ดวงตาของนางสวยมาก ทำให้นางดูสบาย ๆ และเหมือนกับธรรมชาติของพระพุทธเจ้าในมือของนางมีสร้อยลูกประคำ ซึ่งทำให้นางเหมือนคนที่มีเมตตามากขึ้นตั้งแต่หัวจรดเท้า“ฮุ่ยซิน”ทันใดนั้นนางก็ตะโกนขึ้นมาเจ้าสำนักชีรีบพูดว่า “องค์หญิง ขออภัยที่รบกวนนะเพคะ”“ไม่เป็นไร”องค์หญิงผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและไพเราะดวงตาของนางจ้องมองไปที่ซูชิงอู่ และนางก็ยิ้มทันที “เจ้าคือพระชายาเสวียนรึ?”ซูชิงอู่ยกมือคำนับทำความเคารพ “ใช่เพคะ ขอถวายความเคารพองค์หญิงเพคะ”องค์หญิงจาวหยวนยกมือขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าไม่ได้เป็นองค์หญิงอะไรนั่นมาตั้งนานแล้ว ก็แค่เป็นฆราวาสที่อยู่ปฏิบัติธรรม วันนี้ที่พระชายามาตรวจค้นที่นี่อย่างอึกทึกครึกโครม คงเป็นเพราะมีเรื่องด่วนเป็นแน่”อีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกว่าคุยด้วยได้ง่ายเวลาที่ได้คุยกับนาง ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้คนเลิกระวังตัวและต้องการปฏิบัติอย่างจริงใจนางหลุบตาลงเล็กน้อย โดยไม่ได้มองเข้าไปในดวงตาขององค์หญิงจาวหยวน “เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ ดังนั้นขอองค์หญิงโปรดทรงยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”“พูดอะไรกัน หากมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ พระชายาต้องรีบบอกเลยนะ”ซูช
อารมณ์ที่ร้อนรนของซูชิงอู่สงบลงทันทีราวกับได้รับความมั่นใจขึ้นมานางจะถูกสั่นคลอนจากเป้าหมายของตนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำจากผู้อื่นได้อย่างไร แม้ว่านางจะรู้ว่าผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นดังคาด แต่ก็ยังต้องลองทำดูอีกครั้งหลิ่วจ้งอิ๋นนำผู้คนนับพันตรวจสอบสถานที่ทั้งหมดในสำนักชีฮุ่ยชิงอย่างละเอียดในครั้งนี้ แม้แต่ห้องครัวเล็ก ๆ และบริเวณห้องสุขาก็ไม่ละเว้นและด้านหลังภูเขาก็ยังจัดให้มีคนสองสามคนออกค้นหาในป่าแต่ผลก็คือไม่พบสิ่งใด...ซูชิงอู่ถึงกับใช้หนอนกู่เพื่อช่วยค้นหาเย่เสวียนถิงตรวจสอบข้อความลับทั้งหมดที่นี่ แต่หนอนกู่ของซูชิงอู่กลับไม่ได้ผลอะไรเลยดูเหมือนซูชิงอู่จะเดาผิดตั้งแต่แรก ในสำนักชีฮุ่ยชิงไม่มีบุคคลผู้นี้เจียวกุ้ยเฟยไม่ได้ซ่อนใครไว้ที่นี่เบาะแสนั้นเป็นเท็จตั้งแต่แรก“พระชายา การค้นหาเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ทุกคนในสำนักชีทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คนที่ท่านกำลังตามหาอาจจะไม่อยู่ที่นี่…”ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของนางก้มหน้าลงแล้วกลับมารายงานเสียงนั้นดูแฝงความรู้สึกผิดเล็กน้อยรอบด้านล้วนมีแต่แม่ชี ทุกคนต่างรอคอยผลอย่างเงียบ ๆเชือกบนร่างกายของพวกนางถูกแกะออกหมดแล้ว และพวกนาง
