ฮ่องเต้เฒ่าเงียบอยู่นานมีเพียงคำไม่กี่คำที่กล่าวออกมา “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”ซูชิงอู่หยิบกล่องขนาดใหญ่หลายกล่องออกมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เทเครื่องประดับทองเงินและอัญมณีต่าง ๆ มากองไว้ข้าง ๆ แล้วนำสิ่งที่นางต้องการใส่ลงไปฮ่องเต้เฒ่ามองนางเดินออกมา ร่างผอมบางที่ถือกล่องเหล็กที่มีความสูงครึ่งตัวคน นางเดินขึ้นบันไดอย่างง่ายดายในขณะที่ถือออกมาอีกทั้งยังเดินกลับไปมาหลายครั้งโดยไม่มีเหงื่อออกสักนิดเขานั่งตะลึงอยู่ที่มุมห้อง เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะนำสิ่งของออกมา แม้น้ำหนักของชุดเกราะเทียนหลินจะเบากว่าชุดเกราะธรรมดา แต่มันก็ยังคงเป็นชุดเกราะ!สตรีธรรมดาทั่วไปย่อมคิดว่าการถือชุดเกราะออกมาสักชุดก็เป็นเรื่องที่ยากพอแล้ว นับประสาอะไรกับกล่องใหญ่ที่มีชุดเกราะใส่อยู่เต็มถึงสามใบแต่ผลคือกล่องเหล่านั้นถูกซูชิงอู่ถือไปเพียงลำพังเขาไม่พูดอะไรและยังคงนิ่งเงียบ แขนขาบอบบางของนางกำลังขยับไปมา ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าร่างกายที่เพรียวบางมีกำลังมากขนาดนี้ได้อย่างไรซูชิงอู่ปัดฝุ่นออกจากมือพลางมองไปรอบ ๆ ห้องลับเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่เอาไปได้แล้ว ใ
ซูชิงอู่เก็บแผนที่อย่างระมัดระวัง หลังจากเปรียบเทียบกันเรียบร้อย นางก็ได้พบตำแหน่งที่แน่นอนของเส้นชีพจรมังกรแล้วขอแค่หารือเรื่องนี้กับเหล่าพี่ชายและคนอื่น ๆ ก็จะสามารถเริ่มการสืบหาได้เรื่องนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวังและจะต้องห้ามไม่ให้คนนอกรู้หรงหย่ามีความสงสัย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงถามนางเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ “พระชายา เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงอยากรู้เรื่องชื่อเมืองเก่า ๆ พวกนั้นล่ะเพคะ?”ซูชิงอู่เงยหน้ามองไปที่หรงหย่าถึงจะรู้เกี่ยวกับเขตอวิ๋นหว่านก็คงจะไม่เป็นไร เพราะเส้นชีพจรมังกรอยู่ห่างจากเขตอวิ๋นหว่านไปหลายร้อยลี้“ไม่มีอะไร ข้าบังเอิญเห็นมันตอนที่อ่านตำราโบราณน่ะ”หรงหย่าไม่ได้สงสัยอะไรตามที่นางคิดทันใดนั้นดูเหมือนหรงหย่าจะนึกถึงคำถามที่น่าลำบากใจออก “พระชายา ไม่ทราบว่าจะให้องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออกอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน…”ซูชิงอู่เลิกคิ้วแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี “มีอะไรหรือ?”หรงหย่าพูดว่า “วัน ๆ เขาเอาแต่ดีดพิณอยู่ในเรือน เสียงดังมากเลยเพคะ”ซูชิงอู่ประหลาดใจ “เขาดีดไม่เพราะหรือ?”“ตอนแรกก็ดีดเพราะอยู่หรอกเพคะ แต่พอหลัง ๆ มาดีดมั่วซั่วไปหมด นี่
คำพูดประชดอย่างเห็นได้ชัดเหล่านี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีเทียนหยวนแข็งค้างเขาหัวเราะแห้ง ๆ คาดไม่ถึงว่าตนจะตกหลุมรักสตรีใจร้ายผู้นี้ได้ลง“พระชายาก็ชมเกินไป ฝีมือข้าไม่เท่าไรหรอก…”ซูชิงอู่ที่เข้ามาบริเวณชั้นสองหาเก้าอี้นั่ง จากนั้นนางก็เท้าคางมองเขา“ดีดต่อสิ ข้าไม่รบกวนท่านหรอกเพคะองค์ชายสาม”ฉีเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกที่ต้นคอในยามที่ซูชิงอู่จ้องมองเขาเช่นนี้เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานกว่าสามเดือนแล้ว และเขามักจะถูกจับตามองทุกวันในขณะที่ดีดพิณ เขาคลำหาทุกสิ่งรอบตัว อยากจะส่งข่าวออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เขาถูกตัดขาดจากทุกสิ่งต้องมีปรมาจารย์คอยช่วยเหลือเขาอยู่ที่จวนแห่งนี้แน่แต่ฉีเทียนหยวนไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นเขายังไม่ลืมว่าการตายของสตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้นั้นน่าสังเวชเพียงใดและยังไม่ลืมว่าแม่ทัพมู่หรงที่บุกเข้ามาด้วยอีกคนถูกหักกระดูกขาอย่างไรฉีเทียนหยวนนั่งลงอย่างเชื่อฟัง พลางเหลือบมองนิ้วของตนที่ถูกพันด้วยผ้า แล้วค่อย ๆ ดีดนิ้วอย่างแข็งทื่อลงบนพิณสองครั้งแม้เขาจะตั้งใจทำตัวให้ดีขึ้น แต่ก็น่าเสียดายที่นิ้วของเขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเลย ห
