กุ้ยเฟยหัวเราะด้วยความโกรธ นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ดื้อด้านเช่นนี้จู่ ๆ นางก็ลุกเดินออกไปด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนว่าการลงโทษธรรมดาจะไม่มีผลกับเจ้า เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ดูซิว่าเจ้ายังจะซ่อนความลับให้องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างภักดีจริง ๆ ”ขันทีผู้น้อยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆเขาไม่ใช่อวิ๋นอู่ด้วย!เขามองไม่เห็นหน้าของตัวเองและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมคนอื่นถึงคิดว่าเขาคืออวิ๋นอู่!ซูชิงอู่เห็นจากด้านข้างว่ากุ้ยเฟยหยิบกล่องออกมาซึ่งมีหนอนกู่ที่ดูน่ากลัวและดุร้ายอยู่ในนั้นกู่กร่อนใจ!ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หนอนกู่ชนิดนี้หายากมากแม้แต่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ยินมาว่ามันสามารถควบคุมจิตใจของคนได้!ซูชิงอู่เคยเห็นแต่ในหนังสือที่ราชครูเฒ่าทิ้งไว้เท่านั้น และไม่เคยสัมผัสความร้ายกาจของสิ่ง ๆ นี้เลยดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนใช้กู่ชนิดนี้ต่อหน้าขันทีผู้น้อยไม่สามารถแม้แต่จะขัดขืนได้ เขาจึงได้รับหนอนกู่เข้าไปผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่า “พระชายา หนอนกู่เหล่านี้มีค่ายิ่งนัก แม้ท่านจะมีอยู่ในมือถึงสามตัว แต่จะสิ้นเปลืองไปกับคนที่
แม้นางจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กุ้ยเฟยก็ยังแน่วแน่และถามต่อไปว่า “เจ้าตามองค์รัชทายาทไปข้างนอกนานถึงเพียงนั้น เคยได้ยินความลับเกี่ยวกับเขาบ้างหรือไม่?”ซูชิงอู่กุมหน้านางหันไปมองเย่เสวียนถิงจบแล้ว มันจบสิ้นแล้วตอนนี้อวิ๋นอู่ตัวปลอมจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนทว่าเย่เสวียนถิงยังคงมีท่าทีนิ่งสงบเขาแอบงอนิ้วเกี่ยวฝ่ามือของซูชิงอู่ทั้งสองยืนอยู่ตรงมุมห้อง จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเขา“ข้า…”ขันทีผู้น้อยกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นเสียงของเขาก็แหบแห้งและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากสีหน้าของกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปโดยปกติแล้ว กู่กร่อนใจนี้สามารถสอบปากคำได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นนางจึงมีเวลาเหลือเฟือแต่จู่ ๆ คนผู้นั้นก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดและพูดไม่ได้ ซึ่งทำให้แผนของนางพัง นางทำได้เพียงใช้เวลาที่เหลือถามต่อไป“องค์รัชทายาทหายไปไหน?”ขันทีผู้น้อยไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้อีกและได้แต่ส่ายหัวเท่านั้นเขาไม่รู้จริง ๆ ...เมื่อกุ้ยเฟยเห็นอีกฝ่ายส่ายหัว สีหน้าของนางก็แข็งค้างไปชั่วขณะเพราะนี่แสดงว่านางคาดเดาผิดอวิ๋นอู่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เล
ช่วงเวลาต่อมาคนผู้นั้นก็ตกตะลึงเพราะเย่เสวียนถิงไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ แต่กลับยื่นมือออกไปจับด้ามมีดของเขาโดยตรงไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าจากจุดที่มีดาบสั้นได้แม้แต่นิ้วเดียวเย่เสวียนถิงหันกลับมาอย่างช้า ๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ตื่นตระหนกของอีกฝ่ายดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เจ้า…”สาวกแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและมีคู่ต่อสู้เพียงไม่กี่รายในยุทธภพ เมื่อประกอบกับทักษะด้านพิษและการใช้กู่ ไม่ว่าจะไปที่ไหนพวกเขาก็ไร้เทียมทานแต่วันนี้เขาเจอปัญหาหนักเสียแล้วซูชิงอู่ก็หยุดเช่นกันและไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ นางแค่มองเขาด้วยรอยยิ้ม“พวกเจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้มืดและกันเสียงได้มาก และเป็นสถานที่ที่ดีในการทำลายศพและกำจัดร่องรอยใช่หรือไม่? บังเอิญว่าข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน…”“พวกเจ้าไม่ใช่ขันทีนี่!”สุดท้ายคนผู้นั้นก็เดาอะไรออก จึงรีบปล่อยมือทันทีแล้ววิ่งออกไปโดยไม่ลังเลเขาตัดสินใจเลือกได้ถูกต้องและตอบสนองอย่างรวดเร็วทว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือเย่เสวียนถิงตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะหนี...เย่เสวียนถิงใช้หลังมือขว้
