คำพูดของซูชิงอู่ทำให้แม่ชีเงยหน้ามามองอย่างเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าเปลือกตาของนางกำลังสั่นเทานางมองไปที่ซูชิงอู่อย่างพินิจแล้วพูดว่า “ผู้บำเพ็ญหญิง เรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ ขอเชิญท่านตามข้าไปพบกับหัวหน้าสำนักเถิด”ซูชิงอู่พยักหน้าเบา ๆ “เชิญแม่ชีนำทาง”เป็นเวลาหลายปีที่สำนักสงฆ์ฮุ่ยชิงได้ก่อตั้งมาจนขยายอาณาเขตครอบครองพื้นที่ตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงยอดเขา และก่อสร้างอาคารหลายสิบหลังครอบครองภูเขาทั้งลูกถนนบนเขาหลินซานนั้นสูงชันและคดเคี้ยวมาก แม่ชีนำทางซูชิงอู่ผ่านทางเข้าสองทางที่ค่อนข้างแคบ จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปสองทอดก่อนจะถึงวิหารที่ใหญ่ที่สุดในอารามตรงกลางมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นอกเหนือจากคนทำความสะอาดที่เดินไปรอบ ๆ ที่เหลือก็ล้วนเป็นแม่ชี และภาพลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ต่างไปจากวัดเหลียงซานและมีคนบางคนที่เป็นใหญ่ที่นี่ก็เป็นคนมีสถานะสูงส่ง เพราะอดีตไทเฮาและฮองเฮาถูกขับไล่มาที่นี่โดยฮ่องเต้...แตกต่างจากความเจริญรุ่งเรืองเบื้องล่าง อารามที่แม่ชีที่อยู่เบื้องบนอาศัยอยู่นี้ไม่มีคนมาคอยสักการะแม่ชีเคาะประตูห้องเบา ๆ และกลิ่นหอมแสนสง่างามก็ลอยออกมาจากประตู“ท่านอาจารย์
หากใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลซูชิงอู่ก็จะใช้ไม้แข็ง เพราะนางก็ไม่มีอารมณ์อยากจะอยู่ที่นี่ต่อให้เสียเวลานางต้องหาสตรีที่เจียวกุ้ยเฟยพูดถึงให้เจอ เพื่อยืนยันว่านางตั้งครรภ์สายเลือดของราชวงศ์จริง ๆ หรือไม่เย่ชิวหมิงเป็นฮ่องเต้ และการมีพระราชโอรสหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากกว่าก็คือมีคนอาศัยโอกาสนี้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งองค์ชายเพื่อก่อกบฏ“พระชายาเช่นข้าไม่พูดจาโป้ปด ข้าจึงอยากขอให้ท่านเจ้าสำนักชีคิดให้รอบคอบ”“ข้าได้ยินชื่อเสียงของพระชายาเสวียนมานาน แต่คาดไม่ถึงว่าท่านจะทำตัวเย่อหยิ่งเอาแต่ใจเช่นนี้!”เสียงของแม่ชีเฒ่าก็เปลี่ยนไปเป็นน่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยความไม่พอใจซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก ดวงตาของนางเยือกเย็น และนางก็แสยะยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่มองอีกฝ่าย “ท่านคิดว่าข้านิสัยไม่ค่อยดี แต่ตั้งแต่ที่ข้าทำตัวนิสัยเสีย ข้าก็มีความสุขขึ้นมากเลยนะ”“ท่าน…”ดวงตาของผู้ชราคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ และความโกรธของซูชิงอู่เองก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็รีบเอ่ยนามของพระพุทธองค์ต่อไป และสีหน้าของนางก็ค่อย ๆ สงบลงเมื่อซูชิงอู่เห็นการแสดงออกของอีกฝ
