ทหารทุกคนที่ประจำการอยู่ที่ปราการเจิ้นเป่ยในแคว้นหนานเย่คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องของพวกเขาจะดูเหมือนเทพลงมาจุติและนำคนของตนไล่สังหารศัตรูจนเกิดเป็นสนามรบที่นองเลือดเห็นได้ชัดว่าแม่ทัพศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังคาดไม่ถึงมาก่อนว่าผู้นำของอีกฝ่ายจะรุดหน้าทำการสังหารด้วยตัวเองจนมาถึงตรงหน้าเขาได้มาถึงตอนนี้ก็สายเกินกว่าที่จะคิดแผนอะไร ทหารธรรมดา ๆ ที่อยู่รอบตัวเขาไม่สามารถหยุดกองทัพเกราะเงินที่นำโดยเย่เสวียนถิงได้“รีบปกป้องข้าเร็วเข้า!”เขารู้ว่าเย่เสวียนถิงแข็งแกร่งเพียงใด คนมากมายที่พุ่งเข้าไปหาเขาสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายทั้งหมดดาบยาวในมือของเขาโค้งงอจากการต่อสู้เมื่อครู่ ระหว่างทางจึงต้องเปลี่ยนดาบเมื่อเย่เสวียนถิงมองเห็นตำแหน่งของผู้นำฝ่ายตรงข้ามก็ยิงธนูใส่ ด้านแม่ทัพผู้นั้นที่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก็รีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังทหารที่อยู่ข้าง ๆ ทันทีเขาใช้คนของตัวเองเป็นโล่บังลูกธนู“ฆ่าเลย รีบฆ่าอ๋องเสวียนเร็วเข้า หากใครสามารถฆ่าเขาได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงามแน่นอน แล้วก็จะทูลขอให้องค์รัชทายาททรงเลื่อนขั้นให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งได้เป็นแม่ทัพด้วย!”หลังจากได้ยินคำพูดของผู้นำ ทหารจาก
ทหารทุกคนของกองทัพปราการเจิ้นเป่ยแห่งแคว้นหนานเย่เข้าสู่ความบ้าคลั่ง ไล่บั่นหัวกองกำลังศัตรูที่หนีไม่ทัน!ในสงครามชายแดนครั้งนี้ กองทัพปราการเจิ้นเป่ยที่นำโดยเย่เสวียนถิงได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์!ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชุดเกราะเทียนหลินเพียงไม่กี่สิบชุดจะแสดงแสนยานุภาพได้ถึงเพียงนี้แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะทักษะการต่อสู้ของเย่เสวียนถิง ผลก็คงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้……กองทัพของแคว้นอู๋ตะวันตกถูกบังคับให้ล่าถอยไปหลายร้อยลี้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่เขตชายแดนได้รับ ทำให้เหล่าทหารและม้าของฝ่ายตรงข้ามกระจัดกระจายไปด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่ข่าวการได้รับชัยชนะถูกส่งไปยังเมืองหลวง ราษฎรนับไม่ถ้วนก็ส่งเสียงกู่ร้องด้วยความยินดีใครบ้างไม่อยากชนะสงคราม นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแคว้นหนานเย่แข็งแกร่งเพียงใด และพวกเขาจะไม่ถูกใครรังแกอีกอีกทั้งไม่มีวันที่จะสูญสิ้นแผ่นดินเกิดแน่นอนว่าซูชิงอู่ก็ได้รับข่าวในทันทีเช่นกัน ดวงตาของนางยิ้มแย้มและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย เวลาครึ่งปีกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว และนางจะใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้รับข่าวจากชายแดนเด็กน้อยทั้งสามเองก็โตขึ้นมากแล้วกาลเวลาได้ผ่านเข
ซูชิงอู่มองไปยังสุนัขที่กำลังจะตาย มันมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ราวกับถูกรถม้าทับจนกระทบอวัยวะภายในมีผู้คนเฝ้าดูอยู่แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกเขาทำได้แค่ยืนมองจากระยะไกลโดยไม่กล้าพูดอะไรเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณเจ็ดแปดขวบกำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศกสุดใจขณะอุ้มสุนัขขนยุ่งทหารอารักขาเดินไปที่ข้างรถม้าและทำความเคารพซูชิงอู่ “พระชายา สุนัขตัวนั้นทำให้ท่านตกใจ ไม่ทราบว่าจะให้จัดการอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ลุกขึ้นยืนและลงจากรถม้าเมื่อทุกคนเห็นท่าทีของนาง