"แต่ข้า...ข้าไม่มีกระดาษติดตัวมาเลย ข้าเขียนไม่ได้...""ข้าเอามาด้วย"ซูชิงอู่หยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกออกจากอาภรณ์เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใส่อะไรไว้มากนัก แต่นางก็มีข้าวของมากมายอยู่ในอาภรณ์นั้นเขาไม่รู้ว่านางเอาขวดและของทั้งหมดไปใส่ไว้ที่ส่วนใดเย่ชิวหมิงไม่อาจรอช้าได้ เขาจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มเขียนทันทีไม่ไกลนัก เย่เสวียนถิงก็เห็นภาพนี้ด้วยตาของเขาเอง รูม่านตาเขาขยายออก ตกใจกับการกระทำของซูชิงอู่เช่นกันแต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นปกติ นิ้วของเขาจับเชือกไว้แน่น คิ้วและดวงตาเขาลดลงราวกับจมอยู่ในห้วงความคิดเย่ชิวหมิงยื่นกระดาษที่เขาเขียนพร้อมลงนามแล้วให้กับซูชิงอู่ นางเก็บกระดาษแผ่นนั้นไปอย่างระมัดระวัง“เอาล่ะ ไปขอโทษท่านอ๋องเสีย”เมื่อชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของใครบางคน เย่ชิวหมิงจึงต้องก้มหัวเจียมตัว เขาเดินไปหาเย่เสวียนถิง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ เขาก้มศีรษะและโค้งคำนับ "น้องรอง... ข้าขอโทษ"ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงเย็นชาของซูชิงอู่ก็ดังมาจากด้านหลัง"คุกเข่า"ขาของเย่ชิวหมิงอ่อนแรง เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันทีราวกับว่าสิ่งที่ซูชิงอู่พ
เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังมาจากพื้นที่ล่าสัตว์ เย่เสวียนถิงกำลังจะไปที่นั่นทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็มืดลง แม้ว่านางจะคาดเดาไว้แล้วว่ากลุ่มกบฏจะมาลอบสังหารพวกเขาในระหว่างการล่าสัตว์ครั้งนี้ แต่นางก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาจะมาเร็วถึงเพียงนี้!แม้ว่าแคว้นหนานเย่จะดูสงบสุขจากภายนอก แต่เบื้องหลังกลับมีคลื่นใต้น้ำรุนแรง กลุ่มกบฏมักจะก่อปัญหาในสถานที่ต่าง ๆ อ้างการฟื้นคืนราชวงศ์ก่อนหน้านอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ลอบสังหารไว้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อีกไม่นาน ฮ่องเต้องค์ก่อนจะมัวเมาในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุของราชครู*(ปรมาจารย์)จากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากเขาไม่ได้ว่าราชการมาเป็นเวลานานแล้ว สถานการณ์ภายในแคว้นจึงตึงเครียดและเข้าขั้นวิกฤตเป็นอย่างมาก มากเสียจนเย่เสวียนถิงต้องนำกองกำลังทหารไปปราบการกบฏเพื่อประชาชนในแคว้นหนานเย่เองนี่เป็นเหตุผลหลักว่าเหตุใดนางจึงได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นในภายหลังซูชิงอู่วาดปลายนิ้วออกคว้าเย่เสวียนถิงไว้“เสวียนถิง มีปรมาจารย์มากมายคอยคุ้มครองฮ่องเต้อยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้อ
เย่ชิวหมิงอุทาน “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงกล้าหาญได้เพียงนี้? จะเป็นเช่นไรหากนางแก้เชือกที่มัดเสือออกแล้วทำให้มันคลุ้มคลั่งจนทำร้ายผู้คน!แม้แต่เขายังสู้กับเสือดุร้ายตัวนี้ไม่ได้ แล้วซูชิงอู่ที่เป็นเพียงสตรี…เย่ชิวหมิงหดคอเขาลืมไปได้เช่นไร?!