ซูชิงอู่กำลังตั้งครรภ์ ทว่าอุ้มท้องมาสามปีกลับไม่เกิดอันใดขึ้นเลยนั่นเพราะทารกตายทั้งกลมไปนานแล้วซูชิงอู่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ท้องน้อยนูนป่องมีเลือดปนหนองส่งกลิ่นเน่าเหม็นไหลมิหยุดราวกับสัตว์ประหลาดมีเพียงม่านตาดำขลับคู่นั้นที่ยังคงเด่นชัดสุกสกาว ราวกับน้ำค้างแข็งอันสว่างบริสุทธิ์สุดใต้นภานางเดินพลางใช้สองมือคลึงเคล้าหน้าท้องเบา ๆ พร้อมเสียงแหบฟังไม่รื่นหู“ลูกเอ๋ย แม่มาล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”ซูชิงอู่ผู้ถูกจองจำอยู่คุกอันห่างไกลของวังหลวงและต้องกลายเป็นหนูทดลองมาตลอดสามปีเต็มเป็นอิสระแล้ว!ไฟโหมกระหน่ำเบื้องหลังกำลังแผดเผาพระราชวังอันเรืองรองอย่างไม่หยุดยั้ง แสงเพลิงส่องสว่างท่วมฟ้ายามค่ำคืนใบหน้าศพทรมานบิดเบี้ยวนอนราบภายในพระราชวังร่างแล้วร่างเล่า…“ซูชิงอู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง เจ้ามิใช่ว่าชอบพี่อวิ๋นถูหรือ? ข้าจะยกให้เจ้า ข้าจะยกให้เจ้าดีหรือไม่?!”ฮองเฮาซูเชียนหลิงผู้สูงศักดิ์สวมเสื้อคลุมลายหงส์ ศีระซึ่งประดับด้วยปิ่นหงส์โขกกับพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน“บุรุษที่เจ้ากำลังพูดถึงน่ะหรือ?”น้ำเสียงซูชิงอู่แหบแห้งฟังไม่รื่นหู ราวกับเส้นเสียงฉีกขาดทั้ง
“พระชายา ยาขับเลือดต้มได้ที่แล้วเพคะ…”เสียงคุ้นเคยระลอกหนึ่งดังข้างหูซูชิงอู่นอนอยู่บนเตียงลืมตาด้วยความตกตะลึง เอียงศีรษะมองไปข้างเตียงอย่างเหลือเชื่อ แม่นมหลินที่ควรจะเสียชีวิตไปนานแล้วกำลังยกยาต้มมาให้นางยันกายลุกขึ้นพลางมองไปรอบตัว ทั่วห้องล้วนเป็นสีแดง บนหน้าต่างแปะอักษรมงคล 'มีสุข' แผ่นใหม่เอี่ยมชุดแต่งงานหลายตัวทิ้งอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย ซูชิงอู่รู้กระจ่างได้ทันทีว่าที่นี่คือเรือนหอนางปวดเมื่อยทั้งตัวราวกับโดนหินทับก็มิปานครั้นหวนนึก ความทรงจำในสมองก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นนางย้อนกลับมายังเจ็ดปีก่อน จนวันนี้ที่เพิ่งตบแต่งกับเย่เสวียนถิงไม่นึกฝันว่า…นางจะได้เกิดใหม่!สายตาของซูชิงอู่ทำให้มือที่ยกชามยาของแม่นมหลินสั่นเทาอย่างอดไม่ได้เพราะดวงตาคู่นั้นของนางผิดแผกไปจากเดิม คล้ายสามารถมองทะลุหัวใจนางได้ในพริบตาเดียวแม่นมหลินผืนยิ้มพลางส่งชามยาไปให้ผู้เป็นเจ้านาย “คุณหนู หากยังมิรีบดื่ม ยาจักเย็นนะเจ้าคะ…”ซูชิงอู่มองอย่างไม่ละสายตา ก่อนเอื้อมมือรับชามยาไว้อย่างใจเย็นนางกำลังจะทำบางอย่าง แต่ขณะนั้นเอง ประตูหอนอนก็ถูกคนถีบให้เปิดออกกระทันหัน!ซูชิงอู่เงยหน้ามองก็เห็นช