เมื่อแม่ชีที่ประตูได้ยินคำสั่งจากเจ้าสำนักชี พวกนางก็ใช้ไม้กวาดในมือเป็นอาวุธทันที และขวางทางซูชิงอู่ไว้ซูชิงอู่มองไปรอบ ๆ และพบว่าคนเหล่านี้ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้เลยนางเดินไปหาแม่ชีคนหนึ่ง และด้วยการผลักเบา ๆ นางก็ได้ยินคนเหล่านั้นร้องโอดโอยล้มลงกับพื้นไปทีละคนซูชิงอู่ “...”นางยังไม่ได้ออกแรงเลยเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของคนเหล่านั้น และไม่คิดจะมาขวางนางแล้ว ริมฝีปากของซูชิงอู่ก็กระตุกเล็กน้อยที่แท้มันก็การเสแสร้งทั้งหมดเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตรงหน้า คนเหล่านี้คงไม่ได้มีความคิดเช่นเดียวกับแม่ชีเฒ่านางผ่อนคลายลงอีกเล็กน้อย นี่แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนในสำนักชีจะเป็นคนไม่ดีเจียวกุ้ยเฟยสามารถส่งคนมาที่นี่ได้ ทั้งยังลอบปลงพระชนม์ไทเฮาสำเร็จแม้จะอยู่ท่ามกลางการคุ้มครองมากมาย ซึ่งหมายความว่าเจ้าสำนักชีจะต้องมีคนคอยช่วยนางอย่างลับ ๆ เป็นแน่เจียวกุ้ยเฟยไม่แน่ใจว่านางจะตาย และเบาะแสที่นางให้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจริงครึ่งหนึ่งและเท็จครึ่งหนึ่งตอนนี้นางได้เบาะแสปลอมมาหนึ่งอย่างแล้วนั่นคือตัวตนของแม่ชีตัวน้อยฮุ่ยจื่อส่วนเบาะแสที่เป็นความจริง...นั่นก็คือสตรีมีครรภ์นางนั้
พวกแม่ชีต่างหวาดกลัวและตื่นตระหนก แต่ด้วยคู่ต่อสู้มีจำนวนมากกว่าจึงไม่กล้าขัดขืนได้ยินเพียงเสียงอุทานที่ดังมาจากข้างในเท่านั้นซูชิงอู่รีบวิ่งไปที่ประตู นางเงยหน้ามองเย่เสวียนถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เหตุใดท่านถึงทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้?”เย่เสวียนถิงค่อย ๆ หลุบตา และดวงตาเหยี่ยวของเขาใต้ขนตายาวก็รีแคบลงอย่างน่าอันตราย“อาอู่ ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับพวกนางนักหรอก”ซูชิงอู่ตกตะลึง “ข้าคิดว่า...ข้าก็หยาบคายแล้วนะ…”เย่เสวียนถิงจูบหน้าผากนางอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็จับเอวนางเบา ๆ แล้วดึงนางเข้ามาใกล้มากขึ้นทั้งสองคนไม่ได้เข้าไป พวกเขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่ประตูพลางมองดูผู้คนหลายพันรีบเข้าไปจับกุมผู้คนที่อยู่ในนั้นทุกการเคลื่อนไหวที่เฉียบคม และถือเชือกด้วยท่าทางหนักแน่นเย่เสวียนถิงมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วพูดเสียงทุ้ม “ใช้งานทหารก่อนค่อยรักษามารยาทจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า”ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม แม่ชีกว่าร้อยคนก็ถูกจับมารวมกลุ่มกันไว้ในที่โล่งหันหน้าไปทางประตูหลิ่วจ้งอิ๋นเหนื่อยมาก แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงลูกน้องของทั้งสองคน เขาจึงไม
