ซูชิงอู่คลี่ยิ้มพร้อมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าปล่อยเขาไปไม่ได้ จะฆ่าทิ้งก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยไปก็ไม่ได้ เพราะบุคคลผู้นี้อันตรายมาก”ฉีเทียนหยวนไม่ธรรมดาเลยที่เปลี่ยนแคว้นหลิงตะวันออกให้เป็นเช่นนั้นได้สิ่งที่นางทำได้ตอนนี้คือขังชายผู้นี้ไว้ที่นี่และป้องกันเขาด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เขาสร้างปัญหาขณะนี้สงครามชายแดนเป็นเรื่องเร่งด่วน สิ่งที่ซูชิงอู่ต้องทำคือไม่เพิ่มแรงกดดันหรือปัญหาใดให้กับเย่เสวียนถิงณ ชายแดนตซีเป่ยมีจำนวนทหารและม้าไม่ถึงสามแสนนาย ในขณะที่แคว้นอู๋ตะวันตกมีมากถึงสี่แสนนาย แค่ช่ความต่างของจำนวนคนก็ทำให้เย่เสวียนถิงต้องถูกทดสอบอย่างสาหัสพอแล้วซูชิงอู่คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา นางมาห้องทำงานเพื่อตามหาองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดและถามว่า “เสบียงชุดนั้นถูกส่งไปถึงหรือยัง?”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเสบียงในครั้งนี้คือท่านใต้เท้าสวีชิงโม่ มีเขาคอยจัดการดูแลอยู่ พระชายาก็วางใจได้พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ยกยิ้มมุมปากสวีชิงโม่เป็นคนที่นางเสาะหามาตั้งแต่แรก เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆตอนนี้เ
ซูชิงอู่ออกคำสั่งองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดอีกครั้ง “พี่รองของข้าเป็นคนรับผิดชอบในการส่งเสบียงด้วยตัวเอง นอกเหนือจากเขาแล้วข้าไม่ไว้ใจใคร และครั้งนี้ข้ามีงานที่สำคัญกว่าให้เจ้าทำ”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับด้วยความเคารพ “พระชายาสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ผลักเปิดฉากกั้นลมที่อยู่ข้าง ๆ แล้วนำกล่องสองใบมาเปิดออก“ข้าเพิ่งได้ชุดเกราะเทียนหลินสามสิบชุดมา แม้จำนวนจะไม่มาก แต่เจ้าก็คงรู้ดีว่าชุดเกราะนี้ทรงพลังแค่ไหน”ม่านตาขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดหดตัวลงในทันทีเขารีบทำความเคารพแล้วพูดว่า “กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”ชุดเกราะเทียนหลินเป็นสมบัติที่เหลืออยู่จากสนามรบโบราณ มันถูกสืบทอดมาอย่างน้อยพันปีและมีจำนวนเหลืออยู่ไม่มาก ส่วนชิ้นที่ได้รับจัดเก็บไว้อย่างดีนั้นก็หายากยิ่งกว่าชุดเกราะนี้คงกระพันและสมบูรณ์แบบ มันเป็นสมบัติที่แม่ทัพทุกคนในสนามรบใฝ่ฝัน และเพียงพอที่ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งท่ามกลางกองทัพทหารนับหมื่นได้ไม่ต้องพูดถึงสามสิบชุด แม้แต่สิบชุดก็สามารถหลอมรวมเป็นดาบคมกริบที่ไม่มีใครต้านทานได้และแทงทะลุหัวใจของศัตรูโดยตรง!ดวงตาขององครักษ์เงาลำดับที
หากกองทัพของแคว้นหนานเย่สูญเสียทหารไปสามพันนาย แคว้นอู๋ตะวันตกจะสูญเสียทหารไปห้าพันนายในการเปรียบเทียบนี้ กำลังทหารทั้งสองฝั่งกำลังหมดลงอย่างรวดเร็วสุดท้ายศพอันเย็นเยือกในสนามรบก็กลายเป็นเพียงจำนวนของการตายที่ฟังดูไร้ความรู้สึกในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสามกองทัพ เย่เสวียนถิงจะเป็นผู้นำกองทัพทั้งหมดไปยังสนามรบด้วยตัวเองและไปอยู่ที่แถวหน้าเสมอและทุกครั้งเขาก็ยังเป็นคนที่สังหารศัตรูได้มากที่สุดแม่ทัพของศัตรูที่ไม่มีความกล้าหาญเช่นเย่เสวียนถิงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสมอ ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจของทหารของแคว้นอู๋ตะวันตกดังนั้นแม้คู่ต่อสู้จะมีกำลังคนมากและมีอาวุธกับชุดเกราะที่ผลิตมาอย่างดี แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถชิงความได้เปรียบกลับมาได้สถานการณ์ในการสู้รบขณะนั้นที่ต่างฝ่ายต่างเข้าโรมรันกันจนแยกไม่ออกดูเหมือนจะเริ่มมาถึงทางตันอย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้นนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครคือผู้ชนะยิ่งมีทหารจำนวนมาก ความต้องการเสบียงก็มีมากขึ้น แม่ทัพคนปัจจุบันของแคว้นอู๋ตะวันตกนั้นไม่ใช่เหยียนจั๋ว เขาผู้นั้นรู้สึกหวาดกลัวเป็นกัง