วันนี้ที่นางได้แต่งงานกับเย่เสวียนถิงเป็นเพราะนางถูกโจรลักพาตัวเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลังถูกช่วยกลับมา จู่ ๆ แต้มพรหมจรรย์ก็หายไปเสียอย่างนั้นฮองเฮาทรงพิโรธหนัก มีพระราชเสาวนีย์ถอนหมั้นนางกับเย่อวิ๋นถูด้วยพระองค์เองทันใดนั้นนางที่เป็นบุตรีภรรยาเอกจากตระกูลผู้ลากมากดีอันเลื่องชื่อแห่งจวนอัครเสนาบดีก็ผันเปลี่ยนกลายเป็นขี้ปากทุกคน…อย่างไรเสียเมื่อนางตกอยู่ในคำครหาเหล่านั้น จู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็ขอพระราชโองการอภิเษกสมรส มิรู้ว่าเขาใช้วิธีใดให้ฝ่าบาทผ่อนปรนตกปากรับคำอย่างเหนือความคาดหมายทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบว่าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามคือผู้มีโอกาสเป็นว่าที่ฮ่องเต้ที่สุดส่วนอ๋องเย่อวิ๋นถิง บัดนี้เป็นได้เพียงคนขาพิการ ทั้งยังเป็นคนไร้ค่าที่สูญเสียอำนาจทางการทหารไปอีกด้วยมารดาผู้ให้กำเนิดเขามีฐานะเพียงสนมผู้ต่ำต้อย หากไม่ถูกส่งต่อให้พระชายาตำแหน่งซูเฟยที่ไร้ทายาทตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ เกรงว่าคงไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้ชั่วชีวิต!ซูชิงอู่ยกมือขึ้นพลางไล้ปลายนิ้วไปที่คิ้วตาของเย่อวิ๋นถิงอย่างแผ่วเบา“คนเดียวไม่พอหรอก อนาคตพวกเราจะให้กำเนิดสักสองสามคน ไม่รู้ว่าท่านชอบลูกชายหรือลูกสาว...”
ซูชิงอู่อดรนทนเกี่ยวพันตัวเองกับเย่เสวียนถิงไม่ไหว แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่มานอกประตูหญิงรับใช้คนหนึ่งรายงานอยู่นอกประตู“กราบทูลท่านอ๋องและพระชายา ภายในวังได้จัดเตรียมรถม้าให้แก่ท่านและพระชายาเพื่อเข้าวังร่วมคารวะบรรดาพระสนมยามเช้าเพคะ!”ในชาติก่อน เมื่อคืนในครานั้นนางถูกคนวางยานอนทรมานทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้าเกือบดื่มยาหยุดครรภ์คร่าชีวิต เพิ่งแต่งงานวันแรกก็ไม่ได้ไปวังหลวงน้อมคารวะตามประเพณีตามธรรมเนียมในวัง เจ้าสาวของราชวงศ์ที่เพิ่งอภิเษกเข้า วันแรกต้องเยี่ยมเยียน คารวะพระสนมทุกตำหนัก นางไม่เพียงฝ่าฝืนประเพณียังทำให้เย่เสวียนถิงแบกรับแรงกดดันมากโขซูชิงอู่เพิ่งจะลุกขึ้นกลับได้ยินเย่เสวียนถิงเปิดปากตอบ“ประเดี๋ยวข้าจะไปคารวะท่านแม่เอง”นางรับใช้รายงานต่อเนื่อง เย่เสวียนถิงบ่ายหน้ามองยังซูชิงอู่ “อยู่จวนพักผ่อนให้ดี ข้าจะรีบไปรีบกลับ”ซูชิงอู่ฉงนพักหนึ่ง “สุขภาพข้าดีขึ้นแล้ว”เย่เสวียนถิงเงียบลง แต่ยังคงยืนกราน “ในวังมีแต่เรื่องหยุมหยิมยุ่งยาก ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ”ถึงอย่างไรชื่อเสียงของซูชิงอู่ก่อนตบแต่งกับเขาก็ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เข้าวังเที่ยว