คราวนี้ สีหน้าของเจ้าสำนักชีฮุ่ยซินเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่นางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว “พระชายา ขุนนางเหล่านั้นมีสถานะสูงส่ง แม้แต่ข้าก็ไม่กล้ารบกวนพวกเขา”ซูชิงอู่ยิ้มเย็น “ขนาดข้าเป็นถึงพระชายาท่านเจ้าสำนักชียังไม่เห็นอยู่ในสายตา แล้วคนเหล่านั้นสูงส่งกว่าฝ่าบาทอีกรึ?”“เอ่อ...ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย”“เช่นนั้นก็นำทางไปสิ”นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยไม่มีแววตาตื่นตระหนกครั้งนี้นางมาที่สำนักสงฆ์ฮุ่ยชิง นางไม่ได้เตรียมตัวว่าจะล่าถอยไม่ต้องพูดถึงเจ้าสำนักชี ตอนที่ไทเฮาสวรรคตที่นี่ นั่นหมายความว่านางได้คนของตระกูลเจียวแล้วไม่มีทางที่นางจะไม่ระวังตัวหากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นและตกอยู่ในอันตราย แมงมุมม่ายสวรรค์ที่รวมตัวกันอยู่ในเส้นทางลับใช่ว่าจะไร้พิษสงไม่อย่างนั้นนางจะเก็บพวกมันมาทำอะไร?เอากลับไปเลี้ยงให้เปลืองอาหารน่ะหรือ?ดังนั้น ซูชิงอู่จึงตัดสินใจดำเนินการเพียงลำพังเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของนางจำนวนมากดึงดูดความสนใจมากเกินไป และปลุกเร้าความตื่นตัวของผู้อื่นแต่เย่เสวียนถิงมาช่วยนาง ซึ่งช่วยนางประหยัดเวลาได้มากจริง ๆเจ้าสำนักชีลืมตาขึ้นเล็กน้อย แล้วก้มศีร
ซูชิงอู่กำลังตั้งครรภ์ ทว่าอุ้มท้องมาสามปีกลับไม่เกิดอันใดขึ้นเลยนั่นเพราะทารกตายทั้งกลมไปนานแล้วซูชิงอู่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ท้องน้อยนูนป่องมีเลือดปนหนองส่งกลิ่นเน่าเหม็นไหลมิหยุดราวกับสัตว์ประหลาดมีเพียงม่านตาดำขลับคู่นั้นที่ยังคงเด่นชัดสุกสกาว ราวกับน้ำค้างแข็งอันสว่างบริสุทธิ์สุดใต้นภานางเดินพลางใช้สองมือคลึงเคล้าหน้าท้องเบา ๆ พร้อมเสียงแหบฟังไม่รื่นหู“ลูกเอ๋ย แม่มาล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”ซูชิงอู่ผู้ถูกจองจำอยู่คุกอันห่างไกลของวังหลวงและต้องกลายเป็นหนูทดลองมาตลอดสามปีเต็มเป็นอิสระแล้ว!ไฟโหมกระหน่ำเบื้องหลังกำลังแผดเผาพระราชวังอันเรืองรองอย่างไม่หยุดยั้ง แสงเพลิงส่องสว่างท่วมฟ้ายามค่ำคืนใบหน้าศพทรมานบิดเบี้ยวนอนราบภายในพระราชวังร่างแล้วร่างเล่า…“ซูชิงอู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง เจ้ามิใช่ว่าชอบพี่อวิ๋นถูหรือ? ข้าจะยกให้เจ้า ข้าจะยกให้เจ้าดีหรือไม่?!”ฮองเฮาซูเชียนหลิงผู้สูงศักดิ์สวมเสื้อคลุมลายหงส์ ศีระซึ่งประดับด้วยปิ่นหงส์โขกกับพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน“บุรุษที่เจ้ากำลังพูดถึงน่ะหรือ?”น้ำเสียงซูชิงอู่แหบแห้งฟังไม่รื่นหู ราวกับเส้นเสียงฉีกขาดทั้ง