พวกเขาทั้งหมดแสดงสีหน้าประหลาดใจผู้ชมเหตุการณ์หันมามองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจอย่างยิ่งกระทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้ เด็กน้อยคนนั้นคงจบเห่แล้วละขณะที่ทุกคนกำลังคิดเช่นนั้น ซูชิงอู่ก็ก้มลงและยื่นมือไปให้เด็กหญิง “มา ให้ข้าดูสุนัขของเจ้าหน่อยสิ บางทีมันอาจจะรอดก็ได้”เด็กหญิงตัวน้อยปล่อยมือด้วยความงุนงงจนซูชิงอู่อุ้มสุนัขไปสุนัขตัวนี้สกปรก ซึ่งตรงกันข้ามกับชุดของพระชายาที่แสนสะอาดและมีราคาแพงของซูชิงอู่ ทหารอารักขาบางคนแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นพระชายาทำเช่นนี้เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสตรีร่ำรวยในตำแหน่ง
หนอนกู่ที่รูปร่างเหมือนเส้นเลือด มีสีแดงสดและลำตัวเรียวยาว และเมื่อมาวางทาบบนมือคนก็จะดูเหมือนมีขนติดอยู่ซูชิงอู่หลุบตามองพลางตบไหล่ของเด็กหญิงตัวน้อย“ไม่ต้องกลัว ซ่อนตัวอยู่กับลูกสุนัขไปนะ”เด็กหญิงตัวน้อยกะพริบตาและในที่สุดก็ได้สติจากอาการตกใจ นางวิ่งเข้าไปข้างในพร้อมกับลูกสุนัขในอ้อมแขนทันทีโดยไม่หันกลับมามองซูชิงอู่บดขยี้หนอนกู่ด้ายแดงให้ตายอย่างง่ายดายมีเสียงตะโกนแห่งการสังหารอยู่นอกตรอก และองครักษ์เงาก็ถูกส่งไปต่อสู้กับนักฆ่าที่มาลอบสังหารนางแล้วซูชิงอู่เคยชินกับเรื่องเช่นนี้แล้วซึ่งนาน ๆ ทีจะได้เจอกับมันอยู่บ้างเห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางกลายเป็นเป้าหมายของคนจำนวนมาก และไม่แน่ใจว่าลับหลังมีคนต้องการชีวิตของนางอยู่กี่คนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉีเทียนหยวน หรือสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ของตระกูลเฝิง ตระกูลเจียวผู้ทะเยอทะยาน และ...ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่แอบวางแผนยึดครองใต้หล้า…ซูชิงอู่รออย่างอดทนที่มุมหนึ่งเพื่อเฝ้าดูผลการต่อสู้ด้านนอกองครักษ์เงาที่เย่เสวียนถิงทิ้งไว้ให้นางนั้นแข็งแกร่งมากและในช่วงนี้ก็ได้ช่วยนางจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ไปไม่น้อยซูชิงอู่คงไม่กล้าพอที่จะออก
ซูชิงอู่ขึ้นรถม้าอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเมื่อไปถึงก็มีขันทีหนุ่มคนหนึ่งนำทางพาซูชิงอู่เข้าไปในตำหนักบูรพา ซึ่งเย่ชิวหมิงรออยู่ที่นั่นนานแล้วสีหน้าเคร่งขรึมของเขาแนบมาพร้อมกับความกังวล“พระชายาเสวียนไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ซูชิงอู่ส่ายหัว “ไม่เป็นไรเพคะ ที่จู่ ๆ องค์รัชทายาทก็เรียกหม่อมฉันเข้าวัง ไม่ทราบว่าทรงมีเรื่องสำคัญอะไรหรือเพคะ?”ดูเหมือนนางไม่อยากจะพูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักฆ่าที่เจอระหว่างทางแต่ถึงอย่างไรเย่ชิวหมิงก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีนักฆ่าดักอยู่ที่ถนน ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อดูว่าใครที่มันบังอาจทำเช่นนี้”ซูชิงอู่ส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอกเพคะ เสียเวลาเปล่า ๆ ”เย่ชิวหมิงไม่เข้าใจอยู่ชั่วขณะว่าที่ซูชิงอู่พูดนั้นหมายถึงอะไรนางถูกลอบสังหารกลางถนน หากเป็นคนปกติตอนนี้ก็คงจะขวัญเสียอยู่ไม่น้อย“พระชายาไม่สนใจผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือ?”ซูชิงอู่กล่าวว่า “จะเป็นฝีมือของใคร สำหรับหม่อมฉันมันไม่ต่างไปหรอกเพคะ”เย่ชิวหมิง “หา?”ซูซิงอู่ยิ้มอย่างไม่แยแส “เพราะในอนาคต ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครขอเพียงแค่ฆ่าให้หมดก็พอแ
