พวกเขาเห็นเพียงร่างเล็ก ๆ สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็อ้าปากและอาเจียนออกมาอวิ๋นจื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบเช็ดแก้มของหนูน้อยให้สะอาด และเห็นว่าหนูน้อยที่ไม่เคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ จมูกขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งเสียงหายใจเบา ๆ...ฉากนี้ทำให้หมอหลวงซุนถึงกับตะลึง“เมื่อครู่...เมื่อครู่มันคืออะไร?”เขาหยุดชั่วครู่ มองดูสีหน้าของคนรอบข้าง จึงรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาถามเรื่องพวกนี้เขารีบพูดว่า "รอดแล้ว ถ้ากินอาหารได้อีก ไม่กี่วันคงไม่มีปัญหาอะไร นี่มัน... นี่มันปาฏิหาริย์จริง ๆ!"เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เรียกได้ว่าชุบชีวิตจากความตายเลยทีเดียว!ซูชิงอู่ยกยิ้มมุมริมฝีปากเล็กน้อย แต่ครู่ต่อมาเปลือกตาของนางก็ปิดลงอย่างหนักอึ้งก่อนหน้านี้นางแค่ฝืนทำเป็นเข้มแข็ง และอดทนมาจนถึงตอนนี้และเมื่อหนูน้อยตื่นขึ้นมา หัวใจของนางก็ผ่อนคลาย สายที่ตึงเครียดในหัวของนางก็ขาดสะบั้นลงทันทีเย่เสวียนถิงปวดใจแทบแย่ เขาค่อย ๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากของซูชิงอู่“ข้าจะพาพระชายากลับไป คืนนี้เจ้าดูแลเด็กทั้งสามคนด้วย”คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างก็มองหน้ากันไปมาจากนั้นมีคนหนึ่
แต่แล้วในตอนนี้ ขบวนที่คุ้มกันเย่ชิวหมิงกลับพระราชวังกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านหน้าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัว ขุนนางหลายคนที่ติดตามมาต่างก็ตกใจ“มีมือสังหาร มีมือสังหาร รีบคุ้มกันองค์รัชทายาท!”มีทหารรักษาการณ์ตะโกนเสียงดังมาจากด้านหน้า ทุกคนรีบกลับมาตั้งรับ พยายามจะล้อมรถม้าของเย่ชิวหมิงไว้คราวนี้พวกเขามาอย่างเร่งรีบ เย่ชิวหมิงไม่ได้นำทหารคุ้มกันมามากนัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกตนจะพบเจอกับอันตรายใด ๆ ระหว่างทางกลับพระราชวังในความมืดมิดของค่ำคืน จู่ ๆ ลูกศรเย็นเฉียบพุ่งมาหาเขาทันที“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!”เสียงลูกธนูเจาะทะลุรถม้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจู่ ๆ หัวใจของเย่ชิวหมิงก็ตึงเครียด เขาก็ยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัวเพื่อปกป้องฉีหว่านเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนฉีหว่านเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นความตื่นตระหนกในคิ้วของนางก็ค่อย ๆ คลี่คลายลงเสียงลูกธนูทะลุผ่านร่างดังขึ้นข้างหู เย่ชิวหมิงมีเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผากเขามองออกไปข้างนอกผ่านช่องม่านในรถ แต่พบว่าในความมืดจำนวนคนของเขาลดน้อยลงเรื่อย ๆ ขณะที่ฝ่ายศัตรูไม่แม้แต่จะเผยหน้าอ
เย่ชิวหมิงตกตะลึงเมื่อเห็นเลือดสดไหลออกจากท้องของหญิงสาวข้างกาย เลือดไหลมากจนทำให้มือของเขาเปียกชุ่มดวงตาของเย่ชิวหมิงเบิกกว้างขึ้นในทันที เสียงสั่นด้วยความไม่เชื่อ "หว่านเอ๋อร์?"เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉีหว่านเอ๋อร์ถึงได้ใส่ใจเขาขนาดนี้ ถึงขนาดเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขาเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองเพิ่งแต่งงานกัน และยังแทบไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยนัก...หัวใจของเย่ชิวหมิงตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนอุ้มฉีหว่านเอ๋อร์ที่กำลังจะล้มลงไว้ในอ้อมแขนของเขาดาบแทงเข้าไปในช่องท้องส่วนล่างของนาง ร่างกายของฉีหว่านเอ๋อร์สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางเริ่มพร่ามัวเล็กน้อย“ไปเถอะ...ไม่ต้องห่วงข้า...”นางลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก พยายามผลักเย่ชิวหมิงออกไป...คนสองคนตรงนั้นไล่ตามเขามาและกำลังจะฆ่าเย่ชิวหมิง แต่ทันใดนั้นร่างกายของพวกเขาก็แข็งทื่อ หัวใจเหมือนถูกอะไรบางอย่างแทงทะลุ เลือดสด ๆ ไหลออกมาอย่างไรก็ตามเย่ชิวหมิงดูเหมือนจะมองไม่เห็น เขาคุกเข่าลงบนพื้นอย่างโง่เขลาพลางอุ้มฉีหว่านเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษทำไมถึง... เป็นเช่นนี้!เย่ชิวหมิงรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี แม้ว่าเข