“พระชายา ยาขับเลือดต้มได้ที่แล้วเพคะ…”เสียงคุ้นเคยระลอกหนึ่งดังข้างหูซูชิงอู่นอนอยู่บนเตียงลืมตาด้วยความตกตะลึง เอียงศีรษะมองไปข้างเตียงอย่างเหลือเชื่อ แม่นมหลินที่ควรจะเสียชีวิตไปนานแล้วกำลังยกยาต้มมาให้นางยันกายลุกขึ้นพลางมองไปรอบตัว ทั่วห้องล้วนเป็นสีแดง บนหน้าต่างแปะอักษรมงคล 'มีสุข' แผ่นใหม่เอี่ยมชุดแต่งงานหลายตัวทิ้งอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย ซูชิงอู่รู้กระจ่างได้ทันทีว่าที่นี่คือเรือนหอนางปวดเมื่อยทั้งตัวราวกับโดนหินทับก็มิปานครั้นหวนนึก ความทรงจำในสมองก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นนางย้อนกลับมายังเจ็ดปีก่อน จนวันนี้ที่เพิ่งตบแต่งกับเย่เสวียนถิงไม่นึกฝันว่า…นางจะได้เกิดใหม่!สายตาของซูชิงอู่ทำให้มือที่ยกชามยาของแม่นมหลินสั่นเทาอย่างอดไม่ได้เพราะดวงตาคู่นั้นของนางผิดแผกไปจากเดิม คล้ายสามารถมองทะลุหัวใจนางได้ในพริบตาเดียวแม่นมหลินผืนยิ้มพลางส่งชามยาไปให้ผู้เป็นเจ้านาย “คุณหนู หากยังมิรีบดื่ม ยาจักเย็นนะเจ้าคะ…”ซูชิงอู่มองอย่างไม่ละสายตา ก่อนเอื้อมมือรับชามยาไว้อย่างใจเย็นนางกำลังจะทำบางอย่าง แต่ขณะนั้นเอง ประตูหอนอนก็ถูกคนถีบให้เปิดออกกระทันหัน!ซูชิงอู่เงยหน้ามองก็เห็นช
วันนี้ที่นางได้แต่งงานกับเย่เสวียนถิงเป็นเพราะนางถูกโจรลักพาตัวเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลังถูกช่วยกลับมา จู่ ๆ แต้มพรหมจรรย์ก็หายไปเสียอย่างนั้นฮองเฮาทรงพิโรธหนัก มีพระราชเสาวนีย์ถอนหมั้นนางกับเย่อวิ๋นถูด้วยพระองค์เองทันใดนั้นนางที่เป็นบุตรีภรรยาเอกจากตระกูลผู้ลากมากดีอันเลื่องชื่อแห่งจวนอัครเสนาบดีก็ผันเปลี่ยนกลายเป็นขี้ปากทุกคน…อย่างไรเสียเมื่อนางตกอยู่ในคำครหาเหล่านั้น จู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็ขอพระราชโองการอภิเษกสมรส มิรู้ว่าเขาใช้วิธีใดให้ฝ่าบาทผ่อนปรนตกปากรับคำอย่างเหนือความคาดหมายทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบว่าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามคือผู้มีโอกาสเป็นว่าที่ฮ่องเต้ที่สุดส่วนอ๋องเย่อวิ๋นถิง บัดนี้เป็นได้เพียงคนขาพิการ ทั้งยังเป็นคนไร้ค่าที่สูญเสียอำนาจทางการทหารไปอีกด้วยมารดาผู้ให้กำเนิดเขามีฐานะเพียงสนมผู้ต่ำต้อย หากไม่ถูกส่งต่อให้พระชายาตำแหน่งซูเฟยที่ไร้ทายาทตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ เกรงว่าคงไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้ชั่วชีวิต!ซูชิงอู่ยกมือขึ้นพลางไล้ปลายนิ้วไปที่คิ้วตาของเย่อวิ๋นถิงอย่างแผ่วเบา“คนเดียวไม่พอหรอก อนาคตพวกเราจะให้กำเนิดสักสองสามคน ไม่รู้ว่าท่านชอบลูกชายหรือลูกสาว...”