ซูชิงอู่คลี่ยิ้มพร้อมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าปล่อยเขาไปไม่ได้ จะฆ่าทิ้งก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยไปก็ไม่ได้ เพราะบุคคลผู้นี้อันตรายมาก”ฉีเทียนหยวนไม่ธรรมดาเลยที่เปลี่ยนแคว้นหลิงตะวันออกให้เป็นเช่นนั้นได้สิ่งที่นางทำได้ตอนนี้คือขังชายผู้นี้ไว้ที่นี่และป้องกันเขาด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เขาสร้างปัญหาขณะนี้สงครามชายแดนเป็นเรื่องเร่งด่วน สิ่งที่ซูชิงอู่ต้องทำคือไม่เพิ่มแรงกดดันหรือปัญหาใดให้กับเย่เสวียนถิงณ ชายแดนตซีเป่ยมีจำนวนทหารและม้าไม่ถึงสามแสนนาย ในขณะที่แคว้นอู๋ตะวันตกมีมากถึงสี่แสนนาย แค่ช่ความต่างของจำนวนคนก็ทำให้เย่เสวียนถิงต้องถูกทดสอบอย่างสาหัสพอแล้วซูชิงอู่คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา นางมาห้องทำงานเพื่อตามหาองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดและถามว่า “เสบียงชุดนั้นถูกส่งไปถึงหรือยัง?”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเสบียงในครั้งนี้คือท่านใต้เท้าสวีชิงโม่ มีเขาคอยจัดการดูแลอยู่ พระชายาก็วางใจได้พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ยกยิ้มมุมปากสวีชิงโม่เป็นคนที่นางเสาะหามาตั้งแต่แรก เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆตอนนี้เ
ซูชิงอู่ออกคำสั่งองครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดอีกครั้ง “พี่รองของข้าเป็นคนรับผิดชอบในการส่งเสบียงด้วยตัวเอง นอกเหนือจากเขาแล้วข้าไม่ไว้ใจใคร และครั้งนี้ข้ามีงานที่สำคัญกว่าให้เจ้าทำ”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับด้วยความเคารพ “พระชายาสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ผลักเปิดฉากกั้นลมที่อยู่ข้าง ๆ แล้วนำกล่องสองใบมาเปิดออก“ข้าเพิ่งได้ชุดเกราะเทียนหลินสามสิบชุดมา แม้จำนวนจะไม่มาก แต่เจ้าก็คงรู้ดีว่าชุดเกราะนี้ทรงพลังแค่ไหน”ม่านตาขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดหดตัวลงในทันทีเขารีบทำความเคารพแล้วพูดว่า “กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”ชุดเกราะเทียนหลินเป็นสมบัติที่เหลืออยู่จากสนามรบโบราณ มันถูกสืบทอดมาอย่างน้อยพันปีและมีจำนวนเหลืออยู่ไม่มาก ส่วนชิ้นที่ได้รับจัดเก็บไว้อย่างดีนั้นก็หายากยิ่งกว่าชุดเกราะนี้คงกระพันและสมบูรณ์แบบ มันเป็นสมบัติที่แม่ทัพทุกคนในสนามรบใฝ่ฝัน และเพียงพอที่ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งท่ามกลางกองทัพทหารนับหมื่นได้ไม่ต้องพูดถึงสามสิบชุด แม้แต่สิบชุดก็สามารถหลอมรวมเป็นดาบคมกริบที่ไม่มีใครต้านทานได้และแทงทะลุหัวใจของศัตรูโดยตรง!ดวงตาขององครักษ์เงาลำดับที
หากกองทัพของแคว้นหนานเย่สูญเสียทหารไปสามพันนาย แคว้นอู๋ตะวันตกจะสูญเสียทหารไปห้าพันนายในการเปรียบเทียบนี้ กำลังทหารทั้งสองฝั่งกำลังหมดลงอย่างรวดเร็วสุดท้ายศพอันเย็นเยือกในสนามรบก็กลายเป็นเพียงจำนวนของการตายที่ฟังดูไร้ความรู้สึกในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสามกองทัพ เย่เสวียนถิงจะเป็นผู้นำกองทัพทั้งหมดไปยังสนามรบด้วยตัวเองและไปอยู่ที่แถวหน้าเสมอและทุกครั้งเขาก็ยังเป็นคนที่สังหารศัตรูได้มากที่สุดแม่ทัพของศัตรูที่ไม่มีความกล้าหาญเช่นเย่เสวียนถิงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสมอ ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจของทหารของแคว้นอู๋ตะวันตกดังนั้นแม้คู่ต่อสู้จะมีกำลังคนมากและมีอาวุธกับชุดเกราะที่ผลิตมาอย่างดี แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถชิงความได้เปรียบกลับมาได้สถานการณ์ในการสู้รบขณะนั้นที่ต่างฝ่ายต่างเข้าโรมรันกันจนแยกไม่ออกดูเหมือนจะเริ่มมาถึงทางตันอย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้นนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครคือผู้ชนะยิ่งมีทหารจำนวนมาก ความต้องการเสบียงก็มีมากขึ้น แม่ทัพคนปัจจุบันของแคว้นอู๋ตะวันตกนั้นไม่ใช่เหยียนจั๋ว เขาผู้นั้นรู้สึกหวาดกลัวเป็นกัง
หัวหน้าพลทหารหยิบยาผงที่ไม่ได้ใช้จากหมอที่อยู่ข้าง ๆ มาห่อหนึ่งเย่เสวียนถิงถือห่อนั้นมาแนบที่ปลายจมูก กลิ่นอันคุ้นเคยทำให้ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นทันทีเขาเคยเห็นยาชนิดนี้อยู่ที่ซูชิงอู่มาก่อน เมื่อตอนที่เขาบอกว่าอยากใช้ยานี้ในสนามรบ เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ถึงคุณค่าของยารักษาบาดแผลชนิดนี้ ซึ่งไม่มีทางที่จะผลิตมาใช้ในสนามรบได้ในปริมาณมากเพราะมันต้องใช้จำนวนเงินสูง แม้ชีวิตจะสำคัญกว่า แต่ก็ไม่สามารถจ่ายได้แต่ตอนนี้ยาตัวนี้กลับมาโผล่อยู่ในกองทัพเขารีบถามว่า “ยานี้ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เรียนท่านอ๋อง มีการเริ่มใช้ยานี้เมื่อสองเดือนก่อน ยาถูกจัดส่งมาพร้อมกับเสบียง ส่วนผู้รับผิดชอบในการคุ้มกันเสบียงคือแม่ทัพซูพ่ะย่ะค่ะ”ในแคว้นหนานเย่มีแม่ทัพซูอยู่เพียงคนเดียวนั่นคือซูเชียนหมิง คุณชายรองแห่งตระกูลซูและบุตรชายคนรองของอดีตเสนาบดีเย่เสวียนถิงพยักหน้าพลางยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาอ่อนโยนอย่างยิ่งอาอู่ใส่ใจในทุกคำพูดที่เขาพูด อีกทั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังส่งยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มาให้กับทหารชายแดนด้วยเมื่อรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมา เย่เสวียนถิงก็กวาดตามองบริเวณนี้เป็นค
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินว่าซูชิงอู่ส่งบางอย่างมาให้เขา เขาก็ตกใจและมองไปทันที “อะไรนะ?”คนขององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดทำการเปิดกล่อง เผยให้เห็นชุดเกราะเงินสามสิบชุดที่อยู่ด้านในเย่เสวียนถิงตกตะลึง ชุดเกราะครบชุดวางอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขาประหลาดใจมาก“ได้มาจากไหน?”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พระชายาอาจจะไปยึดคลังสมบัติมาพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิง “...”จริงสินะ นั่นเป็นสิ่งที่ชายาของเขาสามารถทำได้เขาก้าวไปข้างหน้าพลางหยิบชุดเกราะขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ชุดเกราะเทียนหลินซึ่งมีน้ำหนักเบาและคงกระพัน เมื่อสวมใส่มันเข้าสู่สนามรบ แม้อยากตายก็คงเป็นเรื่องยากหากคนสามสิบคนสวมชุดเกราะนี้ คาดว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมขนาดใหญ่ได้เย่เสวียนถิงรู้ถึงประโยชน์ของสิ่งนี้ ก็เรียกรองแม่ทัพทุกคนที่อยู่รอบตัวมาทันที“ให้คนสวมชุดเกราะเหล่านี้แล้วมารวมตัวกันต่อหน้าข้า ข้าจะสั่งการเพิ่ม”“พ่ะย่ะค่ะ!”เย่เสวียนถิงหันมามององครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ด“ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือข้าจะกลับมาคุยทีหลัง”องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดลูบคอพลางรู้สึกเสียวสันหลังวาบเย่เสวียนถิงรีบขึ้นหลังม้าและสั่ง