวว่าพี่ใหญ่ของนายหญิงจะตกใจนะขอรับ” “เป็นเช่นนั้นหรือ ค่อยโล่งอกไปที” ถ้าอย่างนั้นนางก็กินหมูกระทะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจสินะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และเริ่มจัดการหมูกระทะตรงหน้าต่ออย่างมีความสุข ทั้งยังคีบให้เสี่ยวหลง คราแรกเขาปฏิเสธทั้งยังกล่าวว่า เขาไม่จำเป็นต้องกินสิ่งใดก็อยู่ได้ แต่เมื่อนางคะยั้นคะยอให้เขากิน เขาก็จำใจต้องกิน คำแรกนั้นดูจำใจ แต่คำต่อไปไม่ต้องกล่าวอันใดเขาก็คีบกินด้วยตัวเอง นางแทบจะหลุดขำออกมา ยามนี้นางกำลังดูหมีกินหมูกระทะ!“นายหญิง นี่ช่างเป็นอาหารที่อร่อยยิ่ง นายหญิงสุดยอดยิ่งนัก” กล่าวแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแ
ตอนที่[8]ข้อจำกัด “แต่หากนายหญิงเข้ามาในนี้ นายหญิงสามารถใช้อุปกรณ์และกินอาหารที่อยู่ในนี้ได้นะขอรับ” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังไม่ดีขึ้น เสี่ยวหลงจึงกล่าวต่อ “และนายหญิงสามารถพาท่านแม่และพี่ใหญ่ของนายหญิงหรือคนอื่น ๆ ที่นายหญิงต้องการ กินเข้ามากินอาหาร หรือมาใช้บริการที่นี่ได้นะขอรับ” จูกุ้ยหยวนหันขวับทันที “จริงหรือ” เมื่อเห็นสีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เสี่ยวหลงก็ยิ้มกว้างและกล่าวต่อไปอีกว่า “สามารถใช้ได้ทุกส่วนเลยขอรับ ทั้งบ้านจำลอง โซนอาหาร แม้กระทั่งใช้เครื่องรักษาตนก็สามารถใช้ได้ เครื่องนั้นแม้จวนจะสิ้นลมก็สามารถรักษาได้”“ดีจริง!” เช่นนั้น ท่านแม่ของนางก็มีโอกาสหายป่วยแล้วสินะ และไม่ว่าผู้ใดเจ็บป่วยก็สามารถพามารักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งจะได้กินอาหารดี ๆ และได้อยู่ที่ดี ๆ เช่นบ้านจำลองด้วย ในระหว่างที่กำลังสร้างฐานะที่โลกของความที่นี่จะเป็นประโยชน์กับนางมาก แม้จะไม่สามารถนำวัตถุดิบหลายอย่างออกไปได้ แต่นางคิดว่าสามารถสร้างขึ้นได้จากโลกภายนอก และวัตถุดิบหลัก ๆ ส่วนมากก็จะเป็นเครื่องปรุงที่น่าจะหายากในโลกข้างนอกนั่นต่างหาก “ว่าแต่ ข้าสามารถเอาเตากับกระทะย่างออกไปได้หรือไม่
ตอนที่[9]เห็นดีเห็นงาม เมื่อเห็นว่าถามมารดาอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาแดงก่ำเช่นนั้น นางจึงส่งกระแสจิตไปถามเสี่ยวหลงที่อยู่ในมิติว่าเกิดอันใดขึ้น และเมื่อได้รับนางคำตอบเลือดก็ขึ้นหน้าทันที บิดาทำเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเป็นสามีที่ชั่วช้านัก! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ และอีกอย่างหากไม่รีบทำอันใด นางก็คงถูกขายออกไปและหลังจากนั้นอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร นางไม่อยากจะคิด แม้พี่ชายนางจะรักท่านแม่ แต่ด้วยความยอมคนเช่นนั้น ก็คงจะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ตลอดไป “ท่านแม่ ท่านคิด จะหย่ากับท่านพ่อบ้างหรือไม่” “ยะ...หยวนเออร์ เหตุใด จึงถามแม่เช่นนั้น...”จูกุ้ยหยวนเอ่ยถามมารดาขณะที่ยามนี้พี่ชายไปทำอาหารอยู่ที่ห้องครัว คำถามนี้ไม่ใช่การลองใจแต่เป็นการอยากรู้ถึงจิตใจว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดถึงเพียงนี้แต่เคยคิดถึงเรื่องหย่าบ้างหรือไม่ นางฉินซื่อมองบุตรสาวที่กำลังมองมาที่ตนอย่างรอคอยคำตอบก็เม้มปากทันที “ข้ารู้ว่าท่านรักท่านพ่อ แต่ยามนี้มันสมควรเพียงพอแล้วมิใช่หรือท่านแม่” “มันไม่ใช่เรื่องง่าย....” ด้วยยามนี้ตนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งหากหย่าแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ดูอย่างสห
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