คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการตอกกลับ ฮ่องเต้เฒ่าแค่นเสียงเย็นและไม่พูดอะไรอีก เขาไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานเสียหน่อย ที่เขาสนใจซูชิงอู่ก็เพราะความสามารถของนางต่างหากน่าเสียดายที่ความโชคดีนี้ถูกโอรสที่ไม่ได้อยู่ในสายตาแย่งชิงไปแล้วเมื่อเห็นความตั้งใจของนางที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับอ๋องเสวียน ฮ่องเต้เฒ่าก็ทำได้แต่ถอนหายใจพลางคิดว่าเด็กคนนั้นช่างมีสายตาที่หลักแหลม“เจ้ามีความสามารถที่จะทำให้เย่เสวียนถิงขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้แท้ ๆ แล้วเหตุใดสุดท้ายถึงเลือกสนับสนุนเย่ชิวหมิงเล่า?”ซูชิงอู่ได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของฮ่องเต้เฒ่า แต่นางก็ไม่ได้ตอบอย่างอ้อมค้อมแม้ฮ่องเต้เฒ่าจะยังคงเป็นกษัตริย์ แต่เขาก็ชราแล้ว“เพราะท่านอ๋องไม่อยากเป็นฮ่องเต้เพคะ”“ไม่อยากรึ?”ฮ่องเต้เฒ่าตกใจเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ซ่อนความตกใจที่แสดงบนสีหน้า“ทำไมกัน?”ซูชิงอู่หันหน้ามาแล้วพูดว่า “ก็ไม่ชอบอย่างไรล่ะเพคะ จะไปมีเหตุผลอะไรมากมาย?”“เจ้าเด็กนี่...”ประโยคนี้ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าสำลักเขาโกรธมากพลางชี้นางอยู่นาน แต่เขาทำได้เพียงทิ้งมือลงอย่างจนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการโต้เถียงกับซูชิงอู่อีก“เอาล่ะ เจ้ามานี
นางนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งในชีวิตชาติก่อน ซูชิงอู่เคยเห็นตัวอักษรเขียนว่าอวิ๋นหว่านบนป้ายหยกที่ราชครูพกติดตัวซูชิงอู่ไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญบางทีชื่อสถานที่บนแผนที่นี้อาจเป็นชื่อของเมืองโบราณบางส่วนเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อเวลาผ่านไป จึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อสถานที่เหล่านี้นางจำเป็นต้องค้นหาชื่อสถานที่ปัจจุบันที่คล้องกับอวิ๋นหว่าน และเบาะแสคือป้ายหยกที่ราชครูพกติดตัวน่าเสียดายที่ราชครูเสียชีวิตไปแล้ว และไม่รู้ว่าสิ่งของที่เขาพกติดตัวนั้นหายไปไหนแล้วโดยเฉพาะป้ายหยกไร้ค่าชิ้นนั้นทว่าเนื่องจากแผนที่นี้เกี่ยวข้องกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และมีคนที่มาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่บ้านของนาง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนให้ถามซูชิงอู่หันกลับไปมองฮ่องเต้เฒ่าแล้วพูดว่า “แผนที่นี้สำคัญมาก มันอาจจะเกี่ยวข้องกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ดังนั้นหม่อมฉันขอนำไปด้วยนะเพคะ”ฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เอาไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว”ตำหนักใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยสมบัติของฮ่องเต้เฒ่ามีสมบัติอันล้ำค่าและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งหาได้ยากในใต้หล้านี้ เช่นเดียวกับภาพวาดของคนดังใ
ฮ่องเต้เฒ่าเงียบอยู่นานมีเพียงคำไม่กี่คำที่กล่าวออกมา “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”ซูชิงอู่หยิบกล่องขนาดใหญ่หลายกล่องออกมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เทเครื่องประดับทองเงินและอัญมณีต่าง ๆ มากองไว้ข้าง ๆ แล้วนำสิ่งที่นางต้องการใส่ลงไปฮ่องเต้เฒ่ามองนางเดินออกมา ร่างผอมบางที่ถือกล่องเหล็กที่มีความสูงครึ่งตัวคน นางเดินขึ้นบันไดอย่างง่ายดายในขณะที่ถือออกมาอีกทั้งยังเดินกลับไปมาหลายครั้งโดยไม่มีเหงื่อออกสักนิดเขานั่งตะลึงอยู่ที่มุมห้อง เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะนำสิ่งของออกมา แม้น้ำหนักของชุดเกราะเทียนหลินจะเบากว่าชุดเกราะธรรมดา แต่มันก็ยังคงเป็นชุดเกราะ!