เขาเพิ่งได้รับการสั่งสอนจากสตรีซูชิงอู่ผู้นี้ไปเองเป็นเพราะรูปลักษณ์ของซูชิงอู่นั้นเหลือเชื่อเกินไป นางมีความงามที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนมากกว่าสตรีทั่วไปลักษณะใบหน้า รูปร่าง หรือส่วนสูงของนางนับว่าไร้ที่ติดวงตาสีลูกท้อของนางกลมโต คิ้วโก่งดั่งคันศร ผิวขาวราวเปลือกไข่ ผมสีดำขลับจัดทรงอย่างประณีตและมัดเป็นมวยอ่อนโยนที่ด้านหลังของศีรษะ…นางสวมอาภรณ์สีขาวโอบรอบเรือนร่างอันเพรียวบางและสง่างามของนาง อีกทั้งยังมีเสน่ห์แห่งความงามอันอ่อนช้อยตั้งแต่การเดิน การนั่ง ตลอดจนท่วงท่าการนอนเสือขาวหลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นซูชิงอู่ตบหัวเสือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ลุกขึ้น อย่ามาแกล้งตาย!"ดวงตาของเย่ชิวหมิงเบิกกว้าง และเห็นว่าเมื่อซูชิงอู่พูดจบ เสือขาวก็ยกแขนขาของมันขึ้นจากพื้นและยืนขึ้นทั
ม้าส่งเสียงร้อง และกลุ่มชายชุดดำก็พรั่งพรูเข้ามาในพื้นที่ล่าสัตว์คนเหล่านี้ถืออาวุธที่ซ่อนอยู่ เหล่าทหารองครักษ์ธรรมดาต่างก็ถูกฆ่าก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้ามาใกล้เสียด้วยซ้ำเสียงตะโกนของการสังหารยังคงดำเนินต่อไป ทหารองครักษ์ก็รีบรุดไปข้างหน้าทีละคนเพื่อต่อต้านการโจมตีของกลุ่มกบฏเหล่านี้ฮ่องเต้และฮองเฮาตลอดจนเหล่านางสนมก็ได้รับการคุ้มครองจากฝูงชนในเวลานี้ และองครักษ์หลายคนก็พารถม้าของราชวงศ์ไปยังพระราชวังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ล่าสัตว์เห็นได้ชัดว่าภูมิประเทศนั้นง่ายต่อการป้องกันแต่ถูกโจมตีได้ยาก ที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเป็นพิเศษใบหน้าของฮ่องเต้ดูไม่ได้ เขามองไปรอบ ๆ ด้วยริมฝีปากที่เม้มแน่น“เย่เสวียนถิงอยู่ที่ไหน?”ผู้นำทหารองค์รักษ์รีบตอบ "ท่านอ๋องและพระชายาเข้าไปในป่าเมื่อสักครู่นี้ พวกเขาคงจะอยู่กับองค์ชายใหญ่"“ให้เขามาคุ้มกันข้าทันที!”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งคนไปตามท่านอ๋องเดี๋ยวนี้!”เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้และคณะของเขาอยู่ไม่ไกลจากพระราชวัง ทันใดนั้นชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็รีบวิ่งออกมาจากทางลาดครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขาชายชุดดำกลุ่มนี้เข้ามาอย่างกะทันหันราวกับว
“เสด็จพ่อ โปรดยกโทษให้กระหม่อมที่มาช้าด้วย!”สีหน้าของฮ่องเต้อ่อนลง เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เย่เสวียนถิงเบา ๆ“เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ข้าและเหล่านางสนมทุกคนปลอดภัยดี”องครักษ์ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้นำในการพานางสนมไปยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวโดยออกจากสถานที่แห่งนี้ บางคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาสองสามครั้งเมื่อเห็นศพเปื้อนเลือดอยู่บนพื้นหลังจากที่คนเหล่านั้นไปเกือบหมดแล้ว คนอื่น ๆ ก็เริ่มทำความสะอาดสนามรบฮ่องเต้รู้สึกโล่งใจชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเหล่าชายชุดดำนั้นตายหมดแล้ว“เสวียนถิง อย่าลืมเก็บกวาดมือสังหารเหล่านี้ จะเป็นการดีหากเจ้าไม่ไว้ชีวิตใครไปแม้แต่คนเดียว!”เย่เสวียนถิงกล่าวว่า "กระหม่อมจะเชื่อฟังเสด็จพ่อ!"ดวงตาของฮ่องเต้มืดมน เขาพูดขึ้นว่า "กลุ่มกบฏนี้กล้าหาญจริง ๆ พวกมันกล้ารวมตัวกันใกล้เมืองหลวง ความรับผิดชอบในการกำจัดกบฏเหล่านี้ภายในเมืองหลวงก็เป็นหน้าที่ของเจ้าเช่นกัน เจ้าจงจำไว้ว่า ฆ่าพวกมันอย่างไม่ตั้งใจดีกว่าปล่อยไปให้มีชีวิตรอด!”เย่เสวียนถิงลดสายตาลง เขาไม่พูดอะไรอีกหลังจากได้ฟังคำแนะนำของฮ่องเต้แต่ทันใดนั้นเจ้าสิบเจ็ด ซึ่งกำลังจะลากศพขึ้นจากพื้นก็เบิกตากว้า