ซูชิงอู่สงบจิตสงบใจ ดวงตาของนางเคร่งขรึม และนางก็ถามอีกครั้ง “พูดมา เหตุใดนางถึงต้องการสังหารองค์รัชทายาท และจุดประสงค์ของการอยู่ที่นี่คืออะไร?”สาวกภูเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเอ่ยปากแต่ทันใดนั้นประตูห้องลับก็ถูกคนเปิดออกเมื่อมีแสงสว่างจากภายนอก สาวกผู้นั้นก็รู้สึกโล่งใจ“พระสนม มีนัก…”คำว่า ‘ฆ่า’ ยังไม่ได้เอ่ยออกมาเย่เสวียนถิงก็ได้ลงมือฟันคอของคนผู้นั้นด้วยดาบสั้นเสียแล้วตอนที่คนผู้นี้อยู่ที่ชายแดน เขาวางแผนจะวางยาพิษบรรดาราษฎรและทหารในเขตเจิ้นเป่ย แม้เขาจะตายเป็นร้อยครั้ง แต่ก็ยังไม่สาสมกับความผิดที่ก่อเย่เสวียนถิงคว้าเอวของซูชิงอู่และรีบไปที่ประตูเห็นได้ชัดว่าคนที่เฝ้าประตูคือสาวกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นคนจัดการศพของขันทีผู้น้อยก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมงานอีกคนอยู่ข้างในเป็นเวลานาน เขาจึงก็เปิดประตูด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันที่ตนจะได้ตอบโต้ เย่เสวียนถิงก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าแล้ว และอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว ใช้ดาบสั้นเปื้อนเลือดที่เพิ่งใช้โจมตีสาวกคนก่อนหน้าในตำแหน่งเดียวกันในดาบเดียวเลือดไหลออกจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง ท่าทางของสาวกภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ซูชิงอู่ยิ้มเย็น “พวกเจ้าคิดว่าข้าจะรออยู่ที่นี่ทำไมกัน รอให้พวกเจ้ามาจับข้ารึ?”ตอนที่คนอื่นเข้ามาในหมอกพิษ นางจงใจซ่อนหนอนกู่เอาไว้ในนั้นเพื่อคอยเล่นงานพวกองครักษ์เย่เสวียนถิงอาศัยจังหวะนี้พาซูชิงอู่ขึ้นไปบนหลังคาช่วงเวลาต่อมา ในความมืดมิดของค่ำคืนที่มีคบเพลิงจุดอยู่ ห่าฝนธนูก็พุ่งมายังทิศทางของทั้งสองคนเย่เสวียนถิงปกป้องซูชิงอู่ให้อยู่ข้างหลังตนอย่างไม่ลังเลเขาถอดเสื้อคลุมชั้นออกและม้วนเป็นก้อน จากนั้นก็เหวี่ยงมันไปอย่างรวดเร็วเพื่อสะบัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามา ทำให้ลูกธนูปัดป่ายพันกันจนไม่สามารถเข้ามาได้แม้แต่นิ้วเดียวแต่แม้จะทำเช่นนี้ ก็สามารถสกัดการโจมตีได้เพียงหนึ่งถึงสองระลอกในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเพราะถึงอย่างไร ร่างกายของเย่เสวียนถิงก็ไม่ได้ทำจากเหล็ก มีลูกธนูมากมายพุ่งเข้ามาเช่นนี้ จึงมีหลายครั้งที่เขาไม่สามารถหลบพวกมันได้เขากระโดดลงจากหลังคาพร้อมกับซูชิงอู่ หลบเลี่ยงนักธนู และพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งที่นี่ไม่มีนักธนู แต่มีทหารอารักขามากกว่าร้อยคน เมื่อพวกเขาเห็นคนสองคนแต่งตัวเป็นขันทีผู้น้อยวิ่งมาหา พวกเขาก็รีบพุ่งไปพร้อมดาบในมือทันที“จับมือสังหาร!”ทั่วทั้งพระ