สตรีธรรมดาทั่วไปย่อมคิดว่าการถือชุดเกราะออกมาสักชุดก็เป็นเรื่องที่ยากพอแล้ว นับประสาอะไรกับกล่องใหญ่ที่มีชุดเกราะใส่อยู่เต็มถึงสามใบแต่ผลคือกล่องเหล่านั้นถูกซูชิงอู่ถือไปเพียงลำพังเขาไม่พูดอะไรและยังคงนิ่งเงียบ แขนขาบอบบางของนางกำลังขยับไปมา ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าร่างกายที่เพรียวบางมีกำลังมากขนาดนี้ได้อย่างไรซูชิงอู่ปัดฝุ่นออกจากมือพลางมองไปรอบ ๆ ห้องลับเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่เอาไปได้แล้ว ใ
ซูชิงอู่เก็บแผนที่อย่างระมัดระวัง หลังจากเปรียบเทียบกันเรียบร้อย นางก็ได้พบตำแหน่งที่แน่นอนของเส้นชีพจรมังกรแล้วขอแค่หารือเรื่องนี้กับเหล่าพี่ชายและคนอื่น ๆ ก็จะสามารถเริ่มการสืบหาได้เรื่องนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวังและจะต้องห้ามไม่ให้คนนอกรู้หรงหย่ามีความสงสัย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงถามนางเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ “พระชายา เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงอยากรู้เรื่องชื่อเมืองเก่า ๆ พวกนั้นล่ะเพคะ?”ซูชิงอู่เงยหน้ามองไปที่หรงหย่าถึงจะรู้เกี่ยวกับเขตอวิ๋นหว่านก็คงจะไม่เป็นไร เพราะเส้นชีพจรมังกรอยู่ห่างจากเขตอวิ๋นหว่านไปหลายร้อยลี้“ไม่มีอะไร ข้าบังเอิญเห็นมันตอนที่อ่านตำราโบราณน่ะ”หรงหย่าไม่ได้สงสัยอะไรตามที่นางคิดทันใดนั้นดูเหมือนหรงหย่าจะนึกถึงคำถามที่น่าลำบากใจออก “พระชายา ไม่ทราบว่าจะให้องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออกอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน…”ซูชิงอู่เลิกคิ้วแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี “มีอะไรหรือ?”หรงหย่าพูดว่า “วัน ๆ เขาเอาแต่ดีดพิณอยู่ในเรือน เสียงดังมากเลยเพคะ”ซูชิงอู่ประหลาดใจ “เขาดีดไม่เพราะหรือ?”“ตอนแรกก็ดีดเพราะอยู่หรอกเพคะ แต่พอหลัง ๆ มาดีดมั่วซั่วไปหมด นี่
คำพูดประชดอย่างเห็นได้ชัดเหล่านี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีเทียนหยวนแข็งค้างเขาหัวเราะแห้ง ๆ คาดไม่ถึงว่าตนจะตกหลุมรักสตรีใจร้ายผู้นี้ได้ลง“พระชายาก็ชมเกินไป ฝีมือข้าไม่เท่าไรหรอก…”ซูชิงอู่ที่เข้ามาบริเวณชั้นสองหาเก้าอี้นั่ง จากนั้นนางก็เท้าคางมองเขา“ดีดต่อสิ ข้าไม่รบกวนท่านหรอกเพคะองค์ชายสาม”ฉีเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกที่ต้นคอในยามที่ซูชิงอู่จ้องมองเขาเช่นนี้เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานกว่าสามเดือนแล้ว และเขามักจะถูกจับตามองทุกวันในขณะที่ดีดพิณ เขาคลำหาทุกสิ่งรอบตัว อยากจะส่งข่าวออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เขาถูกตัดขาดจากทุกสิ่งต้องมีปรมาจารย์คอยช่วยเหลือเขาอยู่ที่จวนแห่งนี้แน่แต่ฉีเทียนหยวนไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นเขายังไม่ลืมว่าการตายของสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้นั้นน่าสังเวชเพียงใดและยังไม่ลืมว่าแม่ทัพมู่หรงที่บุกเข้ามาด้วยอีกคนถูกหักกระดูกขาอย่างไรฉีเทียนหยวนนั่งลงอย่างเชื่อฟัง พลางเหลือบมองนิ้วของตนที่ถูกพันด้วยผ้า แล้วค่อย ๆ ดีดนิ้วอย่างแข็งทื่อลงบนพิณสองครั้งแม้เขาจะตั้งใจทำตัวให้ดีขึ้น แต่ก็น่าเสียดายที่นิ้วของเขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเลย ห
ซูชิงอู่คลี่ยิ้มพร้อมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าปล่อยเขาไปไม่ได้ จะฆ่าทิ้งก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยไปก็ไม่ได้ เพราะบุคคลผู้นี้อันตรายมาก”ฉีเทียนหยวนไม่ธรรมดาเลยที่เปลี่ยนแคว้นหลิงตะวันออกให้เป็นเช่นนั้นได้สิ่งที่นางทำได้ตอนนี้คือขังชายผู้นี้ไว้ที่นี่และป้องกันเขาด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เขาสร้างปัญหาขณะนี้สงครามชายแดนเป็นเรื่องเร่งด่วน สิ่งที่ซูชิงอู่ต้องทำคือไม่เพิ่มแรงกดดันหรือปัญหาใดให้กับเย่เสวียนถิงณ ชายแดนตซีเป่ยมีจำนวนทหารและม้าไม่ถึงสามแสนนาย ในขณะที่แคว้นอู๋ตะวันตกมีมากถึงสี่แสนนาย แค่ช่ความต่างของจำนวนคนก็ทำให้เย่เสวียนถิงต้องถูกทดสอบอย่างสาหัสพอแล้วซูชิงอู่คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา นางมาห้องทำงานเพื่อตามหาองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดและถามว่า “เสบียงชุดนั้นถูกส่งไปถึงหรือยัง?”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเสบียงในครั้งนี้คือท่านใต้เท้าสวีชิงโม่ มีเขาคอยจัดการดูแลอยู่ พระชายาก็วางใจได้พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ยกยิ้มมุมปากสวีชิงโม่เป็นคนที่นางเสาะหามาตั้งแต่แรก เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆตอนนี้เ
ซูชิงอู่ออกคำสั่งองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดอีกครั้ง “พี่รองของข้าเป็นคนรับผิดชอบในการส่งเสบียงด้วยตัวเอง นอกเหนือจากเขาแล้วข้าไม่ไว้ใจใคร และครั้งนี้ข้ามีงานที่สำคัญกว่าให้เจ้าทำ”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับด้วยความเคารพ “พระชายาสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ผลักเปิดฉากกั้นลมที่อยู่ข้าง ๆ แล้วนำกล่องสองใบมาเปิดออก“ข้าเพิ่งได้ชุดเกราะเทียนหลินสามสิบชุดมา แม้จำนวนจะไม่มาก แต่เจ้าก็คงรู้ดีว่าชุดเกราะนี้ทรงพลังแค่ไหน”ม่านตาขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดหดตัวลงในทันทีเขารีบทำความเคารพแล้วพูดว่า “กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”ชุดเกราะเทียนหลินเป็นสมบัติที่เหลืออยู่จากสนามรบโบราณ มันถูกสืบทอดมาอย่างน้อยพันปีและมีจำนวนเหลืออยู่ไม่มาก ส่วนชิ้นที่ได้รับจัดเก็บไว้อย่างดีนั้นก็หายากยิ่งกว่าชุดเกราะนี้คงกระพันและสมบูรณ์แบบ มันเป็นสมบัติที่แม่ทัพทุกคนในสนามรบใฝ่ฝัน และเพียงพอที่ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งท่ามกลางกองทัพทหารนับหมื่นได้ไม่ต้องพูดถึงสามสิบชุด แม้แต่สิบชุดก็สามารถหลอมรวมเป็นดาบคมกริบที่ไม่มีใครต้านทานได้และแทงทะลุหัวใจของศัตรูโดยตรง!ดวงตาขององครักษ์เงาลำดับที
หากกองทัพของแคว้นหนานเย่สูญเสียทหารไปสามพันนาย แคว้นอู๋ตะวันตกจะสูญเสียทหารไปห้าพันนายในการเปรียบเทียบนี้ กำลังทหารทั้งสองฝั่งกำลังหมดลงอย่างรวดเร็วสุดท้ายศพอันเย็นเยือกในสนามรบก็กลายเป็นเพียงจำนวนของการตายที่ฟังดูไร้ความรู้สึกในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสามกองทัพ เย่เสวียนถิงจะเป็นผู้นำกองทัพทั้งหมดไปยังสนามรบด้วยตัวเองและไปอยู่ที่แถวหน้าเสมอและทุกครั้งเขาก็ยังเป็นคนที่สังหารศัตรูได้มากที่สุดแม่ทัพของศัตรูที่ไม่มีความกล้าหาญเช่นเย่เสวียนถิงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสมอ ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจของทหารของแคว้นอู๋ตะวันตกดังนั้นแม้คู่ต่อสู้จะมีกำลังคนมากและมีอาวุธกับชุดเกราะที่ผลิตมาอย่างดี แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถชิงความได้เปรียบกลับมาได้สถานการณ์ในการสู้รบขณะนั้นที่ต่างฝ่ายต่างเข้าโรมรันกันจนแยกไม่ออกดูเหมือนจะเริ่มมาถึงทางตันอย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้นนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครคือผู้ชนะยิ่งมีทหารจำนวนมาก ความต้องการเสบียงก็มีมากขึ้น แม่ทัพคนปัจจุบันของแคว้นอู๋ตะวันตกนั้นไม่ใช่เหยียนจั๋ว เขาผู้นั้นรู้สึกหวาดกลัวเป็นกัง