หัวหน้าพลทหารหยิบยาผงที่ไม่ได้ใช้จากหมอที่อยู่ข้าง ๆ มาห่อหนึ่งเย่เสวียนถิงถือห่อนั้นมาแนบที่ปลายจมูก กลิ่นอันคุ้นเคยทำให้ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นทันทีเขาเคยเห็นยาชนิดนี้อยู่ที่ซูชิงอู่มาก่อน เมื่อตอนที่เขาบอกว่าอยากใช้ยานี้ในสนามรบ เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ถึงคุณค่าของยารักษาบาดแผลชนิดนี้ ซึ่งไม่มีทางที่จะผลิตมาใช้ในสนามรบได้ในปริมาณมากเพราะมันต้องใช้จำนวนเงินสูง แม้ชีวิตจะสำคัญกว่า แต่ก็ไม่สามารถจ่ายได้แต่ตอนนี้ยาตัวนี้กลับมาโผล่อยู่ในกองทัพเขารีบถามว่า “ยานี้ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เรียนท่านอ๋อง มีการเริ่มใช้ยานี้เมื่อสองเดือนก่อน ยาถูกจัดส่งมาพร้อมกับเสบียง ส่วนผู้รับผิดชอบในการคุ้มกันเสบียงคือแม่ทัพซูพ่ะย่ะค่ะ”ในแคว้นหนานเย่มีแม่ทัพซูอยู่เพียงคนเดียวนั่นคือซูเชียนหมิง คุณชายรองแห่งตระกูลซูและบุตรชายคนรองของอดีตเสนาบดีเย่เสวียนถิงพยักหน้าพลางยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาอ่อนโยนอย่างยิ่งอาอู่ใส่ใจในทุกคำพูดที่เขาพูด อีกทั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังส่งยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มาให้กับทหารชายแดนด้วยเมื่อรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมา เย่เสวียนถิงก็กวาดตามองบริเวณนี้เป็นค
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินว่าซูชิงอู่ส่งบางอย่างมาให้เขา เขาก็ตกใจและมองไปทันที “อะไรนะ?”คนขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดทำการเปิดกล่อง เผยให้เห็นชุดเกราะเงินสามสิบชุดที่อยู่ด้านในเย่เสวียนถิงตกตะลึง ชุดเกราะครบชุดวางอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขาประหลาดใจมาก“ได้มาจากไหน?”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พระชายาอาจจะไปยึดคลังสมบัติมาพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิง “...”จริงสินะ นั่นเป็นสิ่งที่ชายาของเขาสามารถทำได้เขาก้าวไปข้างหน้าพลางหยิบชุดเกราะขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ชุดเกราะเทียนหลินซึ่งมีน้ำหนักเบาและคงกระพัน เมื่อสวมใส่มันเข้าสู่สนามรบ แม้อยากตายก็คงเป็นเรื่องยากหากคนสามสิบคนสวมชุดเกราะนี้ คาดว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมขนาดใหญ่ได้เย่เสวียนถิงรู้ถึงประโยชน์ของสิ่งนี้ ก็เรียกรองแม่ทัพทุกคนที่อยู่รอบตัวมาทันที“ให้คนสวมชุดเกราะเหล่านี้แล้วมารวมตัวกันต่อหน้าข้า ข้าจะสั่งการเพิ่ม”“พ่ะย่ะค่ะ!”เย่เสวียนถิงหันมามององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ด“ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือข้าจะกลับมาคุยทีหลัง”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดลูบคอพลางรู้สึกเสียวสันหลังวาบเย่เสวียนถิงรีบขึ้นหลังม้าและสั่ง
ทหารทุกคนที่ประจำการอยู่ที่ปราการเจิ้นเป่ยในแคว้นหนานเย่คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องของพวกเขาจะดูเหมือนเทพลงมาจุติและนำคนของตนไล่สังหารศัตรูจนเกิดเป็นสนามรบที่นองเลือดเห็นได้ชัดว่าแม่ทัพศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังคาดไม่ถึงมาก่อนว่าผู้นำของอีกฝ่ายจะรุดหน้าทำการสังหารด้วยตัวเองจนมาถึงตรงหน้าเขาได้มาถึงตอนนี้ก็สายเกินกว่าที่จะคิดแผนอะไร ทหารธรรมดา ๆ ที่อยู่รอบตัวเขาไม่สามารถหยุดกองทัพเกราะเงินที่นำโดยเย่เสวียนถิงได้“รีบปกป้องข้าเร็วเข้า!”