ทันใดนั้นสีหน้าของเย่เสวียนถิงก็เปลี่ยนไป หัวใจของเขาจมลึกลงสู่ก้นบึ้งเขาผิดหรือเปล่า เขาไม่ควรเชื่อคำพูดของซูชิงอู่ใช่หรือไม่?นางปรารถนาให้เขาตายมาโดยตลอด แล้วเหตุใดนางจึงให้ยายืดอายุขัยแก่เขาไว้?จู่ ๆ หัวใจของเขาก็ตึงเครียด เย่เสวียนถิงตระหนักได้ทันทีว่าเขาไม่อาจทนต่อผลลัพธ์เช่นนั้นได้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเล็กน้อย เขาพยายามปิดรูขนาดใหญ่บนร่างขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดอย่างรวดเร็ว เขาพยายามยืดเวลาออกไปให้นานที่สุดในขณะนี้ หัวใจของเขารู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขาคือเสียง ใบหน้า และรอยยิ้มของซูชิงอู่ เขาอดยิ้มอย่างขมขื่นในใจไม่ได้ ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เขาก็ตกสู่หลุมพลางอันแสนอ่อนโยนของนางอย่างสมบูรณ์องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็บตัวสั่นเล็กน้อย เขาพ่นเลือดสีดำในปากออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าการมองเห็นที่พร่ามัวของเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นความเหนื่อยล้าทางร่างกายและความรู้สึกที่กำลังจะถูกทำลายโดยพิษก็หายไปสีหน้าของเขาเฉื่อยชาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปมองเย่เสวียนถิงดวงตาของเย่เสวียนถิงเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับมีเหว
ม่านตาของเย่เสวียนถิงแคบลงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นอีกครั้งและรีบไปที่อื่นอย่างรวดเร็วในเวลานี้ซูชิงอู่กำลังเดินอยู่บนภูเขาลัดเลาะผ่านป่าไม้ โดยสวมอาภรณ์ของเย่ชิวหมิง นางสะพายธนูและลูกธนูขนาดใหญ่หลายอันไว้บนหลังในแต่ละครั้ง ลูกธนูที่โจมตีลงมาจากภูเขานั้นราวกับเคียวคมกริบในมือของเทพเจ้าแห่งความตาย“เป็นองค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเรา!”ใครบางคนในฝูงชนตะโกนเสียงดัง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจมีคนช่วยซูหัวจิ่นซึ่งเกือบได้รับบาดเจ็บจากการลอบสังหารเมื่อครู่นี้ โดยตบฝุ่นบนร่างกายของเขาแล้วถามด้วยความห่วงใยว่า "ใต้เท้าซู ท่านบาดเจ็บหรือไม่?"ซูหัวจิ่นส่ายหน้าเบา ๆ ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวเนื่องจากหวาดกลัว"ข้าไม่เป็นไร"ชาวบ้านอีกคนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย "ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าทักษะการต่อสู้ขององค์ชายใหญ่จะทรงพลังเพียงนี้ ลูกศรสองสามลูกเมื่อครู่น่าทึ่งมาก!"ชายชุดดำที่อยู่รอบตัวพวกเขาทั้งหมดถูกสังหาร วิกฤตอันตรายของพวกเขาได้รับการแก้ไขแล้ว เสียงของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลงในที่สุดซูหัวจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เย่เสวียนถิงสงบอารมณ์ของเขาลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะปล่อยแขนออกเล็กน้อยเขาหรี่ตาหงส์แล้วพูดว่า "เจ้าบอกว่าเจ้ามียายืดอายุขัยอีกสองเม็ด เอายาออกมาแล้วมอบให้ข้า"ซูชิงอู่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย มองดูเย่เสวียนถิงอย่างไม่แน่ใจ จากนั้นนางก็กำนิ้วขึ้นเล็กน้อย“ไม่ได้ นี้คือสิ่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า ข้าไม่อาจให้ได้อีก...”เย่เสวียนถิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าชอบข้าและเต็มใจที่จะให้ข้าทุกอย่างงั้นหรือ?"