แม้จะมีองครักษ์อยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งเย่เสวียนถิงก็สามารถระดมพลได้ ทว่าผู้มีอำนาจที่แท้จริงยังคงเป็นฮ่องเต้เขาเพียงแค่มารับผิดชอบแทนดังนั้นเย่เสวียนถิงจึงไม่มีสิทธิ์สับเปลี่ยนบุคลากรในกองราชองครักษ์ได้ตามใจและด้วยความที่ในกองราชองครักษ์มีคนจำนวนมาก ก็ย่อมมีสายลับตามมาสายตาของเย่ชิวหมิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา เมื่อครุ่นคิดถึงอันตรายเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกโกรธไม่น้อย "แม้แต่คนรอบตัวข้าก็ยังมีสายลับแฝงตัวอยู่ น่าทึ่งซะจริง!”เซียวเฝิงไม่มีคำอธิบายใด ๆ สำหรับเรื่องนี้แม้เขาจะเพิ่งเข้าร่วมกองทัพเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขาก็ติดตามเย่เสวียนถิงไปจัดการเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด และตอนนี้เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นแม่ทัพแล้วแน่นอนว่าเขาเข้าใจความเป็นไปในเมืองหลวงเป็นอย่างดี“องค์รัชทายาท ในบรรดาองครักษ์เหล่านี้ส่วนมากมาจากตระกูลต่าง ๆ เช่น ตระกูลมู่หรงสายรอง หรือมาจากเส้นสายของขุนนางใหญ่ องครักษ์เหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเผชิญกับอันตราย ทั้งยังได้รับเบี้ยรายเดือนเป็นจำนวนมาก ท่านเองก็ทรงรู้ลึกตื้นหนาบางในเรื่องของที่นี่เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฝิง เย่ชิวหมิงก็เข้าใจทันที“เจ้าหมายค
ซูชิงอู่ถามว่า “ช่วงนี้ข้างนอกมีข่าวอะไรกัน?”อวิ๋นจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าปิดบังต่อไป นางจึงเล่าเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับการลอบสังหารที่เกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ ระหว่างทางกลับพระราชวังเมื่อคืนนี้ซูชิงอู่เอนตัวพิงกับหัวเตียงแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย“หากพูดกันโดยทั่วไป การที่ข้าให้กำเนิดบุตรอย่างกะทันหันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้และไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเยี่ยมข้าที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันพ้นคืนแต่งงานของเขา ดังนั้นการลอบสังหารครั้งนี้จึงเป็นการตัดสินใจกะทันหันหรือไม่ก็เตรียมไว้ตั้งแต่แรก ทว่าเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่เขา”อวิ๋นจื่อไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ฟังอย่างอดทน“พระชายาหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”ซูชิงอู่พูดเนิบ ๆ “น่าจะเป็นอย่างหลัง คนกลุ่มนี้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พวกเขาจึงได้คว้าโอกาสนี้ไว้ คงจะถูกผู้อื่นยุยงบงการมาอีกทอดหนึ่ง”อวิ๋นจื่อก้มหน้าแล้วพูดว่า “มีขุนนางระดับสูงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก การว่าราชการในตอนเช้าของวันนี้จึงถูกยกเลิกไป เขตพระราชฐานตอนนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวาย พระชายาองค์รัชทายาททรงได
ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางนั้น“ท่านอ๋องมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่หรือ?”เย่เสวียนถิงพานางนั่งลงที่เก้าอี้ริมประตูและไม่พูดอะไร“ข้าไม่ได้อยากปิดบังเจ้า แค่คิดไว้ว่าจะบอกเจ้าเมื่อเจ้าอาการดีขึ้น”ซูชิงอู่จับปกคอเสื้อของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “หากเป็นเรื่องสำคัญแล้วถูกทำให้ล่าช้าไปจะทำอย่างไร…”เย่เสวียนถิงก้มจูบหน้าผากของนาง “เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น แม้ข้าจะบอกเจ้าตอนนี้ ก็รังแต่จะทำให้เจ้าเป็นกังวลขึ้นมาอีกคน”ซูชิงอู่เริ่มกังวล “แล้วหากข้ารู้ทีหลังจะไม่เป็นกังวลมากกว่าเดิมหรอกหรือ?”เย่เสวียนถิงพูดเสียงต่ำ “อย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าผิดไปแล้ว”เมื่อซูชิงอู่เห็นว่าเขายอมรับผิด นางก็ลดน้ำเสียงลง “ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงร่างกายของข้า แต่ข้าหาใช่เศษแป้งที่จะแบนเมื่อถูกบีบ ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรข้าทั้งนั้น ข้ารู้จักตัวเองดีและตระหนักอยู่เสมอว่าควรจะดูแลตัวเองให้ดีก่อน”เย่เสวียนถิงพยักหน้า เขาอุ้มซูชิงอู่ไปที่ห้องของลั่วลั่วโดยไม่พูดอะไรอีกหมอหลวงซุนและแม่นมคอยเฝ้าอยู่ตรงโถงด้านนอกเมื่อเห็นคนทั้งสองมาก็รีบลุกขึ้นทัน
จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเย่เสวียนถิงทันใดนั้นนางก็เหมือนนึกอะไรออก “เสวียนถิง มีหมอยาที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้ารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนหรือใบสั่งยาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาโรคนี้ได้!”จากการทดลองที่นางประสบในชาติก่อน ซูซิงอู่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหนอนกู่และพิษอันมหัศจรรย์มากมายนอกจากนี้ตำรายาที่ตระกูลฝางทิ้งไว้ได้เขียนบันทึกใบสั่งยาต่าง ๆ ไว้ด้วย นางไม่เชื่อว่าจะไม่มียาใดที่สามารถรักษาลูกสาวของนางได้เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ“ลูกไม่เป็นอะไรหรอก อย่ารีบร้อนเกินไปเลย”กำลังวังชาในร่างกายของซูชิงอู่ดูเหมือนจะถูกสูบออกไปนางรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แม้จะมีใบสั่งยาแต่ประสิทธิภาพของยาเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทารกแรกเกิดจะทนได้หนอนหยกเลือดเป็นหนอนกู่ช่วยชีวิตที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง ซูชิงอู่โชคดีมากที่สามารถฝึกฝนมันได้เพราะกู่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์นั้นยากมากที่จะมีชีวิตรอด แม้จะเลี้ยงพวกมันไว้หลายร้อยตัว แต่สุดท้ายพวกมันก็อาจจะไม่เหลือรอดเลยยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็มีอยู่จำนวนจำกัดและหายากเป็นทุนเดิมสิ่ง
เย่เสวียนถิงไม่ได้มีท่าทีจริงจัง เขาไม่ได้ถือว่าเย่อวิ๋นถูเป็นคู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำที่เขาคิดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่ง แต่เพราะอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเขาได้และคงไม่มีทางพุ่งเป้ามาที่เขาสิ่งที่เขาควรระวังมากที่สุดในตอนนี้คือทางฝั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่เด็กจะได้ถือกำเนิด ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ลงมือโจมตีซูชิงอู่หลายต่อหลายครั้ง และตอนนี้เขากลัวว่าทางฝั่งนั้นจะใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้อย่างไร้ปรานีแม้เย่เสวียนจะไม่ทราบจุดประสงค์ในการโจมตีของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างที่พวกเขาต้องการจากซูชิงอู่และลูกส่วนแผนการของเย่อวิ๋นถูที่ต้องการจัดการกับเย่ชิวหมิง เขาไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้สนใจมากนักว่าทั้งสองคนจะตายหรือมีชีวิตอยู่องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดเงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางทำความเข้าใจความคิดของผู้เป็นนายจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นและกล่าวคำนับ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงครุ่นคิดไปมา สุดท้ายก็บอกซูชิงอู่เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อซูชิงอู่ได้ฟังเรื่องราว นางก็มีความคิดคล้ายกับเย่เสวียนถิง นางจึงเขียนจดหมายต