เย่ชิวหมิงไม่เข้าใจว่าซูชิงอู่หมายถึงอะไรซูชิงอู่พูดเสียงเรียบ “ท่านคือว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้นหนานเย่ พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านพอใจ ขอเพียงท่านทำตามที่หม่อมฉันพูด คนเหล่านั้นก็จะสนับสนุนท่านทุกวิถีทางเพคะ…”ดวงตาของเย่ชิวหมิงเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าแรง ๆเช้าวันรุ่งขึ้น เย่ชิวหมิงเชิญพ่อค้าเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงไปงานเลี้ยงที่หอจุ้ยชุนทุกคนที่ได้รับคำเชิญต่างก็มีความคิดที่ซับซ้อน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าที่องค์รัชทายาททรงทำเช่นนี้นั้นหมายความว่าอย่างไรแต่พ่อค้าทุกคนล้วนมีใจที่ไม่บริสุทธิ์ พ่อค้าเหล่านี้เองก็ระวังตัวเช่นกัน พวกเขาได้เดาความจริงบางอย่างคร่าว ๆ ก่อนที่จะไปที่นั่นแล้วปัจจุบันคลังสมบัติของแผ่นดินว่างเปล่า และเนื่องจากผู้คนที่ประสบภัยแล้งทางตอนเหนือกำลังดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ คำเชิญขององค์รัชทายาทที่ส่งถึงพวกเขาในเวลานี้จึงเป็นการปล้นทรัพย์สินของพวกเขาก็เท่านั้นทุกคนต่างหวาดกลัว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธเย่ชิวหมิงนั่งอยู่บนที่นั่งเจ้าบ้าน พลางมองพ่อค้าคหบดีที่มาถึงทีละคน พวกเขานั่งก้มหน้าโดยไม่มองอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจเสีย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนเหล่านั้น เย่ชิวหมิงก็รู้ว่าเขาเดาถูกแม้พวกเขาจะบริจาคเงินภายใต้แรงกดดันของเขา แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้วิธีการอื่นเพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างแน่นอนซึ่งจะเป็นการสร้างปัญหาให้เขามากกว่าเดิมเย่ชิวหมิงหลุบตามองไปยังจอกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเพิ่งจะมาดำรงตำแหน่งนี้ได้ไม่นานจึงขาดคนที่ใช้งานได้อยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเผชิญกับวิกฤติและทุกคนก็มีส่วนรับผิดชอบ”ท่าทีของพ่อค้าเหล่านั้นเปลี่ยนไปทันที และความประหลาดใจก็ฉายออกมาผ่านดวงตาของพวกเขาเย่ชิวหมิงจิบชาและถอนหายใจอีกครั้งพลางทำเสียงจิ๊ปากสองที“ทุกท่านต้องทราบว่าการซื้อขายตำแหน่งขุนนางเป็นสิ่งต้องห้ามในแคว้นหนานเย่ ทว่าความปรารถนาของข้าที่จะส่งเสริมคนที่มีความสามารถซึ่งสามารถจัดการอำนาจทางการเงินให้กับข้าได้นั้นไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของกฎหมายนี้ ทุกท่านล้วนเป็นผู้มีความสามารถที่ขาดไม่ได้ เมื่อมองเช่นนี้ สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากเหลือเกิน”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ข้าพูดเรื่องที่ควรพูดไปหมดแล้ว ทุกท่านเชิญกลับไป
แม้ซูชิงอู่จะถูกเขาเตือนเช่นนั้น แต่นางก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลนางยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ที่ท่านตรัสก็ถือว่าถูก เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่พระราชวังเพคะ”ตอนนี้ฮ่องเต้เฒ่าเป็นอัมพาตติดเตียงและไม่สามารถลุกขึ้นได้เขารู้สึกเหมือนเหลือลมหายใจเพียงเฮือกเดียว แต่ก็ถูกซูชิงอู่บังคับให้กินยาคุณภาพดีเพื่อพยุงอาการเอาไว้หมอหลวงซุนและคนอื่น ๆ ที่รับใช้ฮ่องเต้เฒ่าอยู่ข้างกายมาโดยตลอด เมื่อพวกเขาเห็นซูชิงอู่ เดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขาทุกคนก็เดินก้มหน้าออกไปและไม่กล้าแม้แต่จะรบกวนนางเพราะในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ซูชิงอู่ได้พูดอย่างชัดเจนถึงอาการของฮ่องเต้เฒ่าหากนางไม่อยู่ที่นี่ ฮ่องเต้เฒ่าคงสวรรคตไปนานแล้วฮ่องเต้เฒ่าได้ยินใครบางคนเรียกเขา สุดท้ายเขาก็ลืมตาด้วยความงุนงง ตอนนี้เขากำลังทอดถอนใจและรอคอยยาที่สามารถรักษาเขาได้จากซูชิงอู่แม้ความเป็นไปได้นั้นจะมีน้อยมากก็ตามฮ่องเต้เฒ่าดื่มยาที่ซู่ชิงอู่มอบให้ และในที่สุดเขาก็รู้สึกสติแจ่มชัดขึ้น เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและเห็นซูชิงอู่เดินมาพร้อมกับพระราชโองการและตราราชลัญจกรหยกของเขาที่อยู่ในมือนางเดี๋ยวนะ…ตราราชลัญจกรหยก?ศีรษะของ