ซูชิงอู่ไม่ตอบนางหันศีรษะไปทางอื่นและกำแขนเสื้อไว้แน่นเย่เสวียนถิงจ้องมองนางอย่างสงบเงียบ สังเกตการแสดงออกของนางและการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในดวงตาของนางหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นเบา ๆ "ยายืดอายุขัยไม่ได้มีสามเม็ดใช่หรือไม่?"ม่านตาของซูชิงอู่ขยายออกเล็กน้อย นางมองไปยังเย่เสวียนถิง"ข้า……"เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างจริงจัง ทำให้ซูชิงอู่กลืนคำพูดที่ไม่จริงใจของนางทั้งหมดลงไปนางพบว่าบางครั้งสัญชาตญาณของบุรุษผู้นี้ก็แข็งแกร่งจนน่ากลัวเย่เสวียนถิงเข้าใจทุกอย่างในทันที ผ่านการที่นางกำแขนเสื้อของตนเองไว้แน่น ซูชิงอู่รู้สึกว่าเอวของนางกระชับขึ้น นางถูกยกขึ้นจา
ชายบนหลังม้าตัวสูงและผิวที่เปลือยเปล่าของเขามีสีเข้มเล็กน้อย ใบหน้าของเขาคมคายและดวงตาที่เฉียบแหลม“เคยบอกว่ามีคนในเมืองหลวงเห็นเย่เสวียนถิงด้วยตาของพวกเขาเองไม่ใช่หรือ?”เหยียนจั๋วพูดเสียงเย็นและหลุบตาลงเล็กน้อย“ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ...”“หากข่าวที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ก็ว่าเป็นสถานการณ์จั๊กจั่นลอกคราบ ประการแรกคือเย่เสวียนถิงทั้งสองมีหนึ่งคนที่เป็นตัวปลอม ประการที่สองคือข่าวที่พวกเจ้าได้รับมาเป็นข่าวปลอม!”“เรียนท่านแม่ทัพ ข่าวนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอนขอรับ!”เหยียนจั๋วพยักหน้าเบา ๆ เขาเข้าใจความจริงของเรื่องนี้แล้วเขาเงยหน้ามองไปยังประตูชายแดน ขณะที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองทหารนับหมื่น ม่านตาของเขาหดตัวลงด้านหลังก็มีราชรถถูกลากออกมา และม่านก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของบุคคลที่อยู่ข้างในองค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋ตะวันตก สวมเครื่องแบบราชสำนักสีเหลืองสว่างขององค์รัชทายาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวตนของเขา เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างมาก มีรูปร่างผอมเพรียวและผิวค่อนข้างซีดเหยียนจั๋วได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้าง ๆ จึงหันกลับมาทันทีและทำความเคารพอย่างนอบน้อม “องค์รัชทายา
คนผู้นั้นถูกทุบตีจนจมูกช้ำ ใบหน้าบวม เขารู้สึกเสียใจมากคนของเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่...ขณะนั้นเอง ทหารผู้นั้นก็ได้ยินเสียงแตรดังมาจากด้านนอกนั่นคือการแจ้งเตือนในค่ายทหารว่ามีการบุกโจมตีจากศัตรู!บรรดารองแม่ทัพที่เพิ่งเดินออกไปไม่นานก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว และรีบไปที่ค่ายด้วยความตื่นตระหนก พยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบอาวุธให้เร็วที่สุดเมื่อพวกเขาออกมา เซียวเฝิงได้รวบรวมทหารทั้งหมดรออยู่ก่อนแล้วพลางมองผู้มาทีหลังด้วยสายตาเย็นชาแต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะในการฝึกช่วงนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของรองแม่ทัพเหล่านั้นคุ้นเคยกับการฟังคำสั่งของเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่แรก“เมื่อครู่หน่วยสอดแนมเพิ่งมารายงานว่ากองทัพใหญ่แคว้นอู๋ตะวันตกกำลังใกล้เข้ามา ตอนนี้พวกเขายังอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้ ทุกคนจงตามข้ามาเพื่อเตรียมการป้องกัน!”ท่านอ๋องยังไม่กลับมา ดังนั้นจึงไม่ควรออกไปล้างบางตอนนี้ ปราการเจิ้นเป่ยเป็นสถานที่อันตรายที่ป้องกันได้ง่าย แต่โจมตีได้ยาก ท้ายที่สุดแล้ว การโจมตีนั้นยากกว่าการป้องกัน“ท่านแม่ทัพเซียว ทราบหรือไม่ว่าคนเหล่านั้นคือใคร?”เซียวเฝิง
