เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมอหลวงซุนก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว “พระชายา มีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ หลายวันมานี้ทรงตรัสถึงชิ่นเอ๋อร์ตลอด อีกทั้งทรงไม่ยอมเสวยโอสถ อาการประชวรของฝ่าบาทก่อนหน้านี้ก็ยังไม่หายดี ครั้งนี้คง…”ซูชิงอู่เข้าใจแล้วฮ่องเต้เฒ่าคงเสียสติแล้วจริง ๆที่กลายเป็นเช่นนี้เพราะถูกกระตุ้นจนทำให้อาการแย่ลงนางหลุบตาลงแล้วพูดว่า “พวกท่านออกไปก่อน”เย่ชิวหมิงเหลือบมองนางและไม่พูดอะไร เขาแค่โบกมือสั่งให้ทุกคนในห้องออกไปจนเหลือนางอยู่คนเดียวในห้อง นางก็หยิบเข็มเงินที่หมอหลวงซุนและคนอื่น ๆ ถือเข้ามาด้วยทันที และเริ่มทำการรักษาฮ่องเต้เฒ่าเข็มหลายเล่มถูกสอดลึกเข้าไปในจุดฝังเข็มบนศีรษะของฮ่องเต้เฒ่าด้วยทักษะพิเศษ เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฮ่องเต้เฒ่าที่หมดสติในตอนแรกก็ลืมตาขึ้นคราแรกดวงตาของเขาขุ่นมัว แต่ก็กลับมาแจ่มชัดอย่างรวดเร็ว เมื่อหันไปมองด้านข้าง เขาก็เห็นใบหน้าของซูชิงอู่ร่างกายของฮ่องเต้เฒ่ารู้สึกชาเล็กน้อย และเป็นเรื่องยากที่ขณะนี้ฮ่องเต้เฒ่าจะมีสติชัดเจน เขาเงียบไปครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ประคองข้าหน่อย”ซูชิงอู่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกนางพ
หากซูชิงอู่ได้ยานั่นมาจริง ๆ นางจะไม่ให้ลูกของตัวเองกินก่อนได้อย่างไร?เหตุผลที่นางทูลฮ่องเต้เฒ่าไปตรง ๆ ก็เพราะซูชิงอู่ต้องการรีดผลประโยชน์สุดท้ายจากเขาเขาครองบัลลังก์ปกครองแคว้นหนานเย่มาหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง คงมีความลับบางอย่างที่มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่รู้หากฮ่องเต้เฒ่าเสียสติไปแล้ว แม้เขาจะเชื่อฟัง แต่สมองก็คงเลอะเลือนจนและลืมทุกสิ่งไปหมดและหลังจากฟื้นขึ้นมา ฮ่องเต้เฒ่าก็จะไม่ยอมเชื่อใจใครง่าย ๆเพราะนิสัยหวาดระแวงของฮ่องเต้เฒ่าได้ถูกสลักลึกลงไปในกระดูกแล้วซูชิงอู่ค่อย ๆ เงยหน้ามอง “แค่ฝ่าบาทตรัสมาก็เพียงพอแล้วเพคะ ชิงอู่เต็มใจที่จะช่วยพระองค์ให้ได้มี...พระชนม์ชีพที่ยืนยาว”ฮ่องเต้เฒ่าพูดเสียงทุ้ม “เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?”ซูชิงอู่กล่าวว่า “ฝ่าบาทติดต่อกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาหลายปี คงจะทรงรู้บางอย่างเกี่ยวกับพวกเขาอยู่ไม่น้อย ตอนนั้นท่านราชครูใช้เรื่องนี้มาควบคุมความเป็นความตายของฝ่าบาท เพื่อให้พระองค์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังที่พวกเขาสั่งไม่ใช่หรือเพคะ?”ฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลง “เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากที่ไหน?”ซูชิงอู
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อเขาก็จมอยู่ในห้วงความคิดทันใดนั้นเขาก็เริ่มคลำหาช่องลับเก่า ๆ ตรงหัวเตียง ไม่รู้ว่าเขาแตะตรงไหน จู่ ๆ กำแพงที่อยู่ติดกับเตียงมังกรก็เกิดการสั่นสะเทือน และประตูบานหนึ่งก็เปิดออกต่อหน้าซูชิงอู่ฮ่องเต้เฒ่าบังคับร่างกายให้นั่งอย่างมั่นคง แต่ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงนักและเดินเข้าประตูไป “เจ้าก็ตามข้ามาด้วย ไปด้วยกันเถิด”ซูชิงอู่รู้อยู่แล้วว่าฮ่องเต้เฒ่าต้องซ่อนของดี ๆ อยู่มากมายนางลุกเดินตามฮ่องเต้เฒ่าเข้าไปในห้องลับทันทีที่นางเดินเข้าไป ภาพตรงหน้าก็ได้เปิดหูเปิดตาให้กับนางห้องลับนี้กว้างขวางมากและมีความหรูหราอยู่ในตัว เหมือนกับตำหนักใต้ดินที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังตลอดทางลงบันได โฉมหน้าที่แท้จริงของตำหนักใต้ดินก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูชิงอู่ แม้นางจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าฮ่องเต้เฒ่าจะต้องมีความลับ แต่นางก็คาดไม่ถึงว่ามันจะหรูหราถึงเพียงนี้ฮ่องเต้เฒ่าใช้กำแพงประคองตัวเอง เขาเคลื่อนตัวลงไปด้านล่างพลางชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ตราราชลัญจกรหยกถูกเก็บไว้ที่นั่น เอามันออกมาให้ข้าที”ดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกาย นางรีบเดินเข้าไปเปิดช่องลับที่อยู่ด้
คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการตอกกลับ ฮ่องเต้เฒ่าแค่นเสียงเย็นและไม่พูดอะไรอีก เขาไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานเสียหน่อย ที่เขาสนใจซูชิงอู่ก็เพราะความสามารถของนางต่างหากน่าเสียดายที่ความโชคดีนี้ถูกโอรสที่ไม่ได้อยู่ในสายตาแย่งชิงไปแล้วเมื่อเห็นความตั้งใจของนางที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับอ๋องเสวียน ฮ่องเต้เฒ่าก็ทำได้แต่ถอนหายใจพลางคิดว่าเด็กคนนั้นช่างมีสายตาที่หลักแหลม“เจ้ามีความสามารถที่จะทำให้เย่เสวียนถิงขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้แท้ ๆ แล้วเหตุใดสุดท้ายถึงเลือกสนับสนุนเย่ชิวหมิงเล่า?”ซูชิงอู่ได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของฮ่องเต้เฒ่า แต่นางก็ไม่ได้ตอบอย่างอ้อมค้อมแม้ฮ่องเต้เฒ่าจะยังคงเป็นกษัตริย์ แต่เขาก็ชราแล้ว“เพราะท่านอ๋องไม่อยากเป็นฮ่องเต้เพคะ”“ไม่อยากรึ?”ฮ่องเต้เฒ่าตกใจเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ซ่อนความตกใจที่แสดงบนสีหน้า“ทำไมกัน?”ซูชิงอู่หันหน้ามาแล้วพูดว่า “ก็ไม่ชอบอย่างไรล่ะเพคะ จะไปมีเหตุผลอะไรมากมาย?”“เจ้าเด็กนี่...”ประโยคนี้ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าสำลักเขาโกรธมากพลางชี้นางอยู่นาน แต่เขาทำได้เพียงทิ้งมือลงอย่างจนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการโต้เถียงกับซูชิงอู่อีก“เอาล่ะ เจ้ามานี
นางนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งในชีวิตชาติก่อน ซูชิงอู่เคยเห็นตัวอักษรเขียนว่าอวิ๋นหว่านบนป้ายหยกที่ราชครูพกติดตัวซูชิงอู่ไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญบางทีชื่อสถานที่บนแผนที่นี้อาจเป็นชื่อของเมืองโบราณบางส่วนเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อเวลาผ่านไป จึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อสถานที่เหล่านี้นางจำเป็นต้องค้นหาชื่อสถานที่ปัจจุบันที่คล้องกับอวิ๋นหว่าน และเบาะแสคือป้ายหยกที่ราชครูพกติดตัวน่าเสียดายที่ราชครูเสียชีวิตไปแล้ว และไม่รู้ว่าสิ่งของที่เขาพกติดตัวนั้นหายไปไหนแล้วโดยเฉพาะป้ายหยกไร้ค่าชิ้นนั้นทว่าเนื่องจากแผนที่นี้เกี่ยวข้องกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และมีคนที่มาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่บ้านของนาง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนให้ถามซูชิงอู่หันกลับไปมองฮ่องเต้เฒ่าแล้วพูดว่า “แผนที่นี้สำคัญมาก มันอาจจะเกี่ยวข้องกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ดังนั้นหม่อมฉันขอนำไปด้วยนะเพคะ”ฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เอาไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว”ตำหนักใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยสมบัติของฮ่องเต้เฒ่ามีสมบัติอันล้ำค่าและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งหาได้ยากในใต้หล้านี้ เช่นเดียวกับภาพวาดของคนดังใ