เขารู้ว่าเย่เสวียนถิงแข็งแกร่งเพียงใด คนมากมายที่พุ่งเข้าไปหาเขาสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายทั้งหมดดาบยาวในมือของเขาโค้งงอจากการต่อสู้เมื่อครู่ ระหว่างทางจึงต้องเปลี่ยนดาบเมื่อเย่เสวียนถิงมองเห็นตำแหน่งของผู้นำฝ่ายตรงข้ามก็ยิงธนูใส่ ด้านแม่ทัพผู้นั้นที่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก็รีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังทหารที่อยู่ข้าง ๆ ทันทีเขาใช้คนของตัวเองเป็นโล่บังลูกธนู“ฆ่าเลย รีบฆ่าอ๋องเสวียนเร็วเข้า หากใครสามารถฆ่าเขาได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงามแน่นอน แล้วก็จะทูลขอให้องค์รัชทายาททรงเลื่อนขั้นให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งได้เป็นแม่ทัพด้วย!”หลังจากได้ยินคำพูดของผู้นำ ทหารจาก
ทหารทุกคนของกองทัพปราการเจิ้นเป่ยแห่งแคว้นหนานเย่เข้าสู่ความบ้าคลั่ง ไล่บั่นหัวกองกำลังศัตรูที่หนีไม่ทัน!ในสงครามชายแดนครั้งนี้ กองทัพปราการเจิ้นเป่ยที่นำโดยเย่เสวียนถิงได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์!ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชุดเกราะเทียนหลินเพียงไม่กี่สิบชุดจะแสดงแสนยานุภาพได้ถึงเพียงนี้แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะทักษะการต่อสู้ของเย่เสวียนถิง ผลก็คงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้……กองทัพของแคว้นอู๋ตะวันตกถูกบังคับให้ล่าถอยไปหลายร้อยลี้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่เขตชายแดนได้รับ ทำให้เหล่าทหารและม้าของฝ่ายตรงข้ามกระจัดกระจายไปด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่ข่าวการได้รับชัยชนะถูกส่งไปยังเมืองหลวง ราษฎรนับไม่ถ้วนก็ส่งเสียงกู่ร้องด้วยความยินดีใครบ้างไม่อยากชนะสงคราม นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแคว้นหนานเย่แข็งแกร่งเพียงใด และพวกเขาจะไม่ถูกใครรังแกอีกอีกทั้งไม่มีวันที่จะสูญสิ้นแผ่นดินเกิดแน่นอนว่าซูชิงอู่ก็ได้รับข่าวในทันทีเช่นกัน ดวงตาของนางยิ้มแย้มและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย เวลาครึ่งปีกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว และนางจะใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้รับข่าวจากชายแดนเด็กน้อยทั้งสามเองก็โตขึ้นมากแล้วกาลเวลาได้ผ่านเข
ซูชิงอู่มองไปยังสุนัขที่กำลังจะตาย มันมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ราวกับถูกรถม้าทับจนกระทบอวัยวะภายในมีผู้คนเฝ้าดูอยู่แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกเขาทำได้แค่ยืนมองจากระยะไกลโดยไม่กล้าพูดอะไรเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณเจ็ดแปดขวบกำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศกสุดใจขณะอุ้มสุนัขขนยุ่งทหารอารักขาเดินไปที่ข้างรถม้าและทำความเคารพซูชิงอู่ “พระชายา สุนัขตัวนั้นทำให้ท่านตกใจ ไม่ทราบว่าจะให้จัดการอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ลุกขึ้นยืนและลงจากรถม้าเมื่อทุกคนเห็นท่าทีของนาง พวกเขาทั้งหมดแสดงสีหน้าประหลาดใจผู้ชมเหตุการณ์หันมามองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจอย่างยิ่งกระทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้ เด็กน้อยคนนั้นคงจบเห่แล้วละขณะที่ทุกคนกำลังคิดเช่นนั้น ซูชิงอู่ก็ก้มลงและยื่นมือไปให้เด็กหญิง “มา ให้ข้าดูสุนัขของเจ้าหน่อยสิ บางทีมันอาจจะรอดก็ได้”เด็กหญิงตัวน้อยปล่อยมือด้วยความงุนงงจนซูชิงอู่อุ้มสุนัขไปสุนัขตัวนี้สกปรก ซึ่งตรงกันข้ามกับชุดของพระชายาที่แสนสะอาดและมีราคาแพงของซูชิงอู่ ทหารอารักขาบางคนแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นพระชายาทำเช่นนี้เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสตรีร่ำรวยในตำแหน่ง