ภายในตำหนักจิ้งอี๋ "ท่านอ๋องเสวียนและพระชายาเสวียนเสด็จแล้ว!" ซูเฟยหลินหรงเสวี่ยที่ประทับอยู่ตรงที่นั่งตำแหน่งประธานรอคอยมาได้สักพักแล้ว พยักหน้าเบา ๆ "เรียกให้เข้าเฝ้าได้" คนทั้งสองเดินเข้าประตูมาพร้อมกัน เย่เสวียนถิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาข้างซ้าย ดังนั้นเขาจึงเดินกะโผลกกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะมิได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นคนร่างกายไม่สมประกอบไปเสียแล้ว ซูชิงอู่ที่แต่งกายด้วยชุดของราชสำนักอันงามวิจิตร ช่วยประคองแขนของเย่เสวียนถิงด้วยท่าทีใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อมีนางคอยช่วยประคับประคอง ก็ทำให้เย่เสวียนถิงเดินเหินได้สะดวกขึ้นอย่างมาก ยามที่ผู้คนรอบตำหนักเห็นคนทั้งคู่รักใคร่ลึกซึ้งกันเพียงนั้น พวกเขาก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ สตรีแต่งกายงดงามทั้งสองนางที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเฟย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ขณะที่ซูชิงอู่เดินเข้ามาในตำหนัก นางก็มองประเมินคนทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า สตรีวัยกลางคนท่าทางสูงศักดิ์สง่างาม สวมชุดกระโปรงดอกกุหลาบสีแดงพร้อมแถบคาดศีรษะสีทอง ผู้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานคือซูเฟย ซึ่งเป็นตำแหน่งพระชายาลำดับที่สอง โดยมีสตรีสองนาง
นางเอ่ยด้วยท่าทีกระชดกระช้อยว่า "ท่านป้าเจ้าคะ โปรดรอสักครู่ เสวี่ยอิ๋งมีเรื่องจะบอกท่าน" การขัดจังหวะระหว่างพิธียกน้ำชานับเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่หลินเสวี่ยอิ๋งเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวนมหาราชาจารย์ มิหนำซ้ำนางยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านหญิงมาตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย ดังนั้นนางย่อมมีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนี้ได้ ซูเฟยเอ่ยถามด้วยความสับสน "ยัยหนู ถ้าหากเจ้ามีอันใดจะพูดก็จงพูดมาเถิด ป้าอย่างข้ายังจะอุดปากเจ้าได้อีกหรือ?" วาจาเพียงแค่ประโยคเดียว ซูชิงอู่ก็รู้ชัดถึงความโปรดปรานที่แฝงอยู่ในวาจา ถึงแม้ว่าซูเฟยจะมิได้ก่อกวนงานมงคลของเย่เสวียนถิง แต่หลังจากรู้ตื้นลึกหนาบางแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าพระนางไม่พอใจในตัวซูชิงอู่ เพราะในสายตาของพระนาง ต่อให้เย่เสวียนถิงจะพิการ แต่เขาก็ยังเป็นถึงท่านอ๋องที่สร้างคุณูปการในสนามรบเอาไว้มากมาย ซูชิงอู่เป็นแค่สตรีท้ายเรือนที่ชื่อเสียงป่นปี้อันแสนจะไร้ค่า ซูชิงอู่ถือถ้วยน้ำชาเอาไว้โดยมิได้ขยับเขยื้อน เพราะนางเองก็อยากจะรู้ว่าท่านหญิงจะเอ่ยวาจาอันใด ถึงแม้ว่าทางด้านของซูเชียนหลิงจะมิได้เอ่ยวาจาใด แต่นางกลับขยิบต