ฮ่องเต้เฒ่าเงียบอยู่นานมีเพียงคำไม่กี่คำที่กล่าวออกมา “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”ซูชิงอู่หยิบกล่องขนาดใหญ่หลายกล่องออกมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เทเครื่องประดับทองเงินและอัญมณีต่าง ๆ มากองไว้ข้าง ๆ แล้วนำสิ่งที่นางต้องการใส่ลงไปฮ่องเต้เฒ่ามองนางเดินออกมา ร่างผอมบางที่ถือกล่องเหล็กที่มีความสูงครึ่งตัวคน นางเดินขึ้นบันไดอย่างง่ายดายในขณะที่ถือออกมาอีกทั้งยังเดินกลับไปมาหลายครั้งโดยไม่มีเหงื่อออกสักนิดเขานั่งตะลึงอยู่ที่มุมห้อง เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะนำสิ่งของออกมา แม้น้ำหนักของชุดเกราะเทียนหลินจะเบากว่าชุดเกราะธรรมดา แต่มันก็ยังคงเป็นชุดเกราะ!สตรีธรรมดาทั่วไปย่อมคิดว่าการถือชุดเกราะออกมาสักชุดก็เป็นเรื่องที่ยากพอแล้ว นับประสาอะไรกับกล่องใหญ่ที่มีชุดเกราะใส่อยู่เต็มถึงสามใบแต่ผลคือกล่องเหล่านั้นถูกซูชิงอู่ถือไปเพียงลำพังเขาไม่พูดอะไรและยังคงนิ่งเงียบ แขนขาบอบบางของนางกำลังขยับไปมา ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าร่างกายที่เพรียวบางมีกำลังมากขนาดนี้ได้อย่างไรซูชิงอู่ปัดฝุ่นออกจากมือพลางมองไปรอบ ๆ ห้องลับเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่เอาไปได้แล้ว ใ
ซูชิงอู่เก็บแผนที่อย่างระมัดระวัง หลังจากเปรียบเทียบกันเรียบร้อย นางก็ได้พบตำแหน่งที่แน่นอนของเส้นชีพจรมังกรแล้วขอแค่หารือเรื่องนี้กับเหล่าพี่ชายและคนอื่น ๆ ก็จะสามารถเริ่มการสืบหาได้เรื่องนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวังและจะต้องห้ามไม่ให้คนนอกรู้หรงหย่ามีความสงสัย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงถามนางเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ “พระชายา เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงอยากรู้เรื่องชื่อเมืองเก่า ๆ พวกนั้นล่ะเพคะ?”ซูชิงอู่เงยหน้ามองไปที่หรงหย่าถึงจะรู้เกี่ยวกับเขตอวิ๋นหว่านก็คงจะไม่เป็นไร เพราะเส้นชีพจรมังกรอยู่ห่างจากเขตอวิ๋นหว่านไปหลายร้อยลี้“ไม่มีอะไร ข้าบังเอิญเห็นมันตอนที่อ่านตำราโบราณน่ะ”หรงหย่าไม่ได้สงสัยอะไรตามที่นางคิดทันใดนั้นดูเหมือนหรงหย่าจะนึกถึงคำถามที่น่าลำบากใจออก “พระชายา ไม่ทราบว่าจะให้องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออกอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน…”ซูชิงอู่เลิกคิ้วแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี “มีอะไรหรือ?”หรงหย่าพูดว่า “วัน ๆ เขาเอาแต่ดีดพิณอยู่ในเรือน เสียงดังมากเลยเพคะ”ซูชิงอู่ประหลาดใจ “เขาดีดไม่เพราะหรือ?”“ตอนแรกก็ดีดเพราะอยู่หรอกเพคะ แต่พอหลัง ๆ มาดีดมั่วซั่วไปหมด นี่
คำพูดประชดอย่างเห็นได้ชัดเหล่านี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีเทียนหยวนแข็งค้างเขาหัวเราะแห้ง ๆ คาดไม่ถึงว่าตนจะตกหลุมรักสตรีใจร้ายผู้นี้ได้ลง“พระชายาก็ชมเกินไป ฝีมือข้าไม่เท่าไรหรอก…”ซูชิงอู่ที่เข้ามาบริเวณชั้นสองหาเก้าอี้นั่ง จากนั้นนางก็เท้าคางมองเขา“ดีดต่อสิ ข้าไม่รบกวนท่านหรอกเพคะองค์ชายสาม”ฉีเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกที่ต้นคอในยามที่ซูชิงอู่จ้องมองเขาเช่นนี้เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานกว่าสามเดือนแล้ว และเขามักจะถูกจับตามองทุกวันในขณะที่ดีดพิณ เขาคลำหาทุกสิ่งรอบตัว อยากจะส่งข่าวออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เขาถูกตัดขาดจากทุกสิ่งต้องมีปรมาจารย์คอยช่วยเหลือเขาอยู่ที่จวนแห่งนี้แน่แต่ฉีเทียนหยวนไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นเขายังไม่ลืมว่าการตายของสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้นั้นน่าสังเวชเพียงใดและยังไม่ลืมว่าแม่ทัพมู่หรงที่บุกเข้ามาด้วยอีกคนถูกหักกระดูกขาอย่างไรฉีเทียนหยวนนั่งลงอย่างเชื่อฟัง พลางเหลือบมองนิ้วของตนที่ถูกพันด้วยผ้า แล้วค่อย ๆ ดีดนิ้วอย่างแข็งทื่อลงบนพิณสองครั้งแม้เขาจะตั้งใจทำตัวให้ดีขึ้น แต่ก็น่าเสียดายที่นิ้วของเขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเลย ห