เมื่อคนเหล่านั้นตามมาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่“ไปไหนแล้ว?”“เห็นชัด ๆ ว่าหนีมาทางนี้นี่!”“ข้างหน้าคือตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ระวังมือสังหารจะลงมือกับชายารัชทายาท รีบเข้าไปคุ้มกันพระชายาเร็ว!”ในเวลานี้ ซูชิงอู่ได้มาถึงตำหนักบูรพาแล้วนางอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายวัน ดังนั้นนางจึงรู้สถานการณ์คร่าว ๆ ของที่นี่อย่างแน่นอนกลุ่มคนที่ไล่ตามรีบมาที่ประตูตำหนักบูรพา แต่คนกลุ่มนั้นก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้"มีเรื่องอะไร?"“มือสังหารแอบเข้าไปในตำหนัก ข้าไล่ตามเขามาจนถึงที่นี่ หลีกทางเดี๋ยวนี้!”องครักษ์ของตำหนักบูรพาไม่สะทกสะท้าน “หากไม่มีคำสั่งของชายารัชทายาท บุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ประเดี๋ยว”เมื่อเห็นว่ามีคนเข้าไปรายงาน กลุ่มคนที่ไล่ตามก็ได้แต่รออยู่ข้างนอกในเวลานี้ ชายารัชทายาทนอนหลับอยู่ในห้อง แสงเทียนริบหรี่ ชวนให้รู้สึกว่าบรรยากาศภายในดูแปลกไปเล็กน้อย“พระชายา เกิดเรื่องขึ้นที่พระราชวัง ว่ากันว่ามีมือสังหารแอบเข้าไปในนั้นพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของชายารัชทายาทดังมาจากข้างใน "ให้พวกเขาเข้ามา"หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว คนเหล่านั้นก็เข้าไปในตำหนัก ชายารัช
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา!”คนเหล่านั้นรีบจากไปทันทีตำหนักบูรพากลับสู่ความเงียบอีกครั้งชายารัชทายาทหรี่ตาลง “เอาล่ะ ในเมื่อตำหนักบูรพาปลอดภัยแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็แยกย้ายเสีย ข้าอยากอยู่คนเดียวสักครู่”“เพคะ!"ทุกคนกลับไปทันทีค่ำคืนนี้ได้เงียบลงชายารัชทายาทเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในสวนทันใดนั้น ชายารัชทายาทก็หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่ง ผ่านเส้นทางเล็ก ๆ และมาถึงห้องที่อวิ๋นอู่อยู่นางหลบเลี่ยงสายตาของทุกคน พลางผลักประตูออกและเห็นร่างหนึ่งที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่ม ใบหน้าของนางมีเส้นผมปิดอยู่และกำลังนอนหลับอย่างมีความสุขชายารัชทายาทเดินมาที่ข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ยกผมออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย และเห็นใบหน้าที่ดูคล้ายกับนางทุกประการทันใดนั้น รอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของ 'ชายารัชทายาท' ที่ยืนอยู่ที่หัวเตียงนางต้องใช้เวลาในการปลอมตัว แต่หากนางเตรียมหน้ากากหนังมนุษย์ไว้ล่วงหน้า มันจะง่ายกว่ามากซูชิงอู่ถอดหน้ากากออกจากใบหน้าของตน จากนั้นก็แบกชายารัชทายาทที่หมดสติขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็พานางกลับไปที่ห้องนอนใหญ่เนื่องจากนางแข็งแรงมาก นางจึงสามารถแบกคนไว้บนหลังและเดินได้เร็
กุ้ยเฟยได้นำคนตรงไปยังตำหนักบูรพาคนในตำหนักบูรพาคาดไม่ถึงว่าตำหนักเพิ่งเงียบได้ไม่นาน กุ้ยเฟยก็พาคนมาอีก พวกเขาทุกคนจึงมีท่าทางที่เป็นกังวลมากนางกำนัลอาวุโสที่เฝ้ายามตอนกลางคืนเดินไปเคาะประตูห้องชายารัชทายาท แต่เคาะอยู่นานนางก็ไม่ออกมา“พระชายา กุ้ยเฟยเสด็จมาเพคะ หม่อมฉันมาเชิญท่านออกไปพบ...พระชายาเพคะ?”นางกำนัลอาวุโสกังวลมากจนอดไม่ได้ที่จะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปตรวจดูอาการของชายารัชทายาทนางกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชายารัชทายาทจึงรีบไปที่เตียงแต่ก็เห็นว่าชายารัชทายาทยังคงหลับอยู่นางกำนัลอาวุโสตกใจกลัวและเอามืออังที่จมูกของอีกฝ่าย จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสังเกตเห็นว่าชายารัชทายาทหายใจสม่ำเสมอและไม่มีอะไรผิดปกตินางพึมพำกับตัวเอง “อาจเป็นเพราะช่วงนี้พระนางเหนื่อยเกินไป อีกทั้งเมื่อครู่ก็ต้องตื่นเพราะได้ยินเสียงดัง…”นางกำนัลอาวุโสทำใจปลุกไม่ลง ขณะที่นางกำลังจะลุกเดินออกไป นางก็เห็นกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ เดินเข้ามานางกำนัลอาวุโสทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปปิดประตู“พระสนม หลายวันมานี้พระชายาทรงเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ และคืนนี้พระนางก็ทรงพักผ่อนไม่
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้