เย่เสวียนถิงตัวแข็งทื่อทันทีม้าของเขาเดินหมุนเป็นวงกลม สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความลังเลอย่างชัดเจนซูชิงอู่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และพูดว่า "ข้าสัญญากับท่านว่าจะไม่ไปสถานที่อันตราย"เย่เสวียนถิงถอนหายใจ "ค่ายทหารไม่มีกฎให้สตรีเข้าร่วม"ซูชิงอู่ยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะปลอมตัวเป็นบุรุษ"เย่เสวียนถิง "..."เมื่อนึกถึงทักษะการปลอมตัวอันยอดเยี่ยมของซูชิงอู่ เย่เสวียนถิงก็ลังเลขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสามารถของนาง คงไม่มีใครสามารถจับได้ว่านางปลอมตัวเป็นบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นการปลอมตัวหรือเปลี่ยนเสียง นางก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเย่เสวียนถิงเห็นความกระตือรือร้นในดวงตาของซูชิงอู่ พลางถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองนางอย่างจนใจและพูดว่า "ก็ได้ แต่เจ้ารับปากข้ามาก่อนว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ"ทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็ส่องประกาย "ท่านอ๋อง ไปกันเถอะ"นี่เป็นครั้งแรกที่ซูชิงอู่ไปที่ชายแดนชาติก่อนนางวางตัวเป็นกุลสตรี จึงแทบไม่ได้ออกจากเมืองหลวงเลยผู้คนนับหมื่นในเมืองฉี ก่อนหน้านี้ถูกพวกเขาพาไปอยู่เมืองอื่น และเมื่อเย่เสวียนถิงจากมาก็พาพวกเขามาด้วยอย่างน้อยผู้คนมา
นางออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ พ่อแม่ของนางเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนเหล่านั้น และนางต้องการแก้แค้นเย่เสวียนถิงเหลือบมองนาง จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ“อาอู่ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวคนเดียว ไว้รอข้ากลับมาก่อน”ตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้ แคว้นอู๋ตะวันตกก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเพียงแต่ยังไม่ทราบว่าสงครามนี้จะกินเวลานานเท่าใดเย่เสวียนถิงได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท ข่าวการกลับมาของเขาต้องแพร่กระจายออกไปแน่ สิ่งที่เขาต้องทำคือเคลื่อนไหวให้เร็วกว่าคนส่งข่าวเหล่านั้นซูชิงอู่ที่เห็นว่าเขาเปิดเผยใบหน้า นางก็รู้ได้ว่าเขากำลังจะจากไปตอนนี้ปัญหาของตระกูลเจียวได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่มีอุปสรรคในราชสำนัก และนางไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของนางและคนอื่น ๆ อีกต่อไปเย่ชิวหมิงจะนำกองทหารที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงตามล่าตระกูลเจียวที่เหลือ และนางก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงแล้ว“เสวียนถิง ท่านจะออกเดินทางวันนี้ใช่หรือไม่?”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเขาเหลือบมองลูกชายอีกสองคนแล้วเดินไป แม้เขาจะไม่ได้กอดพวกเขา แต่อย่างน้อยก็ลูบหัวพวกเขาลูกชายคนโตเหมือนเขามากกว่าใบหน้าเล็ก ๆ ที่อ้วนท้วนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแ
เย่เสวียนถิงออกบ้านมานานถึงเพียงนี้ ทำได้แค่คอยไปแอบมองเด็ก ๆ ลับหลังเท่านั้น และไม่เคยแม้แต่จะเข้าไปอยู่ใกล้เด็ก ๆ เลยคราวนี้เขาถอดหน้ากากออกเพื่อเปิดเผยตัวตน ซึ่งทำให้หลายคนในห้องตกใจอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงก้าวไปมองเย่เสวียนถิงด้วยสีหน้าตกใจซูชิงอู่เห็นเขายืนอยู่ข้างเตียงด้วยความระมัดระวัง และเห็นสายตาท่าทางของเขาที่กำลังจับจ้องไปเด็ก ๆ นางจึงยื่นตัวเจ้าหนูคนเล็กส่งให้อีกฝ่าย“มาสิ อุ้มลูกสาวท่านหน่อย”เด็กหญิงตัวเล็กผู้มีพี่ชายสองคนที่เกิดในเดือนเดียวกันหลังจากการเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่เดือน จากรูปร่างที่เล็กและบอบบางในตอนแรก นางก็กลายเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่แกะสลักด้วยหยกสีชมพูลักษณะหน้าตาของนางเหมือนซูชิงอู่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดดวงตาที่คล้ายองุ่นสีดำคู่นั้นงดงามราวกับอัญมณีที่บริสุทธิ์ที่สุดในใต้หล้าเย่เสวียนถิงรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าหนูคนเล็ก และใจของเขาก็ห่อเหี่ยวทันทีเมื่อเขานึกถึงการที่ซูชิงอู่เกือบจะประสบเหตุตอนที่นางให้กำเนิดเด็กคนนี้เขาแตะปลายจมูกของเจ้าหนูคนเล็กอย่างระมัดระวังสัมผัสที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น“ฮัดชิ่ว
เย่เสวียนถิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่ยังไว้ซึ่งท่าทีเคารพนอบน้อม “เสด็จแม่ทรงไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ”“แม่จะไม่กังวลได้อย่างไร”ซูไทเฮาตอบกลับ แต่นางก็รู้เช่นกันว่านางทำอะไรไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ากลับมาเช่นนี้ หลายคนก็น่าจะเห็นแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหากทางชายแดนได้รับข่าวหรือ?”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ "กลับมาคราวนี้ ประการแรกก็เพื่อความปลอดภัยของอาอู่ และประการที่สอง เพื่อล่องูออกจากรูและจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว ไม่สำคัญว่ากระหม่อมจะอยู่ที่ชายแดนหรือไม่ ขอเพียงกระหม่อมปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมก็พอพ่ะย่ะค่ะ”ซูไทเฮาตกตะลึง “ช่างเถอะ ข้าก็ค่อยไม่เข้าใจกลยุทธ์ในสนามรบของพวกเจ้านัก ขอเพียงพวกเจ้าทุกคนปลอดภัย ก็ดียิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว"ซูไทเฮายังไม่รู้ว่าเจียวกุ้ยเฟยทำอะไรลงไป เมื่อซูชิงอู่ตามเข้าไปข้างใน นางก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนและหลังให้ซูไทเฮาฟังเมื่อซูไทเฮาได้ยินว่าเจียวกุ้ยเฟยแอบพาสตรีนางหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ออกจากพระราชวัง และซ่อนนางไว้ในสำนักสงฆ์ฮุ่ยชิง ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด“หรือที่ตระกูลเจียวทำเช่นนี้เพราะต้องการก่อกบฏ?”ซู
ทหารม้าของตระกูลหลิ่วและเมืองฉีต่างหิวโหย พวกเขาเร่งฝีเท้าตามมาทันที เพื่อเตรียมหาสถานที่พักฟื้นเมื่อเย่ชิวหมิงเห็นภาพนี้ นิ้วมือของเขาที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวก็กระชับขึ้นเล็กน้อยเขามองลงไปที่พื้น “ศพทั้งหมดในสำนักสงฆ์ฮุ่ยชิงถูกกำจัดไปแล้วหรือยัง?"“ทูลฝ่าบาท จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทุกศพถูกรวมไว้ด้วยกันและให้คนนำไปฝังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”คนที่ส่งข่าวหยุดชะงักและถามว่า “มีอยู่หนึ่งศพที่กระหม่อมและคนอื่น ๆ ไม่สามารถตัดสินใจได้ ขอฝ่าบาทโปรดทรงช่วยตัดสินใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ศพหนึ่งถูกลากมาศพมีเลือดออกจากทุกช่องทวาร และมีคราบเลือดทั่วร่างกายขุนนางชันสูตรศพผู้หนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบศพแล้วจึงรายงานด้วยเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท สตรีนางนี้ตั้งครรภ์ได้เกือบสามเดือนแล้ว และนางก็สวมหน้ากากหนังมนุษย์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ขณะที่ขุนนางชันสูตรพูด เขาก็ถอดหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของอีกฝ่ายออกอย่างระมัดระวัง และเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางนางเป็นสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างงดงามเพียงแต่ว่าสภาพการตายของนางในเวลานี้ช่างน่าสังเวชอย่างยิ่ง สีหน้าของนางบิดเบี้ยว ริมฝีปากสีแดงของนางกลายเป็นสีดำ แ
ความรู้สึกนี้ว่างเปล่าเล็กน้อย และซูชิงอู่ก็รีบเดินออกจากประตูบ้านทันทีและมองออกไปข้างนอกเมื่อมองที่นี่ในเวลากลางวัน ทิวทัศน์ก็งดงามเป็นพิเศษไม่ง่ายเลยที่จะหาสถานที่เช่นนี้ในเขตชานเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงได้นางรีบวิ่งออกไป ไม่ไกลนัก นางเห็นเย่เสวียนถิงนำม้ามาที่นี่ เขาเร่งฝีเท้าเข้ามาหานาง พลางยื่นมืออุ้มนางขึ้นหลังม้า“เสวียนถิง ไปเอาม้ามาจากไหน?”เย่เสวียนถิงพูดข้างหูของนาง “เย่ชิวหมิงให้คนส่งมาให้”เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซูชิงอู่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เขาน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักชีฮุ่ยชิงอันแล้ว ไปหาเขากันเถอะ"เย่เสวียนถิงไม่ได้สวมหน้ากาก และใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างยิ่งของเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนอย่างน่าประทับใจกองทัพเมืองฉีรู้ตัวตนของท่านอ๋องมานานแล้ว ดังนั้นสีหน้าท่าทางของพวกเขาจึงเป็นธรรมชาติมาก ทว่าเหล่าแม่ทัพและรองแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ชิวหมิงต่างก็เบิกตากว้าง“ทะ...ท่านอ๋องเสวียน!”“เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”"หากอ๋องเสวียนอยู่ในเมืองหลวง แล้วที่ชาย..."ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อมีเพียงเย่ชิวหมิงเท่านั้นที่พอจะคาดเดาความจริงได้แล้
ซูชิงอู่คว้าเสื้อคลุมที่เขาสวมบนตัวนางแล้วถามอย่างไม่สบายใจว่า “แล้วท่านล่ะ?"เย่เสวียนถิงหลุบสายตาลงเล็กน้อย มีแสงจันทร์สะท้อนในดวงตาของเขา "บนภูเขาไม่ปลอดภัย ข้าจะเฝ้าอยู่ข้างนอก"ซูชิงอู่ไม่ถามอะไรอีก นางเดินไปที่บ่อน้ำและถอดเสื้อผ้าของนางออกหากเย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ นางคงไม่สามารถอาบน้ำในป่าได้ง่าย ๆเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ ซูชิงอู่จึงรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นเสื้อผ้าวางอยู่บนฝั่งขนาดกำลังพอดีสำหรับนาง ราวกับมันถูกเตรียมไว้เพื่อนางโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขาขนาดไม่ใหญ่นัก นอกจากบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ในบริเวณบ้านพักแล้ว ก็มีบ้านเพียงห้าหลังเท่านั้นบ้านที่อยู่ตรงกลางคือหลังที่ใหญ่ที่สุด ซูชิงอู่เดินเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็พบว่าข้างในบ้านตกแต่งเรียบง่ายและสะอาดสะอ้านเดินเข้าไปข้างในก็คือบ้านที่ใช้อยู่อาศัย มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง นอกจากตรงจุดนี้ที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเป็นชั้น เห็นได้ชัดว่าเย่เสวียนถิงเข้ามาทำความสะอาดให้เมื่อครู่ซูชิงอู่รู้สึกอบอุ่นใจทว่านางไม่ได้ออกปาก